เธอยัดถุงไว้ในมือของเขา “ฟู่สือถิง เมื่อกี้ลูกในท้องดิ้น ตอนนี้เขาได้ยินทุกอย่างที่คุณพูดกับฉันแล้ว” เขามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต “ผมขอสัมผัสท้องคุณได้ไหม?” เขาถามคำถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้เขาไม่ดิ้นแล้ว เขายังเล็กอยู่ ไม่ได้ดิ้นบ่อยนักหรอก” นี่เป็นการตั้งครรภ์ครั้งที่สองของเธอ แต่ความรู้สึกแตกต่างไปจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนที่เธอท้องครั้งแรก เพราะกลัวว่าเขาจะรู้ เธอจึงได้แต่อดทนต่อปฏิกิริยาทั้งหมดระหว่างตั้งครรภ์อย่างเงียบ ๆ เป็นความรู้สึกกลัวมากกว่าความสุขในการเป็นแม่ แต่การตั้งครรภ์ครั้งนี้ เธอสามารถเพลิดเพลินไปกับปฏิกิริยาทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ ฝ่ามือใหญ่ของเขาสัมผัสท้องเป่งของเธอ ความอบอุ่นของฝ่ามือเขาแผ่ไปยังแขนขาของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอตึงเครียดทันที ทารกในท้องคงรู้สึกถึงความกังวลใจของแม่จึงเตะท้องด้วยเท้าเล็ก ๆ ของเขา! “เขาขยับอีกแล้ว!” ฉินอันอันไม่สามารถระงับเสียงได้ “ผมรู้สึกได้!” เขาคล้อยตาม จู่ ๆ ความมืดก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง “เจ็บไหม?” “ไม่เจ็บ ตอนนี้เขายังแรงไม่เยอะ” “อืม หิวไหม? ผมพาไปหาอะไรกิน” ในตอนนี้หัวใจขอ
ผู้หญิงคนนี้ใจดำอำมหิต! จู่ ๆ ก็ควักตาเธอออกมา! โลกของเธอมืดลง เธอตาบอด! เธอออกไปทำงานไม่ได้อีกต่อไป และชีวิตเธอก็พังยับเยิน! เธอหมดหวังมากจนเธออยากจะตาย แต่ตอนนี้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่ความตายก็กลายเป็นความหวังที่เกินตัว! เรื่องนี้ไปถึงฟู่สือถิงในตอนกลางคืน ฟู่ฮั่นโทรหาเขาและอธิบายเรื่องนี้คร่าว ๆ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉินอันอันจึงจำเป็นต้องบอกเขา “อาการของเสิ่นอวี๋ยังไม่เสถียร ตอนที่เธอยังโอเคอยู่ แต่พอเธอตื่น เธอริ่มกรีดร้อง เอาแต่พูดว่าฉินอันอันเป็นคนควักตาของเธอ…” ฟู่สือถิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ผมเห็นใจชะตากรรมของเธอจริง ๆ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ฉินอันอันจะทำแบบนั้น” “ใช่ ฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ฉินอันอันจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่เห็นเสิ่นอวี๋แบบนี้แล้วก็ทำให้ฉันไม่สบายใจ เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเย่เฉิน แม้ว่าเด็กจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าสภาพจิตใจของเธอยังไม่ดีขึ้น อาจจะส่งผลต่อเด็กได้” ฟู่ฮั่นถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาเปิดโทรศัพท์มือถือและค้นหาเบอร์โทรของฉินอันอัน เขาอยากโทรไปถาม แต่หลังจากลั
เสิ่นอวี๋ส่ายหน้า “ฉันมองไม่เห็น… เพราะกว่าที่ฉันจะรู้ตัว ดวงตาของฉันก็โดนควักออกมาแล้ว! ฉันเจ็บปวดจนอยากจะตาย! ฉันได้ยินเสียงอันอันพูดว่านี่คือการลงโทษ... ฉันได้ยินชัดเจน… สือถิง ฉันพูดจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันไม่โกหกคุณหรอก! “เสียงของเธอเหรอ?” ฟู่สือถิงถามด้วยความประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอว่าฟังไม่ผิด?” “ไม่ผิดแน่! ฉันไม่มีทางจำเสียงของเธอผิด! เพราะฉันเกลียดเธอมาก!” เสิ่นอวี๋จับมือฟู่สือถิงไว้แน่นราวกับกำลังจับฟางช่วยชีวิต “สือถิง! ฉันไม่กล้าโกหกคุณหรอก! ถ้าฉันโกหก คุณคงดูออกไปนานแล้ว! ฉันขอร้องคุณล่ะ... ช่วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราด้วยเถอะนะ สงสารฉันเถอะ…” ฟู่สือถิงมองไปที่ริมฝีปากสั่นเทาและใบหน้าซีดเซียวของเสิ่นอวี๋ และรู้สึกหนักใจมาก สัญชาตญาณบอกเขาว่า เสิ่นอวี๋ไม่ได้โกหก แต่มีอีกเสียงหนึ่งในใจเตือนเขาว่า ไม่มีทางที่ฉินอันอันจะทำเรื่องแบบนั้น! “เสิ่นอวี๋ ผมจะไปสืบให้เอง” เขาสัญญา “จนกว่าจะรู้ความจริง คุณควรดูแลตัวเองให้ดี” เสิ่นอวี๋ส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่...ฉันไม่มีทางรอดหรอก... เดี๋ยวพ่อของฉันมา ฉันจะกลับไปประเทศบีกับเขา ฉันจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ และ
ร่างของฉินอันอันถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ประกายในดวงตาของเธอจางหายไปทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้! ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเธอเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย! เพียงเพราะว่าเธอมีปัญหากับเสิ่นอวี๋เมื่อวานนี้ ก็ต้องเป็นฝีมือเธอแล้วเหรอ? ตลกสิ้นดี! “ฉินอันอัน!” เมื่อเขาเห็นเธอถอยกลับ จู่ ๆ หัวใจของเขาก็บีบรัด “ตอบคำถามผม!” “ฟู่สือถิง ฉันเกลียดคุณ! ฉันเริ่มเกลียดคุณอีกแล้ว!” ฉินอันอันตะโกนดังกว่าเขา “ทุกครั้งที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกับคุณ คุณก็จะแสดงให้ฉันเห็นว่าคุณมันน่ารังเกียจแค่ไหน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอระเบิดออกมาและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกยังคงซัดใส่หลังของเขา ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน และสายตาที่เขามองเธอก็ร้อนผ่าว การปะทะด้วยความเย็นเยือกและร้อนรุ่มทำให้เขามองข้ามเหตุผลและก้าวเข้ามาหาเธอ “คุณไม่ได้ทำใช่ไหม?” เขาเดินไปหาเธอแล้วจับไหล่เล็ก ๆ ของเธอไว้แน่นพลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฉินอันอัน ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น! ผมมาถามคุณ เพราะผมอยากได้ยินจากปากว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ!” “ฉันไม่ได้ทำ!” เธอพูดพลางดวงตาสีแดงเข้มด้
เขาจ้องมองเธอเดินออกไปด้วยความสับสน ในใจไม่ทันได้ตอบสนอง ร่างกายของเขาก็เดินไปหาเธอก่อนแล้ว! เขาอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง แม้ว่าเธอจะเผชิญกับสายฝนเพียงไม่กี่วินาที แต่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำฝน...หรืออาจจะเป็นน้ำตา! “อันอัน ผมไม่ได้สงสัยคุณ ถ้าคุณบอกว่าไม่ได้ทำ ก็แปลว่าคุณไม่ได้ทำ” เขาอุ้มเธอไปที่โซฟา วางเธอลง แล้วเขาก็นั่งยอง ๆ ข้างเธอ แล้วอธิบาย “เสิ่นอวี๋ยืนยันว่าเป็นคุณเป็นคนทำร้ายเธอ ถ้าเธอแจ้งตำรวจ ตำรวจจะต้องมาหาคุณแน่ ผมไม่อยากให้คุณถูกสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย หากเราสามารถแสดงหลักฐานตอนที่คุณไม่อยู่ในเหตุการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ ตำรวจจะได้ไม่ต้องมาหาคุณ” ฉินอันอันเห็นสภาพเขาที่เปียกผอนมอมแมมแล้วทำให้เธอโกรธไม่ลง “วันนี้ฉันไปหาเว่ยเจินมา” น้ำเสียงของเธอนิ่งเฉย “ฉันอยู่บ้านเขาทั้งวัน” “คุณอยู่บ้านเขาทั้งวันเลยเหรอ?” ความอ่อนโยนในดวงตาของฟู่สือถิงหายไป และน้ำเสียงของเขาก็ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ คุณอยากถามใช่ไหมว่าฉันไปทำอะไรที่บ้านของเขา?” เธอมองสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเป็นความกังวลและเจ็บปวด “นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันบอกคุณไม่ได้” ฟู่สือถิงรู้สึ
‘ผู้หญิงอยู่บ้านผู้ชายทั้งวัน แล้วผู้หญิงบอกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอและไม่สามารถบอกใครได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะธรรมดาได้ยังไง?’ ในมุมมองของฟู่สือถิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเรียกได้ว่าพิเศษอีกด้วย! “ผมรู้ครับ” เขาได้ยินเสียงของตัวเองโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ ไม่สนใจเหรอ? ไม่ใช่ ไม่มีแรงต่างหาก ฉินอันอันจะไปอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนอื่นทั้งวันโดยไม่บอกเหตุผล เขาจะทำอะไรได้? ง้างปากเธอได้เหรอ? ต่อให้เธอยอมอ้าปาด เธอก็คงไม่พูดอะไร ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยหลักฐานว่าฉินอันอันไม่ได้อยู่กับเสิ่นอวี๋ในเวลาที่เกิดเหตุ หลังจากได้ยินสิ่งนี้แล้ว เสิ่นอวี๋กลับไม่เชื่อ “ตอนนี้ฉันตาบอด ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย จะให้เป็นไปตามที่คุณพูดคงไม่ได้… ฉันไม่เชื่อพวกคุณหรอก!” เสิ่นอวี๋กล่าวด้วยอารมณ์ที่รุนแรง “คุณเสิ่น คุณสามารถบอกให้ญาติของคุณตรวจสอบหลักฐานเหล่านี้ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดพร้อมกับมองไปที่ฟู่เย่เฉิน “คุณเป็นญาติของเธอหรือเปล่า?” ฟู่เย่เฉินกล่าวทันที “คุณตำรวจ ผมเชื่อในผลการสอบสวนของตำรวจครับ” เสิ่นอวี๋ตะโกนสุดปอด “เขาไม่ใช่ญาติของ
“เมื่อคืนฝนตกหนักขนาดนั้น เธอเปิดประตูทำไมเหรอ?” ที่จริงไมค์เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ไม่อยากแสดงออก ถ้าเธอไม่อยากให้เขารู้ เขาก็ไม่ถาม “เสิ่นอวี๋บอกว่าตอนเธอถูกควักลูกตาเธอได้ยินเสียงฉัน” สีหน้าท่าทางของฉินอันอันนั้นเย็นชาและน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่า “ถึงจะเป็นคำโกหกที่ไม่ได้เรื่องขนาดนั้น แต่กลับมีคนเชื่อ” ไมค์ “โชคดีที่พี่เว่ยเป็นพยานให้เธอได้ ว่าแต่เมื่อวานเธอไปทำอะไรที่บ้านพี่เว่ยเหรอ?” “มีธุระเรื่องงานนิดหน่อย” เธอตอบเลี่ยง ๆ “แต่ถ้าฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้ ไม่มีใครเชื่อแน่นอน” “มีอะไรให้ไม่เชื่อล่ะ เธอกับพี่เว่ยรู้สึกรักกันฉันชู้สาวได้อีกเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเธอสองคนคบกันไปนานแล้ว” ไมค์พูดเหน็บแนม “แต่พูดตามตรงนะ ฉันเองก็ยังชอบผู้ชายแบบพี่เว่ยมากเลย แต่ว่าผู้ชายแบบพี่เว่ยก็ชอบแต่ผู้หญิงไม่ดี” ฉินอันอันโต้กลับ “พี่เว่ยไม่มีทางคบกับผู้หญิงไม่ดีแน่” “ฉันไม่ได้พูดว่าพี่เว่ยคบกับผู้หญิงไม่ดี ฉันบอกว่าเขาชอบผู้หญิงไม่ดี” “นายอย่าพูดแบบนั้นนะ! ผู้หญิงดี ๆ ก็ชอบพี่เว่ยเหมือนกัน!”“ได้ ๆ! ฉันพูดผิดเอง พี่เว่ยจะต้องได้เจอผู้หญิงที่ดีมาก ๆ แน่นอน” ไมค์แก้ไขคำพูด ฉินอั
“ผมทรมานเธองั้นเหรอ?” เขาพึมพำแล้วจู่ ๆ ก็พูดเสียงดังขึ้นอย่างเย็นชา “เว่ยเจิน คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองหน้าไม่อายมากหรือไง?” “ผมหน้าไม่อาย ความผิดทั้งหมดอยู่ที่ผม แต่ขอล่ะอย่ามองอันอันด้วยทัศนคติที่คับแคบของคุณ” น้ำเสียงของเว่ยเจินสงบและตรงไปตรงมา “อันอันมาหาผมเมื่อคืน เหตุผลแรกเพื่อมาค้นหาบันทึกทางการแพทย์ของศาสตราจารย์หูชิงก่อนหน้าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เหตุผลที่สองคือแสดงแผนการรักษาให้ผมดู เพื่อให้ผมแสดงความคิดเห็น ถึงแม้ระดับความรู้ทางการแพทย์ของผมจะไม่ล้ำลึกเท่าเธอ แต่ความรู้ทางทฤษฎีองผมค่อนข้างดี” เมื่อเว่ยเจินพูดคำเหล่านี้ออกมา ฟู่สือถิงหายใจหนักขึ้นอยู่อีกด้านของโทรศัพท์ “อันอันรับงานผ่าตัด” เว่ยเจินพูดต่อ “ถ้าคุณคิดว่าเธอทำเพราะเงิน คุณก็เป็นคนที่ตื้นเขินเกินไป ถ้าคุณรักเธอ คุณเรียนรู้ที่จะเคารพเธอก่อนได้ไหม?!” เว่ยเจินพูดเสียงดังกับคนอื่นแบบนี้น้อยมาก การฝึกฝนตนเองอย่างดีทำให้เขาสามารถยับยั้งชั่งใจได้ แต่ว่าฟู่สือถิงทำให้เขาไม่สามารถเงียบได้อีกต่อไป หลังจากที่ฟู่สือถิงเงียบไปครู่หนึ่งก็โต้เขาว่า “สิ่งที่คุณเรียกว่าความเคารพ คือการปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างไม่มีขอบเขต! ถ้