หลังจากโทรติดแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารเลือดก็บอกว่า “ผมถามเจ้าหน้าที่แล้ว คนที่เข้าเวรรับไว้ตอนนั้น เขาบอกว่าคนส่งเลือดมาไม่ได้ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ คิดว่าคงอยากทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อ!” บนโลกนี้มีคนดีที่ทำความดีมากมายขนาดนี้โดยไม่เปิดเผยชื่อมาจากที่ไหนกัน? ฉินอันอันมองเขาคุยโทรศัพท์เสร็จก็พูดว่า “พวกเราไปหาคนใจดีที่บริจาคเลือดคนนั้นกันเถอะค่ะ!” ตอนนี้อาการของจื่อชิวคงที่แล้ว พวกเขาอยู่โรงพยาบาลต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ “ผู้บริจาคเลือดไม่ได้ให้ชื่อไว้” ฟู่สือถิงมองดูฉินอันอันด้วยสายตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยว “คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?” ฉินอันอันทำท่าทางรุ่นคิดอย่างรอบคอบ “ก่อนหน้านี้พี่เว่ยก็เอาถุงเลือดมาด้วย บอกว่ามีคนใจดีบริจาคโดยไม่ทิ้งชื่อเอาไว้” “คุณคิดว่าเว่ยเจินเป็นคนเอาเลือดสามร้อยมิลลิลิตรนี้มางั้นเหรอ?” ขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อยและส่ายหัว “ฉันไม่รู้ ถ้าพี่เว่ยเป็นคนหามา ทำไมเขาไม่นำมาให้เองเลย? ทำไมต้องส่งผ่านธนาคารเลือดด้วย?” ใบหน้าของฟู่สือถิงเปลี่ยนเป็นเลวร้ายทันที เธอเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไร “ฉันจะโทรถามพี่เว่ย!” เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วคิดจะโทรหาเว่ยเจิน แต่เขาก
โทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนปิดเครื่อง เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เรื่องผู้บริจาคเลือดที่ใจดีคนนั้นคืออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นบริจาคเลือดให้จื่อชิวสี่ร้อยห้าสิบมิลลิลิตรแล้ว ผู้ใหญ่สามารถบริจาคเลือดได้ครั้งละไม่เกินสามร้อยมิลลิลิตร แต่กับอิ๋นอิ๋นไม่สามารถบริจาคเลือดได้ เธอกลับบริจาคมากกว่าคนปกติมาก! ร่างกายของเธอจะทนได้ยังไง? ตอนนี้พวกเขาสองคนปิดโทรศัพท์ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือเกิดเรื่องกับอิ๋นอิ๋น เว่ยเจินไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือหลบหนี “ดิฉันจะโทรหาบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นค่ะ!” ดวงตาของป้าหงเป็นสีแดง นิ้วที่จับโทรศัพท์สั่นเทา ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกับเรื่องของจื่อชิว เมื่อคืนป้าหงต้องโทรยืนยันกับเขาแน่นอน เขาไม่เคยปล่อยให้อิ๋นอิ๋นเดินทางไกลไปกับคนอื่น เธอควรแจ้งเตือนบอดี้การ์ด แต่ อิ๋นอิ๋นไม่เคยโกหกเธอมาก่อนเลย! ป้าหงกังวลและโทษตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอิ๋นอิ๋นจะทำยังไง!เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของบอดี้การ์ด จากนั้นไม่นานก็โทรติด “คุณรีบพาอิ๋นอิ๋นกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!” ป้าหงสั่ง “ถ้าอิ๋นอิ๋นเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งคุณและฉันรับ
เมื่อฟู่สือถิงเห็นพวกเขาสองคนเข้ามา สีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป อพาร์ตเมนท์ของเว่ยเจินไม่มีใครอยู่ เว่ยเจินพาอิ๋นอิ๋นไปแล้ว ไม่รู้ว่าพาไปที่ไหน! “คุณฟู่ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” คุณแม่เว่ยถามอย่างงุนงง “คุณเองก็มาถามเว่ยเจินเรื่องเลือดสามร้อยมิลลิลิตรด้วยเหรอคะ?” หลังจากคุณแม่เว่ยถามจบ ฉินอันอันเห็นแล้วว่าฟู่สือถิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในตัวได้ จึงรีบเดินไปหาเขาทันที “สือถิง ใจเย็น ๆ นะ!” เธอเอ่ยเสียงแหบแห้ง “คุณลุงคุณป้าไม่รู้ว่าเว่ยเจินหายไปไหน ฉันจะคิดหาวิธีติดต่อเขาเอง คุณให้เวลาฉันหน่อยนะ!” ดวงตาของฟู่สือถิงแดงก่ำ ใบหน้าของเขาเย็นชาและไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น! ตอลดเวลาจนถึงตอนนี้ เขาคอยปกป้องอิ๋นอิ๋นอย่างระมัดระวัง เธอถึงได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดีจนถึงตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยที่อาการป่วยของเธอจะดีขึ้น ในที่สุดเธอเกือบจะใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติแล้ว แต่ผลคือเว่ยเจินกลับลงมือทำกับเธอได้!เขากล้าดียังไงมาเจาะเลือดของอิ๋นอิ๋น?! เขากล้าดียังไง! ถ้าจื่อชิวไม่ใช่ลูกของฉินอันอัน เขาจะโหดร้ายขนาดนี้ไหม? “ถ้าอิ๋นอิ๋นตาย ผมจะฝังเขาลงหลุมไปพร้อมกับอิ๋นอิ๋นด้วย” ฟู่สื
เพราะพฤติกรรมครั้งนี้ของเขาแตกต่างไปจากพฤติกรรมปกติของเขาโดยสิ้นเชิง! ตอนที่เธอออกมาจากบ้านของเว่ยเจิน หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ รถของเธอถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวหนาเป็นชั้นเธอชอบหิมะมาก ถ้าตอนนี้ในใจของเธอไม่รู้สึกกลัดกลุ้ม บางทีเธออาจเดินเล่นช้า ๆ อย่างสบาย ๆ บนหิมะ หรือปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นอย่างมีความสุขเหมือนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้เกล็ดหิมะที่ตกลงบนแก้มของเธอ เธอรู้สึกได้เพียงความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกจนถึงกระดูก เธอเปิดประตูรถแล้วขับรถไปโรงพยาบาล ฟู่สือถิงไม่อยู่ที่แผนกทารกแรกเกิด เธอเดาไม่ออกว่าเขาไปที่ไหน แต่เธอเดาออกว่าตอนนี้เขาต้องเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้ด้วยซ้ำ! ความเจ็บปวดที่สามารถระบายออกได้ มักแก้ไขได้มากกว่า ในทางกลับกันความเจ็บปวดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้จะยิ่งฝังรากลึกอยู่ในใจ รถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่ด้านนอกประตูโรงเรียนนานาชาติแองเจลารถจอดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ที่ปัดน้ำฝนปัดเกล็ดหิมะที่ตกลงบนหน้ากระจกรถเป็นจังหวะ ฟู่ซือถิงกำลังนั่งอยู่ในรถ ดวงตาลึกล้ำของเขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า นี่คือสถานที่ที่อิ๋นอิ๋นอยู่มาสิบกว่าปี เธออยู่ที่น
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงบนหน้าจอ เขาใช้นิ้วเช็ดหน้าจอแล้ววิดีโอก็จบลง เขาเล่นวิดีโออีกครั้ง หลังจากดูจบ ก็ยิ่งปวดหัวใจ! เขากดหมายเลขโทรศัพท์ของเธอทันที ทว่าที่ดังมามีแต่เสียงปิดเครื่องอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเลือกทำเรื่องสำคัญในชีวิตโดยปิดบังเขา เขาไม่อาจให้อภัยเธอ และยิ่งไม่ให้อภัยตัวเอง!เขาควรคาดเดาได้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่มานานแล้ว เขาไม่สังเกตเห็นเลยได้ยังไง? เขาควรสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เว่ยเจินนำเลือดร้อยห้าสิบมิลลิลิตรมาให้แล้วสิ! บนโลกใบนี้มีคนใจดีที่ไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนก็จริง แต่ไม่น่าจะเจออย่างบังเอิญเช่นนั้น ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ของฉินอันอันมีเสียงดังขึ้น เธอเปิดโทรศัพท์ มองเห็นข้อความที่เว่ยเจินส่งมา - ฉันขอโทษคำสั้น ๆ สามคำ ทำให้ฉินอันอันตะลึงอยู่กับที่ เว่ยเจินบอกเธอว่าขอโทษ! ดังนั้น เลือดที่ส่งมาจากคนใจดีสองครั้งนั่นก็เป็นของอิ๋นอิ๋นจริง ๆ! เขาเป็นคนเจาะเลือดอิ๋นอิ๋น! และมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอิ๋นอิ๋นเพราะเรื่องนี้ด้วย! ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพูดสามคำที่ว่า “ฉันขอโทษ” ชั่วขณะนั้น โลกทั้งโลกแปรปรวน ราวกับเรี่ยวแรงในตัวเธอแห้งเ
“จื่อชิวพ้นขีดอันตรายแล้ว” ไมค์พูดอย่างตื่นเต้นที่ปลายสายอีกด้านว่า “เยี่ยมเลย! ไว้กลับไปจัดปาร์ตี้ฉลองกัน!” “ฉลองอะไร?” เสียงของโจวจื่ออี้เย็นชาจนถึงกระดูก “อิ๋นอิ๋นตายแล้ว ชีวิตของจื่อชิวคือชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตของอิ๋นอิ๋น”ไมค์คิดว่าตัวเองฟังผิดไป“ไมค์ คุณรีบกลับมาเถอะ! ผมเป็นห่วงฉินอันอัน แต่ผมต้องไปหาเจ้านายแล้ว” โจวจื่ออี้พูดด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ “เรื่องนี้มันทำร้ายเจ้านายผมเกินไป!” ......คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงขังตัวเองอยู่ในห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อสักครู่ มีคนส่งพัสดุมา ด้านในกล่องพัสดุนั้นคือโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น ในโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น มีภาพถ่ายเซลฟี่และวิดีโอของอิ๋นอิ๋นมากมาย เขาพลิกดูรูปถ่ายทีละภาพ เปิดดูวิดีโอทีละวิดีโอ น้ำเสียง รอยยิ้มและใบหน้าของเธอเหมือนกับอยู่ตรงหน้าเขา แต่ตัวเธอกลับไม่อยู่ตรงหน้าเขาอีกตลอดกาล ตลอดหลายปีมานี้ที่เขาปกป้องเธอ เธอก็เป็นเสาหลักทางใจของเขาเช่นกัน เพราะเขาต้องมีชีวิตที่ดีเท่านั้น ถึงจะปกป้องไม่ให้เธอถูกรังแกได้ แต่ตอนนี้เธอกลับจากเขาไปแล้ว และจากเขาไปด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนี้ ป้าจางรีบเข้ามาหลังจากได้ยินข่
เธอไม่กล้าบอกเขาถึงเหตุการณ์น่ายินดีนี้ และไม่อาจพูดออกไปได้เรื่องน่ายินดีนี้เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดที่สูญเสียอิ๋นอิ๋นถ้าหากก่อนหน้านี้เขามีความรักของพ่ออันแรงกล้าต่อจื่อชิว เช่นนั้นแล้วตอนนี้น่ากลัวว่าความรักของพ่ออันแรงกล้าคงเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่กล้าขอให้เขารักเด็กคนนี้ต่อ ขอเพียงเขาอย่าเกลียดเด็กคนนี้ก็พอแล้ว เธอเดินลากเท้าอย่างเหนื่อยล้าจนถึงบ้าน คิดไม่ถึงว่าไมค์จะกลับมาแล้ว “จื่อชิวไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ไมค์เดินมาหาแล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระซิบว่า “เรื่องอิ๋นอิ๋น จื่ออี้บอกฉันแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่มีทางย้อนคืนได้แล้ว” ฉินอันอันเห็นเสี่ยวหานและรุ่ยลายืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดังนั้นเธอจึงรักษาสีหน้าสงบเอาไว้ “ช่วงนี้จื่อชิวไม่เป็นไรแล้ว คุณหมอเลยให้ฉันกลับมาพัก” น้ำเสียงของเธอสงบ ไม่มีอะไรผิดปกติ ไมค์ปล่อยเธอ เธอเดินมาหาลูกทั้งสองคนแล้วเอ่ยถาม “พวกลูกกินข้าวเช้ารึยัง? จะไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม?” รุ่ยลา “แม่คะ วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์! วันนี้คุณลุงซือเหนียนจะมาที่บ้านเราค่ะ!” “เขาบอกลูกเหรอ?” ฉินอันอันไม่รู้เรื่องนี้เลย “เขาบอกพี่ชายทา
ฟู่ฮั่นเดินไปต้อนรับเขาที่ลานหน้าบ้าน รถจอดตรงหน้าฟู่ฮั่น ประตูรถเปิดออกและคนแรกที่ลงจากรถมาก่อนคือบอดี้การ์ดของฟู่สือถิง หลังจากที่บอดี้การ์ดลงจากรถ เขามองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา หนังศีรษะของฟู่ฮั่นชาหนึบเมื่อบอดี้การ์ดมองเขา เกิดอะไรขึ้น? เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฟู่สือถิง บอดี้การ์ดกล้าดียังไงมองเขาด้วยสายตาท้าทายแบบนี้! บ่อยครั้งที่ทัศนคติของคนรับใช้ก็แสดงถึงทัศนคติของเจ้านายที่มีต่อคนคนนั้น ฟู่ฮั่นคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวกับเขาเลย! ขณะที่ฟู่ฮั่นสับสน ฟู่สือถิงก้าวขายาว ๆ ลงจากรถ หลังจากเขาลงจากรถแล้ว ก็เหลือบมองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปในวิลล่า ฟู่ฮั่นงุนงงแล้วไล่ตามเขาไป “สือถิง เมื่อคืนนี้ฉันได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอิ๋นอิ๋น ตอนแรกคิดว่าจะติดต่อแก แต่เพราะว่ามันดึกมากแล้ว เลยไม่รบกวนแก ถ้าหากแกไม่มาที่นี่ ฉันก็คิดจะไปหารือกับแกเรื่องนี้เหมือนกัน” เสียงของฟู่สือถิงเย็นเยียบเข้ากระดูก “หารือเรื่องอะไร?” “เรื่องงานศพของอิ๋นอิ๋นไง” “ใครบอกว่าเธอตายแล้ว?” เขากำหมัดแน่น ดวงตามีกระแสแห่งความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ฟู่ฮั่นรู้สึกได้