ฟู่สือถิงงั้นเหรอ?! ที่โรงพยาบาล ไมค์อยู่กับฉินอันอันในห้องผู้ป่วย โจวจื่ออี้กำลังรอฟู่สือถิงอยู่นอกประตูห้องผู้ป่วย หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้ามา โจวจื่ออี้ก็รีบทำให้เขาใจเย็นลงทันที “ประธาน หมอบอกว่าตอนนี้ฉินอันอันต้องพักผ่อน ไม่สามารถลุกจากเตียงได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ และไม่ควรมีอะไรไปกระทบกับความรู้สึก ดังนั้น...” “นายกล้าสั่งฉันเหรอ?” ฟู่สือถิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา โจวจื่ออี้แพ้ราบคาบ เขายอมจำนนและเปิดประตูห้องผู้ป่วยให้เขา หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว โจวจื่ออี้ก็ขยิบตาให้ไมค์เพื่อให้เขาออกมา ไมค์เมินเฉย เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับฟู่สือถิงว่า “เด็กไม่อยู่แล้ว” ความรู้สึกสับสนฉายแวบผ่านดวงตาของฟู่สือถิง เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับฉินอันอัน” ฉินอันอันอยู่ในอาการงุนงง แต่เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เธอก็หันหน้ามาทันที โจวจื่ออี้ก้าวเข้ามาและดึงไมค์ออกไป! ในห้องเหลือเพียงฟู่สือถิงกับฉินอันอัน ฟู่สือถิงเดินไปที่เตียงผู้ป่วยแล้วนั่งลง เขาจับมือเธอข้างที่ให้น้ำเกลือด้วยฝ่ามือใหญ่และพูดปลอบโยน “ฉินอันอัน ลูกไม่อยู่แล้วก็ไม่เป็น
เธอมองแผ่นหลังที่เหยียดตรงของเขาและรู้สึกอึดอัดใจ “ฟู่สือถิง ไม่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตเด็กคนนี้ได้หรือไม่ หวังว่าคุณจะรู้ใจตัวเอง ตราบใดที่ยังตั้งครรภ์ ก็มีความเสี่ยงที่จะแท้ง ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะเกิดมาได้อย่างราบรื่น” เหตุผลที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าท้อง เธอก็มองโลกในแง่ร้ายมากมาตลอด การตั้งครรภ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะโชคช่วย ในสถานการณ์ปกติเด็กคนนี้คงไม่รอด สิ่งใดที่ได้รับโดยบังเอิญสามารถหายไปได้ตลอดเวลา คำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ เขาหันกลับมาและมองตรงไปที่ใบหน้าของเธอ “คุณกำลังปลอบใจผมเหรอ? ใครบ้างที่ไม่รู้จักใจตัวเอง? เมื่อกี้คุณไม่ได้ลองใจเหรอ? ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมาตั้งแต่แรก ก็ปฏิบัติต่อเขาเสมือนว่าเขาตายไปแล้ว” เขาพูดจบก็รีบออกจากห้องผู้ป่วยทันที หลังจากที่เขาออกไป ไมค์ก็ผลักประตูเข้ามาด้วยความสงสัย “ทำไมเขาออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ? คุยอะไรกัน? ฉันเห็นสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี เขาคงไม่คิดว่าลูกจะจากไปแล้วจริง ๆ หรอกนะ?” สายตาของฉินอันอันไม่ได้โฟกัส เธอสับสน “ไมค์ จริง
หวังหว่านจือแข็งแกร่งขนาดนั้น เกลียดเธอมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอ เธอจะต้องเจ็บแค้นทรมานแน่ ๆ! สักพักพยาบาลก็มาเปลี่ยนยา เธอตกใจเมื่อเห็นคนสองคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง “หวังหว่านจือ ออกไปจากที่นี่พร้อมกับหมารับใช้ของเธอซะ!” ไมค์โยนตะกร้าผลไม้ที่พวกเขานำมาทิ้ง หลังจากที่หวังหว่านจือและผู้ช่วยของเธอออกไปแล้ว ห้องผู้ป่วยก็กลับมาสงบอีกครั้ง หลังจากพยาบาลเปลี่ยนยาแล้วออกไป ไมค์ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโบกต่อหน้าฉินอันอัน “ฉันถามจื่ออี้เมื่อกี้ จื่ออี้บอกว่าบอดี้การ์ดสองคนที่ผลักเธอเมื่อเช้าโดนจัดการแล้ว” ไมค์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ถึงฉันจะเกลียดฟู่สือถิงทุกวัน แต่ฉันค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เขาทำในเรื่องนี้...” ฉินอันอัน “จัดการยังไงเหรอ?” ไมค์ปิดปากด้วยมือข้างเดียว “จื่ออี้ไม่ยอมให้ฉันบอกเธอ… เขากลัวว่าเธอจะกลัว...” ฉินอันอันอึ้งเงียบ “ไม่อย่างนั้น เธอคิดว่าทำไมหวังหว่านจือมาขอโทษเธอเหรอ? เธอคงกลัวมากน่ะสิ!” ไมค์พูดติดตลก “ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะใช้ฟู่สือถิงทำให้หวังหว่านจือหวาดกลัว” ฉินอันอันหน้าแดงเล็กน้อย “เขาควรจะเป็นวีรบุรุษนิรนามไม่ใช่เหรอ? มาให้ฉันใ
เธอพร้อมที่จะไปแผนกสูติ-นรีเวช ไมค์จึงดึงเธอแล้วพาเธอไปห้องอัลตราซาวนด์สีที่ชั้นบน เธอยกคิ้วแล้วถามเขาด้วยตา “คือ...เธอไปอัลตราซาวนด์สีก็ได้” ไมค์พยายามหลีกเลี่ยงแต่ล้มเหลว “ฟู่สือถิงอยู่ที่นี่ด้วย เขาน่าจะรอเธออยู่ในห้องอัลตราซาวนด์!” ฉินอันอันยกแขนขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “เขาติดสินบนนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไมค์ยกมือขึ้นและสาบานต่อพระเจ้าว่า “ฉันไม่ได้รับสินบนจากเขา! จื่ออี้เป็นคนบอกฉันต่างหาก!” “โอ้ โจวจื่ออี้เป็นคนของเขา โจวจื่ออี้ติดสินบนนาย แล้วมันต่างอะไรกับการที่เขาติดสินบนนาย?” “แน่นอนว่าต้องแตกต่างกันสิ! จื่ออี้แตกต่างจากหมอนั่น! จื่ออี้ไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็นเสียหน่อย!” ไมค์จับแขนเธอแล้วเถียง “จื่ออี้รับปากกับฉันว่าถ้าหมอนั่นกล้ารังแกเธออีก เขาจะลาออกจากงาน!” ฉินอันอัน “แต่ยังไงนายขะบอกพวกเขาทุกอย่างไม่ได้!” “ฉันไม่ได้บอกพวกเขาทุกอย่าง...เช่น เธอกินได้เยอะขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอไม่ได้อาเจียนเยอะแล้ว และเธอคิดว่าลูกน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกพวกเขา” ไมค์ถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ ยังไงเด็กก็ไม่อยู่แล้ว งั้นวันนี้เธอจะไปทำแท้งไหม?” ฉินอันอ
ฉินอันอันเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “ไมค์ เด็กยังแข็งแรงดี” ไมค์ “โอ้เหรอ?” ฉินอันอันจับแขนของไมค์แล้วเดินไปที่ลิฟต์ “ไปทำงานกันเถอะ!” “เด็กไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? หมอบอกว่าเธอไปทำงานได้แล้วเหรอ?” ไมค์ไม่เชื่อ "อืม" เด็กไม่เป็นไร และร่างกายเธอก็แข็งแรงดี ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการไปทำงาน โจวจื่ออี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง “ประธาน ยินดีด้วยนะครับ! ทารกในครรภ์อายุเกือบสามเดือนแล้ว รออายุครรภ์ครบสามเดือนอาการจะคงที่ และไม่เสี่ยงต่อการแท้งแล้ว” อารมณ์ของฟู่สือถิงเปลี่ยนไปนับพันครั้ง เมื่อคืนเขาฝันร้ายว่าลูกของเขาจากไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นเพียงสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด…… ที่ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันมาถึงบริษัท รองประธานก็มารายงานเธอทันที ที่จริงแล้วหัวหน้าแผนกต่าง ๆ มักจะส่งอีเมลไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ในบริษัท แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่บริษัท แต่เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท ขณะที่รองประธานรายงานงาน เธอก็หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมา นิตยสารฉบับนี้มีชื่อว่าแฟร์ชั่นไวนด์ ซึ่งเป็นนิตยสารที่สัมภาษณ์เธอครั้งล่าสุด รูปเธออยู่บนปกนิตยสาร เดิมทีเธอนัดถ่ายรูปที่สตูดิโอของพวกเขา แต่
หลังจากยืนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง เขาก็กดสายภายในหาโจวจื่ออี้และถามว่าใครเป็นคนส่งนิตยสารมาให้ โจวจื่ออี้ “เจ้าหน้าที่ของฉินกรุ๊ปส่งมาครับ ส่งมาทั้งหมดยี่สิบเล่ม ผมบอกให้เลขาแจกผู้บริหารคนละหนึ่งเล่ม” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “นายเห็นหรือยัง?” โจวจื่ออี้ “ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ผมจะออกไปซื้อสักเล่มตอนเลิกงาน” ฟู่สือถิง “เล่มนี้ฉันให้นาย!” หลังจากนั้นไม่นาน โจวจื่ออี้ก็มาที่ห้องทำงานของประธานและเห็นใบหน้ามืดมนของฟู่สือถิง เขารู้ทันทีว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับนิตยสารใช่รึเปล่า? เขาเหลือบมองแค่ปกนิตยสารเท่านั้น ฉินอันอันบนหน้าปกสวยและมีเสน่ห์ รูปถ่ายไม่มีอะไรผิดปกติ งั้นคงจะเป็นเนื้อหาที่ผิดปกติ “ประธาน ผมขอนิตยสารเล่มนั้นได้ไหม?” โจวจื่ออี้ถามอย่างไม่มั่นใจ “เอาไปสิ!” สีหน้าของฟู่สือถิงเย็นชาแต่น้ำเสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่า โจวจื่ออี้หยิบนิตยสารขึ้นมาจากโต๊ะแล้วเดินออกจากออฟฟิศ เขาเปิดหน้าที่มีบทสัมภาษณ์ของฉินอันอัน และรีบอ่านหัวเรื่องอย่างรวดเร็ว ‘อะไรเนี่ย?!’ ‘จิ้นซือเหนียนเทพบุตรของฉินอันอัน?’ โจวจื่ออี้กลับมาที่ออฟฟิศ และกดโทรหาไมค์ แล้วถามว่าการสัมภาษณ์เป็นเรื่องเกี
“ถ้าป้าไม่สามารถยับยั้งไม่ให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้ ก็อย่าได้คิดจะเอาชนะฉินอันอัน!” เสิ่นอวี๋ใช้คำพูดยั่วยุเธอ “หลังจากนี้อย่าคิดว่าจะได้ใช้เงินทุนของฉันอีก!” ดวงตาของหวังหว่านจือเปล่งประกายขึ้นทันที “เธอยังได้เงินจากฟู่สือถิงอยู่งั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “อย่างน้อยจะได้อีกพันล้าน” หวังหว่านจือ “เธอวางใจได้! ฉันจะไม่มีวันยอมให้ฉินอันอันคลอดเด็กในท้องออกมาได้อย่างราบรื่น!” ......ตอนเย็น ฉินอันอันเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีรถจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ในบ้านมีแขกงั้นเหรอ? หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ ที่ประตูวิลล่า เด็กสองคนเดินออกมาพร้อมกับอิ๋นอิ๋น “แม่ขา!” รุ่ยลาเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น ไมค์อุ้มรุ่ยลาขึ้นเมื่อเธอวิ่งมาหาฉินอันอัน “ทำไมอิ๋นอิ๋นถึงอยู่ที่นี่?” ไมค์กล่าวอย่างงุนงง อิ๋นอิ๋นเดินมาหาพวกเขาพร้อมยิ้มเบา ๆ “อันอัน ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ!” พูดจบเธอก็เดินไปเลย ฉินอันอันหันไปมองทางรุ่ยลา “รุ่ยลา อิ๋นอิ๋นมาที่นี่ตอนไหนเหรอลูก?” “เธอมาที่หน้าบ้านเราตอนที่หนูกับพี่ชายกำลังเรียนอยู่ค่ะ” รุ่ยลาขมวดคิ้
ที่เอสทีกรุ๊ป โทรศัพท์มือถือของฟู่สือถิงดังขึ้น เขารับสาย “ประธานฟู่ครับ วันนี้คุณอิ๋นอิ๋นพาฉินจือหานไปเข้าร่วมการแข่งขันรายการเด็กแห่งชาติครับ” เสียงบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นดังมาจากปลายสาย ฟู่สือถิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” บอดี้การ์ดพูดซ้ำอีกรอบ จากนั้นอธิบายว่า “คุณอิ๋นอิ๋นไม่ยอมให้ผมบอกคุณครับ” “แล้วทำไมนายถึงมาบอกฉันเอาตอนนี้?” ฟู่สือถิงลูบระหว่างคิ้ว ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ บอดี้การ์ด “เมื่อครู่นี้ฉินจือหานคว้าแชมป์ได้ คุณอิ๋นอิ๋นเลยวิ่งขึ้นไปบนเวทีอยางมีความสุขมาก ผลคือคนอื่น ๆ จำเธอได้ครับ เหตุการณ์อยู่เหนือการควบคุมไปพักหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณอิ๋นอิ๋นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เธอต้องตกใจมากแน่นอน” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินเรื่องราวอันแปลกประหลาดนี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นทำไมอิ๋นอิ๋นถึงได้พาฉินจือหานไปเข้าร่วมการแข่งขันรายการสำหรับเด็ก? ฉินจือหานมีนิสัยชอบเก็บตัว ไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า พูดตามหลักการแล้วเขาไม่ควรเต็มใจที่เข้าร่วมการแข่งขันถึงจะถูก แต่ว่าเขาถูกเกลี้ยกล่อมได้ยังไง?” “ส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน!” ฟู่สือถิงพูดด้วยเสียงทุ้มต