ฉินอันอันใจลอย จู่ ๆ เธอก็จำบางสิ่งได้ จึงเอ่ยถามว่า “เรื่องฟู่เย่เฉิน นี่ไม่ใช่ฝีมือของฟู่ซื่อถิงใช่ไหมคะ?” เซิ่งป่ยประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ? ฟู่เย่เฉินไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพนันเพราะตัวเองหรอกเหรอครับ? จะเกี่ยวกับฟู่ซื่อถิงได้ยังไง?” ฉินอันนันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจิบน้ำ “เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ แล้วขอให้ฉันคุกเข่าขอร้องเขาด้วย” เซิ่งเป่ย “...” เขาก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ “พวกคุณสองคนกำลังจะเล่นอะไรกัน? นึกแล้วเชียวใครมันจะไปชอบโดนด่าได้ทั้งวันทั้งคืน…ที่แท้คุณสองคนก็จงใจนี่เอง คงทะเลาะกันจนสนุกเลยใช่ไหมครับ?!” ฉินอันอันไม่ยอมรับ “ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น เขาต่างหากที่ชอบทำให้ฉันโกรธ” “ก็แน่สิ! เขากับคุณก็น่าคิดเหมือนกัน” “ฉันก็เลยเข้ากับเขาไม่ได้” ฉินอันอันจิบน้ำอีกครั้ง “คู่รักจะทะเลาะกันบ้างก็ไม่แปลกหรอก บางคนทะเลาะกันจนความรู้สึกของพวกเขาถูกเปิดเผย” “มีคู่รักทะเลาะและเลิกกันมาก็เยอะ” ฉินอันอันกล่าว “คุณไม่คิดว่าถังเฉียนเหมาะกับเขามากกว่าเหรอ? พวกเขาอยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย…” เซิงเป่ย “เพราะไม่มีความรู้สึก จึงไม่มีปัญหา หัวใจของซื่อถ
เธอมั่นใจว่าตอนนั้นไม่ได้ซื้อสร้อยคอเส้นนี้มา แต่ทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้? เธอออกมาจากห้องและบังเอิญเจอฟู่ซื่อถิงกำลังลงบันไดมาพอดี เธอระงับความกังวลใจและเอ่ยถามเขา “ฟู่ซื่อถิง สร้อยนี่มันอะไรกัน?” ถึงแม้เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่สัญชาตญาณเธอบอกว่าเขารู้ เซิ่งเป่ยต้องบอกเขาแล้วแน่นอน ฟู่ซื่อถิงอึดอัดเล็กน้อย “เซิ่งเป่ยซื้อมา” เขาหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “ผมดูราคาแล้ว มันก็ถูกเกินไป และไม่มีใครอยากได้ ผมก็เลยเอามาให้คุณ” ฉินอันอันกำลังคิดคำและประโยคในหัว เธอคิดว่าจะคืนสร้อยคอให้เขาได้อย่างไร แต่หลังจากที่เขาพูดจบ ในหัวของเธอก็ว่างเปล่า ‘ราคาถูกเกินไป ไม่มีใครอยากได้ ก็เลยเอามาให้เธอ’ ‘ดีจริง ๆ!’ ‘พูดแบบนี้ เธอน่าจะเก็บมันไว้!’ “ฉินอันอัน มากินข้าวด้วยกันสิ” ฟู่ซื่อถิงเรียกเธอ เธอต้องการปฏิเสธ แต่ร่างกายของเธอกลับสวนทางเป็นเพราะรับของขวัญไปแล้วหรือเปล่า? ทั้งสองเข้าไปในห้องทานอาหารแล้วนั่งลง ป้าจางนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟที่โต๊ะให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉินอันอันประคองถ้วยและรับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ‘คืนนี้เขาชวนฉันกินข้าวเย็น ไม่ใช่ว่า
“คุณมีสิทธิ์โหวตปฏิเสธ” ฉินอันอัน “ฟู่ซื่อถิง กินข้าวกันเถอะ! ถึงฉันจะร่วมงานกับถังเฉียวเซิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบเขาสักหน่อย! ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะเล่นด้วยกับเขาล่ะ? ฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฟู่ซื่อถิง “...” หลังอาหารเย็น ฉินอันอันก็กลับมาที่ห้องและเปิดอ่านอีเมลที่ถังเฉียวเซินส่งมาเมื่อคืนนี้อย่างละเอียด หลังจากอ่านจบ จิตใจของเธอกระวนกระวายอยู่พักใหญ่ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายบริหารของบริษัทเลย แต่เธอเข้าใจแผนการของถังเฉียวเซิน และรู้สึกว่าตามแผนของเขาแล้ว ฉินกรุ๊ปอาจจะสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ถ้าถังเฉียวเซินไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของถังเฉียน เธอคงตกลงร่วมมือกับเขาทันที เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วนอนลงบนเตียง ขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่ สายตาก็เห็นข้อความจากหลีเสี่ยวเถียน : อันอัน! ฉันนอนกับเฮ่อจุนจือแล้วนะ! ฮือ ฮือ ฮือ! ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังตกหลุมรักเขาเลย! ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดมันจะกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงเฮ่อจุนจือจะแปลกไปสักหน่อย เขาก็รูปร่างหน้าตาที่ดี ฉินอันอันตอบเธอ : ถ้าเธอชอบเขาก็ลองคุยกับเขาดู นี่มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเธอ!
เฮ่อจุนจือพยักหน้า “ใช่ครับ ผมเจอเขาที่ต่างประเทศ เขาอายุมากกว่าผมแปดปี ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ผมชอบไปกวนให้เขาพาผมไปเที่ยว” หลีเสี่ยวเถียนพยักหน้า “คุณสองคนอายุห่างกันเยอะมาก ตอนยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอคะ?” เฮ่อจุนจือ “ใช่ ทุกครั้งที่ผมสับสน เขาจะหาคำตอบให้เสมอ” หลีเสี่ยวเถียนจ้องหน้าของเขาแล้วล้อเลียน “คุณอายุยังน้อย มีเรื่องอะไรให้คิดมากเหรอ?” เฮ่อจุนจือกล่าวด้วยความเขินอาย “ผมอยากเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แต่ครอบครัวของผมไม่เห็นด้วย! เขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมาก และพ่อของผมก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน ดังนั้นผมจึงอยากให้เขาช่วยโน้มน้าวพ่อให้” หลีเสี่ยวเถียนเริ่มสนใจ “เขาชื่ออะไรเหรอ? ถ้าเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานขนาดนั้น ฉันน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง?” “คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขา เขาชื่อฟู่ซื่อถิง” เฮ่อจุนจือพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ หลีเสี่ยวเถียนตาเบิกกว้าง เธอปล่อยมือของเฮ่อจุนจือและพูดด้วยความตกใจ “คุณบอกว่าเขาแต่งงานสายฟ้าแลบ! โอ้พระเจ้า! เพื่อนของฉันชื่นชมเขามาก...ถ้าเธอรู้ข่าวนี้ เธอต้องร้องไห้หนักแน่!” เฮ่อจุนจ
หลีเสี่ยวเถียนขยิบตาให้ฉินอันอันรัว แต่ฉินอันอันกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฮ่อจุนจือและฟู่ซื่อถิง เธอจึงไม่ได้สบตาเธอ “คุณฉิน ผมไม่เคยบอกคุณว่าพี่ซื่อถิงกับผมรู้จักกันเพราะผมกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณ นั่นเพราะคุณก็มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดกับพี่ซื่อถิงมาก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง...ผมแค่อยากได้บริษัทของพ่อคุณจริง ๆ” เฮ่อจุนจืออธิบายให้ฉินอันอันฟังด้วยรอยยิ้ม หลีเสี่ยวเถียนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาไว้ใต้โต๊ะแล้วส่งข้อความถึงฉินอันอัน : อันอัน! เธออย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย! ฟู่ซื่อถิงต่างหากที่ต้องการซื้อบริษัทของเธอ! ฟู่ซื่อถิง! ฉินอันอันเปิดดูข้อความบนโต๊ะอย่างเปิดเผย หลังจากเห็นข้อความ เธอก็เงยหน้ามองเฮ่อจุนจือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องที่นายต้องการซื้อบริษัทของฉัน นายได้บอกฟู่ซื่อถิงแล้วหรือยัง?” เฮ่อจุนจือยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน “เคยบอกแล้ว ผมขอความเห็นจากเขา และเขาก็แนะนำให้ผมลองทำได้ หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมก็มองหาโครงการสำหรับลงทุนมาโดยตลอดตามที่เคยบอกคุณ” ข้อความของหลีเสี่ยวเถียนส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของฉินอันอันอีกครั้ง : อันอัน! เขาพู
ถ้าย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็เลือกที่จะทำแบบนั้นเหมือนเดิม เขาไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ฉินอันอันทำให้เขาพยายามพิจารณาและแก้ไขพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าระหว่างทางไม่เกิดความเข้าใจผิดและการทะเลาะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอคงไม่หยั่งรากลึกอยู่ในใจแบบนี้ ...... หลีเสี่ยวเถียนวิ่งตามฉินอันอันออกไปนอกร้านอาหาร พลันคว้าแขนของเธอไว้ “อันอัน ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าที่แท้เธอแต่งงานกับฟู่ซื่อถิง! ข่าวนี้น่าเซอร์ไพรส์มาก!” หลีเสี่ยวเถียนตื่นเต้นมากจนเวียนหัวตาลาย ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ “เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันโดนเขาปั่นหัว” “เฮ่อจุนจือบอกว่าเขาต้องการช่วยเธอ แต่เขาไม่กล้าแสดงตัว เรื่องมันเลยกลายเป็นแบบนี้” หลีเสี่ยวเถียนคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ควรกลายเป็นเช่นนี้ “อันอัน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ! เข้าไปฟังคำอธิบายจากปากเขา...” ฉินอันอันปล่อยมือของหลีเสี่ยวเถียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเย็นชา “เธอเข้าไปเถอะ! ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว” เธอเรียกรถข้างทางแล้วจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว หลีเสี่ยงเถียนหันหลังและกำลังจะเดินกลับเข้าไ
“แม่ หนูอยากย้อนเวลากลับไปจัง” ฉินอันอันพึมพำ “ถึงจะยากจนสักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร” “อันอัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การหนีเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด” จางหยุนนั่งลงข้าง ๆ เธอ “ถ้าลูกดูแลบริษัทของพ่อไม่ไหว ก็ปล่อยให้มันล้มละลายไป เงินหาตอนไหนก็ได้ แต่ลูกจะดรอปการเรียนของตัวเองไม่ได้” ฉินอันอันมองแม่พลางใช้นิ้วเรียวลูบรอยย่นบนใบหน้าของแม่เบา ๆ “แม่ หนูไม่ได้จะหนี หนูแค่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” “เหนื่อยก็พัก ลูกกินข้าวเย็นมาหรือยัง?” ฉินอันนันส่ายหน้า “เดี๋ยวแม่ไปทำให้” จางหยุนลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว เวลาสองทุ่ม ฉินอันอันเข้าไปพักผ่อนในห้อง ขณะที่จางหยุนเก็บขยะในครัวและลงไปทิ้งขยะชั้นล่าง คาดไม่ถึงว่าฝนจะตก ฝนตกไม่หนัก แต่ตกอย่างต่อเนื่อง จางหยุนขี้เกียจขึ้นไปหยิบร่มชั้นบน เธอจึงรีบตากฝนออกไป เธอวิ่งไปที่ถังขยะแล้วรีบโยนขยะลงถัง พอหันกลับมาเธอเห็นร่างหนึ่งท่ามกลางสายฝนยืนอยู่ที่หน้าประตูตึก ตอนที่เธอรีบเดินออกมา เธอไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ เธอรีบวิ่งไปที่ประตูตึกและมองไปที่ร่างนั้น ยังไม่ทันได้สังเกตุให้ดี ๆ เธอก็ต้องตกใจเสียก่อน ชายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเปียกโชกไปด้
“หนูสงสารเขา แล้วใครสงสารหนูบ้าง?” ฉินอันอันวางถ้วยน้ำขิงลงบนเตาแล้วเดินกลับไปที่ห้อง “แม่ เขาไม่เคยให้เกียรติหนูเลย แม้แต่วันเดียวก็ไม่มี” จางหยุนเอ่ยตอบ “สถานะของลูกกับเขาแตกต่างกันมาก แม่เข้าใจว่าเขาทำตัวหยิ่งผยองต่อลูก ลูกอย่าไปมองอดีตของเขา จงมองปัจจุบันและอนาคตของเขาว่าจะเป็นยังไง?...” ฉินอันอันขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมแม่ต้องพูดแทนเขาตลอดเวลาเลยคะ? หรือแม่คิดว่าเขาจะใจดีดูแลเราสองคนแม่ลูกได้?” จางหยุนเงียบไป “ถึงเสือจะดุร้ายแค่ไหน มันก็ไม่กินลูกตัวเอง เขาต้องมีเหตุผลแน่ ๆ” หลังจากนั้นครู่หนึ่งจางหยุนก็กล่าวต่อ “แม่คิดว่าเขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองและมาที่นี่เพื่อขอโทษลูก แสดงให้เห็นว่าเขามีลูกอยู่ในใจไม่มากก็น้อย” ฉินอันอันเอามือปิดหู “แม่ หนูไปนอนก่อนนะคะ หนูปวดหัว” เมื่อเห็นการพฤติกรรมต่อต้านของเธอ จางหยุนก็พูดอะไรไม่ได้ จางหยุนออกมาจากห้องและคิดว่าจะลงไปบอกให้ฟู่ซื่อถิงกลับไป หลังจากที่เธอเดินออกมา ฉินอันอันก็ถอนหายใจยาว... ‘ปวดหัวชะมัด’ ‘ปวดจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว’ ทุกครั้งที่นึกถึงชื่อเขา ใบหน้าของเขา เธอจะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ ประมาณยี่สิบ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง