ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่รู้ตัวว่าถูกวิ่งราวโทรศัพท์ ขาทั้งสองก็แยกออกเตรียมวิ่งไล่ตาม แต่หลังจากวิ่งไปได้สองก้าว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองตั้งท้องอยู่ จึงหยุดวิ่ง หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและเดินไปในเขตหมู่บ้าน ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าจางก็โทรศัพท์ไปหาฟู่ซื่อถิง “คุณผู้ชายคะ โทรศัพท์ของคุณผู้หญิงถูกคนร้ายขโมยไปตอนเดินเล่นค่ะ ดิฉันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเป็นเพื่อนเธอแล้ว แต่ตำรวจบอกกับพวกเราว่า คงไม่น่าจะได้คืน ตอนคุณผู้หญิงกลับมา ตาเธอแดงก่ำเลย บอกว่าในโทรศัพท์มีข้อมูลสำคัญเยอะมาก ตอนนี้เธอแอบร้องไห้อยู่ในห้องค่ะ” ป้าจางทนไมไหวแล้ว คิดว่าถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับฟู่ซื่อถิง บางทีอาจจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายของฟู่ซื่อถิง สามารถนำโทรศัพท์เธอกลับคืนมาได้ ที่จริงแล้วป้าจางไม่แน่ใจหรอกว่าฉินอันอันแอบร้องไห้อยู่ในห้องหรือเปล่า แต่ป้าจางจงใจพูดแบบนี้ เพื่อดูว่าจะทำให้ฟู่ซื่อถิงใจอ่อนลงได้หรือไม่ คืนนี้ฟู่ซื่อถิงนัดกับถังเฉียวเซินไว้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว และถังเฉียวเซินจะมาถึงในไม่ช้า หลังจากรับสายป้าจางแล้ว เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไ
ฟู่ซื่อถิง “อืม” “ได้ครับได้ครับ! ผมจำชื่อเธอได้แล้ว!” ……คฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ลงชื่อเข้าใช้บัญชีโซเชียลของตัวเองในคอมพิวเตอร์ แล้วส่งข้อความว่าโทรศัพท์ถูกขโมย จากนั้นก็นั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา ถ้าหากคนที่ขโมยมือถือไปจะแค่ล้างเครื่องแล้วขายทิ้งไปก็ดีน่ะสิ เธอกลัวว่าโทรศัพท์จะถูกเปิดออกแล้วจะมีคนเห็นข้อมูลส่วนตัวข้างใน เธอตบหัวที่กำลังวิงเวียนของตัวเอง แล้วถอนใจ ถ้ารู้ก่อน เธอจะไม่ออกไปข้างนอกหมู่บ้านเลย ข้างในหมู่บ้านก็เดินเล่นได้แท้ ๆ! เธอลุกจากเก้าอี้ แล้วหยิบชุดนอน ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอปีนขึ้นเตียงแล้วนอนลงบนเตียง พรุ่งนี้ต้องไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ แล้วยังต้องทำบัตรหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ด้วยหลังจากเอนตัวลงนอน เธอพลิกตัวไปมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ ด้านนอกประตู มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “คุณผู้หญิงคะ คุณหลับแล้วหรือยัง? คุณผู้ชายเพิ่งจะโทรมาบอกว่าช่วยเอาโทรศัพท์คุณคืนมาได้แล้ว ต้องการให้คุณไปเซ็นชื่อที่สถานีตำรวจค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อยากไป คุณผู้ชายเซ็นสามารถเซ็นให้ได้…” เสียงของป้าจ
ฉินอันอันกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนหันหลังกลับด้วยความโกรธ ก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกจากสถานีตำรวจไป เธอไม่ได้เซ็นชื่อ แล้วก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองคืนมาจากมือของฟู่ซื่อถิง หลังจากฟูซื่อถิงเซ็นชื่อแทนเธอแล้ว เขาก็ออกมาจากสถานีตำรวจ บนรถระหว่างทางกลับบ้านฟู่ซื่อถิงยื่นโทรศัพท์ให้เธอ พูดเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่ได้ดูโทรศัพท์ของคุณ” ฉินอันอันรับโทรศัพท์คืนมา สูดหายใจแรง “แต่คุณก็รู้แล้วว่ามีอะไรอยู่ข้างในโทรศัพท์ฉัน” ฟู่ซื่อถิง “เรื่องนี้สำคัญมากเหรอ? รูปพุงเนี่ยนะ” ฉินอันอันกัดฟันกรอด ในใจเตือนตัวเองไม่หยุดว่าอย่าโกรธเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เป็นเขาที่ช่วยหาโทรศัพท์คืนมา “ฟู่ซื่อถิง ถ้าฉันบอกคุณว่า เด็กที่คุณบังคับให้ฉันทำแท้งก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่เย่เฉิน แต่เป็นของคุณ คุณจะรู้สึกผิดในใจบ้างไหม?” ฉินอันอันถามเขาโดยกำโทรศัพท์ไว้ในมือ ฟู่ซื่อถิงหันหน้ามา แล้วมองมาทางเธอ สีหน้าของเธอจริงจัง ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น “ผลทดสอบก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?” ลูกกระเดือกของเขาขยับ น้ำเสียงแหบแห้ง “ใช่” ฉินอันอันสบตาเขา แล้วพูดทีละคำ “คุณฆ่าลูกด้วยมือคุณเอง คุณรู้สึกผิดบ้างไหม?” เธออยากเห็นควา
มื้อเช้าทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกัน เธอกินบะหมี่กับน้ำเต้าหู้ เขากินซีเรียลกับนม“ขอบคุณที่ช่วยฉันตามหาโทรศัพท์กลับมาเมื่อคืนนี้นะคะ” เธอเอ่ยปากทำลายความเงียบ “แม่ผมทำร้ายคุณ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ” เขาเองก็เอ่ยปาก แสดงคำขอโทษที่เขาเก็บกดไว้ในใจออกใาด้วยเช่นกัน ฉินอันอันหน้าร้อนผะผ่าว “คุณไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย จะขอโทษฉันทำไม?” “การตบหน้ามันไม่ดี” เสียงของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย “ถ้ามีใครมาแตะหน้าผม ผมก็จะ…” ฉินอันอันไม่รอให้เขาพูดจบ เธอยกมือขึ้นแล้วเลื่อนไปบนแก้มเขาเบา ๆ ผิวของเขาละเอียดและเรียบเนียน ทำให้มือที่สัมผัสรู้สึกดี ฟู่ซือถิง “…”ดวงตาของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น ลูกกระเดือกขยับ แก้วนมในมือสั่นไหวเบา ๆ “เอาล่ะ ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะคะ” เธอหลุบตาลงดื่มน้ำเต้าหู้ แต่การเต้นของหัวใจไม่เป็นจังหวะนิ้วมือที่สัมผัสแก้มเขา ระอุราวกับถูกไฟไหม้ เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบกินอาหารเช้าจนเสร็จ แล้วกลับไปหลบในห้องวันนี้รอยแผลบนแก้มจางลงมากกว่าเมื่อวาน แล้วก็ไม่เจ็บมากแล้ว เธอทารองพื้นเป็นชั้นบาง ๆ เพื่อปกปิดรอยช้ำบนหน้าของเธอ เธอไม่อาจอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้อีกต่
หากพูดคำเหล่านี้ของเซิ่งเป่ยเอ่ยขึ้นที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันคงไม่ขึ้นรถของเขาหรอก “คุณเซิ่ง ฉันรู้ว่าคุณอยากเอาใจเขา…” ฉินอันอันกล่าว “ทำไมต้องเอาใจล่ะ? คุณไม่เคยให้ของขวัญเพื่อนเลยเหรอ?” เซิ่งเป่ยตอบเธอด้วยรอยยิ้ม “วันเกิดของเรา เขาก็ให้ของขวัญเราเหมือนกัน” “โถ่...พอเขาไม่อยากได้ของขวัญ คุณก็เลยไม่ให้เขาเหรอ? แสดงว่าคุณไม่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อน หรือแม้แต่เจ้านายเลยล่ะสิ” ฉินอันอันกล่าว “คุณอย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยดีกว่า คุณไม่เคยได้ยินคำว่ากรรมตามสนองเหรอ? ถ้าฉันรับของที่คุณนำมาเพราะเจตนาจะเอาใจเขา ก็เท่ากับฉันรับของจากเขาด้วย ต่อไปถ้าเขาทำให้ฉันโกรธ ฉันก็ด่าเขาได้ไม่เต็มปากน่ะสิ” เซิ่งเป่ยตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ ‘ด่าเขาได้ไม่เต็มปาก?’ ‘ปกติเธอทำกับเขาแบบนั้นเหรอ?’ เซิ่งเป่ยเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้านายของเขาอาจมีแนวโน้มชอบความรุนแรง “คุณลองหาทางอื่นดูเถอะ! ฉันต้องขอตัวก่อน” หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ เธอก็กำลังจะเดินจากไป เซิ่งเป่ยรีบคว้าแขนของเธอไว้ทันที “คุณฉิน วันเกิดของซื่อถิงปีนี้สำคัญเป็นพิเศษ” เซิ่งเป่ยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยทักษะการแสดงที่สมบูรณ
ฉินอันอันใจลอย จู่ ๆ เธอก็จำบางสิ่งได้ จึงเอ่ยถามว่า “เรื่องฟู่เย่เฉิน นี่ไม่ใช่ฝีมือของฟู่ซื่อถิงใช่ไหมคะ?” เซิ่งป่ยประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ? ฟู่เย่เฉินไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพนันเพราะตัวเองหรอกเหรอครับ? จะเกี่ยวกับฟู่ซื่อถิงได้ยังไง?” ฉินอันนันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจิบน้ำ “เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ แล้วขอให้ฉันคุกเข่าขอร้องเขาด้วย” เซิ่งเป่ย “...” เขาก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ “พวกคุณสองคนกำลังจะเล่นอะไรกัน? นึกแล้วเชียวใครมันจะไปชอบโดนด่าได้ทั้งวันทั้งคืน…ที่แท้คุณสองคนก็จงใจนี่เอง คงทะเลาะกันจนสนุกเลยใช่ไหมครับ?!” ฉินอันอันไม่ยอมรับ “ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น เขาต่างหากที่ชอบทำให้ฉันโกรธ” “ก็แน่สิ! เขากับคุณก็น่าคิดเหมือนกัน” “ฉันก็เลยเข้ากับเขาไม่ได้” ฉินอันอันจิบน้ำอีกครั้ง “คู่รักจะทะเลาะกันบ้างก็ไม่แปลกหรอก บางคนทะเลาะกันจนความรู้สึกของพวกเขาถูกเปิดเผย” “มีคู่รักทะเลาะและเลิกกันมาก็เยอะ” ฉินอันอันกล่าว “คุณไม่คิดว่าถังเฉียนเหมาะกับเขามากกว่าเหรอ? พวกเขาอยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย…” เซิงเป่ย “เพราะไม่มีความรู้สึก จึงไม่มีปัญหา หัวใจของซื่อถ
เธอมั่นใจว่าตอนนั้นไม่ได้ซื้อสร้อยคอเส้นนี้มา แต่ทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้? เธอออกมาจากห้องและบังเอิญเจอฟู่ซื่อถิงกำลังลงบันไดมาพอดี เธอระงับความกังวลใจและเอ่ยถามเขา “ฟู่ซื่อถิง สร้อยนี่มันอะไรกัน?” ถึงแม้เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่สัญชาตญาณเธอบอกว่าเขารู้ เซิ่งเป่ยต้องบอกเขาแล้วแน่นอน ฟู่ซื่อถิงอึดอัดเล็กน้อย “เซิ่งเป่ยซื้อมา” เขาหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “ผมดูราคาแล้ว มันก็ถูกเกินไป และไม่มีใครอยากได้ ผมก็เลยเอามาให้คุณ” ฉินอันอันกำลังคิดคำและประโยคในหัว เธอคิดว่าจะคืนสร้อยคอให้เขาได้อย่างไร แต่หลังจากที่เขาพูดจบ ในหัวของเธอก็ว่างเปล่า ‘ราคาถูกเกินไป ไม่มีใครอยากได้ ก็เลยเอามาให้เธอ’ ‘ดีจริง ๆ!’ ‘พูดแบบนี้ เธอน่าจะเก็บมันไว้!’ “ฉินอันอัน มากินข้าวด้วยกันสิ” ฟู่ซื่อถิงเรียกเธอ เธอต้องการปฏิเสธ แต่ร่างกายของเธอกลับสวนทางเป็นเพราะรับของขวัญไปแล้วหรือเปล่า? ทั้งสองเข้าไปในห้องทานอาหารแล้วนั่งลง ป้าจางนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟที่โต๊ะให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉินอันอันประคองถ้วยและรับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ‘คืนนี้เขาชวนฉันกินข้าวเย็น ไม่ใช่ว่า
“คุณมีสิทธิ์โหวตปฏิเสธ” ฉินอันอัน “ฟู่ซื่อถิง กินข้าวกันเถอะ! ถึงฉันจะร่วมงานกับถังเฉียวเซิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบเขาสักหน่อย! ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะเล่นด้วยกับเขาล่ะ? ฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฟู่ซื่อถิง “...” หลังอาหารเย็น ฉินอันอันก็กลับมาที่ห้องและเปิดอ่านอีเมลที่ถังเฉียวเซินส่งมาเมื่อคืนนี้อย่างละเอียด หลังจากอ่านจบ จิตใจของเธอกระวนกระวายอยู่พักใหญ่ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายบริหารของบริษัทเลย แต่เธอเข้าใจแผนการของถังเฉียวเซิน และรู้สึกว่าตามแผนของเขาแล้ว ฉินกรุ๊ปอาจจะสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ถ้าถังเฉียวเซินไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของถังเฉียน เธอคงตกลงร่วมมือกับเขาทันที เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วนอนลงบนเตียง ขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่ สายตาก็เห็นข้อความจากหลีเสี่ยวเถียน : อันอัน! ฉันนอนกับเฮ่อจุนจือแล้วนะ! ฮือ ฮือ ฮือ! ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังตกหลุมรักเขาเลย! ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดมันจะกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงเฮ่อจุนจือจะแปลกไปสักหน่อย เขาก็รูปร่างหน้าตาที่ดี ฉินอันอันตอบเธอ : ถ้าเธอชอบเขาก็ลองคุยกับเขาดู นี่มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเธอ!
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง