ทว่ามีรูปเดี่ยวของอิ๋นอิ๋น ในเวลานั้นฟู่สือถิงเป็เพียงเด็กอายุสี่ขวบ ถึงแม้ว่าจิตใจของเขาจะเฉียบแหลมกว่าคนวัยเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาอยากให้น้องสาวถ่ายรูปครอบครัวด้วยกัน แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ฉินอันอันเดาว่าสาเหตุที่อิ๋นอิ๋นไม่อยู่ในทะเบียนบ้านของตระกูลฟู่น่าจะเป็นเพราะพ่อของฟู่สือถิงไม่สามารถยอมรับอิ๋นอิ๋นที่เป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาได้ ไม่เช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถ่ายภาพทั้งครอบครัวแล้วไม่เอาลูกสาวไปด้วย เธอยังคงพลิกดูรูปถ่ายต่อ พอพลิกหน้าใหม่ รูปเดี่ยวของฟู่สือวัยห้าขวบปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เธอดูรูปของฟู่สือถิงตอนห้าขวบ ราวกับกำลังมองเขาในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างดูเหมือนผิดปกติความรู้สึกในใจของเธอรัดแน่นขึ้น นิ้วของเธอที่จับอัลบั้มรูปก็สั่นเล็กน้อยขณะที่เธอมองดูรูปฟู่สือถิงตรงหน้า ดูเหมือนฟู่สือถิงไม่ได้หน้าตาแบบนี้… ทว่ารูปฟู่สือถิงตอนห้าขวบ เห็นได้ชัดว่าเป็นฟู่สือถิง! เธอกลับไปพลิกดูรูปถ่ายเพื่อหารูปถ่ายของเขาตอนสี่ขวบ แต่ว่าไม่มี! เธอจำได้ชัดเจนว่าเธอเพิ่งเห็นรูปเดี่ยวของเขา…ไม่มีได้ยังไง? เธอพลิกไปข้างหน้า… รูปเดี่ยวของเขาตอนสามขวบก็ไม่มี
ทางเดินของโรงพยาบาลเงียบสงบ ฉินอันอันออกมาห้องผู้ป่วยวิกฤตของแผนกทารกแรกเกิด นางพยาบาลจำเธอได้และเดินไปหาเธอทันทีและเอ่ยว่า “คุณฉิน วันนี้จื่อชิวสบายดีมากค่ะ! หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านได้อย่างสบายใจและรอจนจื่อชิวออกจากโรงพยาบาลได้เลยค่ะ” ฉินอันอันพยักหน้า ในเมื่อจื่อชิวไม่เป็นอะไรแล้ว เธออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เธอรู้สึกเวียนหัว เธอรู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแย่ เธอสามารถปลอบใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่สนใจกับทัศนคติของฟู่สือถิง เธอสามารถแสร้งทำเป็นใจเย็นและยังเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอย่างดีได้ แต่ทำไมในใจของเธอถึงเจ็บปวดขนาดนี้? เหมือนกับที่เธอรู้ดีมาตลอดว่า เสี่ยวหานกับรุ่ยลาบอกว่าไม่ต้องการพ่อ แต่ว่าในใจของพวกเขานั้นต้องการพ่อ และเธอเองก็ต้องการเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามีกรงเล็บที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการเข้าใกล้เธอ หรือเธอต้องการเข้าใกล้เขา กรงเล็บที่มองไม่เห็นนี้จะยื่นออกมาแล้วผลักทั้งสองคนออกจากกัน! หรือว่าพวกเขาสองคนถูกกำหนดไว้ว่าไม่ให้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?
ฉินอันอันเองก็อยากกลับไปทำงาน แต่ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัว ถึงแม้เธออยากไปทำงาน ไมค์ไม่ยอมให้เธอไป วันนี้ฝนตกหนักอีกแล้ว ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิต่ำกว่าทุกปี ก่อนที่ไมค์จะไปที่บริษัท เขาเตือนเธอว่าวันนี้ห้ามออกไปข้างนอก “อันอัน ถ้าเธออยู่บ้านแล้วเบื่อ ชวนเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านก็ได้นะ” ไมค์กล่าว ฉินอันอันตอบรับเสียงแผ่วหลังจากที่ไมค์ออกไป ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าตัวเองแทบไม่มีเพื่อนเลย ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลีเสี่ยวเถียนทิ้งบาดแผลทางใจไว้ให้เธอ และเว่ยเจินก็หายตัวไป เธอไม่มีเพื่อนให้โทรหาและชวนมาเที่ยวด้วยเลย ไมค์กลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาซื้อไหมพรมมาหนึ่งม้วน “อันอัน ถ้าเธอเบื่อก็ถักเสื้อสเวตเตอร์สักตัวสิ! เธอจะถักให้ลูกหรือถักให้ฉันก็ได้” ไมค์พิจารณาแล้วว่าถักไหมพรมไม่ได้เหนื่อยมากและช่วยฆ่าเวลาได้ “หรือจะถักให้น้องหมาของจื่ออี้” ฉินอันอันวางหนังสือในมือลงแล้วเงยหน้ามองเขา “ฉันดูเหมือนเบื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไมค์ “เธอเอาแต่อ่านหนังสือ ตาไม่ล้าเหรอ?” “ถ้าฉันเหนื่อยฉันพักได้น่า” เธอหยิบไหมพรมที่เขาซื้อมาออกมาดู “ไหมพรมที่นายซื้อมาพอแค่ถักให้น้องหมาเท่า
นี่คือการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการของเธอกับเจ้าตัวเล็ก เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในตู้อบ ปกติเขาจะหลับ และหลังจากที่อาการป่วยเขาดีขึ้นแล้ว เธอก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขาอีกเลย พอเห็นดวงตาที่สดใสของเขาในตอนนี้ เธอก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “จื่อชิว! หนูน้อย!” ไมค์ยืนข้างเธอแล้วเหยียดนิ้วออกมายิ้มแก้มเล็ก ๆ ของจื่อชิว “ให้คุณลุงกอดหนูหน่อยนะ!” ไมค์รับเด็กจากมือของฉินอันอันอย่างระมัดระวังมาอุ้มเวลานี้เอง โจวจื่ออี้ถือตะกร้าเด็กเข้ามาแล้วให้ไมค์วางเด็กใส่ในตะกร้า “ถ้าคุณอุ้มเด็กตัวเล็กขนาดนี้ไม่เป็นก็อย่าอุ้มเลย” โจวจื่ออี้เตือนเขา “คุณต้องประคองต้นคอของเขาด้วย” “พูดอย่างกับคุณมีประสบการณ์มากมาย เมื่อก่อนตอนที่ผมดูแลเสี่ยวหานและรุ่ยลา คุณไม่เห็นว่าผมเป็นมืออาชีพแค่ไหน!” ไมค์โอ้อวดแล้ววางจื่อชิวลงในตะกร้า ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาถึงสตาร์ริเวอร์วิลล่า จื่อชิวที่กำลังนอนหลับในตะกร้าถูกวางลงบนโซฟา เสี่ยวหานและรุ่ยลาจ้องไปที่น้องชายด้วยดวงตากลมโต ตอนนี้จื่อชิวกำลังหลับอยู่ ดังนั้นเด็กสองคนจึงจ้องเขาอยู่สักพัก ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็วโจวจื่ออี้เอามือถือของเขาม
ฟู่สือถิงมาที่นี่ งานคือเรื่องรอง หลัก ๆ เพราะต้องการหนี เพียงแค่เขาคิดถึงการเสียสละของอิ๋นอิ๋นเพื่อจื่อชิว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนเหมือนถูกฉีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเลือดออกชุ่มโชก! หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เขาคลิกที่ข้อความ ทันใดนั้นรูปถ่ายที่สะดุดตาก็ปรากฏขึ้น เป็นจื่อชิวลืมตาดำขลับสว่างใสแล้วจ้องมองกล้องด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ราวกับกำลังสบตาเขา หลังจากเห็นภาพนี้ การหายใจของเขาก็เริ่มหนักขึ้นทันทีเขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง เหตุผลบอกเขาว่า การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวข้องกับจื่อชิว แต่เขาไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในใจได้ แค่เพียงเขาคิดว่าอิ๋นอิ๋นจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว และไม่มีวันเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างอ่อนหวานอีกต่อไป ความโศกเศร้าก็จะท่วมท้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ และทำลายเหตุผลทั้งหมดของเขาลง ตอนกลางคืน ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ไมค์เชิญเฮ่อจุ่นจือกับเซิ่งเป่ยมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จื่อชิวออกจากโรงพยาบาล ทารกในวัยของจื่อชิวจะนอนหลับค่อนข้างมาก ตอนที่พวกเขาเข้ามา จื่อชิวกำลังนอนหลับ พวกเขาพูดว่าจื่อชิวเหมือนฟู่สือถิง ในใจของฉินอันอันพูดโดยอัตโนมัติว่า จื่อชิวไม่ได้เหมือนฟู
อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม ฟู่สือถิงก็ยังไม่มา ถ้าเขาอยากเจอจื่อชิวจริง ๆ คืนนี้เขาต้องมาแน่นอน “อันอัน คุณกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะค่ะ!” ป้าจางดูเวลาแล้วพูดว่า “จื่อชิวว่าง่ายมากค่ะ ถ้าเขาร้องไห้ตอนกลางคืน ฉันจะชงนมให้เขา” “อืม ลำบากป้าจางแล้วค่ะ ฉันจะมาเปลี่ยนกับป้าจางพรุ่งนี้เช้านะคะ” ฉินอันอันเดินออกจากห้อง เดินไปทางห้องนอนใหญ่ จิตใจของเธอสงบลงมาก เราไม่สามารถรับได้ทุกสิ่ง ตอนนี้เธอมีลูกทั้งสามอยู่เคียงข้างเธอ ขอเพียงลูกทั้งสามคนแข็งแรงและปลอดภัย อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก พอกลับถึงห้อง เธอไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย มีป้าจางช่วยดูแลจื่อชิว เธอไม่ต้องกังวลอะไรเลย ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงงานที่ตัวเองทำช่วงตัวเองตั้งท้องเพราะว่าผู้ป่วยไม่ได้รีบร้อน ดังนั้นหลังจากตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสที่สาม เธอจึงพักเรื่องนี้เอาไว้ เธอหยิบเวชระเบียนของผู้ป่วยออกมาจากลิ้นชักและอ่านตั้งแต่ต้นอาการของผู้ป่วยรายนี้คล้ายกับอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นอย่างมาก ตอนนี้อิ๋นอิ๋นไม่อยู่แล้ว เธอตั้งใจจะรักษาผู้ป่วยคนนี้ให้หายถึงแม้ว
“เขาไม่ได้มาหาฉัน แต่ฉันก็มีเวลาไม่มากแล้ว! ถังเฉียวเซิน ทางคุณมีเบาะแสอะไรบ้างหรือยัง?” หวังหว่านจือกล่าว “ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าคุณไม่ปกป้องฉัน ฉันจะลากคุณลงน้ำไปด้วย” ถังเฉียวเซินกล่าว “หวังหว่านจือ คุณไม่กลัวว่าผมจะฆ่าคุณเลยเหรอ? คุณไปเอาความกล้าจากไหนมาข่มขู่ผม?” “ถังเฉียวเซิน ฉันหวังหว่านจือไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะหน้าแก่ ๆ นี้หรอกนะ!” เสียงของหวังหว่านจือเริ่มเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “ฉันมีวิธีถอนตัวมากมาย แต่ฉันไม่ต้องการซ่อนตัวเหมือนหนู! ฉันอยากร่วมมือกับคุณโค่นฟู่สือถิง! มีเพียงการโค่นฟู่สือถิงลงเท่านั้น ฉันถึงจะจัดการฉินอันอันได้โดยไม่ว่อกแว่ก!” ถังเฉียวเซินเงียบไปสองสามวินาที เขาเองก็ต้องการโค่นฟู่สือถิงเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือไม่แตกคอกับหวังหว่านจือ “เกี่ยวกับกล่องนั่น ผมมีเบาะแสนิดหน่อยแล้ว” ตอนแรกเขาต้องการเจอกล่องใบนั้นก่อนแล้วค่อยพูด แต่ตอนนี้หวังหว่านจือซักไซ้ไล่เลียงเขา เขาทำได้เพียงพูดออกมาล่วงหน้าเท่านั้น “เบาะแสอะไร?” หวังหว่านจือถามอย่างกังวล “หวังหว่านจือ ผมเจอกล่องแล้วจะบอกคุณแน่นอน ถ้าผมบอกรายละเอียดคุณตอนนี้ ผมจะร
ในความคิดของถังเชี่ยน ถึงแม้ฉินจือหานจะยังเป็นเด็ก แต่เขาเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป แต่ลูกสาวของฉินอันอันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่น่ารักไร้เดียงสาทั่วไป ดังนั้นการจับตัวรุ่ยลาก็จะง่ายกว่า ถังเฉียวเซินฟังคำพูดของเธอแล้วก็ตกอยู่ในห้วงความคิดนี่คือการเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยง ถ้าไม่มั่นใจว่ามันจะสมบูรณ์แบบ เขาไม่กล้าลงมือง่าย ๆ วันรุ่งขึ้น เวลาเจ็ดโมงเช้า ฉินอันอันมาที่ห้องของเด็ก ๆ เด็ก ๆ กำลังหลับ แต่ว่าป้าจางตื่นแล้ว “ป้าจางคะ ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ป้าจางไปพักเถอะค่ะ ฉันจะดูแลลูกช่วงกลางวันเอง” ฉินอันอันกล่าว “ได้ค่ะ เขาดื่มนมสามครั้งเมื่อตอนกลางคืน เจริญอาหารดีและแข็งแรงมาก” ป้าจางยิ้มแล้วพูดว่า “เขาค่อนข้างว่าง่ายค่ะ หิวถึงจะร้อง กินอิ่มก็หลับไป” “เสี่ยวหานก็เป็นแบบนี้ตอนที่อายุเท่านี้ค่ะ รุ่ยลางอแงกว่านิดหน่อย” ฉินอันอันตอบกลับโดยไม่ลังเล ป้าจางนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “อันอัน รุ่ยลากับเสี่ยวหานเองก็เป็นลูกของคุณผู้ชายใช่ไหม? ถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ทุกคนก็พูดกันในที่ลับ” ฉินอันอันตอบกลับ “ไม่ใช่ว่าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ก่อน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง