โทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนปิดเครื่อง เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เรื่องผู้บริจาคเลือดที่ใจดีคนนั้นคืออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นบริจาคเลือดให้จื่อชิวสี่ร้อยห้าสิบมิลลิลิตรแล้ว ผู้ใหญ่สามารถบริจาคเลือดได้ครั้งละไม่เกินสามร้อยมิลลิลิตร แต่กับอิ๋นอิ๋นไม่สามารถบริจาคเลือดได้ เธอกลับบริจาคมากกว่าคนปกติมาก! ร่างกายของเธอจะทนได้ยังไง? ตอนนี้พวกเขาสองคนปิดโทรศัพท์ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือเกิดเรื่องกับอิ๋นอิ๋น เว่ยเจินไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือหลบหนี “ดิฉันจะโทรหาบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นค่ะ!” ดวงตาของป้าหงเป็นสีแดง นิ้วที่จับโทรศัพท์สั่นเทา ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกับเรื่องของจื่อชิว เมื่อคืนป้าหงต้องโทรยืนยันกับเขาแน่นอน เขาไม่เคยปล่อยให้อิ๋นอิ๋นเดินทางไกลไปกับคนอื่น เธอควรแจ้งเตือนบอดี้การ์ด แต่ อิ๋นอิ๋นไม่เคยโกหกเธอมาก่อนเลย! ป้าหงกังวลและโทษตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอิ๋นอิ๋นจะทำยังไง!เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของบอดี้การ์ด จากนั้นไม่นานก็โทรติด “คุณรีบพาอิ๋นอิ๋นกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!” ป้าหงสั่ง “ถ้าอิ๋นอิ๋นเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งคุณและฉันรับ
เมื่อฟู่สือถิงเห็นพวกเขาสองคนเข้ามา สีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป อพาร์ตเมนท์ของเว่ยเจินไม่มีใครอยู่ เว่ยเจินพาอิ๋นอิ๋นไปแล้ว ไม่รู้ว่าพาไปที่ไหน! “คุณฟู่ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” คุณแม่เว่ยถามอย่างงุนงง “คุณเองก็มาถามเว่ยเจินเรื่องเลือดสามร้อยมิลลิลิตรด้วยเหรอคะ?” หลังจากคุณแม่เว่ยถามจบ ฉินอันอันเห็นแล้วว่าฟู่สือถิงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในตัวได้ จึงรีบเดินไปหาเขาทันที “สือถิง ใจเย็น ๆ นะ!” เธอเอ่ยเสียงแหบแห้ง “คุณลุงคุณป้าไม่รู้ว่าเว่ยเจินหายไปไหน ฉันจะคิดหาวิธีติดต่อเขาเอง คุณให้เวลาฉันหน่อยนะ!” ดวงตาของฟู่สือถิงแดงก่ำ ใบหน้าของเขาเย็นชาและไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น! ตอลดเวลาจนถึงตอนนี้ เขาคอยปกป้องอิ๋นอิ๋นอย่างระมัดระวัง เธอถึงได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดีจนถึงตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยที่อาการป่วยของเธอจะดีขึ้น ในที่สุดเธอเกือบจะใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติแล้ว แต่ผลคือเว่ยเจินกลับลงมือทำกับเธอได้!เขากล้าดียังไงมาเจาะเลือดของอิ๋นอิ๋น?! เขากล้าดียังไง! ถ้าจื่อชิวไม่ใช่ลูกของฉินอันอัน เขาจะโหดร้ายขนาดนี้ไหม? “ถ้าอิ๋นอิ๋นตาย ผมจะฝังเขาลงหลุมไปพร้อมกับอิ๋นอิ๋นด้วย” ฟู่สื
เพราะพฤติกรรมครั้งนี้ของเขาแตกต่างไปจากพฤติกรรมปกติของเขาโดยสิ้นเชิง! ตอนที่เธอออกมาจากบ้านของเว่ยเจิน หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ รถของเธอถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวหนาเป็นชั้นเธอชอบหิมะมาก ถ้าตอนนี้ในใจของเธอไม่รู้สึกกลัดกลุ้ม บางทีเธออาจเดินเล่นช้า ๆ อย่างสบาย ๆ บนหิมะ หรือปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นอย่างมีความสุขเหมือนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้เกล็ดหิมะที่ตกลงบนแก้มของเธอ เธอรู้สึกได้เพียงความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกจนถึงกระดูก เธอเปิดประตูรถแล้วขับรถไปโรงพยาบาล ฟู่สือถิงไม่อยู่ที่แผนกทารกแรกเกิด เธอเดาไม่ออกว่าเขาไปที่ไหน แต่เธอเดาออกว่าตอนนี้เขาต้องเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้ด้วยซ้ำ! ความเจ็บปวดที่สามารถระบายออกได้ มักแก้ไขได้มากกว่า ในทางกลับกันความเจ็บปวดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้จะยิ่งฝังรากลึกอยู่ในใจ รถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่ด้านนอกประตูโรงเรียนนานาชาติแองเจลารถจอดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ที่ปัดน้ำฝนปัดเกล็ดหิมะที่ตกลงบนหน้ากระจกรถเป็นจังหวะ ฟู่ซือถิงกำลังนั่งอยู่ในรถ ดวงตาลึกล้ำของเขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า นี่คือสถานที่ที่อิ๋นอิ๋นอยู่มาสิบกว่าปี เธออยู่ที่น
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงบนหน้าจอ เขาใช้นิ้วเช็ดหน้าจอแล้ววิดีโอก็จบลง เขาเล่นวิดีโออีกครั้ง หลังจากดูจบ ก็ยิ่งปวดหัวใจ! เขากดหมายเลขโทรศัพท์ของเธอทันที ทว่าที่ดังมามีแต่เสียงปิดเครื่องอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเลือกทำเรื่องสำคัญในชีวิตโดยปิดบังเขา เขาไม่อาจให้อภัยเธอ และยิ่งไม่ให้อภัยตัวเอง!เขาควรคาดเดาได้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่มานานแล้ว เขาไม่สังเกตเห็นเลยได้ยังไง? เขาควรสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เว่ยเจินนำเลือดร้อยห้าสิบมิลลิลิตรมาให้แล้วสิ! บนโลกใบนี้มีคนใจดีที่ไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนก็จริง แต่ไม่น่าจะเจออย่างบังเอิญเช่นนั้น ในเวลาเดียวกันโทรศัพท์ของฉินอันอันมีเสียงดังขึ้น เธอเปิดโทรศัพท์ มองเห็นข้อความที่เว่ยเจินส่งมา - ฉันขอโทษคำสั้น ๆ สามคำ ทำให้ฉินอันอันตะลึงอยู่กับที่ เว่ยเจินบอกเธอว่าขอโทษ! ดังนั้น เลือดที่ส่งมาจากคนใจดีสองครั้งนั่นก็เป็นของอิ๋นอิ๋นจริง ๆ! เขาเป็นคนเจาะเลือดอิ๋นอิ๋น! และมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอิ๋นอิ๋นเพราะเรื่องนี้ด้วย! ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพูดสามคำที่ว่า “ฉันขอโทษ” ชั่วขณะนั้น โลกทั้งโลกแปรปรวน ราวกับเรี่ยวแรงในตัวเธอแห้งเ
“จื่อชิวพ้นขีดอันตรายแล้ว” ไมค์พูดอย่างตื่นเต้นที่ปลายสายอีกด้านว่า “เยี่ยมเลย! ไว้กลับไปจัดปาร์ตี้ฉลองกัน!” “ฉลองอะไร?” เสียงของโจวจื่ออี้เย็นชาจนถึงกระดูก “อิ๋นอิ๋นตายแล้ว ชีวิตของจื่อชิวคือชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตของอิ๋นอิ๋น”ไมค์คิดว่าตัวเองฟังผิดไป“ไมค์ คุณรีบกลับมาเถอะ! ผมเป็นห่วงฉินอันอัน แต่ผมต้องไปหาเจ้านายแล้ว” โจวจื่ออี้พูดด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ “เรื่องนี้มันทำร้ายเจ้านายผมเกินไป!” ......คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงขังตัวเองอยู่ในห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อสักครู่ มีคนส่งพัสดุมา ด้านในกล่องพัสดุนั้นคือโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น ในโทรศัพท์ของอิ๋นอิ๋น มีภาพถ่ายเซลฟี่และวิดีโอของอิ๋นอิ๋นมากมาย เขาพลิกดูรูปถ่ายทีละภาพ เปิดดูวิดีโอทีละวิดีโอ น้ำเสียง รอยยิ้มและใบหน้าของเธอเหมือนกับอยู่ตรงหน้าเขา แต่ตัวเธอกลับไม่อยู่ตรงหน้าเขาอีกตลอดกาล ตลอดหลายปีมานี้ที่เขาปกป้องเธอ เธอก็เป็นเสาหลักทางใจของเขาเช่นกัน เพราะเขาต้องมีชีวิตที่ดีเท่านั้น ถึงจะปกป้องไม่ให้เธอถูกรังแกได้ แต่ตอนนี้เธอกลับจากเขาไปแล้ว และจากเขาไปด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนี้ ป้าจางรีบเข้ามาหลังจากได้ยินข่
เธอไม่กล้าบอกเขาถึงเหตุการณ์น่ายินดีนี้ และไม่อาจพูดออกไปได้เรื่องน่ายินดีนี้เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดที่สูญเสียอิ๋นอิ๋นถ้าหากก่อนหน้านี้เขามีความรักของพ่ออันแรงกล้าต่อจื่อชิว เช่นนั้นแล้วตอนนี้น่ากลัวว่าความรักของพ่ออันแรงกล้าคงเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่กล้าขอให้เขารักเด็กคนนี้ต่อ ขอเพียงเขาอย่าเกลียดเด็กคนนี้ก็พอแล้ว เธอเดินลากเท้าอย่างเหนื่อยล้าจนถึงบ้าน คิดไม่ถึงว่าไมค์จะกลับมาแล้ว “จื่อชิวไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ไมค์เดินมาหาแล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระซิบว่า “เรื่องอิ๋นอิ๋น จื่ออี้บอกฉันแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่มีทางย้อนคืนได้แล้ว” ฉินอันอันเห็นเสี่ยวหานและรุ่ยลายืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดังนั้นเธอจึงรักษาสีหน้าสงบเอาไว้ “ช่วงนี้จื่อชิวไม่เป็นไรแล้ว คุณหมอเลยให้ฉันกลับมาพัก” น้ำเสียงของเธอสงบ ไม่มีอะไรผิดปกติ ไมค์ปล่อยเธอ เธอเดินมาหาลูกทั้งสองคนแล้วเอ่ยถาม “พวกลูกกินข้าวเช้ารึยัง? จะไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม?” รุ่ยลา “แม่คะ วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์! วันนี้คุณลุงซือเหนียนจะมาที่บ้านเราค่ะ!” “เขาบอกลูกเหรอ?” ฉินอันอันไม่รู้เรื่องนี้เลย “เขาบอกพี่ชายทา
ฟู่ฮั่นเดินไปต้อนรับเขาที่ลานหน้าบ้าน รถจอดตรงหน้าฟู่ฮั่น ประตูรถเปิดออกและคนแรกที่ลงจากรถมาก่อนคือบอดี้การ์ดของฟู่สือถิง หลังจากที่บอดี้การ์ดลงจากรถ เขามองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา หนังศีรษะของฟู่ฮั่นชาหนึบเมื่อบอดี้การ์ดมองเขา เกิดอะไรขึ้น? เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฟู่สือถิง บอดี้การ์ดกล้าดียังไงมองเขาด้วยสายตาท้าทายแบบนี้! บ่อยครั้งที่ทัศนคติของคนรับใช้ก็แสดงถึงทัศนคติของเจ้านายที่มีต่อคนคนนั้น ฟู่ฮั่นคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ การตายของอิ๋นอิ๋นไม่เกี่ยวกับเขาเลย! ขณะที่ฟู่ฮั่นสับสน ฟู่สือถิงก้าวขายาว ๆ ลงจากรถ หลังจากเขาลงจากรถแล้ว ก็เหลือบมองฟู่ฮั่นอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปในวิลล่า ฟู่ฮั่นงุนงงแล้วไล่ตามเขาไป “สือถิง เมื่อคืนนี้ฉันได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอิ๋นอิ๋น ตอนแรกคิดว่าจะติดต่อแก แต่เพราะว่ามันดึกมากแล้ว เลยไม่รบกวนแก ถ้าหากแกไม่มาที่นี่ ฉันก็คิดจะไปหารือกับแกเรื่องนี้เหมือนกัน” เสียงของฟู่สือถิงเย็นเยียบเข้ากระดูก “หารือเรื่องอะไร?” “เรื่องงานศพของอิ๋นอิ๋นไง” “ใครบอกว่าเธอตายแล้ว?” เขากำหมัดแน่น ดวงตามีกระแสแห่งความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ฟู่ฮั่นรู้สึกได้
ฟู่สือถิงคิดได้อย่างถ่องแท้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เขาต้องการล้างแค้นให้แม่ ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือพี่ชาย เขาก็จะฆ่าพี่ชาย ถ้าคนที่ฆ่าแม่คือฟู่เย่เฉิน เขาก็จะฆ่าฟู่เย่เฉิน ไม่ว่าใครจะร้องขอความเมตตาก็ไม่มีประโยชน์ เขากำปืนแน่นขึ้น เล็งมันไปทางฟู่เย่เฉิน เขานับในใจ หนึ่ง สอง สาม…เขานับถึงสามแล้วเหนี่ยวไกปืน! ‘ปัง’ เสียงปืนดังลั่น! กระสุนถูกยิงไปในทิศทางของฟู่เย่เฉิน! ฟู่เย่เฉินหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความกลัวจนลืมกรีดร้อง เขาเห็นเพียงแค่เงาดำ “ฟึ่บ” แวบผ่านหน้าเขาไป แล้วก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากลำคอเขามองเห็นแม่ของเขาล้มลงในอ้อมแขนเขา! เขาเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของแม่! เขาตระหนักได้ว่า แม่เอาตัวเองบังกระสุนแทนเขา!“แม่! แม่!” ฟู่เย่เฉินกอดแม่แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ชั้นล่าง ฟู่ฮั่นที่มองเห็นภาพนี้ รีบวิ่งตะบึงขึ้นไปยังชั้นบนทันที “อาเจิน! อาเจิน! คุณต้องไม่เป็นอะไรนะอาเจิน! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล! ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” ฟู่ฮั่นวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วนำภรรยาออกมาจากอ้อมแขนของลูกชาย ฟูฮั่นอุ้มภรรยาลงมาชั้นล่าง ฟู่เย่เฉินตามมาข้างหลัง ตอนที่พวกเขาเดิ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง