ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่รู้ตัวว่าถูกวิ่งราวโทรศัพท์ ขาทั้งสองก็แยกออกเตรียมวิ่งไล่ตาม แต่หลังจากวิ่งไปได้สองก้าว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองตั้งท้องอยู่ จึงหยุดวิ่ง หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและเดินไปในเขตหมู่บ้าน ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าจางก็โทรศัพท์ไปหาฟู่ซื่อถิง “คุณผู้ชายคะ โทรศัพท์ของคุณผู้หญิงถูกคนร้ายขโมยไปตอนเดินเล่นค่ะ ดิฉันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเป็นเพื่อนเธอแล้ว แต่ตำรวจบอกกับพวกเราว่า คงไม่น่าจะได้คืน ตอนคุณผู้หญิงกลับมา ตาเธอแดงก่ำเลย บอกว่าในโทรศัพท์มีข้อมูลสำคัญเยอะมาก ตอนนี้เธอแอบร้องไห้อยู่ในห้องค่ะ” ป้าจางทนไมไหวแล้ว คิดว่าถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับฟู่ซื่อถิง บางทีอาจจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายของฟู่ซื่อถิง สามารถนำโทรศัพท์เธอกลับคืนมาได้ ที่จริงแล้วป้าจางไม่แน่ใจหรอกว่าฉินอันอันแอบร้องไห้อยู่ในห้องหรือเปล่า แต่ป้าจางจงใจพูดแบบนี้ เพื่อดูว่าจะทำให้ฟู่ซื่อถิงใจอ่อนลงได้หรือไม่ คืนนี้ฟู่ซื่อถิงนัดกับถังเฉียวเซินไว้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว และถังเฉียวเซินจะมาถึงในไม่ช้า หลังจากรับสายป้าจางแล้ว เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไ
ฟู่ซื่อถิง “อืม” “ได้ครับได้ครับ! ผมจำชื่อเธอได้แล้ว!” ……คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ลงชื่อเข้าใช้บัญชีโซเชียลของตัวเองในคอมพิวเตอร์ แล้วส่งข้อความว่าโทรศัพท์ถูกขโมย จากนั้นก็นั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าหากคนที่ขโมยมือถือไปจะแค่ล้างเครื่องแล้วขายทิ้งไปก็ดีน่ะสิ เธอกลัวว่าโทรศัพท์จะถูกเปิดออกแล้วจะมีคนเห็นข้อมูลส่วนตัวข้างใน เธอตบหัวที่กำลังวิงเวียนของตัวเอง แล้วถอนใจ ถ้ารู้ก่อน เธอจะไม่ออกไปข้างนอกหมู่บ้านเลย ข้างในหมู่บ้านก็เดินเล่นได้แท้ ๆ! เธอลุกจากเก้าอี้ แล้วหยิบชุดนอน ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอปีนขึ้นเตียงแล้วนอนลงบนเตียง พรุ่งนี้ต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ แล้วยังต้องทำบัตรหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ด้วยหลังจากเอนตัวลงนอน เธอพลิกตัวไปมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ ด้านนอกประตู มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “คุณผู้หญิงคะ คุณหลับแล้วหรือยัง? คุณผู้ชายเพิ่งจะโทรมาบอกว่าช่วยเอาโทรศัพท์คุณคืนมาได้แล้ว ต้องการให้คุณไปเซ็นชื่อที่สถานีตำรวจค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อยากไป คุณผู้ชายเซ็นสามารถเซ็นให้ได้…” เสียงของป้าจ
ฉินอันอันกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนหันหลังกลับด้วยความโกรธ ก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกจากสถานีตำรวจไป เธอไม่ได้เซ็นชื่อ แล้วก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองคืนมาจากมือของฟู่ซื่อถิง หลังจากฟูซื่อถิงเซ็นชื่อแทนเธอแล้ว เขาก็ออกมาจากสถานีตำรวจ บนรถระหว่างทางกลับบ้านฟู่ซื่อถิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ พูดเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่ได้ดูโทรศัพท์ของคุณ” ฉินอันอันรับโทรศัพท์คืนมา สูดหายใจแรง “แต่คุณก็รู้แล้วว่ามีอะไรอยู่ข้างในโทรศัพท์ฉัน” ฟู่ซื่อถิง “เรื่องนี้สำคัญมากเหรอ? รูปพุงเนี่ยนะ” ฉินอันอันกัดฟันกรอด ในใจเตือนตัวเองไม่หยุดว่าอย่าโกรธเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เป็นเขาที่ช่วยหาโทรศัพท์คืนมา “ฟู่ซื่อถิง ถ้าฉันบอกคุณว่า เด็กที่คุณบังคับให้ฉันทำแท้งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่เย่เฉิน แต่เป็นของคุณ คุณจะรู้สึกผิดในใจบ้างไหม?” ฉินอันอันถามเขาโดยกำโทรศัพท์ไว้ในมือ ฟู่ซื่อถิงหันหน้ามา แล้วมองมาทางเธอ สีหน้าของเธอจริงจัง ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น “ผลทดสอบก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?” ลูกกระเดือกของเขาขยับ น้ำเสียงแหบแห้ง “ใช่” ฉินอันอันสบตาเขา แล้วพูดทีละคำ “คุณฆ่าลูกด้วยมือคุณเอง คุณรู้สึกผิดบ้างไหม?” เธออยากเห็นควา
มื้อเช้าทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกัน เธอกินบะหมี่กับน้ำเต้าหู้ เขากินซีเรียลกับนม“ขอบคุณที่ช่วยฉันตามหาโทรศัพท์กลับมาเมื่อคืนนี้นะคะ” เธอเอ่ยปากทำลายความเงียบ “แม่ผมทำร้ายคุณ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ” เขาเองก็เอ่ยปาก แสดงคำขอโทษที่เขาเก็บกดไว้ในใจออกใาด้วยเช่นกัน ฉินอันอันหน้าร้อนผะผ่าว “คุณไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย จะขอโทษฉันทำไม?” “การตบหน้ามันไม่ดี” เสียงของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย “ถ้ามีใครมาแตะหน้าผม ผมก็จะ…” ฉินอันอันไม่รอให้เขาพูดจบ เธอยกมือขึ้นแล้วเลื่อนไปบนแก้มเขาเบา ๆ ผิวของเขาละเอียดและเรียบเนียน ทำให้มือที่สัมผัสรู้สึกดี ฟู่ซือถิง “…”ดวงตาของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น ลูกกระเดือกขยับ แก้วนมในมือสั่นไหวเบา ๆ “เอาล่ะ ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะคะ” เธอหลุบตาลงดื่มน้ำเต้าหู้ แต่การเต้นของหัวใจไม่เป็นจังหวะนิ้วมือที่สัมผัสแก้มเขา ระอุราวกับถูกไฟไหม้ เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบกินอาหารเช้าจนเสร็จ แล้วกลับไปหลบในห้องวันนี้รอยแผลบนแก้มจางลงมากกว่าเมื่อวาน แล้วก็ไม่เจ็บมากแล้ว เธอทารองพื้นเป็นชั้นบาง ๆ เพื่อปกปิดรอยช้ำบนหน้าของเธอ เธอไม่อาจอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้อีกต่
หากพูดคำเหล่านี้ของเซิ่งเป่ยเอ่ยขึ้นที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันคงไม่ขึ้นรถของเขาหรอก “คุณเซิ่ง ฉันรู้ว่าคุณอยากเอาใจเขา…” ฉินอันอันกล่าว “ทำไมต้องเอาใจล่ะ? คุณไม่เคยให้ของขวัญเพื่อนเลยเหรอ?” เซิ่งเป่ยตอบเธอด้วยรอยยิ้ม “วันเกิดของเรา เขาก็ให้ของขวัญเราเหมือนกัน” “โถ่...พอเขาไม่อยากได้ของขวัญ คุณก็เลยไม่ให้เขาเหรอ? แสดงว่าคุณไม่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อน หรือแม้แต่เจ้านายเลยล่ะสิ” ฉินอันอันกล่าว “คุณอย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยดีกว่า คุณไม่เคยได้ยินคำว่ากรรมตามสนองเหรอ? ถ้าฉันรับของที่คุณนำมาเพราะเจตนาจะเอาใจเขา ก็เท่ากับฉันรับของจากเขาด้วย ต่อไปถ้าเขาทำให้ฉันโกรธ ฉันก็ด่าเขาได้ไม่เต็มปากน่ะสิ” เซิ่งเป่ยตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ ‘ด่าเขาได้ไม่เต็มปาก?’ ‘ปกติเธอทำกับเขาแบบนั้นเหรอ?’ เซิ่งเป่ยเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้านายของเขาอาจมีแนวโน้มชอบความรุนแรง “คุณลองหาทางอื่นดูเถอะ! ฉันต้องขอตัวก่อน” หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ เธอก็กำลังจะเดินจากไป เซิ่งเป่ยรีบคว้าแขนของเธอไว้ทันที “คุณฉิน วันเกิดของซื่อถิงปีนี้สำคัญเป็นพิเศษ” เซิ่งเป่ยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยทักษะการแสดงที่สมบูรณ
ฉินอันอันใจลอย จู่ ๆ เธอก็จำบางสิ่งได้ จึงเอ่ยถามว่า “เรื่องฟู่เย่เฉิน นี่ไม่ใช่ฝีมือของฟู่ซื่อถิงใช่ไหมคะ?” เซิ่งป่ยประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ? ฟู่เย่เฉินไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพนันเพราะตัวเองหรอกเหรอครับ? จะเกี่ยวกับฟู่ซื่อถิงได้ยังไง?” ฉินอันนันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจิบน้ำ “เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ แล้วขอให้ฉันคุกเข่าขอร้องเขาด้วย” เซิ่งเป่ย “...” เขาก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ “พวกคุณสองคนกำลังจะเล่นอะไรกัน? นึกแล้วเชียวใครมันจะไปชอบโดนด่าได้ทั้งวันทั้งคืน…ที่แท้คุณสองคนก็จงใจนี่เอง คงทะเลาะกันจนสนุกเลยใช่ไหมครับ?!” ฉินอันอันไม่ยอมรับ “ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น เขาต่างหากที่ชอบทำให้ฉันโกรธ” “ก็แน่สิ! เขากับคุณก็น่าคิดเหมือนกัน” “ฉันก็เลยเข้ากับเขาไม่ได้” ฉินอันอันจิบน้ำอีกครั้ง “คู่รักจะทะเลาะกันบ้างก็ไม่แปลกหรอก บางคนทะเลาะกันจนความรู้สึกของพวกเขาถูกเปิดเผย” “มีคู่รักทะเลาะและเลิกกันมาก็เยอะ” ฉินอันอันกล่าว “คุณไม่คิดว่าถังเฉียนเหมาะกับเขามากกว่าเหรอ? พวกเขาอยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย…” เซิงเป่ย “เพราะไม่มีความรู้สึก จึงไม่มีปัญหา หัวใจของซื่อถ
เธอมั่นใจว่าตอนนั้นไม่ได้ซื้อสร้อยคอเส้นนี้มา แต่ทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้? เธอออกมาจากห้องและบังเอิญเจอฟู่ซื่อถิงกำลังลงบันไดมาพอดี เธอระงับความกังวลใจและเอ่ยถามเขา “ฟู่ซื่อถิง สร้อยนี่มันอะไรกัน?” ถึงแม้เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่สัญชาตญาณเธอบอกว่าเขารู้ เซิ่งเป่ยต้องบอกเขาแล้วแน่นอน ฟู่ซื่อถิงอึดอัดเล็กน้อย “เซิ่งเป่ยซื้อมา” เขาหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “ผมดูราคาแล้ว มันก็ถูกเกินไป และไม่มีใครอยากได้ ผมก็เลยเอามาให้คุณ” ฉินอันอันกำลังคิดคำและประโยคในหัว เธอคิดว่าจะคืนสร้อยคอให้เขาได้อย่างไร แต่หลังจากที่เขาพูดจบ ในหัวของเธอก็ว่างเปล่า ‘ราคาถูกเกินไป ไม่มีใครอยากได้ ก็เลยเอามาให้เธอ’ ‘ดีจริง ๆ!’ ‘พูดแบบนี้ เธอน่าจะเก็บมันไว้!’ “ฉินอันอัน มากินข้าวด้วยกันสิ” ฟู่ซื่อถิงเรียกเธอ เธอต้องการปฏิเสธ แต่ร่างกายของเธอกลับสวนทางเป็นเพราะรับของขวัญไปแล้วหรือเปล่า? ทั้งสองเข้าไปในห้องทานอาหารแล้วนั่งลง ป้าจางนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟที่โต๊ะให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉินอันอันประคองถ้วยและรับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ‘คืนนี้เขาชวนฉันกินข้าวเย็น ไม่ใช่ว่า
“คุณมีสิทธิ์โหวตปฏิเสธ” ฉินอันอัน “ฟู่ซื่อถิง กินข้าวกันเถอะ! ถึงฉันจะร่วมงานกับถังเฉียวเซิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบเขาสักหน่อย! ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะเล่นด้วยกับเขาล่ะ? ฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฟู่ซื่อถิง “...” หลังอาหารเย็น ฉินอันอันก็กลับมาที่ห้องและเปิดอ่านอีเมลที่ถังเฉียวเซินส่งมาเมื่อคืนนี้อย่างละเอียด หลังจากอ่านจบ จิตใจของเธอกระวนกระวายอยู่พักใหญ่ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายบริหารของบริษัทเลย แต่เธอเข้าใจแผนการของถังเฉียวเซิน และรู้สึกว่าตามแผนของเขาแล้ว ฉินกรุ๊ปอาจจะสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ถ้าถังเฉียวเซินไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของถังเฉียน เธอคงตกลงร่วมมือกับเขาทันที เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วนอนลงบนเตียง ขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่ สายตาก็เห็นข้อความจากหลีเสี่ยวเถียน : อันอัน! ฉันนอนกับเฮ่อจุนจือแล้วนะ! ฮือ ฮือ ฮือ! ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังตกหลุมรักเขาเลย! ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดมันจะกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงเฮ่อจุนจือจะแปลกไปสักหน่อย เขาก็รูปร่างหน้าตาที่ดี ฉินอันอันตอบเธอ : ถ้าเธอชอบเขาก็ลองคุยกับเขาดู นี่มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเธอ!