เสิ่นอวี๋ส่ายหน้า “ฉันมองไม่เห็น… เพราะกว่าที่ฉันจะรู้ตัว ดวงตาของฉันก็โดนควักออกมาแล้ว! ฉันเจ็บปวดจนอยากจะตาย! ฉันได้ยินเสียงอันอันพูดว่านี่คือการลงโทษ... ฉันได้ยินชัดเจน… สือถิง ฉันพูดจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันไม่โกหกคุณหรอก! “เสียงของเธอเหรอ?” ฟู่สือถิงถามด้วยความประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอว่าฟังไม่ผิด?” “ไม่ผิดแน่! ฉันไม่มีทางจำเสียงของเธอผิด! เพราะฉันเกลียดเธอมาก!” เสิ่นอวี๋จับมือฟู่สือถิงไว้แน่นราวกับกำลังจับฟางช่วยชีวิต “สือถิง! ฉันไม่กล้าโกหกคุณหรอก! ถ้าฉันโกหก คุณคงดูออกไปนานแล้ว! ฉันขอร้องคุณล่ะ... ช่วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราด้วยเถอะนะ สงสารฉันเถอะ…” ฟู่สือถิงมองไปที่ริมฝีปากสั่นเทาและใบหน้าซีดเซียวของเสิ่นอวี๋ และรู้สึกหนักใจมาก สัญชาตญาณบอกเขาว่า เสิ่นอวี๋ไม่ได้โกหก แต่มีอีกเสียงหนึ่งในใจเตือนเขาว่า ไม่มีทางที่ฉินอันอันจะทำเรื่องแบบนั้น! “เสิ่นอวี๋ ผมจะไปสืบให้เอง” เขาสัญญา “จนกว่าจะรู้ความจริง คุณควรดูแลตัวเองให้ดี” เสิ่นอวี๋ส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่...ฉันไม่มีทางรอดหรอก... เดี๋ยวพ่อของฉันมา ฉันจะกลับไปประเทศบีกับเขา ฉันจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ และ
ร่างของฉินอันอันถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ประกายในดวงตาของเธอจางหายไปทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้! ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเธอเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย! เพียงเพราะว่าเธอมีปัญหากับเสิ่นอวี๋เมื่อวานนี้ ก็ต้องเป็นฝีมือเธอแล้วเหรอ? ตลกสิ้นดี! “ฉินอันอัน!” เมื่อเขาเห็นเธอถอยกลับ จู่ ๆ หัวใจของเขาก็บีบรัด “ตอบคำถามผม!” “ฟู่สือถิง ฉันเกลียดคุณ! ฉันเริ่มเกลียดคุณอีกแล้ว!” ฉินอันอันตะโกนดังกว่าเขา “ทุกครั้งที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกับคุณ คุณก็จะแสดงให้ฉันเห็นว่าคุณมันน่ารังเกียจแค่ไหน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอระเบิดออกมาและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกยังคงซัดใส่หลังของเขา ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน และสายตาที่เขามองเธอก็ร้อนผ่าว การปะทะด้วยความเย็นเยือกและร้อนรุ่มทำให้เขามองข้ามเหตุผลและก้าวเข้ามาหาเธอ “คุณไม่ได้ทำใช่ไหม?” เขาเดินไปหาเธอแล้วจับไหล่เล็ก ๆ ของเธอไว้แน่นพลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฉินอันอัน ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น! ผมมาถามคุณ เพราะผมอยากได้ยินจากปากว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ!” “ฉันไม่ได้ทำ!” เธอพูดพลางดวงตาสีแดงเข้มด้
เขาจ้องมองเธอเดินออกไปด้วยความสับสน ในใจไม่ทันได้ตอบสนอง ร่างกายของเขาก็เดินไปหาเธอก่อนแล้ว! เขาอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง แม้ว่าเธอจะเผชิญกับสายฝนเพียงไม่กี่วินาที แต่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำฝน...หรืออาจจะเป็นน้ำตา! “อันอัน ผมไม่ได้สงสัยคุณ ถ้าคุณบอกว่าไม่ได้ทำ ก็แปลว่าคุณไม่ได้ทำ” เขาอุ้มเธอไปที่โซฟา วางเธอลง แล้วเขาก็นั่งยอง ๆ ข้างเธอ แล้วอธิบาย “เสิ่นอวี๋ยืนยันว่าเป็นคุณเป็นคนทำร้ายเธอ ถ้าเธอแจ้งตำรวจ ตำรวจจะต้องมาหาคุณแน่ ผมไม่อยากให้คุณถูกสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย หากเราสามารถแสดงหลักฐานตอนที่คุณไม่อยู่ในเหตุการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ ตำรวจจะได้ไม่ต้องมาหาคุณ” ฉินอันอันเห็นสภาพเขาที่เปียกผอนมอมแมมแล้วทำให้เธอโกรธไม่ลง “วันนี้ฉันไปหาเว่ยเจินมา” น้ำเสียงของเธอนิ่งเฉย “ฉันอยู่บ้านเขาทั้งวัน” “คุณอยู่บ้านเขาทั้งวันเลยเหรอ?” ความอ่อนโยนในดวงตาของฟู่สือถิงหายไป และน้ำเสียงของเขาก็ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ คุณอยากถามใช่ไหมว่าฉันไปทำอะไรที่บ้านของเขา?” เธอมองสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเป็นความกังวลและเจ็บปวด “นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันบอกคุณไม่ได้” ฟู่สือถิงรู้สึ
‘ผู้หญิงอยู่บ้านผู้ชายทั้งวัน แล้วผู้หญิงบอกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอและไม่สามารถบอกใครได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะธรรมดาได้ยังไง?’ ในมุมมองของฟู่สือถิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเรียกได้ว่าพิเศษอีกด้วย! “ผมรู้ครับ” เขาได้ยินเสียงของตัวเองโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ ไม่สนใจเหรอ? ไม่ใช่ ไม่มีแรงต่างหาก ฉินอันอันจะไปอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนอื่นทั้งวันโดยไม่บอกเหตุผล เขาจะทำอะไรได้? ง้างปากเธอได้เหรอ? ต่อให้เธอยอมอ้าปาด เธอก็คงไม่พูดอะไร ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยหลักฐานว่าฉินอันอันไม่ได้อยู่กับเสิ่นอวี๋ในเวลาที่เกิดเหตุ หลังจากได้ยินสิ่งนี้แล้ว เสิ่นอวี๋กลับไม่เชื่อ “ตอนนี้ฉันตาบอด ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย จะให้เป็นไปตามที่คุณพูดคงไม่ได้… ฉันไม่เชื่อพวกคุณหรอก!” เสิ่นอวี๋กล่าวด้วยอารมณ์ที่รุนแรง “คุณเสิ่น คุณสามารถบอกให้ญาติของคุณตรวจสอบหลักฐานเหล่านี้ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดพร้อมกับมองไปที่ฟู่เย่เฉิน “คุณเป็นญาติของเธอหรือเปล่า?” ฟู่เย่เฉินกล่าวทันที “คุณตำรวจ ผมเชื่อในผลการสอบสวนของตำรวจครับ” เสิ่นอวี๋ตะโกนสุดปอด “เขาไม่ใช่ญาติของ
“เมื่อคืนฝนตกหนักขนาดนั้น เธอเปิดประตูทำไมเหรอ?” ที่จริงไมค์เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ไม่อยากแสดงออก ถ้าเธอไม่อยากให้เขารู้ เขาก็ไม่ถาม “เสิ่นอวี๋บอกว่าตอนเธอถูกควักลูกตาเธอได้ยินเสียงฉัน” สีหน้าท่าทางของฉินอันอันนั้นเย็นชาและน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่า “ถึงจะเป็นคำโกหกที่ไม่ได้เรื่องขนาดนั้น แต่กลับมีคนเชื่อ” ไมค์ “โชคดีที่พี่เว่ยเป็นพยานให้เธอได้ ว่าแต่เมื่อวานเธอไปทำอะไรที่บ้านพี่เว่ยเหรอ?” “มีธุระเรื่องงานนิดหน่อย” เธอตอบเลี่ยง ๆ “แต่ถ้าฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้ ไม่มีใครเชื่อแน่นอน” “มีอะไรให้ไม่เชื่อล่ะ เธอกับพี่เว่ยรู้สึกรักกันฉันชู้สาวได้อีกเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเธอสองคนคบกันไปนานแล้ว” ไมค์พูดเหน็บแนม “แต่พูดตามตรงนะ ฉันเองก็ยังชอบผู้ชายแบบพี่เว่ยมากเลย แต่ว่าผู้ชายแบบพี่เว่ยก็ชอบแต่ผู้หญิงไม่ดี” ฉินอันอันโต้กลับ “พี่เว่ยไม่มีทางคบกับผู้หญิงไม่ดีแน่” “ฉันไม่ได้พูดว่าพี่เว่ยคบกับผู้หญิงไม่ดี ฉันบอกว่าเขาชอบผู้หญิงไม่ดี” “นายอย่าพูดแบบนั้นนะ! ผู้หญิงดี ๆ ก็ชอบพี่เว่ยเหมือนกัน!”“ได้ ๆ! ฉันพูดผิดเอง พี่เว่ยจะต้องได้เจอผู้หญิงที่ดีมาก ๆ แน่นอน” ไมค์แก้ไขคำพูด ฉินอั
“ผมทรมานเธองั้นเหรอ?” เขาพึมพำแล้วจู่ ๆ ก็พูดเสียงดังขึ้นอย่างเย็นชา “เว่ยเจิน คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองหน้าไม่อายมากหรือไง?” “ผมหน้าไม่อาย ความผิดทั้งหมดอยู่ที่ผม แต่ขอล่ะอย่ามองอันอันด้วยทัศนคติที่คับแคบของคุณ” น้ำเสียงของเว่ยเจินสงบและตรงไปตรงมา “อันอันมาหาผมเมื่อคืน เหตุผลแรกเพื่อมาค้นหาบันทึกทางการแพทย์ของศาสตราจารย์หูชิงก่อนหน้าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เหตุผลที่สองคือแสดงแผนการรักษาให้ผมดู เพื่อให้ผมแสดงความคิดเห็น ถึงแม้ระดับความรู้ทางการแพทย์ของผมจะไม่ล้ำลึกเท่าเธอ แต่ความรู้ทางทฤษฎีองผมค่อนข้างดี” เมื่อเว่ยเจินพูดคำเหล่านี้ออกมา ฟู่สือถิงหายใจหนักขึ้นอยู่อีกด้านของโทรศัพท์ “อันอันรับงานผ่าตัด” เว่ยเจินพูดต่อ “ถ้าคุณคิดว่าเธอทำเพราะเงิน คุณก็เป็นคนที่ตื้นเขินเกินไป ถ้าคุณรักเธอ คุณเรียนรู้ที่จะเคารพเธอก่อนได้ไหม?!” เว่ยเจินพูดเสียงดังกับคนอื่นแบบนี้น้อยมาก การฝึกฝนตนเองอย่างดีทำให้เขาสามารถยับยั้งชั่งใจได้ แต่ว่าฟู่สือถิงทำให้เขาไม่สามารถเงียบได้อีกต่อไป หลังจากที่ฟู่สือถิงเงียบไปครู่หนึ่งก็โต้เขาว่า “สิ่งที่คุณเรียกว่าความเคารพ คือการปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างไม่มีขอบเขต! ถ้
“คุณลุง ผมเสียใจมากที่เสิ่นอวี๋เป็นแบบนี้ ผมนอนไม่หลับมาสองวันแล้ว เธอเอาแต่อยากตาย ผมไม่อยากให้เธอตายจริง ๆ” คุณพ่อเสิ่นพูดแทงใจดำ “คุณไม่อยากให้ลูกของพวกคุณตายเหรอ? คุณกับเสิ่นอวี๋ไม่เคยรักกันเลยนี่นา” “ผมไม่อยากเถียงกับคุณ แต่ว่าคุณเองก็รู้ดีว่าเสิ่นอวี๋กับผมไม่ได้รักกัน” ฟู่เย่เฉินสีหน้าหนักใจ “ลูกของพวกเราบริสุทธิ์ ผมจะดูแลเสิ่นอวี๋อย่างดีจนกว่าเธอคลอดลูก หลังจากเด็กคลอดแล้ว ผมจะให้เงินคุณก้อนหนึ่ง คุณพาเสิ่นอวี๋กลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศบี คุณบอกตัวเลขมาแล้วผมจะพยายามอย่างเต็มที่และรับรองว่าคุณและเสิ่นอวี๋ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ไปตลอดชีวิต” คุณพ่อเสิ่นไม่ได้ตอบทันที ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอยู่ เสิ่นอวี๋ยืนอยู่ในประตูห้องผู้ป่วยและได้ยินคำพูดของพวกเขาชัดเจน ตอนนี้เธอไม่ใช่คนปกติอีกต่อไป แต่เป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กในท้องยังมีค่าอยู่บ้าง ฟู่เย่เฉินไม่มีทางอยู่กับพวกเธอในห้องผู้ป่วยและยิ่งไม่มีทางเสนอตัวเลขให้พ่อ เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฟู่เย่เฉิน แต่เธอผิดหวังกับพ่อของเธอ! เธอใช้มือคลำทางเพื่อเดินไปห้องน้ำ นอกห้องผู้ป่วย หลังจากคุณพ่อเสิ่นครุ่นคิดอยู่
นี่เป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ คนเราจะต้องสิ้นหวังและหดหู่ขนาดไหนถึงขั้นฆ่าตัวตายไปแบบนี้! เสิ่นอวี๋ไม่เพียงแค่กำจัดชีวิตตัวเองทิ้งเท่านั้น แต่ยังไม่เหลือทางให้เด็กมีชีวิตรอดอีกด้วย เธออดที่จะเริ่มสงสัยต่อข้อกล่าวหาตอนที่เสิ่นอวี๋ยังมีชีวิตไม่ได้ หรือที่เสิ่นอวี๋บอกว่าได้ยินเสียงของเธอตอนที่ถูกควักลูกตา เป็นเรื่องจริง? ใครเป็นคนลงมือกับเสิ่นอวี๋? ทำไมคนคนนี้ถึงใส่ร้ายเธอ? ฟู่เย่เฉินงั้นเหรอ? แต่เสิ่นอวี๋กำลังตั้งท้องลูกของเขา ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องทำกับเสิ่นอวี๋ขนาดนี้ หรือว่า...สาเหตุจริง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายเสิ่นอวี๋ คนร้ายต้องการจัดการเธอ?! ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้ยังไงว่าทำไมตอนควักลูกตาเสิ่นอวี๋ถึงมีเสียงของเธอดังขึ้น?!ทันใดนั้นมีเหงื่อเย็นไหลออกมาด้านหลังของเธอ ไมค์ถือโจ๊กร้อน ๆ มาที่ห้องของเธอ เขาเห็นเธอนั่งตัวแข็งทื่อบนเตียง ดวงตาว่างเปล่า ถึงเขาเข้ามา เธอก็ไม่รู้ตัว “อันอัน เธอกำลังคิดอะไร?” ไมค์วางโจ๊กร้อน ๆ ลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วโบกมือตรงหน้าเธอ “กำลังคิดเรื่องของเสิ่นอวี๋สินะ?” ฉินอันอันได้สติกลับมาอีกครั้ง แล้วมองไปทางไมค์พร้อมพูดพึ