เสี่ยวหานวางสายวิดีโอ ไมค์อยากจะหัวเราะ แต่เมื่อเห็นสีหน้าสับสนอย่างน่ารักของรุ่ยลา เขาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ เมื่อพวกเขาถึงกลับบ้าน ฉินอันอันจับมือเล็ก ๆ ของรุ่ยลา ก่อนที่เธอจะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด รุ่ยลาก็ชิงพูดก่อน “แม่คะ แม่ว่าหนูน่ารักไหมคะ?” “น่ารักสิ! รุ่ยลาของแม่เป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดในโลกเลย” “งั้นรอหนูเป็นดาราดัง หนูจะเอาเงินทั้งหมดที่หามาได้ให้แม่ดีไหมคะ? หนูเพิ่งบอกพี่ว่าจะให้เขาครึ่งหนึ่ง แต่เขาไม่เอา” ดวงตาของรุ่ยลาเป็นประกายราวกับดวงดาวและเต็มไปด้วยความหวัง จิตใจของฉินอันอันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางคุยกับลูกสาวของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพูดกับจิ้นซือเหนียน เธอส่งข้อความถึงจิ้นซือเหนียน เพื่ออธิบายเรื่องที่เธอคัดค้านไม่ให้รุ่ยลาเข้าวงการบันเทิง ครึ่งชั่วโมงต่อมาจิ้นซือเหนียนจึงตอบเธอ : แม้ว่ารุ่ยลาจะยังเด็ก แต่เราควรเคารพการตัดสินใจของเธอสิ วงการบันเทิงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผมจะปกป้องเธอและจะไม่ปล่อยให้เธอเสียใจแน่ เชื่อผมสิ การเจรจาล้มเหลว เธอได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนัก หากเคารพการตัดสินใจของรุ่ยลา และปล่อยให้เธอทำงานในว
ถ้าเสิ่นอวี๋ไม่เอ่ยชื่อของฟู่เย่เฉิน เธอคงลืมไปแล้วว่าชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่! หลังจากเลิกกันเมื่อหกปีที่แล้ว เธอก็อกหักเพราะผู้ชายคนนี้ นับตั้งแต่เธอตกหลุมรักฟู่สือถิง สายตาและหัวใจของเธอก็ไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่นอีกเลย แล้วเธอจะไปแย่งฟู่เย่เฉินอย่างที่เสิ่นอวี๋พูดได้ยังไง! ไร้สาระจริง ๆ! เมื่อบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลเห็นเสิ่นอวี๋เคลื่อนไหว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปเตะที่เอวของเสิ่นอวี๋! เสิ่นอวี๋ปล่อยมือของฉินอันอันด้วยความเจ็บปวดและล้มลงข้าง ๆ “ฉันกำลังตั้งท้อง! แกกล้าดียังไงมาเตะฉัน?! ถ้าลูกของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าแกและฝังลูกของฉันไปพร้อมกับแก!” เสิ่นอวี๋นอนร้องไห้อยู่บนพื้น บอดี้การ์ดและเลขาที่อยู่รอบ ๆ วิ่งเข้ามา เลขามองผมที่ยุ่งเหยิงของฉินอันอันและเข้าช่วยเธอทันที “ประธาน คุณเป็นอะไรไหมคะ? ให้ฉันช่วยพาคุณเข้าไปหวีผมก่อน” ฉินอันอันมองเสิ่นอวี๋ที่อยู่บนพื้นด้วยดวงตาสีแดงเข้ม “ประธาน ผมควรทำยังไงกับผู้หญิงบ้าคนนี้ดีครับ?” บอดี้การ์ดถาม ฉินอันอันพูดน้ำเสียงเคร่งเครียด “รีบพาเธอและรถของเธอออกไปให้พ้นทาง ! เธอไม่ได้รับอนุญาต ออกไป! ไว้ฉันจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง!” บอ
“เสิ่นอวี๋ ที่คุณบอกว่าฉันแย่งฟู่เย่เฉินไป คุณเห็นฉันอยู่กับเขาเหรอ?” ฉินอันอันยืนอยู่ข้างรถแล้วถามเธอ “คุณโทรเรียกฟู่เย่เฉินออกมาคุยกันต่อหน้าตอนนี้เลย!” “ไม่! ถ้าเขารู้ว่าฉันมาหาคุณที่นี่ เขาต้องขอเลิกกับฉันแน่นอน!” เสิ่นอวี๋พูดด้วยความเจ็บปวด “ฉันเห็นรูปถ่ายคุณสองคนอยู่ด้วยกันที่ผับ! เขายอมรับหมดแล้ว! คุณยังปฏิเสธอีกเหรอ?!” “ผับเหรอ ฉันไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลยนะ! ถ้าเขาไม่โกหกก็จำคนผิดแล้วแหละ!” ฉินอันอันพูดทีละคำ “มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคล้ายฉันมากชื่อว่านั่วนั่ว ทางที่ดีคุณควรไปสืบให้แน่ชัดว่าผู้หญิงที่เขาถ่ายรูปด้วยในผับชื่อนั่วนั่วหรือเปล่า!” “แต่ฟู่เย่เฉินบอกว่าเป็นคุณ!” เสิ่นอวี๋ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉินอันอัน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เคยทะเลาะกันมาก่อน “งั้นคุณก็เกลียดฉันต่อไปเถอะ!” ฉินอันอันตอบอย่างเย็นชา “ปัญหาของคุณกับฟู่เย่เฉิน ไม่ต้องเอามาโยนใส่ฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้บอดี้การ์ดโยนคุณออกไป” เสิ่นอวี๋คว้าเอวที่ปวดของเธอและร้องไห้โฮ “ถ้าลูกในท้องของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยอมให้ลูกของคุณเกิดมาง่าย ๆ แน่นอน!” ฉินอันอัน “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ
ฉินอันอันยังคงพูดคุยกับหลีเสี่ยวเถียนอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังเดินไปหาเธอ “อันอัน เธอกังวลหรือเปล่า? เธอใกล้จะคลอดลูกแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนคนน้ำในถ้วยด้วยหลอด “ฉันไม่ได้กังวล ฉันแค่อยากจะคลอดให้เร็วที่สุด ฉันเหนื่อยนิดหน่อยเพราะท้องใหญ่” เธอกินขนมชิ้นเล็ก ๆ แล้วถาม “แล้วเธอล่ะ?” “ฉันบอกพ่อแม่สามีว่าปีหน้าค่อยว่ากัน เลื่อนเป็นปีหน้าไปก่อน! ฉันเองยังเที่ยวสนุกไม่พอเลย!” “การมีลูกไม่ได้ทำให้เธอหยุดสนุกหรอกนะ” “มันมีผลกระทบแน่ ฉันชอบเด็กมาก ถ้าฉันมีลูก ฉันคงทำใจทิ้งลูกไว้ตามลำพังไม่ได้แน่นอน” “เธอก็ไปเที่ยวกับลูก ๆ ได้นี่ และการมีลูกก็เป็นการเพิ่มความสนุกไปในตัว เธออย่าคิดมากเลย” “อืม! เธอทำให้ฉันกล้ามากขึ้น เธอไม่กลัวอะไรเลย ถึงจะท้องก็ยังทำงานได้” หลีเสี่ยวเถียนอิจฉา “ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็คงตกหลุมรักเธอเหมือนกัน” ฉินอันอันหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเธอเป็นผู้ชาย ฉันก็จะแต่งงานกับเธอ ฮ่าๆๆ!” หลีเสี่ยวเถียนหัวเราะไปพร้อมกับเธอ จู่ ๆ ร่างของฟู่สือถิงก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีสี่ยวเถียนหายไปทันทีและเธอกระแอมสองหน “เขามาที่นี่ได้ยังไง?” ฉินอันอันมอง
เธอยัดถุงไว้ในมือของเขา “ฟู่สือถิง เมื่อกี้ลูกในท้องดิ้น ตอนนี้เขาได้ยินทุกอย่างที่คุณพูดกับฉันแล้ว” เขามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต “ผมขอสัมผัสท้องคุณได้ไหม?” เขาถามคำถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้เขาไม่ดิ้นแล้ว เขายังเล็กอยู่ ไม่ได้ดิ้นบ่อยนักหรอก” นี่เป็นการตั้งครรภ์ครั้งที่สองของเธอ แต่ความรู้สึกแตกต่างไปจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนที่เธอท้องครั้งแรก เพราะกลัวว่าเขาจะรู้ เธอจึงได้แต่อดทนต่อปฏิกิริยาทั้งหมดระหว่างตั้งครรภ์อย่างเงียบ ๆ เป็นความรู้สึกกลัวมากกว่าความสุขในการเป็นแม่ แต่การตั้งครรภ์ครั้งนี้ เธอสามารถเพลิดเพลินไปกับปฏิกิริยาทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ ฝ่ามือใหญ่ของเขาสัมผัสท้องเป่งของเธอ ความอบอุ่นของฝ่ามือเขาแผ่ไปยังแขนขาของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอตึงเครียดทันที ทารกในท้องคงรู้สึกถึงความกังวลใจของแม่จึงเตะท้องด้วยเท้าเล็ก ๆ ของเขา! “เขาขยับอีกแล้ว!” ฉินอันอันไม่สามารถระงับเสียงได้ “ผมรู้สึกได้!” เขาคล้อยตาม จู่ ๆ ความมืดก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง “เจ็บไหม?” “ไม่เจ็บ ตอนนี้เขายังแรงไม่เยอะ” “อืม หิวไหม? ผมพาไปหาอะไรกิน” ในตอนนี้หัวใจขอ
ผู้หญิงคนนี้ใจดำอำมหิต! จู่ ๆ ก็ควักตาเธอออกมา! โลกของเธอมืดลง เธอตาบอด! เธอออกไปทำงานไม่ได้อีกต่อไป และชีวิตเธอก็พังยับเยิน! เธอหมดหวังมากจนเธออยากจะตาย แต่ตอนนี้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่ความตายก็กลายเป็นความหวังที่เกินตัว! เรื่องนี้ไปถึงฟู่สือถิงในตอนกลางคืน ฟู่ฮั่นโทรหาเขาและอธิบายเรื่องนี้คร่าว ๆ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉินอันอันจึงจำเป็นต้องบอกเขา “อาการของเสิ่นอวี๋ยังไม่เสถียร ตอนที่เธอยังโอเคอยู่ แต่พอเธอตื่น เธอริ่มกรีดร้อง เอาแต่พูดว่าฉินอันอันเป็นคนควักตาของเธอ…” ฟู่สือถิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ผมเห็นใจชะตากรรมของเธอจริง ๆ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ฉินอันอันจะทำแบบนั้น” “ใช่ ฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ฉินอันอันจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่เห็นเสิ่นอวี๋แบบนี้แล้วก็ทำให้ฉันไม่สบายใจ เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเย่เฉิน แม้ว่าเด็กจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าสภาพจิตใจของเธอยังไม่ดีขึ้น อาจจะส่งผลต่อเด็กได้” ฟู่ฮั่นถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาเปิดโทรศัพท์มือถือและค้นหาเบอร์โทรของฉินอันอัน เขาอยากโทรไปถาม แต่หลังจากลั
เสิ่นอวี๋ส่ายหน้า “ฉันมองไม่เห็น… เพราะกว่าที่ฉันจะรู้ตัว ดวงตาของฉันก็โดนควักออกมาแล้ว! ฉันเจ็บปวดจนอยากจะตาย! ฉันได้ยินเสียงอันอันพูดว่านี่คือการลงโทษ... ฉันได้ยินชัดเจน… สือถิง ฉันพูดจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันไม่โกหกคุณหรอก! “เสียงของเธอเหรอ?” ฟู่สือถิงถามด้วยความประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอว่าฟังไม่ผิด?” “ไม่ผิดแน่! ฉันไม่มีทางจำเสียงของเธอผิด! เพราะฉันเกลียดเธอมาก!” เสิ่นอวี๋จับมือฟู่สือถิงไว้แน่นราวกับกำลังจับฟางช่วยชีวิต “สือถิง! ฉันไม่กล้าโกหกคุณหรอก! ถ้าฉันโกหก คุณคงดูออกไปนานแล้ว! ฉันขอร้องคุณล่ะ... ช่วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราด้วยเถอะนะ สงสารฉันเถอะ…” ฟู่สือถิงมองไปที่ริมฝีปากสั่นเทาและใบหน้าซีดเซียวของเสิ่นอวี๋ และรู้สึกหนักใจมาก สัญชาตญาณบอกเขาว่า เสิ่นอวี๋ไม่ได้โกหก แต่มีอีกเสียงหนึ่งในใจเตือนเขาว่า ไม่มีทางที่ฉินอันอันจะทำเรื่องแบบนั้น! “เสิ่นอวี๋ ผมจะไปสืบให้เอง” เขาสัญญา “จนกว่าจะรู้ความจริง คุณควรดูแลตัวเองให้ดี” เสิ่นอวี๋ส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่...ฉันไม่มีทางรอดหรอก... เดี๋ยวพ่อของฉันมา ฉันจะกลับไปประเทศบีกับเขา ฉันจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ และ
ร่างของฉินอันอันถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ประกายในดวงตาของเธอจางหายไปทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้! ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเธอเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย! เพียงเพราะว่าเธอมีปัญหากับเสิ่นอวี๋เมื่อวานนี้ ก็ต้องเป็นฝีมือเธอแล้วเหรอ? ตลกสิ้นดี! “ฉินอันอัน!” เมื่อเขาเห็นเธอถอยกลับ จู่ ๆ หัวใจของเขาก็บีบรัด “ตอบคำถามผม!” “ฟู่สือถิง ฉันเกลียดคุณ! ฉันเริ่มเกลียดคุณอีกแล้ว!” ฉินอันอันตะโกนดังกว่าเขา “ทุกครั้งที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกับคุณ คุณก็จะแสดงให้ฉันเห็นว่าคุณมันน่ารังเกียจแค่ไหน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอระเบิดออกมาและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกยังคงซัดใส่หลังของเขา ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน และสายตาที่เขามองเธอก็ร้อนผ่าว การปะทะด้วยความเย็นเยือกและร้อนรุ่มทำให้เขามองข้ามเหตุผลและก้าวเข้ามาหาเธอ “คุณไม่ได้ทำใช่ไหม?” เขาเดินไปหาเธอแล้วจับไหล่เล็ก ๆ ของเธอไว้แน่นพลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฉินอันอัน ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น! ผมมาถามคุณ เพราะผมอยากได้ยินจากปากว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ!” “ฉันไม่ได้ทำ!” เธอพูดพลางดวงตาสีแดงเข้มด้
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง