เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฟู่สือถิงไปที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล หลังจากที่อิ๋นอิ๋นดื่มซุปที่ป้าหงทำเมื่อคืนนี้ จู่ ๆ เธอก็ตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง และเธอก็หลับไป หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้างและหมองคล้ำ จนกระทั่งฟู่สือถิงเข้ามา “อิ๋นอิ๋น วันนี้เป็นยังไงบ้าง? ปวดหัวหรือเปล่า?” เสียงที่นุ่มนวลและคุ้นเคยของเขาทำให้อิ๋นอิ๋นแสดงสีหน้า “พี่คะ ทำไมอันอันไม่มาหาฉันล่ะ?” อิ๋นอิ๋นรู้สึกเสียใจ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาก็จางหายไป “เธอไม่มาหรอก อิ๋นอิ๋น เธอเลิกคิดถึงเธอกับลูก ๆ ของเธอได้แล้ว” อิ๋นอิ๋นยิ่งเสียใจมากขึ้น แต่พี่ไม่เชื่อฉัน...อันอันคุยกับฉัน เธอก็ถามคำถามฉันเยอะแยะเลย...” เขามองหน้าซีดเซียวของน้องสาวแล้วรู้สึกเจ็บหัวใจ “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเธอ บางทีเธออาจจะคุยกับเธอจริง ๆ ก็ได้ แต่มันแค่ในความฝัน” “จริงเหรอคะ?” อิ๋นอิ๋นมองเขาด้วยสีหน้าสับสน หรือมันจะเป็นแค่ความฝันจริง ๆ? “ฉันฝันถึงตอนที่เรายังเด็ก ๆ บ่อยมาก แต่พอตื่นจากความฝันก็กลับมาสู่ความเป็นจริง แม้ว่าภาพและเสียงในความฝันจะดูสมจริงมาก แต่มันก็เป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่ความ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวอยู่ที่ไหน แต่โทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะ ไมค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรีบเปิดรายชื่อที่ถูกบล็อก! หา?! ไม่มีหมายเลขของฟู่สือถิงในรายชื่อบล็อก! เขารีบวางโทรศัพท์ของเธอลงแล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จู่ ๆ ประตูสำนักงานเปิดออก และฉินอันอันก็เดินเข้ามา “เอสทีกรุ๊ปตอบกลับมาหรือยัง?” เธอเดินไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจากโต๊ะแล้วจิบน้ำ “พวกเขาไม่คืนสินค้า” ไมค์ตอบเธอ “เธอคงไม่คิดจะยืนกรานให้พวกเขาคืนสินค้าใช่ไหม?” เธอวางแก้วน้ำลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองไมค์ “นายรู้จักฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ แต่ถึงฉันจะยืนกรานให้พวกเขาคืน พวกเขาก็ไม่คืนหรอก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา” ไมค์ยกนิ้วให้เธอ เธอกล่าวต่อ “คืนเงินให้บัญชีบริษัทของพวกเขาจำนวนห้าสิบล้านบาท!” ไมค์อึ้งไป “แต่ช่างเถอะ เงินไม่ต้องคืนแล้ว” ฉินอันอันเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วและวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าฉันคืนเงินให้เขา เขาคงโกรธมากแน่ อล้วเราจะต้องทะเลาะกันอีก” ไมค์ “ใช่!” “นายออกไปก่อน! ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ” “อืม...อย่าหาข่าวเกี่ยวกับบริษัทของเราในอินเทอร์เน็ตและอย่าอ่านคอมเมนต์ล่ะ” ไมค์บอกเธอก่อน
หลังอาหารเย็น ฟู่สือถิงกลับไปก่อน เขากำลังจะไปเยี่ยมอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาล ทายาทของตระกูลฟู่ก็ออกไปเช่นกัน หลังจากที่แม่เฒ่าฟู่กลับเข้าห้อง ฟู่เย่เฉินก็ไปเคาะประตูห้องของเสิ่นอวี๋ ตั้งแต่การตั้งครรภ์ของเสิ่นอวี๋ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เธอก็ถูกพาไปอาศัยอยู่ในบ้านเดิม “หมอเสิ่น คุณนี่เก่งที่สุดเลย!” หลังจากที่ฟู่เย่เฉินเข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตู “อาผมไม่ใช้คนที่รับมือได้ง่ายเลย! งั้นต่อไปผมคงต้องเรียกคุณว่าอาสะใภ้แล้วสิ?” เสิ่นอวี๋ยิ้มสง่างาม “แน่นอน ตราบใดที่ฉันได้หมั้นกับเขา ฉันก็เป็นคู่หมั้นของเขา คู่หมั้นกับภรรยาต่างกันตรงไหน?” “แสดงความยินดีด้วย! แต่…” ฟู่เย่เฉินดูกังวล “มีวิธีไหนที่จะป้องกันไม่ให้ลุงอาของผมสงสัยเรื่องลูกในท้องของคุณบ้าง? เพราะในอนาคตคุณจะได้ทรัพย์สินของอา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้!” สีหน้าของเสิ่นอวี๋เปลี่ยนไป “ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เด็กคนนี้มีชีวิตรอดได้!” ใบหน้าของเสิ่นอวี๋เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ตราบใดที่เด็กเกิดมา อาของคุณจะต้องพิสูจน์ความเป็นพ่ออย่างแน่นอน” เสิ่นอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเขาพบว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา เขาจะต้องเลิกกับฉ
“มีพี่เลี้ยงกับบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ไม่ใช่เหรอ? เราไม่ได้ออกไปดื่มด้วยกันตั้งนานแล้วนะ!” เซิ่งเป่ยพูดพลางโน้มตัวไปข้าง ๆ หูของเขา “วันนี้ฉินอันอันไปต่างประเทศ” ดวงตาของฟู่สือถิงมืดลง จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาทันที เซิ่งเป่ยจองร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้า พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ข้างระเบียงดาดฟ้า ถือขวดเบียร์คนละขวดพลางดื่มอย่างเงียบ ๆ พวกเขาหันหน้าไปทางท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาว สายลมยามค่ำคืนของต้นฤดูใบไม้ผลิพร้อมกลิ่นอายความเย็นแทรกซึมเข้าสู่ทุกตารางนิ้วของผิวหนังในร่างกาย หลังจากเบียร์หมด เซิ่งเป่ยก็พูดว่า “นายตัดสินใจหมั้นกับเสิ่นอวี๋เพื่อตอบแทนเสิ่นอวี๋ที่ช่วยรักษาอิ๋นอิ๋นใช่ไหม?” “แม่ของฉันขอให้ฉันแต่งงานกับเธอ และฉินอันอันก็ขอให้ฉันใช้ชีวิตที่ดีกับเธอด้วย อาการเจ็บป่วยของอิ๋นอิ๋นเป็นแค่เหตุผลรองเท่านั้น” เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นลำคอระหงและเย้ายวนของเขา ลูกกระเดือกของเขากลิ้งขึ้นลงสองสามครั้งก่อนจะมีเสียงแหบห้าวดังขึ้น “ฉินอันอันอยากขีดเส้นแบ่งกับฉัน ฉันก็เลยทำตามที่เธอต้องการ” เขาหมั้นกับเสิ่นอวี๋แล้ว เธอคงจะพอใจ! “อย่ามองแบบนั้น มันเป็นแค่การหมั้น
คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ห้องนอนใหญ่ เนื่องจากเวลาต่างกัน ฉินอันอันจึงกลับไปนอนที่ห้องหลังจากกลับมาตอนหกโมงเช้า รุ่ยลาเดินไปข้างเตียง จับมือเธอแล้วตะโกนด้วยเสียงหวาน “แม่! ตื่นสิ หนูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง! ตื่นเร็วเข้า!” ฉินอันอันได้ยินเสียงลูกสาวแว่ว ๆ จึงพยายามลืมตา “แม่ อิ๋นอิ๋นบอกว่าเธอกำลังจะตาย แม่ช่วยเธอด้วยนะคะ!” เมื่อเห็นแม่ของเธอลืมตา รุ่ยลาก็ร้องไห้และขอร้องทันที ทันใดนั้นฉินอันอันก็ตื่นขึ้น เธอลุกขึ้นจากเตียงและเห็นอิ๋นอิ๋นยืนอยู่ข้างรุ่ยลา เธอแอบถอนหายใจและอยากปฏิเสธ แต่เธอกลับพูดว่า “อิ๋นอิ๋น ทำไมเธอถึงคิดว่าตัวเองกำลังจะตายล่ะ?” ป้าหงตอบก่อน “หลังจากผ่าตัด สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยดีนัก เธอมักจะง่วงนอนตลอดเวลาและพอตื่นมาก็จะอารมณ์ไม่ดีด้วย เธอมีอาการเบลอตลอดทั้งวัน...” “ไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือยังคะ?” ฉินอันอันถาม ป้าหงส่ายหน้า “หมอเสิ่นบอกว่านี่เป็นปฏิกิริยาปกติหลังการผ่าตัด แค่พักผ่อนเยอะ ๆ ก็หายแล้วค่ะ” ฉินอันอัน “แต่คุณกับอิ๋นอิ๋นคิดว่ามันผิดปกติใช่ไหม?” ป้าหงลังเลแล้วพูดว่า “ดิฉันไม่ทราบค่ะ ดิฉันแค่ฟังหมอ แต่เห็นอิ๋นอิ๋นแบบนี้ มันทำให้ดิฉันรู้สึกอึดอัด
สัปดาห์หน้าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋จะหมั้นกันแล้ว ในฐานะอดีตภรรยา ฉินอันอันไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับฟู่สือถิงไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามบ่ายสามโมง ตรวจร่างกายอิ๋นอิ๋นเสร็จแล้ว ป้าหงก็พาเธอกลับบ้าน ฉินอันอันขับรถมาที่บริษัท ในช่วงสัปดาห์ที่เธอไปต่างประเทศ ฉินกรุ๊ปได้ชดเชยเงินเต็มจำนวนให้กับลูกค้าทุกคนที่นำสินค้ามาคืนแล้ว เนื่องจากปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้นครั้งนี้ คำสั่งซื้อทั้งหมดก่อนและหลังเทศกาลฤดูใบไม้ผลิจึงถูกยกเลิก ดังนั้นฉินกรุ๊ปไม่เพียงแต่จะสูญเสียเงินจากการชดเชยครั้งนี้ แต่ยังต้องเผชิญกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากการไม่มีคำสั่งซื้อเพิ่มอีกด้วย สำหรับบริษัทแล้ว นี่คือความเสียหายร้ายแรง บริษัทที่มีเงินทุนไม่เพียงพอในห่วงโซ่ทางการเงินอาจไม่สามารถอยู่ได้นานและอาจจะต้องประกาศล้มละลาย ตอนนี้ทั่วทั้งบริษัทตื่นตระหนก ด้วยกลัวว่าสักวันจะตกงาน หลังจากที่ฉินอันอันมาถึงบริษัท ผู้บริหารกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาหาเธอทันที “ประธานฉิน พวกเราควรทำยังไงต่อไปดี?” “ตอนนี้ไม่มีออเดอร์ โรงงานฝ่ายผลิตหยุดดำเนินการแล้ว พวกคนงานอารมณ์รุนแรงกันมาก!” “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ตอนนั้น
ฟู่สือถิงวางสายด้วยสีหน้าและท่าทางน่ากลัว แล้วก้าวเท้ายาว ๆ ออกจากจากห้องทำงานไป คนทั่วไปหายานอนหลับมาไม่ได้แน่แล้วยานอนหลับมาจากที่ไหนกัน? ที่ตระกูลฟู่ เมื่อรถโรลส์รอยซ์สีดำปรากฏขึ้นที่ลานหน้าบ้าน ป้าจางจึงพาอิ๋นอิ๋นกลับห้องฟู่สือถิงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ป้าหงยื่นใบตรวจสุขภาพให้เขา “คุณพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้นมองป้าหง ป้าหงหลุบตาลงอย่างสับสน ไม่กล้ามองเขา ฉินอันอันอธิบายไว้ว่า ถ้าเขาไม่ถาม พยายามอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเธอให้มากที่สุด “เป็นคุณฉินค่ะ” ภายใต้แรงกดดันจากสายตาของเขา เธอเลยพูดความจริง “วันนี้อิ๋นอิ๋นงอแงจะไปหาลูกสองคนของคุณฉิน…” “ฉินอันอันกลับมาแล้วเหรอ?” เขาขัดจังหวะ “เธอบอกว่าเธอกลับมาตอนเช้าของวันนี้ค่ะ” ป้าหงกล่าว “เดิมทีเธอไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ แต่เป็นฉันที่ขอร้องให้เธอพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจร่างกายเอง เมื่อเช้านี้อิ๋นอิ๋นเอาแต่พูดว่าตัวเองจะตายแล้ว ฉันเลยกังวลใจมากเป็นพิเศษ” “ทำไมคุณไม่บอกเสิ่นอวี๋?” เหตุผลของฟู่สือถิงเริ่มสั่นคลอน เพียงแค่ได้ยินชื่อ ‘ฉินอันอัน’ สามคำ เขาก็สงบต่อไปแล้ว ป้าหงพูดอย่างลำบากใจ “ฉัน
ในห้อง ภายใต้ความช่วยเหลือของป้าจาง อิ๋นอิ๋นจัดโต๊ะหนังสืออย่างตั้งใจ ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง ในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก หลายวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่อิ๋นอิ๋นบอกเขาว่ารู้สึกเวียนหัวและไม่สบาย เขาก็เอาแต่บอกให้เธอพักผ่อนมาก ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าที่เธอเวียนหัวและไม่สบายเนื่องมาจากการกินยานอนหลับ ถ้าฉินอันอันไม่พาเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ก็ไม่รู้ว่าเธอต้องกินยานอนหลับไปอีกนานแค่ไหน เขารู้สึกขอบคุณฉินอันอันมาก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดขอบคุณออกมาอย่างไรดี ……ในวันรุ่งขึ้น ตอนเช้าตรู่ ป้าจางปรากฏตัวที่ประตูบ้านฉินอันอัน ฉินอันอันประหลาดใจมากแล้วรีบเชิญป้าจางเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว “อันอัน ขอโทษที่ถือวิสาสะมารบกวนคุณ” ป้าจางยื่นกล่องสองกล่องให้เธอ “นี่คือผักดองที่ดิฉันทำ เมื่อก่อนคุณชอบทานมาก ดังนั้นดิฉันเลยเอามาให้คุณด้วย” “ขอบคุณค่ะ! ป้าจางมาแต่เช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉินอันอันเทน้ำอุ่นให้เธอ ป้าจางดูระมัดระวังเล็กน้อย “ที่จริงคุณผู้ชายเป็นคนให้ฉันมากล่าวขอบคุณที่คุณพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ค่ะ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงสุดที่จะรับได้” ร
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง