มื้อเช้าทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกัน เธอกินบะหมี่กับน้ำเต้าหู้ เขากินซีเรียลกับนม“ขอบคุณที่ช่วยฉันตามหาโทรศัพท์กลับมาเมื่อคืนนี้นะคะ” เธอเอ่ยปากทำลายความเงียบ “แม่ผมทำร้ายคุณ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ” เขาเองก็เอ่ยปาก แสดงคำขอโทษที่เขาเก็บกดไว้ในใจออกใาด้วยเช่นกัน ฉินอันอันหน้าร้อนผะผ่าว “คุณไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย จะขอโทษฉันทำไม?” “การตบหน้ามันไม่ดี” เสียงของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย “ถ้ามีใครมาแตะหน้าผม ผมก็จะ…” ฉินอันอันไม่รอให้เขาพูดจบ เธอยกมือขึ้นแล้วเลื่อนไปบนแก้มเขาเบา ๆ ผิวของเขาละเอียดและเรียบเนียน ทำให้มือที่สัมผัสรู้สึกดี ฟู่ซือถิง “…”ดวงตาของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น ลูกกระเดือกขยับ แก้วนมในมือสั่นไหวเบา ๆ “เอาล่ะ ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะคะ” เธอหลุบตาลงดื่มน้ำเต้าหู้ แต่การเต้นของหัวใจไม่เป็นจังหวะนิ้วมือที่สัมผัสแก้มเขา ระอุราวกับถูกไฟไหม้ เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบกินอาหารเช้าจนเสร็จ แล้วกลับไปหลบในห้องวันนี้รอยแผลบนแก้มจางลงมากกว่าเมื่อวาน แล้วก็ไม่เจ็บมากแล้ว เธอทารองพื้นเป็นชั้นบาง ๆ เพื่อปกปิดรอยช้ำบนหน้าของเธอ เธอไม่อาจอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้อีกต่
หากพูดคำเหล่านี้ของเซิ่งเป่ยเอ่ยขึ้นที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฉินอันอันคงไม่ขึ้นรถของเขาหรอก “คุณเซิ่ง ฉันรู้ว่าคุณอยากเอาใจเขา…” ฉินอันอันกล่าว “ทำไมต้องเอาใจล่ะ? คุณไม่เคยให้ของขวัญเพื่อนเลยเหรอ?” เซิ่งเป่ยตอบเธอด้วยรอยยิ้ม “วันเกิดของเรา เขาก็ให้ของขวัญเราเหมือนกัน” “โถ่...พอเขาไม่อยากได้ของขวัญ คุณก็เลยไม่ให้เขาเหรอ? แสดงว่าคุณไม่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อน หรือแม้แต่เจ้านายเลยล่ะสิ” ฉินอันอันกล่าว “คุณอย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยดีกว่า คุณไม่เคยได้ยินคำว่ากรรมตามสนองเหรอ? ถ้าฉันรับของที่คุณนำมาเพราะเจตนาจะเอาใจเขา ก็เท่ากับฉันรับของจากเขาด้วย ต่อไปถ้าเขาทำให้ฉันโกรธ ฉันก็ด่าเขาได้ไม่เต็มปากน่ะสิ” เซิ่งเป่ยตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ ‘ด่าเขาได้ไม่เต็มปาก?’ ‘ปกติเธอทำกับเขาแบบนั้นเหรอ?’ เซิ่งเป่ยเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้านายของเขาอาจมีแนวโน้มชอบความรุนแรง “คุณลองหาทางอื่นดูเถอะ! ฉันต้องขอตัวก่อน” หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ เธอก็กำลังจะเดินจากไป เซิ่งเป่ยรีบคว้าแขนของเธอไว้ทันที “คุณฉิน วันเกิดของซื่อถิงปีนี้สำคัญเป็นพิเศษ” เซิ่งเป่ยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยทักษะการแสดงที่สมบูรณ
ฉินอันอันใจลอย จู่ ๆ เธอก็จำบางสิ่งได้ จึงเอ่ยถามว่า “เรื่องฟู่เย่เฉิน นี่ไม่ใช่ฝีมือของฟู่ซื่อถิงใช่ไหมคะ?” เซิ่งป่ยประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ? ฟู่เย่เฉินไม่ได้มีปัญหาเรื่องการพนันเพราะตัวเองหรอกเหรอครับ? จะเกี่ยวกับฟู่ซื่อถิงได้ยังไง?” ฉินอันนันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจิบน้ำ “เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ แล้วขอให้ฉันคุกเข่าขอร้องเขาด้วย” เซิ่งเป่ย “...” เขาก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ “พวกคุณสองคนกำลังจะเล่นอะไรกัน? นึกแล้วเชียวใครมันจะไปชอบโดนด่าได้ทั้งวันทั้งคืน…ที่แท้คุณสองคนก็จงใจนี่เอง คงทะเลาะกันจนสนุกเลยใช่ไหมครับ?!” ฉินอันอันไม่ยอมรับ “ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น เขาต่างหากที่ชอบทำให้ฉันโกรธ” “ก็แน่สิ! เขากับคุณก็น่าคิดเหมือนกัน” “ฉันก็เลยเข้ากับเขาไม่ได้” ฉินอันอันจิบน้ำอีกครั้ง “คู่รักจะทะเลาะกันบ้างก็ไม่แปลกหรอก บางคนทะเลาะกันจนความรู้สึกของพวกเขาถูกเปิดเผย” “มีคู่รักทะเลาะและเลิกกันมาก็เยอะ” ฉินอันอันกล่าว “คุณไม่คิดว่าถังเฉียนเหมาะกับเขามากกว่าเหรอ? พวกเขาอยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย…” เซิงเป่ย “เพราะไม่มีความรู้สึก จึงไม่มีปัญหา หัวใจของซื่อถ
เธอมั่นใจว่าตอนนั้นไม่ได้ซื้อสร้อยคอเส้นนี้มา แต่ทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้? เธอออกมาจากห้องและบังเอิญเจอฟู่ซื่อถิงกำลังลงบันไดมาพอดี เธอระงับความกังวลใจและเอ่ยถามเขา “ฟู่ซื่อถิง สร้อยนี่มันอะไรกัน?” ถึงแม้เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่สัญชาตญาณเธอบอกว่าเขารู้ เซิ่งเป่ยต้องบอกเขาแล้วแน่นอน ฟู่ซื่อถิงอึดอัดเล็กน้อย “เซิ่งเป่ยซื้อมา” เขาหยุดชะงักแล้วพูดต่อ “ผมดูราคาแล้ว มันก็ถูกเกินไป และไม่มีใครอยากได้ ผมก็เลยเอามาให้คุณ” ฉินอันอันกำลังคิดคำและประโยคในหัว เธอคิดว่าจะคืนสร้อยคอให้เขาได้อย่างไร แต่หลังจากที่เขาพูดจบ ในหัวของเธอก็ว่างเปล่า ‘ราคาถูกเกินไป ไม่มีใครอยากได้ ก็เลยเอามาให้เธอ’ ‘ดีจริง ๆ!’ ‘พูดแบบนี้ เธอน่าจะเก็บมันไว้!’ “ฉินอันอัน มากินข้าวด้วยกันสิ” ฟู่ซื่อถิงเรียกเธอ เธอต้องการปฏิเสธ แต่ร่างกายของเธอกลับสวนทางเป็นเพราะรับของขวัญไปแล้วหรือเปล่า? ทั้งสองเข้าไปในห้องทานอาหารแล้วนั่งลง ป้าจางนำอาหารเย็นมาเสิร์ฟที่โต๊ะให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉินอันอันประคองถ้วยและรับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ‘คืนนี้เขาชวนฉันกินข้าวเย็น ไม่ใช่ว่า
“คุณมีสิทธิ์โหวตปฏิเสธ” ฉินอันอัน “ฟู่ซื่อถิง กินข้าวกันเถอะ! ถึงฉันจะร่วมงานกับถังเฉียวเซิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบเขาสักหน่อย! ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะเล่นด้วยกับเขาล่ะ? ฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฟู่ซื่อถิง “...” หลังอาหารเย็น ฉินอันอันก็กลับมาที่ห้องและเปิดอ่านอีเมลที่ถังเฉียวเซินส่งมาเมื่อคืนนี้อย่างละเอียด หลังจากอ่านจบ จิตใจของเธอกระวนกระวายอยู่พักใหญ่ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายบริหารของบริษัทเลย แต่เธอเข้าใจแผนการของถังเฉียวเซิน และรู้สึกว่าตามแผนของเขาแล้ว ฉินกรุ๊ปอาจจะสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ถ้าถังเฉียวเซินไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของถังเฉียน เธอคงตกลงร่วมมือกับเขาทันที เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วนอนลงบนเตียง ขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่ สายตาก็เห็นข้อความจากหลีเสี่ยวเถียน : อันอัน! ฉันนอนกับเฮ่อจุนจือแล้วนะ! ฮือ ฮือ ฮือ! ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังตกหลุมรักเขาเลย! ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดมันจะกลายเป็นแบบนี้ แต่ถึงเฮ่อจุนจือจะแปลกไปสักหน่อย เขาก็รูปร่างหน้าตาที่ดี ฉินอันอันตอบเธอ : ถ้าเธอชอบเขาก็ลองคุยกับเขาดู นี่มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเธอ!
เฮ่อจุนจือพยักหน้า “ใช่ครับ ผมเจอเขาที่ต่างประเทศ เขาอายุมากกว่าผมแปดปี ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ผมชอบไปกวนให้เขาพาผมไปเที่ยว” หลีเสี่ยวเถียนพยักหน้า “คุณสองคนอายุห่างกันเยอะมาก ตอนยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอคะ?” เฮ่อจุนจือ “ใช่ ทุกครั้งที่ผมสับสน เขาจะหาคำตอบให้เสมอ” หลีเสี่ยวเถียนจ้องหน้าของเขาแล้วล้อเลียน “คุณอายุยังน้อย มีเรื่องอะไรให้คิดมากเหรอ?” เฮ่อจุนจือกล่าวด้วยความเขินอาย “ผมอยากเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แต่ครอบครัวของผมไม่เห็นด้วย! เขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมาก และพ่อของผมก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน ดังนั้นผมจึงอยากให้เขาช่วยโน้มน้าวพ่อให้” หลีเสี่ยวเถียนเริ่มสนใจ “เขาชื่ออะไรเหรอ? ถ้าเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานขนาดนั้น ฉันน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง?” “คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขา เขาชื่อฟู่ซื่อถิง” เฮ่อจุนจือพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำ หลีเสี่ยวเถียนตาเบิกกว้าง เธอปล่อยมือของเฮ่อจุนจือและพูดด้วยความตกใจ “คุณบอกว่าเขาแต่งงานสายฟ้าแลบ! โอ้พระเจ้า! เพื่อนของฉันชื่นชมเขามาก...ถ้าเธอรู้ข่าวนี้ เธอต้องร้องไห้หนักแน่!” เฮ่อจุนจ
หลีเสี่ยวเถียนขยิบตาให้ฉินอันอันรัว แต่ฉินอันอันกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฮ่อจุนจือและฟู่ซื่อถิง เธอจึงไม่ได้สบตาเธอ “คุณฉิน ผมไม่เคยบอกคุณว่าพี่ซื่อถิงกับผมรู้จักกันเพราะผมกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณ นั่นเพราะคุณก็มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดกับพี่ซื่อถิงมาก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง...ผมแค่อยากได้บริษัทของพ่อคุณจริง ๆ” เฮ่อจุนจืออธิบายให้ฉินอันอันฟังด้วยรอยยิ้ม หลีเสี่ยวเถียนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาไว้ใต้โต๊ะแล้วส่งข้อความถึงฉินอันอัน : อันอัน! เธออย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย! ฟู่ซื่อถิงต่างหากที่ต้องการซื้อบริษัทของเธอ! ฟู่ซื่อถิง! ฉินอันอันเปิดดูข้อความบนโต๊ะอย่างเปิดเผย หลังจากเห็นข้อความ เธอก็เงยหน้ามองเฮ่อจุนจือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องที่นายต้องการซื้อบริษัทของฉัน นายได้บอกฟู่ซื่อถิงแล้วหรือยัง?” เฮ่อจุนจือยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน “เคยบอกแล้ว ผมขอความเห็นจากเขา และเขาก็แนะนำให้ผมลองทำได้ หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมก็มองหาโครงการสำหรับลงทุนมาโดยตลอดตามที่เคยบอกคุณ” ข้อความของหลีเสี่ยวเถียนส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของฉินอันอันอีกครั้ง : อันอัน! เขาพู
ถ้าย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็เลือกที่จะทำแบบนั้นเหมือนเดิม เขาไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ฉินอันอันทำให้เขาพยายามพิจารณาและแก้ไขพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าระหว่างทางไม่เกิดความเข้าใจผิดและการทะเลาะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอคงไม่หยั่งรากลึกอยู่ในใจแบบนี้ ...... หลีเสี่ยวเถียนวิ่งตามฉินอันอันออกไปนอกร้านอาหาร พลันคว้าแขนของเธอไว้ “อันอัน ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าที่แท้เธอแต่งงานกับฟู่ซื่อถิง! ข่าวนี้น่าเซอร์ไพรส์มาก!” หลีเสี่ยวเถียนตื่นเต้นมากจนเวียนหัวตาลาย ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ “เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันโดนเขาปั่นหัว” “เฮ่อจุนจือบอกว่าเขาต้องการช่วยเธอ แต่เขาไม่กล้าแสดงตัว เรื่องมันเลยกลายเป็นแบบนี้” หลีเสี่ยวเถียนคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ควรกลายเป็นเช่นนี้ “อันอัน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ! เข้าไปฟังคำอธิบายจากปากเขา...” ฉินอันอันปล่อยมือของหลีเสี่ยวเถียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเย็นชา “เธอเข้าไปเถอะ! ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว” เธอเรียกรถข้างทางแล้วจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว หลีเสี่ยงเถียนหันหลังและกำลังจะเดินกลับเข้าไ