ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเขา “นายยังอยากจะทานอาหารเย็นแบบสงบสุขอยู่อีกไหม? ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเขา!” ไมค์มีสีหน้างุนงง “แล้วเมื่อตอนบ่ายเธอสองคนคุยเรื่องอะไรกันตั้งนานสองนาน? ทำไมฉันเห็นเขาลงมาจากชั้นบนล่ะ? เขานอนในห้องเธอเหรอ? หืม?” ฉินอันอันขมวดคิ้ว “นายนี่น่ารำคาญจริง ๆ” “โอเค ฉันไม่พูดก็ได้ เธอกินข้าวเถอะ!” ไมค์ทนไม่ไหวเมื่อเห็นเธอผอมมากจนเหลือแต่กระดูก ฉินอันอันหยิบช้อนมาตักข้าวต้มแล้วกินไปหนึ่งคำ ข้าวต้มยังร้อนอยู่ เด็กทั้งสองจ้องเธอตาไม่กะพริบ เธออดหน้าแดงไม่ได้ “ลูกจ้องแม่ทำไม?” รุ่ยลา “แม่คะ ถ้าแม่มีลูกอีกคน แม่จะยังรักหนูกับพี่ไหมคะ?” “แน่นอนสิ! แน่นอนว่าแม่รักลูกกับพี่อยู่แล้ว” เพราะเธอรักมาก จึงไม่ต้องการให้ฟู่สือถิงรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ รุ่ยลาถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางกะพริบตาโตอยากรู้อยากเห็นแล้วถาม “ถ้าอย่างนั้นแม่อุ้มท้องเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงเหรอคะ?” ฉินอันอันกลั้นขำไม่ไหว “ลูกรัก ทารกในท้องแม่ยังเล็กมาก ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหรอก!” รุ่ยลามีสีหน้าประหลาดใจ “เหรอคะ…?” “ตอนนี้เขายังโตไม่เท่าไข่ไก่เลย!” รุ่ยลายิ่งประหลาดใจม
“อืม เธอกินข้าวเย็นหรือยัง?” “กินแล้วค่ะ! กินที่โรงแรมกับเสี่ยวหาน” “ดูเหมือนเธอจะชอบเสี่ยวหานมากเลยนะ” ฟู่สือถิงนึกถึงตอนที่เธอกับไมค์แลกที่นั่งเมื่อตอนเที่ยง เมื่อก่อนเวลาออกไปข้างนอก เธอจะตามติดเขาตลอด แต่วันนี้เธออยากจะนั่งข้างเสี่ยวหานมากกว่า “ฉันชอบทั้งเสี่ยวหานและรุ่ยลาค่ะ” อิ๋นอิ๋นมีลางสังหรณ์ว่าเธอไม่เพียงแต่เป็นอาของเสี่ยวหานเท่านั้น แต่ยังเป็นอาของรุ่ยลาด้วย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวหานและรุ่ยลานั้นเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ชายของเธอ ฟู่สือถิงอดคิดถึงตอนที่อยู่วิลล่าในป่าลึกไม่ได้ว่าตัวเองเกือบจะบีบคอเสี่ยวหานตาย ตอนที่เจอหน้ากันเมื่อเที่ยงวันนี้ เสี่ยวหานไม่ได้มองเขาเลย ดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจหลบหน้าเขาอยู่ เขามั่นใจว่า ใจของเด็กคนนี้ยังคงเจ็บปวดเพราะขาอยู่ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นี้ เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา เขาไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำมาก่อนเลย เพราะถ้าคนอื่นไม่ยั่วยุเขาก่อน เขาก็จะไม่ลงมือ ถ้าเสี่ยวหานไม่เป็นฝ่ายยั่วยุเขา ตอนนั้นเขาคงไม่เสียสติ แต่ตอนนี้เขาเริ่มไตร่ตรองได้แล้ว แม้ว่าเสี่ยวหานจะผิด แต่ตัวเขาเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน
ฉินอันอันเกือบเป็นลมเมื่อเห็นการคำค้นหายอดฮิตเมื่อเช้านี้! ไม่ใช่เพราะชีวิตสำส่อนของเธอ แต่เป็นบัญชีแอนตี้แฟนที่โพสต์รูปถ่ายลูกทั้งสองคนของเธอ! แม้ว่าจะเป็นภาพแอบถ่าย ไม่ใช่ภาพถ่ายเต็มหน้า แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากภาพถ่ายเต็มหน้าเลย! มันสามารถมองเห็นโครงร่างใบหน้าของเด็กทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน แม้แต่โรงเรียนอนุบาลที่มีเด็กสองคนเข้าเรียนก็ถูกเปิดเผย ฉินอันอันลากร่างที่อ่อนแรงออกจากห้อง เธอเคาะประตูห้องไมค์แล้วเดินเข้าไปข้างใน “ไมค์ ตื่นได้แล้ว!” เธอยกผ้าห่มของไมค์ขึ้น โชคดีที่ไมค์สวมชั้นในเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นของตัวเองอย่างแน่นอน “มีอะไรเหรอ?” ไมค์เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตางัวเงีย “ฉินอันอัน... เช้าแล้วเหรอ?” “ฟ้าสว่างแล้ว! เด็ก ๆ ใกล้จะตื่นแล้ว” ฉินอันอันเปิดข่าวการค้นหาที่มาแรงให้เขาดู “นายมีวิธีลบรูปของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาไหม? ฉันไม่รู้วิธีติดต่อกับทางเว่ยป๋อ… บัญชีแอนตี้แฟนพวกนี้น่ารังเกียจมาก!” ไมค์เห็นรูปเด็กในข่าวพลันลุกขึ้นทันที “เธอไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ” เขาหยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวมแล้วลุกจากเตียงเดิ
เมื่อคืนฟู่สือถิงนอนไม่หลับทั้งคืน เขาจึงนอนต่อ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็รับสาย “ประธานครับ ไมค์บอกว่าเขาอยากหาพี่เลี้ยงให้ฉินอันอัน ผมบอกว่าจะช่วยพวกเขาหา และเขาก็ตอบตกลงแล้ว” เมื่อคืนฟู่สือถิงถามโจวจื่ออี้แล้ว ฟู่สือถิงบอกให้โจวจื่ออี้จับตาดูปฏิกิริยาของฉินอันอันผ่านไมค์ โจวจื่ออี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้านาย เจ้านายทำแบบนี้เพราะเขาต้องการทำหน้าที่เป็นพ่อคน ดังนั้นโจวจื่ออี้จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล “อืม ฉันจะจัดการให้” ฟู่สือถิงพูดน้ำเสียงแหบแห้ง “วันนี้ฉินอันอันอยู่ในคำค้นหายอดฮิต มีคนแอบถ่ายรูปรุ่ยลากับเสี่ยวหาน และบล็อกเกอร์บันเทิงชื่อดัง โพสต์ว่าฉินอันอันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และยังบอกอีกว่าเธอใช้ชีวิตสำส่อน…” โจวจื่ออี้รายงานต่อ ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “ไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนทำ” โจวจื่ออี้ “ครับ ประธาน ไมค์บอกว่าฉินอันอันตื่นนอนตั้งแต่ตอนหกโมงเช้าเพราะเป็นกังวลเรื่องค้นหานี้มาก ตอนนี้เธอท้อง อารมณ์ของเธอก็แปรปรวนง่าย เธอคงโกรธมากเมื่อเห็นข่าวแบบนี้ คุณอยากปลอบใจเธอไหมครับ?” ฟู่สือถิง “ปลอบยังไง?” โจวจื่ออี้ “ตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลง งั้นคุณก็ลอง
ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ อิ๋นอิ๋นจึงกล่าวเสริมว่า “พี่ชายของฉันมอบสิ่งนี้ให้กับอันอัน” ฉินอันอันปิดกล่องของขวัญและเงยหน้าขึ้นมองฟู่สือถิง “นี่คุณหมายความว่ายังไง?” สงครามกำลังจะปะทุขึ้น ไมค์พาอิ๋นอิ๋นและลูกทั้งสองออกไปทันที ถ้าลูกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันจะส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของพวกเขา หลังจากที่อิ๋นอิ๋นถูกดึงออกไป เธอก็อธิบายให้รุ่ยลากับเสี่ยวหานฟังทันที “พี่ชายของฉันซื้อของขวัญให้อันอัน แต่ฉันซื้อของขวัญให้เธอสองคน! เธอสองคนต้องรับมันไว้ด้วยนะ!” รุ่ยลาพูดว่า “อืม” และเริ่มเปิดของขวัญด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ เสี่ยวหานมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นหลายครั้ง “พี่หาน ไม่ต้องกังวลหรอก! ตอนนี้แม่กำลังตั้งท้องลูกของคนห่วยอยู่ คนห่วยนั่นไม่ทำร้ายแม่หรอก!” ไมค์ปลอบใจ “ลุงจะพาพวกเธอออกไปเที่ยวข้างนอก!” เสี่ยวหาน “ผมไม่ไปครับ” เขายังคงกังวลเรื่องแม่ของเขา อิ๋นอิ๋นจับมือเสี่ยวหาน “พวกเธอออกไปเที่ยวกันเถอะ! พี่ชายของฉันไม่ทำร้ายอันอันหรอก วันนี้ตอนที่เขาเลือกของขวัญให้อันอัน เขาแทบอยากจะซื้อทุกอย่างให้อันอันเลย เขารักอันอันมากเลยนะ!” เสี่ยวหานขนลุกกับคำพูดเหล่านี้! ฟู่สือถิงจอ
นี่มันไร้สาระเหมือนความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน! ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาลุกขึ้นจากโซฟา “ไม่ต้องมาที่บ้านของฉันอีก” ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชาและพูดทีละคำ “คุณคงไม่ลืมสิ่งที่คุณทำกับลูกชายของฉันเมื่อก่อน เมื่อเขาเห็นคุณ เขาจะคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับ “คุณเห็นแค่ผมทำร้ายเขาเท่านั้น คุณเคยถามเขาหรือยังว่าเขาพูดอะไรกับผมบ้าง?” ฉินอันอัน “ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรกับคุณ คุณสามารถพูดกลับได้มากเป็นสองเท่า คุณจำเป็นต้องลงไม้ลงมือด้วยเหรอ?” เธอพูดถูก คนผิดคือเขา! “ผมมันคนใจร้าย หยาบคาย ป่าเถื่อน!” เขาพูดด้วยความโกรธ “ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเองให้ฉันรู้หรอก!” เธอจ้องหน้าเขา “ฉันรู้ดีอยู่แล้ว!” แววตาของเขาดูสิ้นหวังเล็กน้อย เขาระงับความปรารถนาที่จะอธิบายและรักษาสติ แลศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ เขาหยิบกล่องของขวัญบนโต๊ะกาแฟแล้วเดินจากไป ฉินอันอันสูดหายใจเข้าปวด หลังจากที่เขาออกจากคฤหาสน์ เธอก็มองออกไปข้างนอกด้วยดวงตาสีแดง เธอเห็นเขาขว้างของขวัญราคาแพงใส่ถังขยะนอกประตูบ้าน! ‘บ้าไปแล้ว!’ เขาไม่เพียงแต่จะบ้าคนเดียวเท่านั้น เขาย
เซิ่งเป่ยนั่งลงบนเก้าอี้และตั้งใจฟังเขา “สือถิง นายถูกบังคับให้คบกับเสิ่นอวี๋ก็จริง แต่นายไม่ได้ทำเพื่อฉินอันอัน แต่เพื่ออิ๋นอิ๋น” เซิ่งเป่ยพูดแทงใจดำ “ฉินอันอันยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของนายกับอิ๋นอิ๋น ดังนั้นการที่เธอโกรธก็พอเข้าใจได้” ดวงตาลึกล้ำของฟู่สือถิงขยับเล็กน้อย “นายคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอิ๋นอิ๋นคืออะไร?” เซิ่งเป่ยหัวเราะเบา ๆ “นายอยากให้ฉันเดาจริง ๆ เหรอ?” “ฉันรู้ว่านายเดาถูก” ฟู่สือถิงพูดน้ำเสียงหนักแน่น “นายรู้จักฉัน” “งั้นนายโกรธที่ฉินอันอันไม่เชื่อใจนายมากพองั้นเหรอ?” เซิ่งเป่ยรู้สึกว่าถ้าการเดาของตัวเองถูกต้อง ความสัมพันธ์ของเขากับฉินอันอันอาจจะแย่ลงกว่าเดิม “หรือว่าปัญหายังไม่ชัดเจนพอ?” ฟู่สือถิงถามกลับ เซิ่งเป่ยลูบคาง “สือถิง ไม่ใช่ทุกคนที่ใจเย็นและมีเหตุผลเหมือนนาย อีกอย่าง ความรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปีที่แล้วนายก็อิจฉาไมค์เหมือนกัน ตอนนั้นนายไม่ได้ใจเย็นเหมือนตอนนี้” ฟู่สือถิงหรี่ตาและน้ำเสียงของเขาก็อ่อนลง “ฉันทำให้ทุกอย่างแย่ลงเอง” “ไม่ใช่แน่นอน!” เซิ่งเป่ยเห็นว่าเขาเศร้า จึงพูดว่า “อิ๋นอิ๋นเป็นน้องสาวของนายใช่ไหม? ฉินอันอันอาจเดาเร
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุม เขาจึงส่งตำแหน่งให้ไมค์ทันทีพร้อมทั้งแนบข้อความ : คุณฉินวิ่งไปเผชิญหน้ากับหวังหว่านจือ! ถ้าเห็นข้อความแล้วกรุณารีบมาด้วยครับ! เมื่อไมค์เห็นตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมที่บอดี้การ์ดส่งมา เขาก็ตกใจ เช้านี้ฉินอันอันไม่ได้กินอาหารเช้าสักคำ เธอทรมานจากการอาเจียนจนลุกจากเตียงไม่ได้ เธอกล้าวิ่งไปหาหวังหว่านจือแบบนี้ได้อย่างไร?! ไมค์หยิบกุญแจรถแล้วออกจากบริษัททันที ที่โรงแรม หลังจากที่ฉินอันอันขึ้นเวทีด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น เธอก็หยิบไมโครโฟนจากพิธีกรแล้วเผชิญหน้ากับหวังหว่านจือ “ประธานหวัง ฉันมีคำถามจะถามคุณค่ะ” ฉินอันอันถามเสียงดัง “ผู้ช่วยของคุณชื่อจางเฟยหรือเปล่าคะ?” ดวงตาของหวังหว่านจือเย็นชา “คำถามนี้ไม่เกี่ยวกับการประชุมสัมมนาของเราในวันนี้ค่ะ” “หัวข้อของการประชุมสัมมนาวันนี้เกี่ยวกับผลความสำเร็จของการตลาดไม่ใช่เหรอคะ?” ฉินอันอันกล่าวพร้อมหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมา ภาพบนเวทีจะถูกฉายลงบนจอขนาดใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ชมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ได้ชัดเจนขึ้น “ผู้ช่วยของคุณซื้อบัญชีผู้ใช้งานบันเทิงในคืนวันที่หนึ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง