ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า
คำถามนี้ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่เว่ย พี่เคยรักสักคนใครหรือเปล่าคะ?” เธอพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าพี่เคยรักใครสักคน พี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ไม่ยาก”เว่ยเจินส่ายหน้า “พอรักใครสักคนก็เกิดความอยากเป็นเจ้าของ ฉันหวังว่าทุกอย่างของเขาจะเป็นของฉัน ฉันหวังว่าในตาของเขาจะมองเห็นแค่ฉันคนเดียว ยิ่งหวังก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ว่าพี่เองก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเขามีอิ๋นอิ๋น เพื่อรักษาโรคของอิ๋นอิ๋น เขาขายตัวเองยังได้เลยด้วยซ้ำ” “ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นมีปัญหาทางด้านสติปัญญา ฉันถือว่าเธอเป็นหนามยอกอกของฉันมาตลอด ต่อมาฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนปกติ ความเป็นศัตรูนี้ค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติ ถ้าหากพี่ถามว่าฉันผ่าตัดครั้งที่สองให้อิ๋นอิ๋นได้ไหม ฉันทำได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้เธอ” เว่ยเจินมองเธออย่างเงียบงัน “ถ้าฟู่สือถิงรู้ว่าฉันเป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น พี่ทายสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?” ฉินอันอันหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อยช้า ๆ “เขาจะปฏิบัติต่อเสิ่นอวี๋ยังไงเหรอคะ? เขาจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อเสิ่นอวี๋ ไม่ว่าเสิ่นอวี๋จะร้องขออะไรจากเข
รุ่ยลาพูดอย่างน้อยใจ “ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้คุยกันเหรอว่าจากนี้จะไม่โกรธอิ๋นอิ๋นแล้ว?” เสี่ยวหานดึงมือรุ่ยลาเข้ามาให้ห้องเรียน การเตรียมการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นได้รับการยืนยันแล้ว เธอวิตกกังวลจนมาหาพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เธอควรไปหาฟู่สือถิง ร้องขอการปลอบโยนจากฟู่สือถิงมากกว่า เวลาบ่ายสามโมง ฟู่สือถิงรับสายของป้าหง ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงป้าหงร้องไห้ทันที “อิ๋นอิ๋นหายไปอีกแล้วค่ะ! ดิฉันกับบอดี้การ์ดตามหามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ดิฉันค้นหาทั้งในและนอกหมู่บ้านสตาร์ริเวอร์ แต่ก็หาไม่เจอ!” “พวกคุณไปทำอะไรที่สตาร์ริเวอร์?!” ฟู่สือถิงหยิบกุญแจรถและก้าวเท้าไปที่ประตู “เช้าวันนี้พออิ๋นอิ๋นมาถึงโรงเรียนก็เอาแต่บ่นถึงเสี่ยวหานตลอดเวลา…ดิฉันบอกว่าไม่ได้ เธอก็อารมณ์เสีย ไม่ยอมกินหรือดื่ม… เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เลยต้องพาเธอไปหาเสี่ยวหาน” ป้าหงร้องไห้น้ำตาไหลพราก ตั้งแต่อิ๋นอิ๋นเข้ารับการผ่าตัด ความเป็นตัวของตัวเองก็กล้าแข็งขึ้น ควบคุมได้ยากแล้ว! “ดังนั้นพวกคุณเลยพาเธอไปหาเสี่ยวหานงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดชื่อเด็กคนนี้ออกมาแล้วรู้สึกเห
รุ่ยลาและเสี่ยวหานวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว มองผ่านระบบเข้าออกประตูและมองเห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างชัดเจน“แม่คะ! พ่อจอมวายร้ายมาแล้ว!” รุ่ยลาวิ่งไปหาฉินอันอันทางด้านนั้นด้วยความกลัวและตื่นเต้นอย่างรวดเร็วฉินอันอันวางผ้ากันเปื้อนลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้น“อย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกกับพี่ชายเข้าห้องไปก่อนนะ” ฉินอันอันส่งสายตาไปยังเสี่ยวหานเสี่ยวหานเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในห้องกับน้องสาวฉินอันอันออกมาจากห้องเด็ก เดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูใหญ่ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสาดแสงระเรื่อมาจากด้านหลังเขา ทำให้ใบหน้าของเขามีมิติและลึกซึ้งมากขึ้น “อิ๋นอิ๋นหายไป พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเธอบอกว่าเธอพลัดหลงในเขตหมู่บ้านของคุณ” ฟู่สือถิงอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา “ผมค้นบ้านเจ้าของคนอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่พบเธอ” “ดังนั้นคุณเลยอยากจะค้นบ้านของฉันงั้นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเหยียดหยามเบา ๆ ฟู่สือถิงสบตากับดวงตาเย็นชาของเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมมาตามหาคน ไม่ได้มารื้อค้นบ้านใคร” “ถ้าอิ๋นอิ๋นไม่อยู่ที่บ้านของฉัน คุณจะทำยังไง?” ฉินอันอันผลักประต
คำพูดของเธอในตอนนั้นเป็นเพราะว่าเธอโกรธมาก หรือว่าเขาคิดที่จะเคียดแค้นไปตลอดชีวิต? หลังอาหารเย็นเธอโทรหาไมค์แล้วเริ่มทำความสะอาดห้องครัว “ฉินอันอัน วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ!” น้ำเสียงของไมค์จริงจังและตั้งใจ “คืนนี้ฉันไม่ได้ไปเที่ยวบาร์ มีธุระจริง ๆ …เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ! ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟังพรุ่งนี้นะ” ฉินอันอัน “อื้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม? จู่ ๆ นายจริงจังแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชินเลย” ไมค์ยิ้ม “ฉันกลัวเธอจะติเพราะว่าฉันเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกไงล่ะ เธอไม่ต้องเก็บอาหารเผื่อให้ฉันนะ”“ตกลง” หลังจากวางสายแล้ว ฉินอันอันก็มองบ้านที่ว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ สาเหตุที่เธอไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยง เพราะเธอต้องการทำทุกสิ่งที่แม่ทำเป็นประจำด้วยตัวเองแล้วถือโอกาสคาดเดาว่าแม่คิดอะไร ในตอนที่แม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโทษตัวเอง หลังจากที่เธอตั้งท้อง แม่ดูแลเธอมาตลอด พอเด็ก ๆ เกิดมา แม่ก็ยิ่งช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถนับแต่นั้นมาแม่ไม่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเลยสักวัน แต่ก่อนเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว ถึงได้พบว่าพ
ที่ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงยังไม่ได้นอนทั้งคืน ตามเหตุผลแล้ว ไอคิวของอิ๋นอิ๋นสูงกว่าเมื่อก่อน และยังสามารถจำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาได้ ไม่ถึงขนาดซ่อนตัวอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอดทั้งคืน เมื่อคืนเขาได้จัดเตรียมกำลังคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากที่นั่น แสดงว่าพวกเขาไม่เจออิ๋นอิ๋น ตอนนี้อุณหภูมิสูงกว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนมาก แต่การนอนบนถนนจะทำให้เธอหนาวจนแข็งอย่างแน่นอน ‘เธอไปซ่อนอยู่ที่ไหน?’ ‘จะมีใครใจดีจะพาเธอไปค้างคืนไหม?’ เขาได้แต่โทษตัวเอง ตอนผ่าตัดครั้งแรก เธอหนีออกจากบ้าน เขาคิดว่าตอนนี้เธอฉลาดและมีความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน เขาอธิบายเหตุผลของการผ่าตัดให้เธอฟังหลายต่อหลายครั้ง และเขาคิดว่าเธอจะเข้าใจ ใครจะคิดว่าเธอยังต่อต้านได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาอาจจะไม่บังคับให้เธอเข้ารับการผ่าตัดมากเกินไป แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นคนโง่ไปตลอดชีวิต! ถ้าเกิดเขาเสียชีวิตต่อหน้าเธอล่ะ? ถ้าเขาตายไปใครจะปกป้องเธอ? เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอถูกรังแก แค่เขาจินตนาการภาพในใจ เขาก็รับไม่ได้แล้ว
ฟู่สือถิงกระโดดยืนขึ้นจากเก้าอี้! ‘อิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?!’ ‘ใครพาเธอไปโรงพยาบาล?’ ‘ทำไมถึงไม่แจ้งให้เขารู้ก่อนทำการผ่าตัด?’ “ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล? ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?!” ฟู่สือถิงจับโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วเดินออกจากห้องวงจรปิด! “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบเรื่องแน่ชัด ที่นี่คือโรงพยาบาลตี้ซานค่ะ” เสียงผู้หญิงแปลกหน้าพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที ‘โรงพยาบาลตี้ซาน!’ ‘โรงพยาบาลตี้ซานอีกแล้ว!’ ‘เสิ่นอวี๋วางแผนจะทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลกลางนี่!’ ‘แสดงว่าเสิ่นอวี๋รู้มาก่อนแล้วว่าอิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลตี้ซาน ดังนั้นเธอจึงไปที่โรงพยาบาลตี้ซาน’ ‘ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาลตี้ซาน?’ ‘ฉินอันอันเหรอ?’ แต่เมื่อคืนวานเขาไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว และอิ๋นอิ๋นก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเธอด้วย! แม้ว่าอิ๋นอิ๋นจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เธอก็เชื่อฟังเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วจะไม่โต้ตอบ จิตใจของเขาว้าวุ่น! ‘ตอนนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อน’ ‘ตราบใดที่อิ๋นอิ๋นไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว’ ……สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้เจออิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลตี้ซานหลังจากผ่าตัดเสร็จ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง