ทันใดนั้นเฮ่อจุนจือก็ตระหนักได "แล้วเราควรทำยังไงดี? เราต้องให้พี่ซือถิงขอร้องเธอรึเปล่า?" โจวจื่ออี้ “ฉันจะไปพบพวกเขาหลังเลิกงาน” เฮ่อจุนจือ “ไม่งั้น ให้ผมขอให้แฟนของผมไปหาฉินอันอันดีไหม?” โจวจื่ออี้ “แฟนของนายใครคือ?” เฮ่อจุนจือกระแอม “เพื่อนสนิทของฉินอันอัน...เธอคือคนที่บอกเรื่องนี้ให้ฉินอันนันรู้ ให้ตายเถอะ...ถ้าผมไม่ชอบเธอ ผมคงเลิกกับเธอไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจ “นายช่างสรรหาจริง ๆ!” เฮ่อจุนจือ “ผมโดนสอดแนม ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอจะฉลาดขนาดนี้” โจวจื่ออี้ “ฉันว่าต่อไปคงบอกเรื่องอะไรกับนายไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในเรือลำเดียวกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว” เฮ่อจุนจือน้อยใจ “พี่จื่ออี้ ผมจะยึดถือเส้นตายของผมเป็นหลัก! พี่ซื่อถิงคือเส้นตายของผม” ...... ตอนเย็น เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้มาเยี่ยมฟู่ซื่อถิงที่บ้านตระกูลฟู่ “คุณผู้ชายกลับมาตอนตีห้า…บอดี้การ์ดบอกว่าเขาตากฝนที่บ้านแม่ยายทั้งคืน เขาสลบไปตอนประมาณตีสี่ เราจึงพาเขากลับมาค่ะ” ป้าจางพูด “ตอนนี้เขาอยู่ในห้อง ไข้ขึ้นเมื่อตอนเที่ยง พอบ่ายไข้ถึงลด แต่ตอนนี้เขาไข้ขึ้นอีกแล้ว” เซิ่งเป่ยและ
ใบหน้าของฉินอันอันชุ่มไปด้วยน้ำ น้ำอุ่น แต่เธอกลับรู้สึกหนาวเหน็บ “ถังเฉียน! เธอทำอะไรของเธอ?!” ถังเฉียวเซินพลันลุกขึ้นคว้าแขนถังเฉียนดึงออกไป “พี่เฉียวเซิน! ไม่ต้องมาห้ามฉัน! คืนนี้ฉันจะสั่งสอนเธอสักหน่อย!” ดวงตาของถังเฉียนเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำเสียงคมชัดของเธอดังไปทั่วห้องรับรอง ถังเฉียวเซินตะโกนดังลั่น “เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!” ถังเฉียนไม่เคยถูกพี่ชายตัวเองตะคอกเสียงแบบนี้ใส่ในที่สาธารณะ ความโกรธในใจพลันเดือดพล่านขึ้น เธอสะบัดมือพี่ชายออกอย่างแรง และกำลังจะลงมือทำร้ายฉินอันอัน ฉ่า! น้ำผลไม้หนึ่งแก้วสาดลงบนใบหน้าของเธอ ฉินอันอันวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแล้วมองถังเฉียนด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าคิดจะรังแกคนอย่างฉัน เธอต้องแน่จริง ๆ” จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ใบหน้าของฉินอันอันและถังเฉียน น้ำอุ่นที่ราดลงบนหน้าของฉินอันอันก็แค่ทำให้เปียกชุ่ม แต่ใบหน้าของเธอยังคงสะอาดและเด่นชัด แต่น้ำผลไม้ที่สาดใส่หน้าถังเฉียนคือน้ำแตงโม น้ำแตงโมสีแดงชุ่มไปทั่วใบหน้าและเส้นผมของเธอ... ใบหน้าที่สวยงามกลับดูตลกขึ้น “พวกคุณทานข้าวกันเถอะ! ฉันขอตัวก่อน” ฉินอันอันพูดพลางเ
‘ฟู่ซื่อถิงยืนอยู่ท่ามกลางความหนาวแบบนี้ เขาคงจะหนาวไม่น้อยเลยใช่ไหมนะ?’ รถคันหนึ่งมาจอดที่ลานหน้าโรงแรม ประตูรถเปิดออก เฮ่อจุนจือและหลีเสี่ยวเถียนลงจากรถ หลังจากที่พวกเขาลงจากรถแล้วก็มีรถคันอื่นมาจอดข้างหน้าพวกเขาทั้งคู่ นั่นคือเซิ่งเป่ย “พี่เป่ย” เฮ่อจุนจือทัก เซิ่งเป่ย “นายมาทำอะไรที่นี่?” เฮ่อจุนจือ “ผมพาแฟนมาตามหาฉินอันอัน...” ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หลีเสี่ยวเถียนก็เดินไปหาฉินอันอันและโผเข้ากอดเธอ “ฉันก็มาตามหาเธอเหมือนกัน” เซิ่งเป่ยหรี่ตาเฉี่ยวมองร่างของฉินอันอันที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดต่อ “หรือฉันจะฝากฝังนายดี? พาเธอไปที่บ้านตระกูลฟู่ให้เร็วที่สุด” เฮ่อจุนจือ “ครับ แฟนผมจัดการเอง พี่ไม่ต้องเป็นห่วง” เซิ่งเป่ยหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่ใช่เพราะแฟนนาย พวกเขาคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” เฮ่อจุนจือหน้าแดง “แฟนของผมแค่เปิดเผยก่อนเวลาสมควรก็แค่นั้นเอง...” เซิ่งเป่ย “ช่างเถอะ มาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ฉันขอตัวก่อนละกัน” เฮ่อจุนจือพยักหน้า หลังจากที่เซิ่งเป่ยกลับไปแล้ว หลีเสี่ยวเถียนจูงมือฉินอันอันเข้าไปในรถของเฮ่อจุนจือ “เฮ่อจุนจือ ขับไปที่บ้านของฉัน” เฮ่อจุนจือยกมือ
ฉินอันอันไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ และไม่ไปเยี่ยมฟู่ซื่อถิงที่กำลังป่วยอยู่ ครั้งนี้เธอโหดร้ายมากจนน่าตกใจ นอกจากเธอจะโหดร้ายแล้ว ยังมีอีกคนที่โหดร้ายกับฟู่ซื่อถิงอีกด้วย นั่นก็คือ เซิ่งเป่ย เนื่องจากฉินอันอันไม่กลับไปบ้านของฟู่ซื่อถิงเลย และไม่สนใจฟู่ซื่อถิงที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ดังนั้นเซิ่งเป่ยจึงมาหาฟู่ซื่อถิงและเล่าเรื่องชีวิตประจำวันของฉินอันอันให้เขาฟังทุกวัน อย่างเช่น วันนี้ฉินอันอันไปที่บริษัทหลักทรัพย์ซินเหอและใช้เวลาช่วงเช้าอันแสนสุขกับถังเฉียวเซิน หรืออีกอย่าง วันนี้ถังเฉียวเซินพาฉินอันอันไปชมนิทรรศการศิลปะและทานอาหารกลางวันด้วยกัน พวกเขาจะไปนิทรรศการศิลปะหรือไม่ กินข้าวเย็นด้วยกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือมันทำให้ฟู่ซื่อถิงโกรธแน่นอน ทางเดียวที่ทำให้เขายอมเข้ารับการรักษาคือการทำให้เขาโกรธ เพราะหากสุขภาพไม่ดี เขาจะไม่สามารถแก้แค้นได้ เซิ่งเป่ยใช้ความเข้าใจของตัวเองที่มีต่อฟู่ซื่อถิงทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างขมขื่นทุกวัน ในที่สุด ยาก็ทำให้อาการของเขาก็เริ่มดีขึ้น แม้ว่าใบหน้าของเขายังซีดเซียว ยังไอและยังไม่กลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่เขาก็มีที
ถังเฉียวเซินไม่ย่อท้อ เขาสามารถให้เวลาเธอได้มากกว่านี้ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทั้งสองก็คุยกันสบาย ๆ สองสามประโยค จากนั้นฉินอันอันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ “อันอัน คุณคิดว่าการร่วมมือของเราจะมีปัญหาไหมครับ?” ถังเฉียวเซินถามอย่างสบาย ๆ พลางจิบไวน์แดง ฉินอันอันกำลังดูข้อความ พอเธอได้ยินเสียงของเขา เธอก็เงยหน้าขึ้นมา “แผนของคุณไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่เรายังคงมีความเห็นบางอย่างไม่ตรงกันภายใน” เธอให้เหตุผลแบบสุ่ม ๆ ถังเฉียวเซินยิ้มและพูดว่า “ติดขัดตรงไหนเหรอครับ? ผมอยากทราบด้วยเผื่อว่าผมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้” ฉินอันอัน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการเองได้” ติดที่ตัวเธอเองนี่แหละ ฝ่ายบริหารของฉินกรุ๊ปมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่บริษัทหลักทรัพย์ซินเหอจะมาลงทุนด้วยแต่เธอก็ยังลังเล วันนี้เธอรับนัดกับถังเฉียวเซินเพราะเธออยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้ ไม่ว่าถังเฉียนเซินจะปฏิบัติต่อเธอดีแค่ไหน แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของถังเฉียน ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับฉินอันอันที่จะไม่มีอคติต่อเขา เธอต้องการหาเงิน แต่เธอก็ต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาจากความล้มเหลวด้วย มีเพียงเมื่อเ
ฟู่ซื่อถิงผอมลงมาก ใบหน้าเดิมทีที่หล่อเหลาอยู่แล้วยิ่งดูมีมิติและดูสง่าขึ้น ‘ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?’ ‘หรือว่าเขาจะเป็นแขกปริศนาคนนั้น?’ หลังจากที่เสี่ยวเหมยทำงานเสร็จ เธอก็เดินออกจากหลังเวที เมื่อเห็นเสี่ยวเหมยเดินจากไป รู้ตัวอีกทีเธอก็ตระหนักได้ว่าฟู่ซื่อถิงคือแขกปริศนา ‘เขาไม่สบายไม่ใช่เหรอ?’ ‘หายไข้แล้ว?’ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่พูดและไม่เดินไปหาเขา “คุณฟู่ ท่านนี้คือผู้หญิงที่คุณกำลังตามหาใช่ไหมครับ?” พิธรกรถามฟู่ซื่อถิง ฟู่ซื่อถิงพยักหน้า “ขอบคุณมากครับ” “ยินดีครับ” พิธีกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ฟู่ซื่อถิงเดินเข้าไปหาฉินอันอัน เขามองเธอด้วยสายตาละห้อย “เรามาคุยกันเถอะ” “คุยเรื่องอะไร? มีอะไรที่ต้องคุยกันอีก?” เธอลดตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฟู่ซื่อถิงไม่ได้โกรธหรือรำคาญ เขาจับแขนเธอด้วยมือใหญ่โตของตัวเองแล้วดึงเธอออกจากหลังเวที หลังเวทีมีคนพลุกพล่านทำให้พวกเขาคุยกันไม่สะดวก เมื่อออกมาจากหลังเวที ฟู่ซื่อถิงจึงพาเธอเดินผ่านล็อบบี้และเข้าไปในเลานจ์วีไอพี ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู เสียงของฟู่ซื่อถิงทุ้มต่ำและทรงพลัง “ฉินอันอัน อยู่ห่า
เมื่อสักครู่นี้ภายในห้อง เหมือนมีกองไฟกำลังลุกโชนทันทีที่ผละจากเขามา อุณหภูมิก็กลับคืนสู่ความเย็นปกติทันที ฉินอันอันไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ หลังจากแต่งหน้าเสร็จก็กลับไปที่โถงนิทรรศการ นิทรรศการที่มีเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ผ่านไปในชั่วพริบตา เหมือนว่าเธอจะอ่านเนื้อหามากมาย แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย เธอลุกขึ้นยืน หลังจากจบนิทรรศการ ถังเฉียวเซินกล่าว “ไปดื่มน้ำชายามบ่ายกันไหม? ผมรู้จักร้านใหม่ รสชาติดีทีเดียว” ฉินอันอันไม่สนใจ “ฉันง่วงนิดหน่อย อยากกลับไปพักค่ะ” ถังเฉียวเซินเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเธอ ก็พูดอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “ผมจะส่งคุณกลับบ้านเอง” “ขอบคุณค่ะ” ทั้งสองคนออกมาจากแถวแรก ที่ทางออก ก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อเห็นว่าเขาคล้ายกำลังรอเธออยู่ เธอจึงหันไปหาถังเฉียวเซินและพูดว่า “ประธานถัง คุณออกไปก่อนนะคะ ฉันมีธุระนิดหน่อย” ถังเฉียวเซินเองก็เห็นรองประธานโจว อดีตรองประธานแห่งฉินกรุ๊ป “ก็ได้ ถ้ามีอะไรโทรหาผมนะ ผมจะไปรอข้างนอก” ถังเฉียวเซินพูดจบก็ก้าวยาว ๆ เดินออกไป เมื่อถังเฉียวเซินเดินไปแล้ว รองประธานโจวก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าฉินอันอันทันที“เธอวางแผนที่จะรับกา
ช่วงบ่าย ที่ตลาดดอกไม้ ฉินอันอันซื้อดอกแดฟโฟดิลไปสองกระถางเธออุ้มดอกแดฟโฟดิลไว้แล้วกลับไปที่บ้านเช่าของแม่ ยังไม่ถึงเวลาห้าโมงเย็น พูดตามหลักแล้วจางหยุนน่าจะยังไม่เลิกงาน แต่ทว่าจางหยุนกลับกำลังวุ่นอยู่ในครัว “แม่คะ วันนี้เลิกงานเร็วเหรอคะ?” ฉินอันอันเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ แล้วถือกระถางดอกไม้วางลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น จางหยุนเดินออกมาห้องครัวท่าทางกระดากอายเล็กน้อย “อันอัน แม่ไม่ได้ทำงานนั้นแล้วล่ะจ้ะ” จางหยุนอธิบาย “ลูกสะใภ้ของพี่สาวแม่เจอพี่เลี้ยงเด็กที่เป็นมืออาชีพมากกว่าแม่แล้ว” อันอันตอบรับเสียงเบา จากนั้นก็กอดแม่ “แม่ ไม่ต้องเศร้านะคะ” จางหยุนยิ้ม “แม่ไม่เป็นไรจ้ะ…ทำไมลูกถึงซื้อดอกไม้กลับมาสองกระถางล่ะ?” ฉินอันอันเหลือบมองบ้านเช่าที่เรียบง่ายแล้วเอ่ยว่า “บังเอิญเดินผ่านตลาดดอกไม้น่ะค่ะเลยซื้อกลับมาสองกระถาง” “อืม อันอัน ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องงานของแม่ ไม่มีงานก็หาใหม่ได้” “แม่คะ แม่ไม่ต้องหางานแล้ว พักผ่อนอยู่บ้านเถอะค่ะ!” ฉินอันอันพูดพร้อมกับหยิบบัตรธนาคารของเธอออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้แม่ “มีเงินอยู่ในบัตร แม่เอาไปใช้ได้เลย” จางหยุนผลักบัตรของเธอออก