เฮ่อจุนจือพยักหน้า “ใช่ครับ ผมเจอเขาที่ต่างประเทศ เขาอายุมากกว่าผมแปดปี ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ผมชอบไปกวนให้เขาพาผมไปเที่ยว” หลีเสี่ยวเถียนพยักหน้า “คุณสองคนอายุห่างกันเยอะมาก ตอนยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอคะ?” เฮ่อจุนจือ “ใช่ ทุกครั้งที่ผมสับสน เขาจะหาคำตอบให้เสมอ” หลีเสี่ยวเถียนจ้องหน้าของเขาแล้วล้อเลียน “คุณอายุยังน้อย มีเรื่องอะไรให้คิดมากเหรอ?” เฮ่อจุนจือกล่าวด้วยความเขินอาย “ผมอยากเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แต่ครอบครัวของผมไม่เห็นด้วย! เขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมาก และพ่อของผมก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน ดังนั้นผมจึงอยากให้เขาช่วยโน้มน้าวพ่อให้” หลีเสี่ยวเถียนเริ่มสนใจ “เขาชื่ออะไรเหรอ? ถ้าเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานขนาดนั้น ฉันน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง?” “คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขา เขาชื่อฟู่ซื่อถิง” เฮ่อจุนจือพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ หลีเสี่ยวเถียนตาเบิกกว้าง เธอปล่อยมือของเฮ่อจุนจือและพูดด้วยความตกใจ “คุณบอกว่าเขาแต่งงานสายฟ้าแลบ! โอ้พระเจ้า! เพื่อนของฉันชื่นชมเขามาก...ถ้าเธอรู้ข่าวนี้ เธอต้องร้องไห้หนักแน่!” เฮ่อจุนจ
หลีเสี่ยวเถียนขยิบตาให้ฉินอันอันรัว แต่ฉินอันอันกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฮ่อจุนจือและฟู่ซื่อถิง เธอจึงไม่ได้สบตาเธอ “คุณฉิน ผมไม่เคยบอกคุณว่าพี่ซื่อถิงกับผมรู้จักกันเพราะผมกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณ นั่นเพราะคุณก็มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดกับพี่ซื่อถิงมาก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง...ผมแค่อยากได้บริษัทของพ่อคุณจริง ๆ” เฮ่อจุนจืออธิบายให้ฉินอันอันฟังด้วยรอยยิ้ม หลีเสี่ยวเถียนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาไว้ใต้โต๊ะแล้วส่งข้อความถึงฉินอันอัน : อันอัน! เธออย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย! ฟู่ซื่อถิงต่างหากที่ต้องการซื้อบริษัทของเธอ! ฟู่ซื่อถิง! ฉินอันอันเปิดดูข้อความบนโต๊ะอย่างเปิดเผย หลังจากเห็นข้อความ เธอก็เงยหน้ามองเฮ่อจุนจือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องที่นายต้องการซื้อบริษัทของฉัน นายได้บอกฟู่ซื่อถิงแล้วหรือยัง?” เฮ่อจุนจือยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน “เคยบอกแล้ว ผมขอความเห็นจากเขา และเขาก็แนะนำให้ผมลองทำได้ หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมก็มองหาโครงการสำหรับลงทุนมาโดยตลอดตามที่เคยบอกคุณ” ข้อความของหลีเสี่ยวเถียนส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของฉินอันอันอีกครั้ง : อันอัน! เขาพู
ถ้าย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็เลือกที่จะทำแบบนั้นเหมือนเดิม เขาไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ฉินอันอันทำให้เขาพยายามพิจารณาและแก้ไขพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าระหว่างทางไม่เกิดความเข้าใจผิดและการทะเลาะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอคงไม่หยั่งรากลึกอยู่ในใจแบบนี้ ...... หลีเสี่ยวเถียนวิ่งตามฉินอันอันออกไปนอกร้านอาหาร พลันคว้าแขนของเธอไว้ “อันอัน ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าที่แท้เธอแต่งงานกับฟู่ซื่อถิง! ข่าวนี้น่าเซอร์ไพรส์มาก!” หลีเสี่ยวเถียนตื่นเต้นมากจนเวียนหัวตาลาย ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ “เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันโดนเขาปั่นหัว” “เฮ่อจุนจือบอกว่าเขาต้องการช่วยเธอ แต่เขาไม่กล้าแสดงตัว เรื่องมันเลยกลายเป็นแบบนี้” หลีเสี่ยวเถียนคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ควรกลายเป็นเช่นนี้ “อันอัน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ! เข้าไปฟังคำอธิบายจากปากเขา...” ฉินอันอันปล่อยมือของหลีเสี่ยวเถียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเย็นชา “เธอเข้าไปเถอะ! ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว” เธอเรียกรถข้างทางแล้วจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว หลีเสี่ยงเถียนหันหลังและกำลังจะเดินกลับเข้าไ
“แม่ หนูอยากย้อนเวลากลับไปจัง” ฉินอันอันพึมพำ “ถึงจะยากจนสักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร” “อันอัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การหนีเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด” จางหยุนนั่งลงข้าง ๆ เธอ “ถ้าลูกดูแลบริษัทของพ่อไม่ไหว ก็ปล่อยให้มันล้มละลายไป เงินหาตอนไหนก็ได้ แต่ลูกจะดรอปการเรียนของตัวเองไม่ได้” ฉินอันอันมองแม่พลางใช้นิ้วเรียวลูบรอยย่นบนใบหน้าของแม่เบา ๆ “แม่ หนูไม่ได้จะหนี หนูแค่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” “เหนื่อยก็พัก ลูกกินข้าวเย็นมาหรือยัง?” ฉินอันนันส่ายหน้า “เดี๋ยวแม่ไปทำให้” จางหยุนลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว เวลาสองทุ่ม ฉินอันอันเข้าไปพักผ่อนในห้อง ขณะที่จางหยุนเก็บขยะในครัวและลงไปทิ้งขยะชั้นล่าง คาดไม่ถึงว่าฝนจะตก ฝนตกไม่หนัก แต่ตกอย่างต่อเนื่อง จางหยุนขี้เกียจขึ้นไปหยิบร่มชั้นบน เธอจึงรีบตากฝนออกไป เธอวิ่งไปที่ถังขยะแล้วรีบโยนขยะลงถัง พอหันกลับมาเธอเห็นร่างหนึ่งท่ามกลางสายฝนยืนอยู่ที่หน้าประตูตึก ตอนที่เธอรีบเดินออกมา เธอไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ เธอรีบวิ่งไปที่ประตูตึกและมองไปที่ร่างนั้น ยังไม่ทันได้สังเกตุให้ดี ๆ เธอก็ต้องตกใจเสียก่อน ชายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเปียกโชกไปด้
“หนูสงสารเขา แล้วใครสงสารหนูบ้าง?” ฉินอันอันวางถ้วยน้ำขิงลงบนเตาแล้วเดินกลับไปที่ห้อง “แม่ เขาไม่เคยให้เกียรติหนูเลย แม้แต่วันเดียวก็ไม่มี” จางหยุนเอ่ยตอบ “สถานะของลูกกับเขาแตกต่างกันมาก แม่เข้าใจว่าเขาทำตัวหยิ่งผยองต่อลูก ลูกอย่าไปมองอดีตของเขา จงมองปัจจุบันและอนาคตของเขาว่าจะเป็นยังไง?...” ฉินอันอันขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมแม่ต้องพูดแทนเขาตลอดเวลาเลยคะ? หรือแม่คิดว่าเขาจะใจดีดูแลเราสองคนแม่ลูกได้?” จางหยุนเงียบไป “ถึงเสือจะดุร้ายแค่ไหน มันก็ไม่กินลูกตัวเอง เขาต้องมีเหตุผลแน่ ๆ” หลังจากนั้นครู่หนึ่งจางหยุนก็กล่าวต่อ “แม่คิดว่าเขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองและมาที่นี่เพื่อขอโทษลูก แสดงให้เห็นว่าเขามีลูกอยู่ในใจไม่มากก็น้อย” ฉินอันอันเอามือปิดหู “แม่ หนูไปนอนก่อนนะคะ หนูปวดหัว” เมื่อเห็นการพฤติกรรมต่อต้านของเธอ จางหยุนก็พูดอะไรไม่ได้ จางหยุนออกมาจากห้องและคิดว่าจะลงไปบอกให้ฟู่ซื่อถิงกลับไป หลังจากที่เธอเดินออกมา ฉินอันอันก็ถอนหายใจยาว... ‘ปวดหัวชะมัด’ ‘ปวดจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว’ ทุกครั้งที่นึกถึงชื่อเขา ใบหน้าของเขา เธอจะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ ประมาณยี่สิบ
ทันใดนั้นเฮ่อจุนจือก็ตระหนักได "แล้วเราควรทำยังไงดี? เราต้องให้พี่ซือถิงขอร้องเธอรึเปล่า?" โจวจื่ออี้ “ฉันจะไปพบพวกเขาหลังเลิกงาน” เฮ่อจุนจือ “ไม่งั้น ให้ผมขอให้แฟนของผมไปหาฉินอันอันดีไหม?” โจวจื่ออี้ “แฟนของนายใครคือ?” เฮ่อจุนจือกระแอม “เพื่อนสนิทของฉินอันอัน...เธอคือคนที่บอกเรื่องนี้ให้ฉินอันนันรู้ ให้ตายเถอะ...ถ้าผมไม่ชอบเธอ ผมคงเลิกกับเธอไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจ “นายช่างสรรหาจริง ๆ!” เฮ่อจุนจือ “ผมโดนสอดแนม ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอจะฉลาดขนาดนี้” โจวจื่ออี้ “ฉันว่าต่อไปคงบอกเรื่องอะไรกับนายไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในเรือลำเดียวกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว” เฮ่อจุนจือน้อยใจ “พี่จื่ออี้ ผมจะยึดถือเส้นตายของผมเป็นหลัก! พี่ซื่อถิงคือเส้นตายของผม” ...... ตอนเย็น เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้มาเยี่ยมฟู่ซื่อถิงที่บ้านตระกูลฟู่ “คุณผู้ชายกลับมาตอนตีห้า…บอดี้การ์ดบอกว่าเขาตากฝนที่บ้านแม่ยายทั้งคืน เขาสลบไปตอนประมาณตีสี่ เราจึงพาเขากลับมาค่ะ” ป้าจางพูด “ตอนนี้เขาอยู่ในห้อง ไข้ขึ้นเมื่อตอนเที่ยง พอบ่ายไข้ถึงลด แต่ตอนนี้เขาไข้ขึ้นอีกแล้ว” เซิ่งเป่ยและ
ใบหน้าของฉินอันอันชุ่มไปด้วยน้ำ น้ำอุ่น แต่เธอกลับรู้สึกหนาวเหน็บ “ถังเฉียน! เธอทำอะไรของเธอ?!” ถังเฉียวเซินพลันลุกขึ้นคว้าแขนถังเฉียนดึงออกไป “พี่เฉียวเซิน! ไม่ต้องมาห้ามฉัน! คืนนี้ฉันจะสั่งสอนเธอสักหน่อย!” ดวงตาของถังเฉียนเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำเสียงคมชัดของเธอดังไปทั่วห้องรับรอง ถังเฉียวเซินตะโกนดังลั่น “เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!” ถังเฉียนไม่เคยถูกพี่ชายตัวเองตะคอกเสียงแบบนี้ใส่ในที่สาธารณะ ความโกรธในใจพลันเดือดพล่านขึ้น เธอสะบัดมือพี่ชายออกอย่างแรง และกำลังจะลงมือทำร้ายฉินอันอัน ฉ่า! น้ำผลไม้หนึ่งแก้วสาดลงบนใบหน้าของเธอ ฉินอันอันวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแล้วมองถังเฉียนด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าคิดจะรังแกคนอย่างฉัน เธอต้องแน่จริง ๆ” จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ใบหน้าของฉินอันอันและถังเฉียน น้ำอุ่นที่ราดลงบนหน้าของฉินอันอันก็แค่ทำให้เปียกชุ่ม แต่ใบหน้าของเธอยังคงสะอาดและเด่นชัด แต่น้ำผลไม้ที่สาดใส่หน้าถังเฉียนคือน้ำแตงโม น้ำแตงโมสีแดงชุ่มไปทั่วใบหน้าและเส้นผมของเธอ... ใบหน้าที่สวยงามกลับดูตลกขึ้น “พวกคุณทานข้าวกันเถอะ! ฉันขอตัวก่อน” ฉินอันอันพูดพลางเ
‘ฟู่ซื่อถิงยืนอยู่ท่ามกลางความหนาวแบบนี้ เขาคงจะหนาวไม่น้อยเลยใช่ไหมนะ?’ รถคันหนึ่งมาจอดที่ลานหน้าโรงแรม ประตูรถเปิดออก เฮ่อจุนจือและหลีเสี่ยวเถียนลงจากรถ หลังจากที่พวกเขาลงจากรถแล้วก็มีรถคันอื่นมาจอดข้างหน้าพวกเขาทั้งคู่ นั่นคือเซิ่งเป่ย “พี่เป่ย” เฮ่อจุนจือทัก เซิ่งเป่ย “นายมาทำอะไรที่นี่?” เฮ่อจุนจือ “ผมพาแฟนมาตามหาฉินอันอัน...” ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หลีเสี่ยวเถียนก็เดินไปหาฉินอันอันและโผเข้ากอดเธอ “ฉันก็มาตามหาเธอเหมือนกัน” เซิ่งเป่ยหรี่ตาเฉี่ยวมองร่างของฉินอันอันที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดต่อ “หรือฉันจะฝากฝังนายดี? พาเธอไปที่บ้านตระกูลฟู่ให้เร็วที่สุด” เฮ่อจุนจือ “ครับ แฟนผมจัดการเอง พี่ไม่ต้องเป็นห่วง” เซิ่งเป่ยหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่ใช่เพราะแฟนนาย พวกเขาคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” เฮ่อจุนจือหน้าแดง “แฟนของผมแค่เปิดเผยก่อนเวลาสมควรก็แค่นั้นเอง...” เซิ่งเป่ย “ช่างเถอะ มาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ฉันขอตัวก่อนละกัน” เฮ่อจุนจือพยักหน้า หลังจากที่เซิ่งเป่ยกลับไปแล้ว หลีเสี่ยวเถียนจูงมือฉินอันอันเข้าไปในรถของเฮ่อจุนจือ “เฮ่อจุนจือ ขับไปที่บ้านของฉัน” เฮ่อจุนจือยกมือ