ฟู่สือถิงคิดได้อย่างถ่องแท้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เขาต้องการล้างแค้นให้แม่ ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือพี่ชาย เขาก็จะฆ่าพี่ชาย ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือฟู่เย่เฉิน เขาก็จะฆ่าฟู่เย่เฉิน ไม่ว่าใครจะร้องขอความเมตตาก็ไม่มีประโยชน์ เขากำปืนแน่นขึ้น เล็งมันไปทางฟู่เย่เฉิน เขานับในใจ หนึ่ง สอง สาม…เขานับถึงสามแล้วเหนี่ยวไกปืน! ‘ปัง’ เสียงปืนดังลั่น! กระสุนถูกยิงไปในทิศทางของฟู่เย่เฉิน! ฟู่เย่เฉินหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความกลัวจนลืมกรีดร้อง เขาเห็นเพียงแค่เงาดำ “ฟึ่บ” แวบผ่านหน้าเขาไป แล้วก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากลำคอเขามองเห็นแม่ของเขาล้มลงในอ้อมแขนเขา! เขาเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของแม่! เขาตระหนักได้ว่า แม่เอาตัวเองบังกระสุนแทนเขา!“แม่! แม่!” ฟู่เย่เฉินกอดแม่แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ชั้นล่าง ฟู่ฮั่นที่มองเห็นภาพนี้ รีบวิ่งตะบึงขึ้นไปยังชั้นบนทันที “อาเจิน! อาเจิน! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะอาเจิน! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” ฟู่ฮั่นวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วนำภรรยาออกมาจากอ้อมแขนของลูกชาย ฟูฮั่นอุ้มภรรยาลงมาชั้นล่าง ฟู่เย่เฉินตามมาข้างหลัง ตอนที่พวกเขาเดิ
เขาโทรหาเธอทำไม? เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งแล้วรับสาย “ฉินอันอัน แม่ผมตายแล้ว” เสียงของฟู่เย่เฉินที่กำลังร้องไห้ดังลอดมาจากปลายสายฉินอันอันอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกกะทันหันเล็กน้อย “แม่คุณตายแล้วงั้นหรือ? ตายได้ยังไง?” “ถูกฟู่สือถิงยิงตาย” ฟู่เย่เฉินพูดพร้อมสะอึกสะอื้น “ตอนแรกเขาต้องการยิงผมให้ตาย แต่แม่ของผมมาบังกระสุนให้ผม ฉินอันอัน ตอนนี้ผมเจ็บปวดมาก ผมไม่รู้จะพูดกับใครดี…” ฉินอันอันผุดลุกขึ้นนั่ง ทำไมฟู่สือถิงถึงทำแบบนี้? เพราะว่าอิ๋นอิ๋นให้เลือดจื่อชิวถึงได้เกิดเรื่องขึ้น ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับฟู่เย่เฉิน! เขาฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!“ฟู่เย่เฉิน คุณอาของคุณทำแบบนี้ เพราะว่าคุณทำเรื่องน่ารังเกียจใช่ไหม?” ฉินอันอันถาม “คุณทำอะไรลงไปกันแน่?!” เดิมฟู่เย่เฉินคิดว่าจะมาร้องทุกข์กับฉินอันอัน คิดไม่ถึงว่าอารมณ์ของฉินอันอันจะดุเดือดกว่าเขา “ผมทำเรื่องน่ารังเกียจจริง ๆ คุณอาต้องการฆ่าผม ผมไม่ควรโกรธเขา แต่ว่าแม่ผมบริสุทธิ์!” ฟู่เย่เฉินหายใจเข้าแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า “คุณย่าของผมถูกผมกับเสิ่นอวี๋ฆ่าตาย… ผมมันโง่เอง! ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมเกาะเสิ่นอวี๋เอาไ
ป้าจางส่ายหน้า “ตอนเขาออกไปตอนเช้า สีหน้าของเขาแย่มากค่ะ ดิฉันไม่กล้าถาม หรือไม่คุณลองโทรถามเขาดูไหมคะ?” ฉินอันอันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของเขา โทรติดแต่เขาไม่รับ “อันอัน คุณเข้ามาด้านในก่อนเถอะค่ะ! ข้างนอกหนาวเกินไป” ป้าจางพยุงเธอเข้ามา “คุณฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้างคะ?” “ฉันสบายดีค่ะ” เธอตอบเลี่ยง ๆ ที่จริงเธอยังเจ็บแผลบนหน้าท้องของเธอมาก เพียงแต่สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เธอมันจะลืมความเจ็บปวดบนตัวเธอไป“ดิฉันเองก็เป็นผู้หญิง แล้วก็เคยคลอดลูก ตอนนี้คุณยังไม่พ้นเดือนแล้วยังเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลทุกวัน มันมีผลต่อการพักฟื้นของคุณแน่นอนค่ะ” ป้าจางถอนใจ “รอจนอาการป่วยของจื่อชิวคงที่แล้ว คุณจะได้พักผ่อนที่อยู่บ้านอย่างสบายใจ ส่วนคุณผู้ชาย เขาจะผ่านมันไปได้ด้วยตัวของเขาเองค่ะ” “ค่ะ ฉันอยากมาดูเขาหน่อย” ไม่เห็นหน้า ก็ไม่วางใจ“เขาน่าจะกลับมาตอนเย็นค่ะ” ป้าจางรินน้ำอุ่นให้เธอ “เมื่อคืนเขาอยู่ในห้องอิ๋นอิ๋นทั้งคืน เดาว่าคงไม่หลับเลย” “ฉันไปดูห้องอิ๋นอิ่นได้หรือเปล่าคะ?” ฉินอันอันรับแก้วน้ำมาแล้วดื่ม “ได้สิคะ แต่คุณอย่าแตะต้อง
ทว่ามีรูปเดี่ยวของอิ๋นอิ๋น ในเวลานั้นฟู่สือถิงเป็เพียงเด็กอายุสี่ขวบ ถึงแม้ว่าจิตใจของเขาจะเฉียบแหลมกว่าคนวัยเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาอยากให้น้องสาวถ่ายรูปครอบครัวด้วยกัน แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ฉินอันอันเดาว่าสาเหตุที่อิ๋นอิ๋นไม่อยู่ในทะเบียนบ้านของตระกูลฟู่น่าจะเป็นเพราะพ่อของฟู่สือถิงไม่สามารถยอมรับอิ๋นอิ๋นที่เป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาได้ ไม่เช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถ่ายภาพทั้งครอบครัวแล้วไม่เอาลูกสาวไปด้วย เธอยังคงพลิกดูรูปถ่ายต่อ พอพลิกหน้าใหม่ รูปเดี่ยวของฟู่สือวัยห้าขวบปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เธอดูรูปของฟู่สือถิงตอนห้าขวบ ราวกับกำลังมองเขาในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างดูเหมือนผิดปกติความรู้สึกในใจของเธอรัดแน่นขึ้น นิ้วของเธอที่จับอัลบั้มรูปก็สั่นเล็กน้อยขณะที่เธอมองดูรูปฟู่สือถิงตรงหน้า ดูเหมือนฟู่สือถิงไม่ได้หน้าตาแบบนี้… ทว่ารูปฟู่สือถิงตอนห้าขวบ เห็นได้ชัดว่าเป็นฟู่สือถิง! เธอกลับไปพลิกดูรูปถ่ายเพื่อหารูปถ่ายของเขาตอนสี่ขวบ แต่ว่าไม่มี! เธอจำได้ชัดเจนว่าเธอเพิ่งเห็นรูปเดี่ยวของเขา…ไม่มีได้ยังไง? เธอพลิกไปข้างหน้า… รูปเดี่ยวของเขาตอนสามขวบก็ไม่มี
ทางเดินของโรงพยาบาลเงียบสงบ ฉินอันอันออกมาห้องผู้ป่วยวิกฤตของแผนกทารกแรกเกิด นางพยาบาลจำเธอได้และเดินไปหาเธอทันทีและเอ่ยว่า “คุณฉิน วันนี้จื่อชิวสบายดีมากค่ะ! หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านได้อย่างสบายใจและรอจนจื่อชิวออกจากโรงพยาบาลได้เลยค่ะ” ฉินอันอันพยักหน้า ในเมื่อจื่อชิวไม่เป็นอะไรแล้ว เธออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เธอรู้สึกเวียนหัว เธอรู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแย่ เธอสามารถปลอบใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่สนใจกับทัศนคติของฟู่สือถิง เธอสามารถแสร้งทำเป็นใจเย็นและยังเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอย่างดีได้ แต่ทำไมในใจของเธอถึงเจ็บปวดขนาดนี้? เหมือนกับที่เธอรู้ดีมาตลอดว่า เสี่ยวหานกับรุ่ยลาบอกว่าไม่ต้องการพ่อ แต่ว่าในใจของพวกเขานั้นต้องการพ่อ และเธอเองก็ต้องการเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามีกรงเล็บที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการเข้าใกล้เธอ หรือเธอต้องการเข้าใกล้เขา กรงเล็บที่มองไม่เห็นนี้จะยื่นออกมาแล้วผลักทั้งสองคนออกจากกัน! หรือว่าพวกเขาสองคนถูกกำหนดไว้ว่าไม่ให้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?
ฉินอันอันเองก็อยากกลับไปทำงาน แต่ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัว ถึงแม้เธออยากไปทำงาน ไมค์ไม่ยอมให้เธอไป วันนี้ฝนตกหนักอีกแล้ว ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิต่ำกว่าทุกปี ก่อนที่ไมค์จะไปที่บริษัท เขาเตือนเธอว่าวันนี้ห้ามออกไปข้างนอก “อันอัน ถ้าเธออยู่บ้านแล้วเบื่อ ชวนเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านก็ได้นะ” ไมค์กล่าว ฉินอันอันตอบรับเสียงแผ่วหลังจากที่ไมค์ออกไป ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าตัวเองแทบไม่มีเพื่อนเลย ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลีเสี่ยวเถียนทิ้งบาดแผลทางใจไว้ให้เธอ และเว่ยเจินก็หายตัวไป เธอไม่มีเพื่อนให้โทรหาและชวนมาเที่ยวด้วยเลย ไมค์กลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาซื้อไหมพรมมาหนึ่งม้วน “อันอัน ถ้าเธอเบื่อก็ถักเสื้อสเวตเตอร์สักตัวสิ! เธอจะถักให้ลูกหรือถักให้ฉันก็ได้” ไมค์พิจารณาแล้วว่าถักไหมพรมไม่ได้เหนื่อยมากและช่วยฆ่าเวลาได้ “หรือจะถักให้น้องหมาของจื่ออี้” ฉินอันอันวางหนังสือในมือลงแล้วเงยหน้ามองเขา “ฉันดูเหมือนเบื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไมค์ “เธอเอาแต่อ่านหนังสือ ตาไม่ล้าเหรอ?” “ถ้าฉันเหนื่อยฉันพักได้น่า” เธอหยิบไหมพรมที่เขาซื้อมาออกมาดู “ไหมพรมที่นายซื้อมาพอแค่ถักให้น้องหมาเท่า
นี่คือการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการของเธอกับเจ้าตัวเล็ก เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในตู้อบ ปกติเขาจะหลับ และหลังจากที่อาการป่วยเขาดีขึ้นแล้ว เธอก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขาอีกเลย พอเห็นดวงตาที่สดใสของเขาในตอนนี้ เธอก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “จื่อชิว! หนูน้อย!” ไมค์ยืนข้างเธอแล้วเหยียดนิ้วออกมายิ้มแก้มเล็ก ๆ ของจื่อชิว “ให้คุณลุงกอดหนูหน่อยนะ!” ไมค์รับเด็กจากมือของฉินอันอันอย่างระมัดระวังมาอุ้มเวลานี้เอง โจวจื่ออี้ถือตะกร้าเด็กเข้ามาแล้วให้ไมค์วางเด็กใส่ในตะกร้า “ถ้าคุณอุ้มเด็กตัวเล็กขนาดนี้ไม่เป็นก็อย่าอุ้มเลย” โจวจื่ออี้เตือนเขา “คุณต้องประคองต้นคอของเขาด้วย” “พูดอย่างกับคุณมีประสบการณ์มากมาย เมื่อก่อนตอนที่ผมดูแลเสี่ยวหานและรุ่ยลา คุณไม่เห็นว่าผมเป็นมืออาชีพแค่ไหน!” ไมค์โอ้อวดแล้ววางจื่อชิวลงในตะกร้า ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาถึงสตาร์ริเวอร์วิลล่า จื่อชิวที่กำลังนอนหลับในตะกร้าถูกวางลงบนโซฟา เสี่ยวหานและรุ่ยลาจ้องไปที่น้องชายด้วยดวงตากลมโต ตอนนี้จื่อชิวกำลังหลับอยู่ ดังนั้นเด็กสองคนจึงจ้องเขาอยู่สักพัก ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็วโจวจื่ออี้เอามือถือของเขาม
ฟู่สือถิงมาที่นี่ งานคือเรื่องรอง หลัก ๆ เพราะต้องการหนี เพียงแค่เขาคิดถึงการเสียสละของอิ๋นอิ๋นเพื่อจื่อชิว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนเหมือนถูกฉีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเลือดออกชุ่มโชก! หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เขาคลิกที่ข้อความ ทันใดนั้นรูปถ่ายที่สะดุดตาก็ปรากฏขึ้น เป็นจื่อชิวลืมตาดำขลับสว่างใสแล้วจ้องมองกล้องด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ราวกับกำลังสบตาเขา หลังจากเห็นภาพนี้ การหายใจของเขาก็เริ่มหนักขึ้นทันทีเขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง เหตุผลบอกเขาว่า การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวข้องกับจื่อชิว แต่เขาไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในใจได้ แค่เพียงเขาคิดว่าอิ๋นอิ๋นจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว และไม่มีวันเรียกเขาว่าพี่ชายอย่างอ่อนหวานอีกต่อไป ความโศกเศร้าก็จะท่วมท้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ และทำลายเหตุผลทั้งหมดของเขาลง ตอนกลางคืน ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ไมค์เชิญเฮ่อจุ่นจือกับเซิ่งเป่ยมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จื่อชิวออกจากโรงพยาบาล ทารกในวัยของจื่อชิวจะนอนหลับค่อนข้างมาก ตอนที่พวกเขาเข้ามา จื่อชิวกำลังนอนหลับ พวกเขาพูดว่าจื่อชิวเหมือนฟู่สือถิง ในใจของฉินอันอันพูดโดยอัตโนมัติว่า จื่อชิวไม่ได้เหมือนฟู