เมื่อรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้ โจวจื่ออี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกความจริง “วันนี้เธอไปหาหวังหว่านจือ เธอถูกบอดี้การ์ดของหวังหว่านจือผลักจนล้มลงครับ” เช้านี้โจวจื่ออี้บอกเขาว่าผู้ช่วยของหวังหว่านจือเป็นคนทำเรื่องการค้นหามาแรง หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ เขาก็วางแผนไปหาหวังหว่านจือ คิดไม่ถึงว่าฉินอันอันจะเป็นคนไปหาก่อน โจวจื่ออี้ถือโทรศัพท์ ฟังเสียงหายใจแรงของเขาและพูดอย่างประหม่า “ประธาน เหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ อย่าตำหนิฉินอันอันเลย…เธอก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก… ตอนนี้เธอคงเสียใจ คุณไปแล้ว อย่าเพิ่งโทษเธอ…” ฟู่สือถิงวางสาย เนื่องจากโจวจื่ออี้อยู่กับไมค์ เขาจึงมีความคิดที่เบี่ยงเบน เขาใส่ใจเด็กคนนั้น แต่เขาไม่สนใจความปลอดภัยของฉินอันอัน ถ้าระหว่างฉินอันอันและลูก เขาเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาเลือกฉินอันอันแน่นอน จินจือกรุ๊ป หลังจากที่เสิ่นอวี๋ได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างหวังหว่านจือและฉินอันอัน เธอก็รีบไปหาทันที “หวังหว่านจือ นี่เป็นแผนที่คุณบอกฉันเหรอ?” เสิ่นอวี๋อดกลั้นมาสองวันแล้ว และตอนนี้เธอก็พูดทั้งหมดในคราวเดียว “คุณไม่มีทางอื่นนอกจากเปิ
ฟู่สือถิงงั้นเหรอ?! ที่โรงพยาบาล ไมค์อยู่กับฉินอันอันในห้องผู้ป่วย โจวจื่ออี้กำลังรอฟู่สือถิงอยู่นอกประตูห้องผู้ป่วย หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้ามา โจวจื่ออี้ก็รีบทำให้เขาใจเย็นลงทันที “ประธาน หมอบอกว่าตอนนี้ฉินอันอันต้องพักผ่อน ไม่สามารถลุกจากเตียงได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ และไม่ควรมีอะไรไปกระทบกับความรู้สึก ดังนั้น...” “นายกล้าสั่งฉันเหรอ?” ฟู่สือถิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา โจวจื่ออี้แพ้ราบคาบ เขายอมจำนนและเปิดประตูห้องผู้ป่วยให้เขา หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว โจวจื่ออี้ก็ขยิบตาให้ไมค์เพื่อให้เขาออกมา ไมค์เมินเฉย เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับฟู่สือถิงว่า “เด็กไม่อยู่แล้ว” ความรู้สึกสับสนฉายแวบผ่านดวงตาของฟู่สือถิง เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับฉินอันอัน” ฉินอันอันอยู่ในอาการงุนงง แต่เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เธอก็หันหน้ามาทันที โจวจื่ออี้ก้าวเข้ามาและดึงไมค์ออกไป! ในห้องเหลือเพียงฟู่สือถิงกับฉินอันอัน ฟู่สือถิงเดินไปที่เตียงผู้ป่วยแล้วนั่งลง เขาจับมือเธอข้างที่ให้น้ำเกลือด้วยฝ่ามือใหญ่และพูดปลอบโยน “ฉินอันอัน ลูกไม่อยู่แล้วก็ไม่เป็น
เธอมองแผ่นหลังที่เหยียดตรงของเขาและรู้สึกอึดอัดใจ “ฟู่สือถิง ไม่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตเด็กคนนี้ได้หรือไม่ หวังว่าคุณจะรู้ใจตัวเอง ตราบใดที่ยังตั้งครรภ์ ก็มีความเสี่ยงที่จะแท้ง ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะเกิดมาได้อย่างราบรื่น” เหตุผลที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าท้อง เธอก็มองโลกในแง่ร้ายมากมาตลอด การตั้งครรภ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะโชคช่วย ในสถานการณ์ปกติเด็กคนนี้คงไม่รอด สิ่งใดที่ได้รับโดยบังเอิญสามารถหายไปได้ตลอดเวลา คำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ เขาหันกลับมาและมองตรงไปที่ใบหน้าของเธอ “คุณกำลังปลอบใจผมเหรอ? ใครบ้างที่ไม่รู้จักใจตัวเอง? เมื่อกี้คุณไม่ได้ลองใจเหรอ? ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมาตั้งแต่แรก ก็ปฏิบัติต่อเขาเสมือนว่าเขาตายไปแล้ว” เขาพูดจบก็รีบออกจากห้องผู้ป่วยทันที หลังจากที่เขาออกไป ไมค์ก็ผลักประตูเข้ามาด้วยความสงสัย “ทำไมเขาออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ? คุยอะไรกัน? ฉันเห็นสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี เขาคงไม่คิดว่าลูกจะจากไปแล้วจริง ๆ หรอกนะ?” สายตาของฉินอันอันไม่ได้โฟกัส เธอสับสน “ไมค์ จริง
หวังหว่านจือแข็งแกร่งขนาดนั้น เกลียดเธอมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอ เธอจะต้องเจ็บแค้นทรมานแน่ ๆ! สักพักพยาบาลก็มาเปลี่ยนยา เธอตกใจเมื่อเห็นคนสองคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง “หวังหว่านจือ ออกไปจากที่นี่พร้อมกับหมารับใช้ของเธอซะ!” ไมค์โยนตะกร้าผลไม้ที่พวกเขานำมาทิ้ง หลังจากที่หวังหว่านจือและผู้ช่วยของเธอออกไปแล้ว ห้องผู้ป่วยก็กลับมาสงบอีกครั้ง หลังจากพยาบาลเปลี่ยนยาแล้วออกไป ไมค์ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโบกต่อหน้าฉินอันอัน “ฉันถามจื่ออี้เมื่อกี้ จื่ออี้บอกว่าบอดี้การ์ดสองคนที่ผลักเธอเมื่อเช้าโดนจัดการแล้ว” ไมค์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ถึงฉันจะเกลียดฟู่สือถิงทุกวัน แต่ฉันค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาทำในเรื่องนี้...” ฉินอันอัน “จัดการยังไงเหรอ?” ไมค์ปิดปากด้วยมือข้างเดียว “จื่ออี้ไม่ยอมให้ฉันบอกเธอ… เขากลัวว่าเธอจะกลัว...” ฉินอันอันอึ้งเงียบ “ไม่อย่างนั้น เธอคิดว่าทำไมหวังหว่านจือมาขอโทษเธอเหรอ? เธอคงกลัวมากน่ะสิ!” ไมค์พูดติดตลก “ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะใช้ฟู่สือถิงทำให้หวังหว่านจือหวาดกลัว” ฉินอันอันหน้าแดงเล็กน้อย “เขาควรจะเป็นวีรบุรุษนิรนามไม่ใช่เหรอ? มาให้ฉันใ
เธอพร้อมที่จะไปแผนกสูติ-นรีเวช ไมค์จึงดึงเธอแล้วพาเธอไปห้องอัลตราซาวนด์สีที่ชั้นบน เธอยกคิ้วแล้วถามเขาด้วยตา “คือ...เธอไปอัลตราซาวนด์สีก็ได้” ไมค์พยายามหลีกเลี่ยงแต่ล้มเหลว “ฟู่สือถิงอยู่ที่นี่ด้วย เขาน่าจะรอเธออยู่ในห้องอัลตราซาวนด์!” ฉินอันอันยกแขนขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “เขาติดสินบนนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไมค์ยกมือขึ้นและสาบานต่อพระเจ้าว่า “ฉันไม่ได้รับสินบนจากเขา! จื่ออี้เป็นคนบอกฉันต่างหาก!” “โอ้ โจวจื่ออี้เป็นคนของเขา โจวจื่ออี้ติดสินบนนาย แล้วมันต่างอะไรกับการที่เขาติดสินบนนาย?” “แน่นอนว่าต้องแตกต่างกันสิ! จื่ออี้แตกต่างจากหมอนั่น! จื่ออี้ไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็นเสียหน่อย!” ไมค์จับแขนเธอแล้วเถียง “จื่ออี้รับปากกับฉันว่าถ้าหมอนั่นกล้ารังแกเธออีก เขาจะลาออกจากงาน!” ฉินอันอัน “แต่ยังไงนายขะบอกพวกเขาทุกอย่างไม่ได้!” “ฉันไม่ได้บอกพวกเขาทุกอย่าง...เช่น เธอกินได้เยอะขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอไม่ได้อาเจียนเยอะแล้ว และเธอคิดว่าลูกน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกพวกเขา” ไมค์ถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ ยังไงเด็กก็ไม่อยู่แล้ว งั้นวันนี้เธอจะไปทำแท้งไหม?” ฉินอันอ
ฉินอันอันเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “ไมค์ เด็กยังแข็งแรงดี” ไมค์ “โอ้เหรอ?” ฉินอันอันจับแขนของไมค์แล้วเดินไปที่ลิฟต์ “ไปทำงานกันเถอะ!” “เด็กไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? หมอบอกว่าเธอไปทำงานได้แล้วเหรอ?” ไมค์ไม่เชื่อ "อืม" เด็กไม่เป็นไร และร่างกายเธอก็แข็งแรงดี ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการไปทำงาน โจวจื่ออี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง “ประธาน ยินดีด้วยนะครับ! ทารกในครรภ์อายุเกือบสามเดือนแล้ว รออายุครรภ์ครบสามเดือนอาการจะคงที่ และไม่เสี่ยงต่อการแท้งแล้ว” อารมณ์ของฟู่สือถิงเปลี่ยนไปนับพันครั้ง เมื่อคืนเขาฝันร้ายว่าลูกของเขาจากไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นเพียงสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด…… ที่ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันมาถึงบริษัท รองประธานก็มารายงานเธอทันที ที่จริงแล้วหัวหน้าแผนกต่าง ๆ มักจะส่งอีเมลไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ในบริษัท แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่บริษัท แต่เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท ขณะที่รองประธานรายงานงาน เธอก็หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมา นิตยสารฉบับนี้มีชื่อว่าแฟร์ชั่นไวนด์ ซึ่งเป็นนิตยสารที่สัมภาษณ์เธอครั้งล่าสุด รูปเธออยู่บนปกนิตยสาร เดิมทีเธอนัดถ่ายรูปที่สตูดิโอของพวกเขา แต่
หลังจากยืนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง เขาก็กดสายภายในหาโจวจื่ออี้และถามว่าใครเป็นคนส่งนิตยสารมาให้ โจวจื่ออี้ “เจ้าหน้าที่ของฉินกรุ๊ปส่งมาครับ ส่งมาทั้งหมดยี่สิบเล่ม ผมบอกให้เลขาแจกผู้บริหารคนละหนึ่งเล่ม” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “นายเห็นหรือยัง?” โจวจื่ออี้ “ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ผมจะออกไปซื้อสักเล่มตอนเลิกงาน” ฟู่สือถิง “เล่มนี้ฉันให้นาย!” หลังจากนั้นไม่นาน โจวจื่ออี้ก็มาที่ห้องทำงานของประธานและเห็นใบหน้ามืดมนของฟู่สือถิง เขารู้ทันทีว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับนิตยสารใช่รึเปล่า? เขาเหลือบมองแค่ปกนิตยสารเท่านั้น ฉินอันอันบนหน้าปกสวยและมีเสน่ห์ รูปถ่ายไม่มีอะไรผิดปกติ งั้นคงจะเป็นเนื้อหาที่ผิดปกติ “ประธาน ผมขอนิตยสารเล่มนั้นได้ไหม?” โจวจื่ออี้ถามอย่างไม่มั่นใจ “เอาไปสิ!” สีหน้าของฟู่สือถิงเย็นชาแต่น้ำเสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่า โจวจื่ออี้หยิบนิตยสารขึ้นมาจากโต๊ะแล้วเดินออกจากออฟฟิศ เขาเปิดหน้าที่มีบทสัมภาษณ์ของฉินอันอัน และรีบอ่านหัวเรื่องอย่างรวดเร็ว ‘อะไรเนี่ย?!’ ‘จิ้นซือเหนียนเทพบุตรของฉินอันอัน?’ โจวจื่ออี้กลับมาที่ออฟฟิศ และกดโทรหาไมค์ แล้วถามว่าการสัมภาษณ์เป็นเรื่องเกี
“ถ้าป้าไม่สามารถยับยั้งไม่ให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้ ก็อย่าได้คิดจะเอาชนะฉินอันอัน!” เสิ่นอวี๋ใช้คำพูดยั่วยุเธอ “หลังจากนี้อย่าคิดว่าจะได้ใช้เงินทุนของฉันอีก!” ดวงตาของหวังหว่านจือเปล่งประกายขึ้นทันที “เธอยังได้เงินจากฟู่สือถิงอยู่งั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “อย่างน้อยจะได้อีกพันล้าน” หวังหว่านจือ “เธอวางใจได้! ฉันจะไม่มีวันยอมให้ฉินอันอันคลอดเด็กในท้องออกมาได้อย่างราบรื่น!” ......ตอนเย็น ฉินอันอันเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีรถจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ในบ้านมีแขกงั้นเหรอ? หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ ที่ประตูวิลล่า เด็กสองคนเดินออกมาพร้อมกับอิ๋นอิ๋น “แม่ขา!” รุ่ยลาเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น ไมค์อุ้มรุ่ยลาขึ้นเมื่อเธอวิ่งมาหาฉินอันอัน “ทำไมอิ๋นอิ๋นถึงอยู่ที่นี่?” ไมค์กล่าวอย่างงุนงง อิ๋นอิ๋นเดินมาหาพวกเขาพร้อมยิ้มเบา ๆ “อันอัน ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ!” พูดจบเธอก็เดินไปเลย ฉินอันอันหันไปมองทางรุ่ยลา “รุ่ยลา อิ๋นอิ๋นมาที่นี่ตอนไหนเหรอลูก?” “เธอมาที่หน้าบ้านเราตอนที่หนูกับพี่ชายกำลังเรียนอยู่ค่ะ” รุ่ยลาขมวดคิ้