ฉินอันอันเองก็อยากกลับไปทำงาน แต่ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัว ถึงแม้เธออยากไปทำงาน ไมค์ไม่ยอมให้เธอไป วันนี้ฝนตกหนักอีกแล้ว ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิต่ำกว่าทุกปี ก่อนที่ไมค์จะไปที่บริษัท เขาเตือนเธอว่าวันนี้ห้ามออกไปข้างนอก “อันอัน ถ้าเธออยู่บ้านแล้วเบื่อ ชวนเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านก็ได้นะ” ไมค์กล่าว ฉินอันอันตอบรับเสียงแผ่วหลังจากที่ไมค์ออกไป ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าตัวเองแทบไม่มีเพื่อนเลย ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลีเสี่ยวเถียนทิ้งบาดแผลทางใจไว้ให้เธอ และเว่ยเจินก็หายตัวไป เธอไม่มีเพื่อนให้โทรหาและชวนมาเที่ยวด้วยเลย ไมค์กลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาซื้อไหมพรมมาหนึ่งม้วน “อันอัน ถ้าเธอเบื่อก็ถักเสื้อสเวตเตอร์สักตัวสิ! เธอจะถักให้ลูกหรือถักให้ฉันก็ได้” ไมค์พิจารณาแล้วว่าถักไหมพรมไม่ได้เหนื่อยมากและช่วยฆ่าเวลาได้ “หรือจะถักให้น้องหมาของจื่ออี้” ฉินอันอันวางหนังสือในมือลงแล้วเงยหน้ามองเขา “ฉันดูเหมือนเบื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไมค์ “เธอเอาแต่อ่านหนังสือ ตาไม่ล้าเหรอ?” “ถ้าฉันเหนื่อยฉันพักได้น่า” เธอหยิบไหมพรมที่เขาซื้อมาออกมาดู “ไหมพรมที่นายซื้อมาพอแค่ถักให้น้องหมาเท่า
นี่คือการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการของเธอกับเจ้าตัวเล็ก เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในตู้อบ ปกติเขาจะหลับ และหลังจากที่อาการป่วยเขาดีขึ้นแล้ว เธอก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขาอีกเลย พอเห็นดวงตาที่สดใสของเขาในตอนนี้ เธอก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “จื่อชิว! หนูน้อย!” ไมค์ยืนข้างเธอแล้วเหยียดนิ้วออกมายิ้มแก้มเล็ก ๆ ของจื่อชิว “ให้คุณลุงกอดหนูหน่อยนะ!” ไมค์รับเด็กจากมือของฉินอันอันอย่างระมัดระวังมาอุ้มเวลานี้เอง โจวจื่ออี้ถือตะกร้าเด็กเข้ามาแล้วให้ไมค์วางเด็กใส่ในตะกร้า “ถ้าคุณอุ้มเด็กตัวเล็กขนาดนี้ไม่เป็นก็อย่าอุ้มเลย” โจวจื่ออี้เตือนเขา “คุณต้องประคองต้นคอของเขาด้วย” “พูดอย่างกับคุณมีประสบการณ์มากมาย เมื่อก่อนตอนที่ผมดูแลเสี่ยวหานและรุ่ยลา คุณไม่เห็นว่าผมเป็นมืออาชีพแค่ไหน!” ไมค์โอ้อวดแล้ววางจื่อชิวลงในตะกร้า ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาถึงสตาร์ริเวอร์วิลล่า จื่อชิวที่กำลังนอนหลับในตะกร้าถูกวางลงบนโซฟา เสี่ยวหานและรุ่ยลาจ้องไปที่น้องชายด้วยดวงตากลมโต ตอนนี้จื่อชิวกำลังหลับอยู่ ดังนั้นเด็กสองคนจึงจ้องเขาอยู่สักพัก ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็วโจวจื่ออี้เอามือถือของเขาม
ฟู่สือถิงมาที่นี่ งานคือเรื่องรอง หลัก ๆ เพราะต้องการหนี เพียงแค่เขาคิดถึงการเสียสละของอิ๋นอิ๋นเพื่อจื่อชิว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนเหมือนถูกฉีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเลือดออกชุ่มโชก! หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เขาคลิกที่ข้อความ ทันใดนั้นรูปถ่ายที่สะดุดตาก็ปรากฏขึ้น เป็นจื่อชิวลืมตาดำขลับสว่างใสแล้วจ้องมองกล้องด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ราวกับกำลังสบตาเขา หลังจากเห็นภาพนี้ การหายใจของเขาก็เริ่มหนักขึ้นทันทีเขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง เหตุผลบอกเขาว่า การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวข้องกับจื่อชิว แต่เขาไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในใจได้ แค่เพียงเขาคิดว่าอิ๋นอิ๋นจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว และไม่มีวันเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างอ่อนหวานอีกต่อไป ความโศกเศร้าก็จะท่วมท้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ และทำลายเหตุผลทั้งหมดของเขาลง ตอนกลางคืน ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ไมค์เชิญเฮ่อจุ่นจือกับเซิ่งเป่ยมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จื่อชิวออกจากโรงพยาบาล ทารกในวัยของจื่อชิวจะนอนหลับค่อนข้างมาก ตอนที่พวกเขาเข้ามา จื่อชิวกำลังนอนหลับ พวกเขาพูดว่าจื่อชิวเหมือนฟู่สือถิง ในใจของฉินอันอันพูดโดยอัตโนมัติว่า จื่อชิวไม่ได้เหมือนฟู
อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม ฟู่สือถิงก็ยังไม่มา ถ้าเขาอยากเจอจื่อชิวจริง ๆ คืนนี้เขาต้องมาแน่นอน “อันอัน คุณกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะค่ะ!” ป้าจางดูเวลาแล้วพูดว่า “จื่อชิวว่าง่ายมากค่ะ ถ้าเขาร้องไห้ตอนกลางคืน ฉันจะชงนมให้เขา” “อืม ลำบากป้าจางแล้วค่ะ ฉันจะมาเปลี่ยนกับป้าจางพรุ่งนี้เช้านะคะ” ฉินอันอันเดินออกจากห้อง เดินไปทางห้องนอนใหญ่ จิตใจของเธอสงบลงมาก เราไม่สามารถรับได้ทุกสิ่ง ตอนนี้เธอมีลูกทั้งสามอยู่เคียงข้างเธอ ขอเพียงลูกทั้งสามคนแข็งแรงและปลอดภัย อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก พอกลับถึงห้อง เธอไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย มีป้าจางช่วยดูแลจื่อชิว เธอไม่ต้องกังวลอะไรเลย ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงงานที่ตัวเองทำช่วงตัวเองตั้งท้องเพราะว่าผู้ป่วยไม่ได้รีบร้อน ดังนั้นหลังจากตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสที่สาม เธอจึงพักเรื่องนี้เอาไว้ เธอหยิบเวชระเบียนของผู้ป่วยออกมาจากลิ้นชักและอ่านตั้งแต่ต้นอาการของผู้ป่วยรายนี้คล้ายกับอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นอย่างมาก ตอนนี้อิ๋นอิ๋นไม่อยู่แล้ว เธอตั้งใจจะรักษาผู้ป่วยคนนี้ให้หายถึงแม้ว
“เขาไม่ได้มาหาฉัน แต่ฉันก็มีเวลาไม่มากแล้ว! ถังเฉียวเซิน ทางคุณมีเบาะแสอะไรบ้างหรือยัง?” หวังหว่านจือกล่าว “ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าคุณไม่ปกป้องฉัน ฉันจะลากคุณลงน้ำไปด้วย” ถังเฉียวเซินกล่าว “หวังหว่านจือ คุณไม่กลัวว่าผมจะฆ่าคุณเลยเหรอ? คุณไปเอาความกล้าจากไหนมาข่มขู่ผม?” “ถังเฉียวเซิน ฉันหวังหว่านจือไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะหน้าแก่ ๆ นี้หรอกนะ!” เสียงของหวังหว่านจือเริ่มเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “ฉันมีวิธีถอนตัวมากมาย แต่ฉันไม่ต้องการซ่อนตัวเหมือนหนู! ฉันอยากร่วมมือกับคุณโค่นฟู่สือถิง! มีเพียงการโค่นฟู่สือถิงลงเท่านั้น ฉันถึงจะจัดการฉินอันอันได้โดยไม่ว่อกแว่ก!” ถังเฉียวเซินเงียบไปสองสามวินาที เขาเองก็ต้องการโค่นฟู่สือถิงเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือไม่แตกคอกับหวังหว่านจือ “เกี่ยวกับกล่องนั่น ผมมีเบาะแสนิดหน่อยแล้ว” ตอนแรกเขาต้องการเจอกล่องใบนั้นก่อนแล้วค่อยพูด แต่ตอนนี้หวังหว่านจือซักไซ้ไล่เลียงเขา เขาทำได้เพียงพูดออกมาล่วงหน้าเท่านั้น “เบาะแสอะไร?” หวังหว่านจือถามอย่างกังวล “หวังหว่านจือ ผมเจอกล่องแล้วจะบอกคุณแน่นอน ถ้าผมบอกรายละเอียดคุณตอนนี้ ผมจะร
ในความคิดของถังเชี่ยน ถึงแม้ฉินจือหานจะยังเป็นเด็ก แต่เขาเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป แต่ลูกสาวของฉินอันอันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่น่ารักไร้เดียงสาทั่วไป ดังนั้นการจับตัวรุ่ยลาก็จะง่ายกว่า ถังเฉียวเซินฟังคำพูดของเธอแล้วก็ตกอยู่ในห้วงความคิดนี่คือการเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยง ถ้าไม่มั่นใจว่ามันจะสมบูรณ์แบบ เขาไม่กล้าลงมือง่าย ๆ วันรุ่งขึ้น เวลาเจ็ดโมงเช้า ฉินอันอันมาที่ห้องของเด็ก ๆ เด็ก ๆ กำลังหลับ แต่ว่าป้าจางตื่นแล้ว “ป้าจางคะ ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ป้าจางไปพักเถอะค่ะ ฉันจะดูแลลูกช่วงกลางวันเอง” ฉินอันอันกล่าว “ได้ค่ะ เขาดื่มนมสามครั้งเมื่อตอนกลางคืน เจริญอาหารดีและแข็งแรงมาก” ป้าจางยิ้มแล้วพูดว่า “เขาค่อนข้างว่าง่ายค่ะ หิวถึงจะร้อง กินอิ่มก็หลับไป” “เสี่ยวหานก็เป็นแบบนี้ตอนที่อายุเท่านี้ค่ะ รุ่ยลางอแงกว่านิดหน่อย” ฉินอันอันตอบกลับโดยไม่ลังเล ป้าจางนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “อันอัน รุ่ยลากับเสี่ยวหานเองก็เป็นลูกของคุณผู้ชายใช่ไหม? ถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ทุกคนก็พูดกันในที่ลับ” ฉินอันอันตอบกลับ “ไม่ใช่ว่าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ก่อน
ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ดึงความคิดของเธอกลับคืนมา จื่อชิวอาจถูกรบกวนจากเสียงดังภายนอก ดังนั้นจึงร้องไห้ขึ้นมา ฉินอันอันรีบอุ้มเขาขึ้นมาจากเปล เมื่อเด็กน้อยถูกอุ้มขึ้นมาก็หยุดร้องไห้ทันที “จื่อชิว พี่ชายและพี่สาวของเรากำลังเล่นหิมะอยู่ข้างนอก ไว้หนูโตขึ้นอีกหน่อย ให้พวกเขาพาหนูไปเล่นหิมะด้วยกันดีไหม?” เธออุ้มลูกชายของเธอยืนอยู่ข้างหน้าต่างและมองทิวทัศน์ภายนอกตอนนี้ยังอุ้มจื่อชิวในท่าตั้งตรงไม่ได้ ดังนั้นดวงตากลมโตที่สดใสของเขาจึงจ้องมองใบหน้าของฉินอันอันอย่างตั้งใจ “ที่รัก หนูหิวหรือเปล่า? ดูเหมือนจะผ่านมาสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่ดื่มนมครั้งสุดท้าย… แม่จะไปชงนมให้หนูนะ” ฉินอันอันอุ้มเขาไปวางไว้ในเปล พี่เลี้ยงเด็กต้องการช่วย แต่พบว่าฉินอันอันชำนาญทุกเรื่องเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกล่อมเด็กหรือชงนม จนคนนอกก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมได้เลย“คุณฉิน คุณเก่งจริง ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้ดีทุกอย่าง” พี่เลี้ยงกล่าวชม ฉินอันอันยอมรับคำชมและถามว่า “คุณมีแผนจะกลับบ้านช่วงปีใหม่เมื่อไหร่? คุณบอกฉันล่วงหน้าก็พอนะคะ” พี่เลี้ยงพูดว่า “ฉันจะหยุดวันที่ยี่สิบเก้าค่ะ! จื่อชิวยังเล็กขนาดนี้ ฉันกลัวว
ในใจของเธอจริง ๆ แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เหตุผลบอกเธอว่าถ้าเขาไม่เปิดใจด้วยตัวเอง ถึงแม้เธอจะอุ้มลูกมา ใช้ลูกบังคับเขาก็อาจจะไม่เกิดผลอะไร หลังจากเข้าไปในห้องเล่นแล้ว เธอรู้สึกเสียใจ แต่ป้าหงมีความสุขมาก เมื่อเห็นจื่อชิว เธอดึงจื่อชิวออกจากอ้อมแขนของฉินอันอัน อุ้มเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำจื่อชิวกลับคืนอ้อมแขนฉินอันอัน “อันอัน คุณผู้ชายอยู่ชั้นบน คืนนี้เขากินแค่โจ๊กถ้วยเดียวแล้วจะอิ่มได้ยังไง? แต่เขาไม่ยอมกินเพิ่มอีกแม้แต่คำเดียว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังพักผ่อนอยู่หรืออยู่ที่ห้องหนังสือ” ป้าหงพูดขณะที่เดินนำทางเธอ “คุณอุ้มเด็กอยู่ เดินระวังหน่อยนะคะ” ฉินอันอันลังเล “ป้าหงคะ ฉันไม่รบกวนเขาดีกว่าไหม ฉันกลัวว่าเขาเห็นจื่อชิวแล้วจะทำให้เขามีภาระทางใจมากขึ้นไปอีก” คำพูดของเธอทำให้ป้าหงหยุดชะงักไปชั่วขณะ“แต่ถ้าเขาแก้ปมในใจได้หลังจากเห็นจื่อชิวล่ะคะ?” ป้าหงกล่าว “เขาคือพ่อแท้ ๆ ของจื่อชิว ถึงยังไงเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับจื่อชิว ถ้าเขาแก้ปมไม่ได้ เขาต้องปฏิเสธเด็กคนนี้ไปตลอดชีวิตเหรอคะ?” เหตุผลที่ป้าหงขอให้ฉินอันอันอุ้มจื่อชิวมาให้ฟู่สือถิงดู เพราะป้าหงเจ็บปวดใจที่ตอนนี้ฟู่สือถิง
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง