เพราะพฤติกรรมครั้งนี้ของเขาแตกต่างไปจากพฤติกรรมปกติของเขาโดยสิ้นเชิง! ตอนที่เธอออกมาจากบ้านของเว่ยเจิน หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ รถของเธอถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวหนาเป็นชั้นเธอชอบหิมะมาก ถ้าตอนนี้ในใจของเธอไม่รู้สึกกลัดกลุ้ม บางทีเธออาจเดินเล่นช้า ๆ อย่างสบาย ๆ บนหิมะ หรือปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นอย่างมีความสุขเหมือนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้เกล็ดหิมะที่ตกลงบนแก้มของเธอ เธอรู้สึกได้เพียงความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกจนถึงกระดูก เธอเปิดประตูรถแล้วขับรถไปโรงพยาบาล ฟู่สือถิงไม่อยู่ที่แผนกทารกแรกเกิด เธอเดาไม่ออกว่าเขาไปที่ไหน แต่เธอเดาออกว่าตอนนี้เขาต้องเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้ด้วยซ้ำ! ความเจ็บปวดที่สามารถระบายออกได้ มักแก้ไขได้มากกว่า ในทางกลับกันความเจ็บปวดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้จะยิ่งฝังรากลึกอยู่ในใจ รถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่ด้านนอกประตูโรงเรียนนานาชาติแองเจลารถจอดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ที่ปัดน้ำฝนปัดเกล็ดหิมะที่ตกลงบนหน้ากระจกรถเป็นจังหวะ ฟู่ซือถิงกำลังนั่งอยู่ในรถ ดวงตาลึกล้ำของเขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า นี่คือสถานที่ที่อิ๋นอิ๋นอยู่มาสิบกว่าปี เธออยู่ที่น
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงบนหน้าจอ เขาใช้นิ้วเช็ดหน้าจอแล้ววิดีโอก็จบลง เขาเล่นวิดีโออีกครั้ง หลังจากดูจบ ก็ยิ่งปวดหัวใจ! เขากดหมายเลขโทรศัพท์ของเธอทันที ทว่าที่ดังมามีแต่เสียงปิดเครื่องอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเลือกทำเรื่องสำคัญในชีวิตโดยปิดบังเขา เขาไม่อาจให้อภัยเธอ และยิ่งไม่ให้อภัยตัวเอง!เขาควรคาดเดาได้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่มานานแล้ว เขาไม่สังเกตเห็นเลยได้ยังไง? เขาควรสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เว่ยเจินนำเลือดร้อยห้าสิบมิลลิลิตรมาให้แล้วสิ! บนโลกใบนี้มีคนใจดีที่ไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนก็จริง แต่ไม่น่าจะเจออย่างบังเอิญเช่นนั้น ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ของฉินอันอันมีเสียงดังขึ้น เธอเปิดโทรศัพท์ มองเห็นข้อความที่เว่ยเจินส่งมา - ฉันขอโทษคำสั้น ๆ สามคำ ทำให้ฉินอันอันตะลึงอยู่กับที่ เว่ยเจินบอกเธอว่าขอโทษ! ดังนั้น เลือดที่ส่งมาจากคนใจดีสองครั้งนั่นก็เป็นของอิ๋นอิ๋นจริง ๆ! เขาเป็นคนเจาะเลือดอิ๋นอิ๋น! และมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอิ๋นอิ๋นเพราะเรื่องนี้ด้วย! ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพูดสามคำที่ว่า “ฉันขอโทษ” ชั่วขณะนั้น โลกทั้งโลกแปรปรวน ราวกับเรี่ยวแรงในตัวเธอแห้งเ
“จื่อชิวพ้นขีดอันตรายแล้ว” ไมค์พูดอย่างตื่นเต้นที่ปลายสายอีกด้านว่า “เยี่ยมเลย! ไว้กลับไปจัดปาร์ตี้ฉลองกัน!” “ฉลองอะไร?” เสียงของโจวจื่ออี้เย็นชาจนถึงกระดูก “อิ๋นอิ๋นตายแล้ว ชีวิตของจื่อชิวคือชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตของอิ๋นอิ๋น”ไมค์คิดว่าตัวเองฟังผิดไป“ไมค์ คุณรีบกลับมาเถอะ! ผมเป็นห่วงฉินอันอัน แต่ผมต้องไปหาเจ้านายแล้ว” โจวจื่ออี้พูดด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ “เรื่องนี้มันทำร้ายเจ้านายผมเกินไป!” ......คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงขังตัวเองอยู่ในห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อสักครู่ มีคนส่งพัสดุมา ด้านในกล่องพัสดุนั้นคือโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น ในโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น มีภาพถ่ายเซลฟี่และวิดีโอของอิ๋นอิ๋นมากมาย เขาพลิกดูรูปถ่ายทีละภาพ เปิดดูวิดีโอทีละวิดีโอ น้ำเสียง รอยยิ้มและใบหน้าของเธอเหมือนกับอยู่ตรงหน้าเขา แต่ตัวเธอกลับไม่อยู่ตรงหน้าเขาอีกตลอดกาล ตลอดหลายปีมานี้ที่เขาปกป้องเธอ เธอก็เป็นเสาหลักทางใจของเขาเช่นกัน เพราะเขาต้องมีชีวิตที่ดีเท่านั้น ถึงจะปกป้องไม่ให้เธอถูกรังแกได้ แต่ตอนนี้เธอกลับจากเขาไปแล้ว และจากเขาไปด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนี้ ป้าจางรีบเข้ามาหลังจากได้ยินข่
เธอไม่กล้าบอกเขาถึงเหตุการณ์น่ายินดีนี้ และไม่อาจพูดออกไปได้เรื่องน่ายินดีนี้เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดที่สูญเสียอิ๋นอิ๋นถ้าหากก่อนหน้านี้เขามีความรักของพ่ออันแรงกล้าต่อจื่อชิว เช่นนั้นแล้วตอนนี้น่ากลัวว่าความรักของพ่ออันแรงกล้าคงเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่กล้าขอให้เขารักเด็กคนนี้ต่อ ขอเพียงเขาอย่าเกลียดเด็กคนนี้ก็พอแล้ว เธอเดินลากเท้าอย่างเหนื่อยล้าจนถึงบ้าน คิดไม่ถึงว่าไมค์จะกลับมาแล้ว “จื่อชิวไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ไมค์เดินมาหาแล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระซิบว่า “เรื่องอิ๋นอิ๋น จื่ออี้บอกฉันแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่มีทางย้อนคืนได้แล้ว” ฉินอันอันเห็นเสี่ยวหานและรุ่ยลายืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดังนั้นเธอจึงรักษาสีหน้าสงบเอาไว้ “ช่วงนี้จื่อชิวไม่เป็นไรแล้ว คุณหมอเลยให้ฉันกลับมาพัก” น้ำเสียงของเธอสงบ ไม่มีอะไรผิดปกติ ไมค์ปล่อยเธอ เธอเดินมาหาลูกทั้งสองคนแล้วเอ่ยถาม “พวกลูกกินข้าวเช้ารึยัง? จะไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม?” รุ่ยลา “แม่คะ วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์! วันนี้คุณลุงซือเหนียนจะมาที่บ้านเราค่ะ!” “เขาบอกลูกเหรอ?” ฉินอันอันไม่รู้เรื่องนี้เลย “เขาบอกพี่ชายทา
ฟู่ฮั่นเดินไปต้อนรับเขาที่ลานหน้าบ้าน รถจอดตรงหน้าฟู่ฮั่น ประตูรถเปิดออกและคนแรกที่ลงจากรถมาก่อนคือบอดี้การ์ดของฟู่สือถิง หลังจากที่บอดี้การ์ดลงจากรถ เขามองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา หนังศีรษะของฟู่ฮั่นชาหนึบเมื่อบอดี้การ์ดมองเขา เกิดอะไรขึ้น? เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฟู่สือถิง บอดี้การ์ดกล้าดียังไงมองเขาด้วยสายตาท้าทายแบบนี้! บ่อยครั้งที่ทัศนคติของคนรับใช้ก็แสดงถึงทัศนคติของเจ้านายที่มีต่อคนคนนั้น ฟู่ฮั่นคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวกับเขาเลย! ขณะที่ฟู่ฮั่นสับสน ฟู่สือถิงก้าวขายาว ๆ ลงจากรถ หลังจากเขาลงจากรถแล้ว ก็เหลือบมองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปในวิลล่า ฟู่ฮั่นงุนงงแล้วไล่ตามเขาไป “สือถิง เมื่อคืนนี้ฉันได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอิ๋นอิ๋น ตอนแรกคิดว่าจะติดต่อแก แต่เพราะว่ามันดึกมากแล้ว เลยไม่รบกวนแก ถ้าหากแกไม่มาที่นี่ ฉันก็คิดจะไปหารือกับแกเรื่องนี้เหมือนกัน” เสียงของฟู่สือถิงเย็นเยียบเข้ากระดูก “หารือเรื่องอะไร?” “เรื่องงานศพของอิ๋นอิ๋นไง” “ใครบอกว่าเธอตายแล้ว?” เขากำหมัดแน่น ดวงตามีกระแสแห่งความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ฟู่ฮั่นรู้สึกได้
ฟู่สือถิงคิดได้อย่างถ่องแท้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เขาต้องการล้างแค้นให้แม่ ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือพี่ชาย เขาก็จะฆ่าพี่ชาย ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือฟู่เย่เฉิน เขาก็จะฆ่าฟู่เย่เฉิน ไม่ว่าใครจะร้องขอความเมตตาก็ไม่มีประโยชน์ เขากำปืนแน่นขึ้น เล็งมันไปทางฟู่เย่เฉิน เขานับในใจ หนึ่ง สอง สาม…เขานับถึงสามแล้วเหนี่ยวไกปืน! ‘ปัง’ เสียงปืนดังลั่น! กระสุนถูกยิงไปในทิศทางของฟู่เย่เฉิน! ฟู่เย่เฉินหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความกลัวจนลืมกรีดร้อง เขาเห็นเพียงแค่เงาดำ “ฟึ่บ” แวบผ่านหน้าเขาไป แล้วก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากลำคอเขามองเห็นแม่ของเขาล้มลงในอ้อมแขนเขา! เขาเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของแม่! เขาตระหนักได้ว่า แม่เอาตัวเองบังกระสุนแทนเขา!“แม่! แม่!” ฟู่เย่เฉินกอดแม่แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ชั้นล่าง ฟู่ฮั่นที่มองเห็นภาพนี้ รีบวิ่งตะบึงขึ้นไปยังชั้นบนทันที “อาเจิน! อาเจิน! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะอาเจิน! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” ฟู่ฮั่นวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วนำภรรยาออกมาจากอ้อมแขนของลูกชาย ฟูฮั่นอุ้มภรรยาลงมาชั้นล่าง ฟู่เย่เฉินตามมาข้างหลัง ตอนที่พวกเขาเดิ
เขาโทรหาเธอทำไม? เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งแล้วรับสาย “ฉินอันอัน แม่ผมตายแล้ว” เสียงของฟู่เย่เฉินที่กำลังร้องไห้ดังลอดมาจากปลายสายฉินอันอันอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกกะทันหันเล็กน้อย “แม่คุณตายแล้วงั้นหรือ? ตายได้ยังไง?” “ถูกฟู่สือถิงยิงตาย” ฟู่เย่เฉินพูดพร้อมสะอึกสะอื้น “ตอนแรกเขาต้องการยิงผมให้ตาย แต่แม่ของผมมาบังกระสุนให้ผม ฉินอันอัน ตอนนี้ผมเจ็บปวดมาก ผมไม่รู้จะพูดกับใครดี…” ฉินอันอันผุดลุกขึ้นนั่ง ทำไมฟู่สือถิงถึงทำแบบนี้? เพราะว่าอิ๋นอิ๋นให้เลือดจื่อชิวถึงได้เกิดเรื่องขึ้น ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับฟู่เย่เฉิน! เขาฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!“ฟู่เย่เฉิน คุณอาของคุณทำแบบนี้ เพราะว่าคุณทำเรื่องน่ารังเกียจใช่ไหม?” ฉินอันอันถาม “คุณทำอะไรลงไปกันแน่?!” เดิมฟู่เย่เฉินคิดว่าจะมาร้องทุกข์กับฉินอันอัน คิดไม่ถึงว่าอารมณ์ของฉินอันอันจะดุเดือดกว่าเขา “ผมทำเรื่องน่ารังเกียจจริง ๆ คุณอาต้องการฆ่าผม ผมไม่ควรโกรธเขา แต่ว่าแม่ผมบริสุทธิ์!” ฟู่เย่เฉินหายใจเข้าแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า “คุณย่าของผมถูกผมกับเสิ่นอวี๋ฆ่าตาย… ผมมันโง่เอง! ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมเกาะเสิ่นอวี๋เอาไ
ป้าจางส่ายหน้า “ตอนเขาออกไปตอนเช้า สีหน้าของเขาแย่มากค่ะ ดิฉันไม่กล้าถาม หรือไม่คุณลองโทรถามเขาดูไหมคะ?” ฉินอันอันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของเขา โทรติดแต่เขาไม่รับ “อันอัน คุณเข้ามาด้านในก่อนเถอะค่ะ! ข้างนอกหนาวเกินไป” ป้าจางพยุงเธอเข้ามา “คุณฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้างคะ?” “ฉันสบายดีค่ะ” เธอตอบเลี่ยง ๆ ที่จริงเธอยังเจ็บแผลบนหน้าท้องของเธอมาก เพียงแต่สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เธอมันจะลืมความเจ็บปวดบนตัวเธอไป“ดิฉันเองก็เป็นผู้หญิง แล้วก็เคยคลอดลูก ตอนนี้คุณยังไม่พ้นเดือนแล้วยังเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลทุกวัน มันมีผลต่อการพักฟื้นของคุณแน่นอนค่ะ” ป้าจางถอนใจ “รอจนอาการป่วยของจื่อชิวคงที่แล้ว คุณจะได้พักผ่อนที่อยู่บ้านอย่างสบายใจ ส่วนคุณผู้ชาย เขาจะผ่านมันไปได้ด้วยตัวของเขาเองค่ะ” “ค่ะ ฉันอยากมาดูเขาหน่อย” ไม่เห็นหน้า ก็ไม่วางใจ“เขาน่าจะกลับมาตอนเย็นค่ะ” ป้าจางรินน้ำอุ่นให้เธอ “เมื่อคืนเขาอยู่ในห้องอิ๋นอิ๋นทั้งคืน เดาว่าคงไม่หลับเลย” “ฉันไปดูห้องอิ๋นอิ่นได้หรือเปล่าคะ?” ฉินอันอันรับแก้วน้ำมาแล้วดื่ม “ได้สิคะ แต่คุณอย่าแตะต้อง