จริง ๆ แล้วฉินอันอันโกหกเขา หรือว่าอิ๋นอิ๋นมีอาการประสาทหลอนหลังการผ่าตัดกันแน่? เขาเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วโทรหาเสิ่นอวี๋ บอกให้เธอรีบไปโรงพยาบาล! เมื่อฟังน้ำเสียงกังวลของเขา เสิ่นอวี๋ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดี “สือถิง คุณไม่ต้องกังวล เป็นเพราะผลการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นยังมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่หรือเปล่าคะ? เธอเพิ่งฟื้นและต้องการเวลาค่อย ๆ ฟื้นตัว” ความวิตกกังวลของฟู่สือถิงคลายลง แต่หลังจากการผ่าตัดครั้งก่อนของอิ๋นอิ๋น เธอไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติแบบนี้ หลังจากวางสาย เขาก็กลับมาที่ข้างเตียงผู้ป่วย “อิ๋นอิ๋น เธอเพิ่งผ่าตัดเสร็จ อย่าคิดมากนะ จะได้ไม่ปวดหัว” เขามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก “ฉันรู้สึกได้ว่าเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย” “พี่คะ ฉันปวดหัว” อิ๋นอิ๋นสูดหายใจ “เดี๋ยวหมอเสิ่นมา ลองถามดูว่าขอยาแก้ปวดได้ไหม?” “ฉันไม่อยากเจอหมอเสิ่น” อิ๋นอิ๋นหลับตาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลง “อิ๋นอิ๋น หมอเสิ่นทำการผ่าตัดให้เธอนะ เธอเป็นคนที่รู้จักมารยาทคนหนึ่ง เดี๋ยวหมอเสิ่นมา เธอต้องขอบคุณเธอนะ” “ไม่...” อิ๋นอิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดด้วย
แม้ว่าเสิ่นอวี๋จะทำท่าจริงจังมาก แต่อิ๋นอิ๋นก็ไม่สะทกสะท้าน ความจอมปลอมและความจริงใจสามารถเห็นได้จากสายตาของฝ่ายตรงข้าม อิ๋นอิ๋นรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายประจบพี่ชายของเธอ แต่กลับไม่รู้สึกว่าเธอใส่ใจเขาจริง ๆ “พี่ขอให้ฉันพูดขอบคุณคุณ” อิ๋นอิ๋นโกรธ “แต่ฉันไม่พูดหรอก” เสิ่นอวี๋มองไปที่ป้าหง “รบกวนออกไปสักครู่ก่อนนะคะ ฉันขอคุยกับอิ๋นอิ๋นหน่อย” ป้าหงสับสนเล็กน้อย แต่ตอนนี้เสิ่นอวี๋เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลฟู่ เธอจึงไม่กล้าล่วงเกิน หลังจากที่เธอออกไปแล้ว เสิ่นอวี๋ก็พูดว่า “อิ๋นอิ๋น ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมองฉันเป็นศัตรูมาตลอด หรือใครพูดเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับฉันให้เธอฟัง? หลังจากที่ฉันกลับประเทศมา ฉันพยายามหาข้อมูลเพื่อวางแผนรักษาเธออยู่ทุกวัน แค่คำว่าขอบคุณคำเดียวเธอพูดไม่ได้เลยเหรอ?” อิ๋นอิ๋นพูดตรงไปตรงมา “ฉันคิดว่าคุณไม่ได้ทำการผ่าตัดให้ฉัน” ไม่อย่างนั้น ทำไมหน้าและเสียงของฉินอันอันถึงติดอยู่ในใจของเธอก่อนการผ่าตัดทุกครั้งล่ะ? ถ้าคนที่เธอเห็นก่อนการผ่าตัดทุกครั้งคือเสิ่นอวี๋ เธอจะไม่ตั้งคำถามเลย จิตใจของเธอไม่ได้ถูกกระทบมากนัก เธอเชื่อสิ่งที่เธอเห็นและได้ยิน “เธอคิดว่าไงล่ะ? ฮ
ฟู่สือถิงฝันร้าย เขาฝันว่าฉินอันอันบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้เจอเธออีกเท่านั้น เขายังไม่อาจแม้แต่จะรับสายของเธอด้วยซ้ำ ทั้งสองขาดการติดต่อกันไปตลอดกาล! ความเจ็บปวดบีบรัดในใจราวกับสูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดไป! เขาเหงื่อออกเยอะมาก ก่อนจะลืมตาขึ้น ดวงตาที่ลึกล้ำถูกปกคลุมไปด้วยละอองน้ำซึ่งมีความเจ็บปวดไม่รู้จบแฝงอยู่ เขาหาโทรศัพท์มือถือและกดหมายเลขของฉินอันอัน ‘ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว’ ‘เธอหลับทั้งวันแล้ว ตอนนี้เธอน่าจะถึงบ้าน และน่าจะยังตื่นอยู่!’ “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาโทรใหม่อีกครั้งค่ะ” เสียงแจ้งเตือนของระบบอัตโนมัติดังก้องอยู่ในหู นิ้วของเขาจับโทรศัพท์แน่นขึ้นทันที ดูเหมือนว่าฝันร้ายจะกลายเป็นจริง! ฉินอันอันบล็อกเขาจริง ๆ! ไม่อย่างนั้น คงไม่โทรหาเธอไม่ติดอยู่แบบนี้ตลอด เพื่อยืนยันว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง เขายกผ้าห่มขึ้นและยกขายาวเหยียดออกจากเตียง เขาใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาฉินอันอัน ทุกครั้งที่เขากดปุ่ม หัวใจของเขาก็เจ็บปวด แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ชัดเจนมาก หลั
ข้างนอกประตูห้องนอนใหญ่ ไมค์และเด็กทั้งสองเอาหูแนบประตูและแอบฟังเสียงข้างใน เสียงตะคอกแหลมคมของฉินอันอันเมื่อสักครู่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา สักพักประตูก็เปิดออกโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไมค์เกือบจะตกไปอยู่ในอ้อมแขนของฉินอันอัน ฉินอันอันมองพวกเขาด้วยสีหน้าตกใจ “พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?” “แม่กำลังทะเลาะกับใครอยู่เหรอคะ?” รุ่ยลาเงยหน้าขึ้น ดวงตาโตที่ไร้เดียงสาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ทะเลาะกับพ่อจอมวายร้ายอยู่หรือเปล่าคะ?” ไมค์แซว “แม่ของเธอเป็นผู้หญิงแสนดีของทุกคนยกเว้นกับศัตรูและเขา” “อ๋อ พ่อจอมวายร้ายคือศัตรูของแม่” รุ่ยลาเข้าใจแจ่มแจ้ง ฉินอันอันรู้สึกปวดขมับ เธอออกมาจากห้องแล้วเดินลงไปชั้นล่าง “ฉินอันอัน ฉันเก็บอาหารเย็นไว้ให้ อยู่ในครัวแน่ะ!” ไมค์พูดกับร่างผอมเพรียวของเธอ “อืม” “ฉันจะพาลูกสองคนไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยคุยกันหลังจากกินข้าวเสร็จ!” ไมค์พูดต่อ ฉินอันอันจับราวจับบันไดแล้วหันกลับมามองเขาด้วยดวงตารีที่เต็มไปด้วยความสับสน “นายอยากคุยกับฉันเรื่องอะไรล่ะ? พูดมาเลยไม่ได้เหรอ?” ไมค์ไม่มีทางเลือก “เธอลืมที่ฉันบอกเมื่อตอนเที่ยงหรือยัง? ไปกินข้าวก่อน
- สำหรับรุ่นเฟิงที่ผลิตในประเทศ แม้ว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่จะเท่ากันกับของต่างประเทศ แต่เลนส์ก็ดูแย่มากและไม่สามารถถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้เลย! - แต่กลับขายได้ในราคาโดรนมืออาชีพ! ในวิดีโอ เลื่อนดูก็พบความคิดเห็นนับหมื่น - น่าเกลียดมาก! ฉินอันอันลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองมาจากประเทศเอ? ! หลอกคนทั้งประเทศเก่งจริง ๆ! คลื่นไส้! - - ฉินกรุ๊ปควรปิดตัวให้เร็วที่สุด! - - ในเวลานี้ต้องติดต่อเอสทีกรุ๊ปไหม? สุดท้ายแล้วฟู่สือถิงของพวกเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของฉินกรุ๊ป! - ...... ฉินอันอันเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง จากนั้นก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “อันอัน ฉันติดต่อบริษัทนิก้าคอร์ปอเรชั่นไปแล้ว พวกเขาบอกว่ายินดีชดเชยตามสัญญา” ไมค์กล่าว “และยังบอกอีกว่าพวกเขาไไม่สามารถขายเลนส์คุณภาพพิเศษให้เราได้” “ทำไมล่ะ?” ฉินอันอันวางแก้วน้ำด้วยสีหน้างงงวย “ปัญหาเรื่องราคาเหรอ?” ไมค์ส่ายหน้า “เราได้สร้างวิกฤตให้กับโดรนยี่ห้ออื่น ๆ ในประเทศ กลัวเราจะครองตลาดโดรนในประเทศ ดังนั้นจึงรวมตัวกันและจัดการเรา” ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “พวกเขาคิดว่าเราอยู่ไม่รอดถ้าบริษัทนิก้าคอร์ปอเรชั่นไม่ขายเลนส์คุณภาพพิเศษให้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฟู่สือถิงไปที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล หลังจากที่อิ๋นอิ๋นดื่มซุปที่ป้าหงทำเมื่อคืนนี้ จู่ ๆ เธอก็ตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง และเธอก็หลับไป หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้างและหมองคล้ำ จนกระทั่งฟู่สือถิงเข้ามา “อิ๋นอิ๋น วันนี้เป็นยังไงบ้าง? ปวดหัวหรือเปล่า?” เสียงที่นุ่มนวลและคุ้นเคยของเขาทำให้อิ๋นอิ๋นแสดงสีหน้า “พี่คะ ทำไมอันอันไม่มาหาฉันล่ะ?” อิ๋นอิ๋นรู้สึกเสียใจ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาก็จางหายไป “เธอไม่มาหรอก อิ๋นอิ๋น เธอเลิกคิดถึงเธอกับลูก ๆ ของเธอได้แล้ว” อิ๋นอิ๋นยิ่งเสียใจมากขึ้น แต่พี่ไม่เชื่อฉัน...อันอันคุยกับฉัน เธอก็ถามคำถามฉันเยอะแยะเลย...” เขามองหน้าซีดเซียวของน้องสาวแล้วรู้สึกเจ็บหัวใจ “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเธอ บางทีเธออาจจะคุยกับเธอจริง ๆ ก็ได้ แต่มันแค่ในความฝัน” “จริงเหรอคะ?” อิ๋นอิ๋นมองเขาด้วยสีหน้าสับสน หรือมันจะเป็นแค่ความฝันจริง ๆ? “ฉันฝันถึงตอนที่เรายังเด็ก ๆ บ่อยมาก แต่พอตื่นจากความฝันก็กลับมาสู่ความเป็นจริง แม้ว่าภาพและเสียงในความฝันจะดูสมจริงมาก แต่มันก็เป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่ความ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวอยู่ที่ไหน แต่โทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะ ไมค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรีบเปิดรายชื่อที่ถูกบล็อก! หา?! ไม่มีหมายเลขของฟู่สือถิงในรายชื่อบล็อก! เขารีบวางโทรศัพท์ของเธอลงแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จู่ ๆ ประตูสำนักงานเปิดออก และฉินอันอันก็เดินเข้ามา “เอสทีกรุ๊ปตอบกลับมาหรือยัง?” เธอเดินไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจากโต๊ะแล้วจิบน้ำ “พวกเขาไม่คืนสินค้า” ไมค์ตอบเธอ “เธอคงไม่คิดจะยืนกรานให้พวกเขาคืนสินค้าใช่ไหม?” เธอวางแก้วน้ำลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองไมค์ “นายรู้จักฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ แต่ถึงฉันจะยืนกรานให้พวกเขาคืน พวกเขาก็ไม่คืนหรอก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา” ไมค์ยกนิ้วให้เธอ เธอกล่าวต่อ “คืนเงินให้บัญชีบริษัทของพวกเขาจำนวนห้าสิบล้านบาท!” ไมค์อึ้งไป “แต่ช่างเถอะ เงินไม่ต้องคืนแล้ว” ฉินอันอันเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วและวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าฉันคืนเงินให้เขา เขาคงโกรธมากแน่ อล้วเราจะต้องทะเลาะกันอีก” ไมค์ “ใช่!” “นายออกไปก่อน! ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ” “อืม...อย่าหาข่าวเกี่ยวกับบริษัทของเราในอินเทอร์เน็ตและอย่าอ่านคอมเมนต์ล่ะ” ไมค์บอกเธอก่อน
หลังอาหารเย็น ฟู่สือถิงกลับไปก่อน เขากำลังจะไปเยี่ยมอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาล ทายาทของตระกูลฟู่ก็ออกไปเช่นกัน หลังจากที่แม่เฒ่าฟู่กลับเข้าห้อง ฟู่เย่เฉินก็ไปเคาะประตูห้องของเสิ่นอวี๋ ตั้งแต่การตั้งครรภ์ของเสิ่นอวี๋ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เธอก็ถูกพาไปอาศัยอยู่ในบ้านเดิม “หมอเสิ่น คุณนี่เก่งที่สุดเลย!” หลังจากที่ฟู่เย่เฉินเข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตู “อาผมไม่ใช้คนที่รับมือได้ง่ายเลย! งั้นต่อไปผมคงต้องเรียกคุณว่าอาสะใภ้แล้วสิ?” เสิ่นอวี๋ยิ้มสง่างาม “แน่นอน ตราบใดที่ฉันได้หมั้นกับเขา ฉันก็เป็นคู่หมั้นของเขา คู่หมั้นกับภรรยาต่างกันตรงไหน?” “แสดงความยินดีด้วย! แต่…” ฟู่เย่เฉินดูกังวล “มีวิธีไหนที่จะป้องกันไม่ให้ลุงอาของผมสงสัยเรื่องลูกในท้องของคุณบ้าง? เพราะในอนาคตคุณจะได้ทรัพย์สินของอา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้!” สีหน้าของเสิ่นอวี๋เปลี่ยนไป “ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เด็กคนนี้มีชีวิตรอดได้!” ใบหน้าของเสิ่นอวี๋เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ตราบใดที่เด็กเกิดมา อาของคุณจะต้องพิสูจน์ความเป็นพ่ออย่างแน่นอน” เสิ่นอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเขาพบว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา เขาจะต้องเลิกกับฉ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง