เมื่อรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้ โจวจื่ออี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกความจริง “วันนี้เธอไปหาหวังหว่านจือ เธอถูกบอดี้การ์ดของหวังหว่านจือผลักจนล้มลงครับ” เช้านี้โจวจื่ออี้บอกเขาว่าผู้ช่วยของหวังหว่านจือเป็นคนทำเรื่องการค้นหามาแรง หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ เขาก็วางแผนไปหาหวังหว่านจือ คิดไม่ถึงว่าฉินอันอันจะเป็นคนไปหาก่อน โจวจื่ออี้ถือโทรศัพท์ ฟังเสียงหายใจแรงของเขาและพูดอย่างประหม่า “ประธาน เหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ อย่าตำหนิฉินอันอันเลย…เธอก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก… ตอนนี้เธอคงเสียใจ คุณไปแล้ว อย่าเพิ่งโทษเธอ…” ฟู่สือถิงวางสาย เนื่องจากโจวจื่ออี้อยู่กับไมค์ เขาจึงมีความคิดที่เบี่ยงเบน เขาใส่ใจเด็กคนนั้น แต่เขาไม่สนใจความปลอดภัยของฉินอันอัน ถ้าระหว่างฉินอันอันและลูก เขาเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาเลือกฉินอันอันแน่นอน จินจือกรุ๊ป หลังจากที่เสิ่นอวี๋ได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างหวังหว่านจือและฉินอันอัน เธอก็รีบไปหาทันที “หวังหว่านจือ นี่เป็นแผนที่คุณบอกฉันเหรอ?” เสิ่นอวี๋อดกลั้นมาสองวันแล้ว และตอนนี้เธอก็พูดทั้งหมดในคราวเดียว “คุณไม่มีทางอื่นนอกจากเปิ
ฟู่สือถิงงั้นเหรอ?! ที่โรงพยาบาล ไมค์อยู่กับฉินอันอันในห้องผู้ป่วย โจวจื่ออี้กำลังรอฟู่สือถิงอยู่นอกประตูห้องผู้ป่วย หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้ามา โจวจื่ออี้ก็รีบทำให้เขาใจเย็นลงทันที “ประธาน หมอบอกว่าตอนนี้ฉินอันอันต้องพักผ่อน ไม่สามารถลุกจากเตียงได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ และไม่ควรมีอะไรไปกระทบกับความรู้สึก ดังนั้น...” “นายกล้าสั่งฉันเหรอ?” ฟู่สือถิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา โจวจื่ออี้แพ้ราบคาบ เขายอมจำนนและเปิดประตูห้องผู้ป่วยให้เขา หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว โจวจื่ออี้ก็ขยิบตาให้ไมค์เพื่อให้เขาออกมา ไมค์เมินเฉย เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับฟู่สือถิงว่า “เด็กไม่อยู่แล้ว” ความรู้สึกสับสนฉายแวบผ่านดวงตาของฟู่สือถิง เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับฉินอันอัน” ฉินอันอันอยู่ในอาการงุนงง แต่เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เธอก็หันหน้ามาทันที โจวจื่ออี้ก้าวเข้ามาและดึงไมค์ออกไป! ในห้องเหลือเพียงฟู่สือถิงกับฉินอันอัน ฟู่สือถิงเดินไปที่เตียงผู้ป่วยแล้วนั่งลง เขาจับมือเธอข้างที่ให้น้ำเกลือด้วยฝ่ามือใหญ่และพูดปลอบโยน “ฉินอันอัน ลูกไม่อยู่แล้วก็ไม่เป็น
เธอมองแผ่นหลังที่เหยียดตรงของเขาและรู้สึกอึดอัดใจ “ฟู่สือถิง ไม่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตเด็กคนนี้ได้หรือไม่ หวังว่าคุณจะรู้ใจตัวเอง ตราบใดที่ยังตั้งครรภ์ ก็มีความเสี่ยงที่จะแท้ง ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะเกิดมาได้อย่างราบรื่น” เหตุผลที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าท้อง เธอก็มองโลกในแง่ร้ายมากมาตลอด การตั้งครรภ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะโชคช่วย ในสถานการณ์ปกติเด็กคนนี้คงไม่รอด สิ่งใดที่ได้รับโดยบังเอิญสามารถหายไปได้ตลอดเวลา คำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ เขาหันกลับมาและมองตรงไปที่ใบหน้าของเธอ “คุณกำลังปลอบใจผมเหรอ? ใครบ้างที่ไม่รู้จักใจตัวเอง? เมื่อกี้คุณไม่ได้ลองใจเหรอ? ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมาตั้งแต่แรก ก็ปฏิบัติต่อเขาเสมือนว่าเขาตายไปแล้ว” เขาพูดจบก็รีบออกจากห้องผู้ป่วยทันที หลังจากที่เขาออกไป ไมค์ก็ผลักประตูเข้ามาด้วยความสงสัย “ทำไมเขาออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ? คุยอะไรกัน? ฉันเห็นสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี เขาคงไม่คิดว่าลูกจะจากไปแล้วจริง ๆ หรอกนะ?” สายตาของฉินอันอันไม่ได้โฟกัส เธอสับสน “ไมค์ จริง
หวังหว่านจือแข็งแกร่งขนาดนั้น เกลียดเธอมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอ เธอจะต้องเจ็บแค้นทรมานแน่ ๆ! สักพักพยาบาลก็มาเปลี่ยนยา เธอตกใจเมื่อเห็นคนสองคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง “หวังหว่านจือ ออกไปจากที่นี่พร้อมกับหมารับใช้ของเธอซะ!” ไมค์โยนตะกร้าผลไม้ที่พวกเขานำมาทิ้ง หลังจากที่หวังหว่านจือและผู้ช่วยของเธอออกไปแล้ว ห้องผู้ป่วยก็กลับมาสงบอีกครั้ง หลังจากพยาบาลเปลี่ยนยาแล้วออกไป ไมค์ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโบกต่อหน้าฉินอันอัน “ฉันถามจื่ออี้เมื่อกี้ จื่ออี้บอกว่าบอดี้การ์ดสองคนที่ผลักเธอเมื่อเช้าโดนจัดการแล้ว” ไมค์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ถึงฉันจะเกลียดฟู่สือถิงทุกวัน แต่ฉันค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาทำในเรื่องนี้...” ฉินอันอัน “จัดการยังไงเหรอ?” ไมค์ปิดปากด้วยมือข้างเดียว “จื่ออี้ไม่ยอมให้ฉันบอกเธอ… เขากลัวว่าเธอจะกลัว...” ฉินอันอันอึ้งเงียบ “ไม่อย่างนั้น เธอคิดว่าทำไมหวังหว่านจือมาขอโทษเธอเหรอ? เธอคงกลัวมากน่ะสิ!” ไมค์พูดติดตลก “ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะใช้ฟู่สือถิงทำให้หวังหว่านจือหวาดกลัว” ฉินอันอันหน้าแดงเล็กน้อย “เขาควรจะเป็นวีรบุรุษนิรนามไม่ใช่เหรอ? มาให้ฉันใ
เธอพร้อมที่จะไปแผนกสูติ-นรีเวช ไมค์จึงดึงเธอแล้วพาเธอไปห้องอัลตราซาวนด์สีที่ชั้นบน เธอยกคิ้วแล้วถามเขาด้วยตา “คือ...เธอไปอัลตราซาวนด์สีก็ได้” ไมค์พยายามหลีกเลี่ยงแต่ล้มเหลว “ฟู่สือถิงอยู่ที่นี่ด้วย เขาน่าจะรอเธออยู่ในห้องอัลตราซาวนด์!” ฉินอันอันยกแขนขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “เขาติดสินบนนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไมค์ยกมือขึ้นและสาบานต่อพระเจ้าว่า “ฉันไม่ได้รับสินบนจากเขา! จื่ออี้เป็นคนบอกฉันต่างหาก!” “โอ้ โจวจื่ออี้เป็นคนของเขา โจวจื่ออี้ติดสินบนนาย แล้วมันต่างอะไรกับการที่เขาติดสินบนนาย?” “แน่นอนว่าต้องแตกต่างกันสิ! จื่ออี้แตกต่างจากหมอนั่น! จื่ออี้ไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็นเสียหน่อย!” ไมค์จับแขนเธอแล้วเถียง “จื่ออี้รับปากกับฉันว่าถ้าหมอนั่นกล้ารังแกเธออีก เขาจะลาออกจากงาน!” ฉินอันอัน “แต่ยังไงนายขะบอกพวกเขาทุกอย่างไม่ได้!” “ฉันไม่ได้บอกพวกเขาทุกอย่าง...เช่น เธอกินได้เยอะขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอไม่ได้อาเจียนเยอะแล้ว และเธอคิดว่าลูกน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกพวกเขา” ไมค์ถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ ยังไงเด็กก็ไม่อยู่แล้ว งั้นวันนี้เธอจะไปทำแท้งไหม?” ฉินอันอ
ฉินอันอันเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “ไมค์ เด็กยังแข็งแรงดี” ไมค์ “โอ้เหรอ?” ฉินอันอันจับแขนของไมค์แล้วเดินไปที่ลิฟต์ “ไปทำงานกันเถอะ!” “เด็กไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? หมอบอกว่าเธอไปทำงานได้แล้วเหรอ?” ไมค์ไม่เชื่อ "อืม" เด็กไม่เป็นไร และร่างกายเธอก็แข็งแรงดี ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการไปทำงาน โจวจื่ออี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง “ประธาน ยินดีด้วยนะครับ! ทารกในครรภ์อายุเกือบสามเดือนแล้ว รออายุครรภ์ครบสามเดือนอาการจะคงที่ และไม่เสี่ยงต่อการแท้งแล้ว” อารมณ์ของฟู่สือถิงเปลี่ยนไปนับพันครั้ง เมื่อคืนเขาฝันร้ายว่าลูกของเขาจากไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นเพียงสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด…… ที่ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันมาถึงบริษัท รองประธานก็มารายงานเธอทันที ที่จริงแล้วหัวหน้าแผนกต่าง ๆ มักจะส่งอีเมลไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ในบริษัท แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่บริษัท แต่เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท ขณะที่รองประธานรายงานงาน เธอก็หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมา นิตยสารฉบับนี้มีชื่อว่าแฟร์ชั่นไวนด์ ซึ่งเป็นนิตยสารที่สัมภาษณ์เธอครั้งล่าสุด รูปเธออยู่บนปกนิตยสาร เดิมทีเธอนัดถ่ายรูปที่สตูดิโอของพวกเขา แต่
หลังจากยืนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง เขาก็กดสายภายในหาโจวจื่ออี้และถามว่าใครเป็นคนส่งนิตยสารมาให้ โจวจื่ออี้ “เจ้าหน้าที่ของฉินกรุ๊ปส่งมาครับ ส่งมาทั้งหมดยี่สิบเล่ม ผมบอกให้เลขาแจกผู้บริหารคนละหนึ่งเล่ม” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “นายเห็นหรือยัง?” โจวจื่ออี้ “ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ผมจะออกไปซื้อสักเล่มตอนเลิกงาน” ฟู่สือถิง “เล่มนี้ฉันให้นาย!” หลังจากนั้นไม่นาน โจวจื่ออี้ก็มาที่ห้องทำงานของประธานและเห็นใบหน้ามืดมนของฟู่สือถิง เขารู้ทันทีว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับนิตยสารใช่รึเปล่า? เขาเหลือบมองแค่ปกนิตยสารเท่านั้น ฉินอันอันบนหน้าปกสวยและมีเสน่ห์ รูปถ่ายไม่มีอะไรผิดปกติ งั้นคงจะเป็นเนื้อหาที่ผิดปกติ “ประธาน ผมขอนิตยสารเล่มนั้นได้ไหม?” โจวจื่ออี้ถามอย่างไม่มั่นใจ “เอาไปสิ!” สีหน้าของฟู่สือถิงเย็นชาแต่น้ำเสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่า โจวจื่ออี้หยิบนิตยสารขึ้นมาจากโต๊ะแล้วเดินออกจากออฟฟิศ เขาเปิดหน้าที่มีบทสัมภาษณ์ของฉินอันอัน และรีบอ่านหัวเรื่องอย่างรวดเร็ว ‘อะไรเนี่ย?!’ ‘จิ้นซือเหนียนเทพบุตรของฉินอันอัน?’ โจวจื่ออี้กลับมาที่ออฟฟิศ และกดโทรหาไมค์ แล้วถามว่าการสัมภาษณ์เป็นเรื่องเกี
“ถ้าป้าไม่สามารถยับยั้งไม่ให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้ ก็อย่าได้คิดจะเอาชนะฉินอันอัน!” เสิ่นอวี๋ใช้คำพูดยั่วยุเธอ “หลังจากนี้อย่าคิดว่าจะได้ใช้เงินทุนของฉันอีก!” ดวงตาของหวังหว่านจือเปล่งประกายขึ้นทันที “เธอยังได้เงินจากฟู่สือถิงอยู่งั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “อย่างน้อยจะได้อีกพันล้าน” หวังหว่านจือ “เธอวางใจได้! ฉันจะไม่มีวันยอมให้ฉินอันอันคลอดเด็กในท้องออกมาได้อย่างราบรื่น!” ......ตอนเย็น ฉินอันอันเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีรถจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ในบ้านมีแขกงั้นเหรอ? หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ ที่ประตูวิลล่า เด็กสองคนเดินออกมาพร้อมกับอิ๋นอิ๋น “แม่ขา!” รุ่ยลาเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น ไมค์อุ้มรุ่ยลาขึ้นเมื่อเธอวิ่งมาหาฉินอันอัน “ทำไมอิ๋นอิ๋นถึงอยู่ที่นี่?” ไมค์กล่าวอย่างงุนงง อิ๋นอิ๋นเดินมาหาพวกเขาพร้อมยิ้มเบา ๆ “อันอัน ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ!” พูดจบเธอก็เดินไปเลย ฉินอันอันหันไปมองทางรุ่ยลา “รุ่ยลา อิ๋นอิ๋นมาที่นี่ตอนไหนเหรอลูก?” “เธอมาที่หน้าบ้านเราตอนที่หนูกับพี่ชายกำลังเรียนอยู่ค่ะ” รุ่ยลาขมวดคิ้
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง