“แย่แล้ว! เสี่ยวหานตกอยู่ในอันตราย!” ไมค์ตะโกน “อันอัน เธอรออยู่ในรถนะ! ฉันจะไปหาเขา!” เขารีบจอดรถริมถนนพร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉิน จากนั้นวิ่งไปทางสถานีรถไฟใต้ดินวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวหาน รถบัสพิเศษของค่ายฤดูร้อนส่งพวกเขาทุกคนที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน เสี่ยวหานซื้อของขวัญให้แม่ที่ห้างสรรพสินค้า ทว่าตอนจ่ายเงิน เขาพบว่ามีคนแอบดูเขาอยู่ เขาออกมาจากห้างสรรพสินค้าและคิดไม่ถึงเลยว่าคน ๆ นั้นจะตามเขามาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าตนเองถูกติดตามแล้ว ฉินอันอันไม่มีทางนั่งนิ่งรออยู่ในรถได้ หลังไมค์ลงจากรถ เธอเองก็ลงเช่นกันแล้วก้าวเท้าไปทางสถานีรถไฟใต้ดิน บอดี้การ์ดประคองเธอพร้อมเกลี้ยกล่อมว่า “เจ้านายครับ ระวังเด็กในท้องด้วย! ถ้าปากมดลูกขยาย คุณอยากจะคลอดลูกที่ริมถนนเหรอครับ?!” เดิมทีฉินอันอันไม่รู้สึกอะไรเลยในท้อง แต่เมื่อบอดี้การ์ดพูดเช่นนี้ เธอรู้สึกปวดท้องขึ้นมาราง ๆ เธอหยุดเดินแล้วเอามือกุมท้อง “คุณรีบไปหาเสี่ยวหาน! ไมค์คนเดียวจะทำได้ยังไง? ถ้าเขาตกอยู่ในอันตรายด้วยอีกคนจะทำยังไง?!” บอดี้การ์ดไม่สามารถทิ้งเธอไปได้ “ในสถานีรถไฟมีเจ้าหน้าที่
“เธอจะแก้ไขปัญหายังไง?” ไมค์เท้าเอวด้วยมือทั้งสองข้าง “เว็บนั่นไม่ควรถูกระเบิดทิ้ง ในเมื่อนั่วนั่วรู้จักดาร์คเว็บ นั่นก็หมายความว่าเธอต้องรู้จักกับกลุ่มคนหรือองค์กรในนั้น บางทีพวกเราอาจค้นพบบางอย่างบนเว็บไซต์นั้น” หลังจากเสี่ยวหานฟังเขาพูดแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างหงุดหงิดใจ ตอนนั้นเขาตกใจกลัว ถึงได้หุนหันพลันแล่นขนาดนั้น ตอนนี้คิดดูแล้ว ไม่ควรทำแบบนั้นจริง ๆ “ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ลุง” ไมค์ลูบหัวเขาแล้วพูดว่า “ในที่สุดเธอก็ได้วันหยุดสองวัน คืนนี้พักผ่อนมาก ๆ พรุ่งนี้ใช้เวลาอยู่กับแม่ เอาคอมพิวเตอร์ของเธอให้ลุง ลุงจะพยายามกู้คืนเว็บไซต์นั่นให้เอง” เสี่ยวหาน “นั่วนั่วคนนั้นต้องไม่ใช่คนดี คุณลุงต้องบอกแม่ให้อยู่ห่างผู้หญิงคนนั้นนะครับ” “เป้าหมายของผู้หญิงคนนั้นคือพ่อของเธอ เธอกับแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร” เสี่ยวหานไม่ได้สนใจว่าฟู่สือถิงจะอยู่หรือตาย ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก วันต่อมา หลังจากฉินอันอันตื่นแล้ว เธอทำอาหารเช้าให้เสี่ยวหาน เสี่ยวหานออกมาจากห้องแล้วเดินไปที่ห้องครัว “แม่ครับ วันนี้ลุงไมค์ออกไปเที่ยวกับพวกเราไม่ได้แล้วครับ” ฉินอันอันปิดไฟแล้วพูดงง ๆ ว่า “เขาป
“มีใครอยากลองไหม?” เจ้าหน้าที่ถามเอ่ยถามนักท่องเที่ยวที่สนใจ มีคนยกมืออยากลองจำนวนไม่น้อย ฉินอันอันเองก็ยกมือขึ้นเช่นกัน ทว่าร่างกายของเธอราวกับถูกมนต์สะกด ตัวเธอแข็งทื่ออย่างหนัก จนขยับไม่ได้ เธอเกือบลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ทว่าตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นก็หลั่งไหลออกมาอย่างท่วมท้น! เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันจะพัฒนาจนก้าวหน้าขนาดนี้ หุ่นยนต์สามารถเลียนแบบเสียงคนได้จริง ดังนั้นตอนที่เสิ่นอวี๋ถูกควักลูกตาแล้วได้ยินเสียงของเธอ เป็นไปได้ไหมว่าเสียงที่เธอได้ยินคือเสียงของหุ่นยนต์ ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับเชิญขึ้นไปบนเวที เธอทักทายหุ่นยนต์ว่า “ไฮ สวัสดี ฉันชื่อลิลลี่ ฉันอยากทดสอบว่าคุณสามารถเลียนเสียงของฉันได้จริงไหม” หุ่นยนต์เงียบไปสองสามวินาที จากนั้นพูดว่า “สวัสดีลิลลี่ ฉันกำลังพยายามเลียนแบบเสียงของคุณ! คุณคิดว่าเหมือนไหม?” มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่างเวที! เสียงเลียนแบบของหุ่นยนต์นั้นค่อนข้างคล้ายคลึง เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วมันคือหุ่นยนต์ มันจึงพูดช้า ๆ และ ทื่อ ๆ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกค่อนข้างแปลก จู่ ๆ หัวใจที่ตึงเครียดของฉินอันอันก็ผ่อนคลายลง ผ
ตัวของเขานิ่งอยู่กับที่ เธอรีบเดินไปหาเขา “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา บนหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ สายตาหันไปทางอื่น พูดเสียงเบาอย่างที่สุด “เมื่อวาน” “คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเธอดังขึ้น “คุณมาคนเดียวเหรอ?” เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมเธอถึงหยุดเขา ทำไมเธอถึงไล่ถามคำถามเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองเพิ่งทะเลาะกันมา และต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ เมื่อเจอหน้ากันตอนนี้ จึงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันโดยสิ้นเชิง แต่เธอไม่สามารถควบคุมความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองได้ ถ้าเขามาหาเธอล่ะ? “มีงานบรรยายที่โรงเรียน” ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงอย่างเย้ายวนขณะที่อดมองเธอไม่ได้ “ผมเคยเรียนมัธยมปลายที่นี่หนึ่งปี มีบรรยายช่วงบ่าย คุณอยากไปดูไหม?” ในใจของเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ซ่อนไว้ได้ดี “วันนี้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหาน ไม่ว่าง” เธอพูดพร้อมกับมองไปทางเสี่ยวหาน รอยยิ้มบนหน้าเสี่ยวหานหายไปนานแล้ว และตอนนี้เขากำลังมองมาทางพวกเธอด้วยสีหน้าไม่แยแส บอดี้การ์ดถือหุ่นยนต์ที่ได้มาจากการชนะลอตเตอรี่ เขายืนอยู่ข้างเสี่ยวหานและมองไปทางพวกเขาเช่นกัน ฉินอันอันสูดลมหายใจอย่างกระอั
ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ มีเพียงพวกเขาสามคน บรรยากาศทั้งเงียบงันและน่าขนลุก หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะแล้วก็ถอยออกไป ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ในใจ และกำลังจะเอ่ยปากพูด ฉินอันอันกลัวว่าเขาจะหาเรื่องให้เสี่ยวหานโกรธ ดังนั้นจึงพูดตัดหน้าเขา “เสี่ยวหาน ลูกบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ? อาหารร้านดีรสชาติดี กินเยอะ ๆ นะลูก” เธอคีบอาหารให้เสี่ยวหานเต็มชาม เสี่ยวหานกินอย่างบึ้งตึง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองฟู่สือถิง ฟู่สือถิงหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักซุปผักกับซี่โครงยื่นให้ฉินอันอัน “คุณวางแผนกลับประเทศเมื่อไหร่?” ฉินอันอันไม่ต้องการคุยกับเขาต่อหน้าลูกชาย เพราะเสี่ยวหานรู้สึกอ่อนไหวกับเขาเป็นพิเศษ ถ้าคำพูดไหนของเขาทำให้เสี่ยวหานไม่มีความสุข มันจะยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกห่างไกลขึ้นเท่านั้น “กินข้าวก่อนเถอะค่ะ!” เธอลดสายตาแล้วกินคำเล็ก ๆ จากนั้นไม่นานเสี่ยวหานกินข้าวเสร็จ เขาวางตะเกียบลง “แม่ครับ ผมอยากนอนแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ” ฉินอันอันวางตะเกียบลงทันที ต้องการกลับไปกับเขา “แม่ แม่ยังกินไม่หมดเลย! ผมจะให้ลุงบอดี้การ์ดส่งผมกลับบ้านเองครับ” เสี่ยวหานพูดจบก็ยกกระเป๋านักเรียกท
“ทำไมคุณถึงไม่เอาบอดี้การ์ดมาด้วย? คุณไม่รู้เหรอว่าคุณเป็นบุคคลสาธารณะ” เธอเลิกคิ้วแล้วทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “คุณคิดว่ามาประเทศบีแล้วจะไม่มีอันตรายงั้นเหรอ? การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แย่กว่าที่ประเทศเรามากนะ!” เขามองดูใบหน้าเล็กที่กำลังตื่นเต้นของเธอ รู้สึกราวกับมีก้อนแข็งติดอยู่ที่คอ “อันอัน คุณอย่าโกรธสิ ผมตัดสินใจมาที่นี่อย่างกะทันหัน” เขาอธิบาย “ตอนนั้นไม่มีตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่ใกล้ที่สุดเหลือแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย” “คุณรอมาเที่ยวบินถัดไปแล้วมาพร้อมกับบอดี้การ์ดไม่ได้เหรอ?” ถึงแม้ว่าเธอจะบ่น แต่อารมณ์ของเธอค่อย ๆ สงบลง “คืนนี้คุณพักที่บ้านฉันแล้วกันค่ะ” “ตกลง” “คุณจงใจสินะ?” ยิ่งคิดเธอยิ่งสงสัย “บอดี้การ์ดของคุณไม่มาจริง ๆ เหรอ?” “คุยกันแล้วว่าจะเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ?” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “มีเป็นพันวิธีถ้าผมอยากอยู่บ้านคุณ แต่ผมจะไม่บรรลุเป้าด้วยการหลอกลวงให้คุณเห็นอกเห็นใจหรอกนะ” เธอหน้าแดงที่ตัวเองนึกสงสัย ภายในวิลล่า หลังจากที่เสี่ยวหานกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นไมค์กินอาหารเดลิเวอรี่และดื่มเบียร์ในห้องนั่งเล่น “พี่หาน วันนี้ลุง
รองประธานที่อยู่ปลายสายร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอจำเป็นต้องรีบกลับไป เกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหันจนตอนนี้สมองของเธอว่างเปล่าไปหมด เทคโนโลยีหลักของบริษัทถูกขโมย น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือยังไม่รู้ว่าใครคือคนร้ายคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วร้ายนี้ฉวยโอกาสลงมือตอนที่เธอกับไมค์ไปพักผ่อนที่ประเทศบีเทคโนโลยีหลักของบริษัทใส่ไว้ในชิปและมีการเพิ่มรหัสผ่านหลายชั้นลงไปในชิป ถึงแม้ว่าชิปจะถูกขโมย แต่ไม่สามารถถอดรหัสเนื้อหาข้างในได้ ทว่าก็อาจถูกถอดรหัสได้อย่างรวดเร็วเช่นกันเหมือนกับที่เธอไม่เคยคิดว่าเสิ่นอวี๋จะฆ่าตัวตาย บนโลกใบนี้สิ่งที่ไม่เคยขาดหายไปคือเรื่องไม่คาดคิด ตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงครึ่งเสี่ยวหานเดินออกมาจากห้อง วิลล่าทั้งหลังเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่ เสี่ยวหานไปที่ห้องของฉินอันอัน พบว่าเตียงรก แต่ในห้องกลับไม่มีคน “แม่!” เสียวหานตะโกนเสียงดัง ฟู่สือถิงที่อยู่ในห้องรับแขกถูกปลุกให้ตื่น หลังจากที่เขาผุดลุดขึ้นจากโซฟาและต่อสู้กับอาการปวดหัวจากอาการเมาค้างแล้ว เขาก็เดินไปหาเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน เกิดอะไรขึ้น?” ดวงตาของเสี่ยวหานแดงเล็กน้อย ไม่มีเวลาสนใจกับความแค้นที่มีต่อเขา แ
เลขารีบเข้ามาประคองเธอทันที รองประธานโทรเรียกรถพยาบาล หลังจากฉินอันอันถูกรถพยาบาลพาตัวไป เรื่องนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าทำไม “ดูเหมือนว่าฉินกรุ๊ปจะเผชิญกับวิกฤตเข้าแล้วจริง ๆ! ก่อนหน้านี้ฉินอันอันยังรุ่งเรืองอยู่เลย ตอนนี้เธอถูกรถพยาบาลพาตัวไปแล้ว น่าสงสารจริง!” “ที่น่าสงสารที่สุดคือลูกในท้องของเธอไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าเด็กในท้องเป็นลูกของฟู่สือถิง จริงหรือเปล่า?” “ใครจะรู้ล่ะ! นอกจากลูกในท้องแล้ว ยังมีลูกอีกสองคนด้วย... เด็กสองคนนั้นต้องไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ต่อสู้แย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเลยเหรอ?” “ชีวิตส่วนตัวของฉินอันอันยุ่งเหยิงมาก! แต่เว้นเรื่องนี้ไปก่อน ครั้งนี้ฉินกรุ๊ปดวงตกจริง ๆ! เทคโนโลยีหลักถูกขโมยไปแล้วต่อไปพวกเขาจะขายสินค้าราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง? การผูกขาดในตลาดระดับสูงของเธอกำลังจะพังแล้ว!” “นี่เป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค” “แต่สำหรับฉินอันอัน คือความเสียหายร้ายแรง! ไม่แปลกใจเลยที่เธอโกรธจนเป็นลม” ......หลังจากที่หวังหว่านจือได้ยินข่าว เธอเปิดขวดไวน์แดงอย่างมีความสุข เธอหยิบรูปถ่ายฉินเขอเข่อที่ตายไปแล้วและพูดกับรูปนั้น
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง