ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ มีเพียงพวกเขาสามคน บรรยากาศทั้งเงียบงันและน่าขนลุก หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะแล้วก็ถอยออกไป ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ในใจ และกำลังจะเอ่ยปากพูด ฉินอันอันกลัวว่าเขาจะหาเรื่องให้เสี่ยวหานโกรธ ดังนั้นจึงพูดตัดหน้าเขา “เสี่ยวหาน ลูกบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ? อาหารร้านดีรสชาติดี กินเยอะ ๆ นะลูก” เธอคีบอาหารให้เสี่ยวหานเต็มชาม เสี่ยวหานกินอย่างบึ้งตึง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองฟู่สือถิง ฟู่สือถิงหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักซุปผักกับซี่โครงยื่นให้ฉินอันอัน “คุณวางแผนกลับประเทศเมื่อไหร่?” ฉินอันอันไม่ต้องการคุยกับเขาต่อหน้าลูกชาย เพราะเสี่ยวหานรู้สึกอ่อนไหวกับเขาเป็นพิเศษ ถ้าคำพูดไหนของเขาทำให้เสี่ยวหานไม่มีความสุข มันจะยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกห่างไกลขึ้นเท่านั้น “กินข้าวก่อนเถอะค่ะ!” เธอลดสายตาแล้วกินคำเล็ก ๆ จากนั้นไม่นานเสี่ยวหานกินข้าวเสร็จ เขาวางตะเกียบลง “แม่ครับ ผมอยากนอนแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ” ฉินอันอันวางตะเกียบลงทันที ต้องการกลับไปกับเขา “แม่ แม่ยังกินไม่หมดเลย! ผมจะให้ลุงบอดี้การ์ดส่งผมกลับบ้านเองครับ” เสี่ยวหานพูดจบก็ยกกระเป๋านักเรียกท
“ทำไมคุณถึงไม่เอาบอดี้การ์ดมาด้วย? คุณไม่รู้เหรอว่าคุณเป็นบุคคลสาธารณะ” เธอเลิกคิ้วแล้วทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “คุณคิดว่ามาประเทศบีแล้วจะไม่มีอันตรายงั้นเหรอ? การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แย่กว่าที่ประเทศเรามากนะ!” เขามองดูใบหน้าเล็กที่กำลังตื่นเต้นของเธอ รู้สึกราวกับมีก้อนแข็งติดอยู่ที่คอ “อันอัน คุณอย่าโกรธสิ ผมตัดสินใจมาที่นี่อย่างกะทันหัน” เขาอธิบาย “ตอนนั้นไม่มีตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่ใกล้ที่สุดเหลือแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย” “คุณรอมาเที่ยวบินถัดไปแล้วมาพร้อมกับบอดี้การ์ดไม่ได้เหรอ?” ถึงแม้ว่าเธอจะบ่น แต่อารมณ์ของเธอค่อย ๆ สงบลง “คืนนี้คุณพักที่บ้านฉันแล้วกันค่ะ” “ตกลง” “คุณจงใจสินะ?” ยิ่งคิดเธอยิ่งสงสัย “บอดี้การ์ดของคุณไม่มาจริง ๆ เหรอ?” “คุยกันแล้วว่าจะเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ?” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “มีเป็นพันวิธีถ้าผมอยากอยู่บ้านคุณ แต่ผมจะไม่บรรลุเป้าด้วยการหลอกลวงให้คุณเห็นอกเห็นใจหรอกนะ” เธอหน้าแดงที่ตัวเองนึกสงสัย ภายในวิลล่า หลังจากที่เสี่ยวหานกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นไมค์กินอาหารเดลิเวอรี่และดื่มเบียร์ในห้องนั่งเล่น “พี่หาน วันนี้ลุง
รองประธานที่อยู่ปลายสายร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอจำเป็นต้องรีบกลับไป เกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหันจนตอนนี้สมองของเธอว่างเปล่าไปหมด เทคโนโลยีหลักของบริษัทถูกขโมย น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือยังไม่รู้ว่าใครคือคนร้ายคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วร้ายนี้ฉวยโอกาสลงมือตอนที่เธอกับไมค์ไปพักผ่อนที่ประเทศบีเทคโนโลยีหลักของบริษัทใส่ไว้ในชิปและมีการเพิ่มรหัสผ่านหลายชั้นลงไปในชิป ถึงแม้ว่าชิปจะถูกขโมย แต่ไม่สามารถถอดรหัสเนื้อหาข้างในได้ ทว่าก็อาจถูกถอดรหัสได้อย่างรวดเร็วเช่นกันเหมือนกับที่เธอไม่เคยคิดว่าเสิ่นอวี๋จะฆ่าตัวตาย บนโลกใบนี้สิ่งที่ไม่เคยขาดหายไปคือเรื่องไม่คาดคิด ตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงครึ่งเสี่ยวหานเดินออกมาจากห้อง วิลล่าทั้งหลังเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่ เสี่ยวหานไปที่ห้องของฉินอันอัน พบว่าเตียงรก แต่ในห้องกลับไม่มีคน “แม่!” เสียวหานตะโกนเสียงดัง ฟู่สือถิงที่อยู่ในห้องรับแขกถูกปลุกให้ตื่น หลังจากที่เขาผุดลุดขึ้นจากโซฟาและต่อสู้กับอาการปวดหัวจากอาการเมาค้างแล้ว เขาก็เดินไปหาเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน เกิดอะไรขึ้น?” ดวงตาของเสี่ยวหานแดงเล็กน้อย ไม่มีเวลาสนใจกับความแค้นที่มีต่อเขา แ
เลขารีบเข้ามาประคองเธอทันที รองประธานโทรเรียกรถพยาบาล หลังจากฉินอันอันถูกรถพยาบาลพาตัวไป เรื่องนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าทำไม “ดูเหมือนว่าฉินกรุ๊ปจะเผชิญกับวิกฤตเข้าแล้วจริง ๆ! ก่อนหน้านี้ฉินอันอันยังรุ่งเรืองอยู่เลย ตอนนี้เธอถูกรถพยาบาลพาตัวไปแล้ว น่าสงสารจริง!” “ที่น่าสงสารที่สุดคือลูกในท้องของเธอไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าเด็กในท้องเป็นลูกของฟู่สือถิง จริงหรือเปล่า?” “ใครจะรู้ล่ะ! นอกจากลูกในท้องแล้ว ยังมีลูกอีกสองคนด้วย... เด็กสองคนนั้นต้องไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ต่อสู้แย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเลยเหรอ?” “ชีวิตส่วนตัวของฉินอันอันยุ่งเหยิงมาก! แต่เว้นเรื่องนี้ไปก่อน ครั้งนี้ฉินกรุ๊ปดวงตกจริง ๆ! เทคโนโลยีหลักถูกขโมยไปแล้วต่อไปพวกเขาจะขายสินค้าราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง? การผูกขาดในตลาดระดับสูงของเธอกำลังจะพังแล้ว!” “นี่เป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค” “แต่สำหรับฉินอันอัน คือความเสียหายร้ายแรง! ไม่แปลกใจเลยที่เธอโกรธจนเป็นลม” ......หลังจากที่หวังหว่านจือได้ยินข่าว เธอเปิดขวดไวน์แดงอย่างมีความสุข เธอหยิบรูปถ่ายฉินเขอเข่อที่ตายไปแล้วและพูดกับรูปนั้น
ตอนนี้เอง คุณหมอหยิบเอกสารการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเดินเข้ามาที่เตียงผู้ป่วย “คุณฉิน เอกสารพักรักษาตัวเสร็จแล้ว” โจวจื่ออี้ที่ปลายสายได้ยินประโยคนี้แล้วก็รู้สึกตึงเครียด “ฉินอันอัน คุณเป็นอะไร? ทำไมต้องเข้าโรงพยาบาล? ตอนนี้คุณอยู่โรงพยาบาลไหน? ผมจะรีบไปหาคุณเดี๋ยวนี้!”ฉินอันอันปิดบังไม่อยู่ ทำได้แค่บอกไปตามจริง หลังจากวางสายแล้ว เลขาก็พูดว่า “ประธาน ฉันจะไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณนะคะ” ฉินอันอัน “รบกวนคุณแล้ว คุณจ่ายค่ารักษาแล้วกลับบริษัทได้เลยนะ!”“ประธานคะ ฉันอยู่ดูแลคุณที่โรงพยาบาลได่” ฉินอันอัน “ไม่ต้องหรอก คุณกลับไปบอกทุกคนว่าฉันไม่เป็นไร ฉันจะโทรหารองประธาน เมื่อฉันรู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”เลขา “ได้ค่ะ ประธาน” ยี่สิบนาทีต่อมา โจวจื่ออี้รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นอาการของฉินอันอัน เขาเอ่ยว่า “ผมขอให้ป้าจางมาดูแลคุณ คุณพักฟื้นอย่างสบายใจนะครับ ไม่ต้องคิดอะไร” “ตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้ว” เธอพูดอย่างสงบนิ่ง “อื้ม ผมให้บอดี้การ์ดไปซื้ออาหารแล้ว คุณทานแล้วก็พักผ่อนให้มาก ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “อืม” สิบชั่วโมงต่อมา ไมค์และฟู่สือถิงกลับมาถึงประเทศเอ เวลานี้ พร
“นี่ฟู่สือถิงประธานใหญ่ของเอสทีกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? เขามาทำไม? รองประธานโจว คุณบอกว่าผู้อำนวยการไมค์กลับมาแล้ว ไหนผู้อำนวยการไมค์ล่ะ? ทำไมคุณถึงโกหกพวกเรา?” มีคนทักท้วง รองประธานโจวทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก “พวกคุณคงเคยได้ยินว่าประธานฟู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานฉินของพวกเรา ตอนนี้คุณฉินไม่สบาย เข้าโรงพยาบาล ดังนั้นประธานฟู่จึงมาช่วยพวกเรา” “อ้อ...ดีเลยที่ประธานฟู่มาช่วย แต่ว่าทำไมถึงต้องเอาโทรศัพท์พวกเราไปด้วย? แปลก ๆ นะ” รองประธานโจวอธิบาย “มือถือของผมก็ถูกเก็บไปเหมือนกัน ประธานฟู่ทำแบบนี้ย่อมมีเหตุผล” สายตาของทุกคนมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่เก้าอี้ประธาน ใบหน้าของเขาเย็นชาและน่ากลัวและตัวของเขาก็แผ่รัศมีอันมืดมน ต่อหน้าเขา ถึงตนเองจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็รู้สึกว่าตนเองอาจจะทำผิดพลาดอะไรไป “พวกคุณบางคนคงจะรู้ว่าชิปถูกขโมยไปได้ยังไง” ดวงตาสีเข้มอันคมกริบของเขากวาดไปทั่วใบหน้าของทุกคน “ผมให้เวลาพวกคุณหนึ่งนาที ถ้าผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วยังไม่มีใครสารภาพ ผมจะใช้วิธีของผมจัดการกับพวกคุณ” หลังจากพูดจบแล้ว การจับเวลาก็เริ่มขึ้น ในเวลาเดียวกัน ชายชุดดำที่แข็งแกร่งและกระตือรือร้นหลายคน
ฟู่สือถิงมองพวกเขาอย่างเย็นชาแล้วเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง คืนนี้เขาต้องค้นหาคนทรยศ! เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินอันอันลืมตาตื่นแล้วเห็นใบหน้าไมค์เข้ามาในดวงตา “อันอัน เธอตื่นแล้ว!”ไมค์ยกหัวเตียงเธอขึ้นแล้วยื่นชามโจ๊กให้เธอ “เธอกินโจ๊กหน่อยนะ” เธอยังตื่นไม่เต็มที่ เธอจึงรับชามโจ๊กมาอย่างงุนงง “วันนี้เธอสึกยังไงบ้าง?” ไมค์นั่งลงข้างเตียงแล้วมองหน้าเธอ “เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ที่บริษัท ทำไมเธอไม่บอกฉัน กลับมาเองทำไม? หากเธอเป็นอะไรไป ฉันรู้สึกผิดจนตายแน่ ๆ” ฉินอันอันตื่นขึ้นทันที “ตอนนั้นนายเมาคอพับ ฉันจะบอกนายยังไง?” “เอาเถอะ! ฉันก็ไม่ควรอวดเก่งไปดื่มเหล้ากับตาฟู่สือถิงนั่น!” ไมค์ถอนใจ “แต่ครั้งนี้เราต้องขอบคุณเขา เขาช่วยพวกเราตามหาหนอนบ่อนไส้มาได้” ขนตาฉินอันอันสั่นไหว ถามเสียงแหบแห้ง “คือใคร? ใครทรยศพวกเรา?” “ฝ่ายเทคนิค” ไมค์ก้มหน้าลง เพราะเขาบริหารฝ่ายเทคนิค ฉินอันอันขมวดคิ้ว “ฉันถามนายว่าเป็นใคร ไม่ได้ถามว่าแผนกไหน” “พนักงานฝ่ายเทคนิคและฝ่ายวิจัยและพัฒนาทุกคน” ไมค์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขากัดฟันและพูดว่า “เจ้าโง่พวกนี้ตอนออกไปปาร์ตี้ทำเรื่องเหลวไหล แล้วถูกคนถ่ายรูปเลวร้า
เธอคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เพราะเธอเห็นชัดเจนว่าเหมือนมีแสงจาง ๆ อยู่รอบตัวเขา จนกระทั่งเธอเดินทันตามหลังเขา จู่ ๆ เขาก็หันกลับมา เมื่อเธอเห็นดวงตาลึกล้ำของเขา และสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา...ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่ความฝัน “คุณลงจากเตียงทำไม?” เขาพยุงแขนเธอ “ผมปลุกคุณหรือเปล่า?” เธอส่ายหัว “เมื่อคืนฉันนอนนานมากแล้ว นอนนาน ๆ แล้วเวียนหัว” “ให้ผมไปเดินเล่นกับคุณไหม?” เขาถามหมอแล้ว หมอบอกว่าทารกในครรภ์ไม่มีปัญหาอะไร สาเหตุหลักคือความวิตกกังวลของฉินอันอันทำให้อัตราการเต้นหัวใจเร็วเกินไปและหายใจลำบาก ตราบใดที่เธอปรับอารมณ์และนอนหลับให้เพียงพอ ก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเธอไม่รีบปรับตัวก็จะส่งผลต่อลูกในท้อง ฉินอันอันมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงแดดส่องสว่าง เธอพยักหน้าและเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปกับเขา “ฉินอันอัน ปัญหาที่บริษัทของคุณพบก็แค่เรื่องเล็กน้อย” พวกเขาเดินออกจากแผนกผู้ป่วยใน เขาคิดและพูดว่า “ชีวิตคนเราไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลาหรอก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือหน้าที่การงาน อยู่ที่ว่าเราจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ความทุกข์ยากนั้นได้ไหมก
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง