“คุณลุง ผมเสียใจมากที่เสิ่นอวี๋เป็นแบบนี้ ผมนอนไม่หลับมาสองวันแล้ว เธอเอาแต่อยากตาย ผมไม่อยากให้เธอตายจริง ๆ” คุณพ่อเสิ่นพูดแทงใจดำ “คุณไม่อยากให้ลูกของพวกคุณตายเหรอ? คุณกับเสิ่นอวี๋ไม่เคยรักกันเลยนี่นา” “ผมไม่อยากเถียงกับคุณ แต่ว่าคุณเองก็รู้ดีว่าเสิ่นอวี๋กับผมไม่ได้รักกัน” ฟู่เย่เฉินสีหน้าหนักใจ “ลูกของพวกเราบริสุทธิ์ ผมจะดูแลเสิ่นอวี๋อย่างดีจนกว่าเธอคลอดลูก หลังจากเด็กคลอดแล้ว ผมจะให้เงินคุณก้อนหนึ่ง คุณพาเสิ่นอวี๋กลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศบี คุณบอกตัวเลขมาแล้วผมจะพยายามอย่างเต็มที่และรับรองว่าคุณและเสิ่นอวี๋ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ไปตลอดชีวิต” คุณพ่อเสิ่นไม่ได้ตอบทันที ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอยู่ เสิ่นอวี๋ยืนอยู่ในประตูห้องผู้ป่วยและได้ยินคำพูดของพวกเขาชัดเจน ตอนนี้เธอไม่ใช่คนปกติอีกต่อไป แต่เป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กในท้องยังมีค่าอยู่บ้าง ฟู่เย่เฉินไม่มีทางอยู่กับพวกเธอในห้องผู้ป่วยและยิ่งไม่มีทางเสนอตัวเลขให้พ่อ เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฟู่เย่เฉิน แต่เธอผิดหวังกับพ่อของเธอ! เธอใช้มือคลำทางเพื่อเดินไปห้องน้ำ นอกห้องผู้ป่วย หลังจากคุณพ่อเสิ่นครุ่นคิดอยู่
นี่เป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ คนเราจะต้องสิ้นหวังและหดหู่ขนาดไหนถึงขั้นฆ่าตัวตายไปแบบนี้! เสิ่นอวี๋ไม่เพียงแค่กำจัดชีวิตตัวเองทิ้งเท่านั้น แต่ยังไม่เหลือทางให้เด็กมีชีวิตรอดอีกด้วย เธออดที่จะเริ่มสงสัยต่อข้อกล่าวหาตอนที่เสิ่นอวี๋ยังมีชีวิตไม่ได้ หรือที่เสิ่นอวี๋บอกว่าได้ยินเสียงของเธอตอนที่ถูกควักลูกตา เป็นเรื่องจริง? ใครเป็นคนลงมือกับเสิ่นอวี๋? ทำไมคนคนนี้ถึงใส่ร้ายเธอ? ฟู่เย่เฉินงั้นเหรอ? แต่เสิ่นอวี๋กำลังตั้งท้องลูกของเขา ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องทำกับเสิ่นอวี๋ขนาดนี้ หรือว่า...สาเหตุจริง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายเสิ่นอวี๋ คนร้ายต้องการจัดการเธอ?! ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้ยังไงว่าทำไมตอนควักลูกตาเสิ่นอวี๋ถึงมีเสียงของเธอดังขึ้น?!ทันใดนั้นมีเหงื่อเย็นไหลออกมาด้านหลังของเธอ ไมค์ถือโจ๊กร้อน ๆ มาที่ห้องของเธอ เขาเห็นเธอนั่งตัวแข็งทื่อบนเตียง ดวงตาว่างเปล่า ถึงเขาเข้ามา เธอก็ไม่รู้ตัว “อันอัน เธอกำลังคิดอะไร?” ไมค์วางโจ๊กร้อน ๆ ลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วโบกมือตรงหน้าเธอ “กำลังคิดเรื่องของเสิ่นอวี๋สินะ?” ฉินอันอันได้สติกลับมาอีกครั้ง แล้วมองไปทางไมค์พร้อมพูดพึ
“แย่แล้ว! เสี่ยวหานตกอยู่ในอันตราย!” ไมค์ตะโกน “อันอัน เธอรออยู่ในรถนะ! ฉันจะไปหาเขา!” เขารีบจอดรถริมถนนพร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉิน จากนั้นวิ่งไปทางสถานีรถไฟใต้ดินวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวหาน รถบัสพิเศษของค่ายฤดูร้อนส่งพวกเขาทุกคนที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน เสี่ยวหานซื้อของขวัญให้แม่ที่ห้างสรรพสินค้า ทว่าตอนจ่ายเงิน เขาพบว่ามีคนแอบดูเขาอยู่ เขาออกมาจากห้างสรรพสินค้าและคิดไม่ถึงเลยว่าคน ๆ นั้นจะตามเขามาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าตนเองถูกติดตามแล้ว ฉินอันอันไม่มีทางนั่งนิ่งรออยู่ในรถได้ หลังไมค์ลงจากรถ เธอเองก็ลงเช่นกันแล้วก้าวเท้าไปทางสถานีรถไฟใต้ดิน บอดี้การ์ดประคองเธอพร้อมเกลี้ยกล่อมว่า “เจ้านายครับ ระวังเด็กในท้องด้วย! ถ้าปากมดลูกขยาย คุณอยากจะคลอดลูกที่ริมถนนเหรอครับ?!” เดิมทีฉินอันอันไม่รู้สึกอะไรเลยในท้อง แต่เมื่อบอดี้การ์ดพูดเช่นนี้ เธอรู้สึกปวดท้องขึ้นมาราง ๆ เธอหยุดเดินแล้วเอามือกุมท้อง “คุณรีบไปหาเสี่ยวหาน! ไมค์คนเดียวจะทำได้ยังไง? ถ้าเขาตกอยู่ในอันตรายด้วยอีกคนจะทำยังไง?!” บอดี้การ์ดไม่สามารถทิ้งเธอไปได้ “ในสถานีรถไฟมีเจ้าหน้าที่
“เธอจะแก้ไขปัญหายังไง?” ไมค์เท้าเอวด้วยมือทั้งสองข้าง “เว็บนั่นไม่ควรถูกระเบิดทิ้ง ในเมื่อนั่วนั่วรู้จักดาร์คเว็บ นั่นก็หมายความว่าเธอต้องรู้จักกับกลุ่มคนหรือองค์กรในนั้น บางทีพวกเราอาจค้นพบบางอย่างบนเว็บไซต์นั้น” หลังจากเสี่ยวหานฟังเขาพูดแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างหงุดหงิดใจ ตอนนั้นเขาตกใจกลัว ถึงได้หุนหันพลันแล่นขนาดนั้น ตอนนี้คิดดูแล้ว ไม่ควรทำแบบนั้นจริง ๆ “ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ลุง” ไมค์ลูบหัวเขาแล้วพูดว่า “ในที่สุดเธอก็ได้วันหยุดสองวัน คืนนี้พักผ่อนมาก ๆ พรุ่งนี้ใช้เวลาอยู่กับแม่ เอาคอมพิวเตอร์ของเธอให้ลุง ลุงจะพยายามกู้คืนเว็บไซต์นั่นให้เอง” เสี่ยวหาน “นั่วนั่วคนนั้นต้องไม่ใช่คนดี คุณลุงต้องบอกแม่ให้อยู่ห่างผู้หญิงคนนั้นนะครับ” “เป้าหมายของผู้หญิงคนนั้นคือพ่อของเธอ เธอกับแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร” เสี่ยวหานไม่ได้สนใจว่าฟู่สือถิงจะอยู่หรือตาย ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก วันต่อมา หลังจากฉินอันอันตื่นแล้ว เธอทำอาหารเช้าให้เสี่ยวหาน เสี่ยวหานออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ห้องครัว “แม่ครับ วันนี้ลุงไมค์ออกไปเที่ยวกับพวกเราไม่ได้แล้วครับ” ฉินอันอันปิดไฟแล้วพูดงง ๆ ว่า “เขาป
“มีใครอยากลองไหม?” เจ้าหน้าที่ถามเอ่ยถามนักท่องเที่ยวที่สนใจ มีคนยกมืออยากลองจำนวนไม่น้อย ฉินอันอันเองก็ยกมือขึ้นเช่นกัน ทว่าร่างกายของเธอราวกับถูกมนต์สะกด ตัวเธอแข็งทื่ออย่างหนัก จนขยับไม่ได้ เธอเกือบลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ทว่าตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นก็หลั่งไหลออกมาอย่างท่วมท้น! เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันจะพัฒนาจนก้าวหน้าขนาดนี้ หุ่นยนต์สามารถเลียนแบบเสียงคนได้จริง ดังนั้นตอนที่เสิ่นอวี๋ถูกควักลูกตาแล้วได้ยินเสียงของเธอ เป็นไปได้ไหมว่าเสียงที่เธอได้ยินคือเสียงของหุ่นยนต์ ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับเชิญขึ้นไปบนเวที เธอทักทายหุ่นยนต์ว่า “ไฮ สวัสดี ฉันชื่อลิลลี่ ฉันอยากทดสอบว่าคุณสามารถเลียนเสียงของฉันได้จริงไหม” หุ่นยนต์เงียบไปสองสามวินาที จากนั้นพูดว่า “สวัสดีลิลลี่ ฉันกำลังพยายามเลียนแบบเสียงของคุณ! คุณคิดว่าเหมือนไหม?” มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่างเวที! เสียงเลียนแบบของหุ่นยนต์นั้นค่อนข้างคล้ายคลึง เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วมันคือหุ่นยนต์ มันจึงพูดช้า ๆ และ ทื่อ ๆ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกค่อนข้างแปลก จู่ ๆ หัวใจที่ตึงเครียดของฉินอันอันก็ผ่อนคลายลง ผ
ตัวของเขานิ่งอยู่กับที่ เธอรีบเดินไปหาเขา “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา บนหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ สายตาหันไปทางอื่น พูดเสียงเบาอย่างที่สุด “เมื่อวาน” “คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเธอดังขึ้น “คุณมาคนเดียวเหรอ?” เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมเธอถึงหยุดเขา ทำไมเธอถึงไล่ถามคำถามเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองเพิ่งทะเลาะกันมา และต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ เมื่อเจอหน้ากันตอนนี้ จึงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันโดยสิ้นเชิง แต่เธอไม่สามารถควบคุมความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองได้ ถ้าเขามาหาเธอล่ะ? “มีงานบรรยายที่โรงเรียน” ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงอย่างเย้ายวนขณะที่อดมองเธอไม่ได้ “ผมเคยเรียนมัธยมปลายที่นี่หนึ่งปี มีบรรยายช่วงบ่าย คุณอยากไปดูไหม?” ในใจของเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ซ่อนไว้ได้ดี “วันนี้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหาน ไม่ว่าง” เธอพูดพร้อมกับมองไปทางเสี่ยวหาน รอยยิ้มบนหน้าเสี่ยวหานหายไปนานแล้ว และตอนนี้เขากำลังมองมาทางพวกเธอด้วยสีหน้าไม่แยแส บอดี้การ์ดถือหุ่นยนต์ที่ได้มาจากการชนะลอตเตอรี่ เขายืนอยู่ข้างเสี่ยวหานและมองไปทางพวกเขาเช่นกัน ฉินอันอันสูดลมหายใจอย่างกระอั
ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ มีเพียงพวกเขาสามคน บรรยากาศทั้งเงียบงันและน่าขนลุก หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะแล้วก็ถอยออกไป ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ในใจ และกำลังจะเอ่ยปากพูด ฉินอันอันกลัวว่าเขาจะหาเรื่องให้เสี่ยวหานโกรธ ดังนั้นจึงพูดตัดหน้าเขา “เสี่ยวหาน ลูกบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ? อาหารร้านดีรสชาติดี กินเยอะ ๆ นะลูก” เธอคีบอาหารให้เสี่ยวหานเต็มชาม เสี่ยวหานกินอย่างบึ้งตึง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองฟู่สือถิง ฟู่สือถิงหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักซุปผักกับซี่โครงยื่นให้ฉินอันอัน “คุณวางแผนกลับประเทศเมื่อไหร่?” ฉินอันอันไม่ต้องการคุยกับเขาต่อหน้าลูกชาย เพราะเสี่ยวหานรู้สึกอ่อนไหวกับเขาเป็นพิเศษ ถ้าคำพูดไหนของเขาทำให้เสี่ยวหานไม่มีความสุข มันจะยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกห่างไกลขึ้นเท่านั้น “กินข้าวก่อนเถอะค่ะ!” เธอลดสายตาแล้วกินคำเล็ก ๆ จากนั้นไม่นานเสี่ยวหานกินข้าวเสร็จ เขาวางตะเกียบลง “แม่ครับ ผมอยากนอนแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ” ฉินอันอันวางตะเกียบลงทันที ต้องการกลับไปกับเขา “แม่ แม่ยังกินไม่หมดเลย! ผมจะให้ลุงบอดี้การ์ดส่งผมกลับบ้านเองครับ” เสี่ยวหานพูดจบก็ยกกระเป๋านักเรียกท
“ทำไมคุณถึงไม่เอาบอดี้การ์ดมาด้วย? คุณไม่รู้เหรอว่าคุณเป็นบุคคลสาธารณะ” เธอเลิกคิ้วแล้วทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “คุณคิดว่ามาประเทศบีแล้วจะไม่มีอันตรายงั้นเหรอ? การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แย่กว่าที่ประเทศเรามากนะ!” เขามองดูใบหน้าเล็กที่กำลังตื่นเต้นของเธอ รู้สึกราวกับมีก้อนแข็งติดอยู่ที่คอ “อันอัน คุณอย่าโกรธสิ ผมตัดสินใจมาที่นี่อย่างกะทันหัน” เขาอธิบาย “ตอนนั้นไม่มีตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่ใกล้ที่สุดเหลือแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย” “คุณรอมาเที่ยวบินถัดไปแล้วมาพร้อมกับบอดี้การ์ดไม่ได้เหรอ?” ถึงแม้ว่าเธอจะบ่น แต่อารมณ์ของเธอค่อย ๆ สงบลง “คืนนี้คุณพักที่บ้านฉันแล้วกันค่ะ” “ตกลง” “คุณจงใจสินะ?” ยิ่งคิดเธอยิ่งสงสัย “บอดี้การ์ดของคุณไม่มาจริง ๆ เหรอ?” “คุยกันแล้วว่าจะเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ?” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “มีเป็นพันวิธีถ้าผมอยากอยู่บ้านคุณ แต่ผมจะไม่บรรลุเป้าด้วยการหลอกลวงให้คุณเห็นอกเห็นใจหรอกนะ” เธอหน้าแดงที่ตัวเองนึกสงสัย ภายในวิลล่า หลังจากที่เสี่ยวหานกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นไมค์กินอาหารเดลิเวอรี่และดื่มเบียร์ในห้องนั่งเล่น “พี่หาน วันนี้ลุง