ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า
คำถามนี้ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่เว่ย พี่เคยรักสักคนใครหรือเปล่าคะ?” เธอพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าพี่เคยรักใครสักคน พี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ไม่ยาก”เว่ยเจินส่ายหน้า “พอรักใครสักคนก็เกิดความอยากเป็นเจ้าของ ฉันหวังว่าทุกอย่างของเขาจะเป็นของฉัน ฉันหวังว่าในตาของเขาจะมองเห็นแค่ฉันคนเดียว ยิ่งหวังก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ว่าพี่เองก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเขามีอิ๋นอิ๋น เพื่อรักษาโรคของอิ๋นอิ๋น เขาขายตัวเองยังได้เลยด้วยซ้ำ” “ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นมีปัญหาทางด้านสติปัญญา ฉันถือว่าเธอเป็นหนามยอกอกของฉันมาตลอด ต่อมาฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนปกติ ความเป็นศัตรูนี้ค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติ ถ้าหากพี่ถามว่าฉันผ่าตัดครั้งที่สองให้อิ๋นอิ๋นได้ไหม ฉันทำได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้เธอ” เว่ยเจินมองเธออย่างเงียบงัน “ถ้าฟู่สือถิงรู้ว่าฉันเป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น พี่ทายสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?” ฉินอันอันหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อยช้า ๆ “เขาจะปฏิบัติต่อเสิ่นอวี๋ยังไงเหรอคะ? เขาจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อเสิ่นอวี๋ ไม่ว่าเสิ่นอวี๋จะร้องขออะไรจากเข
รุ่ยลาพูดอย่างน้อยใจ “ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้คุยกันเหรอว่าจากนี้จะไม่โกรธอิ๋นอิ๋นแล้ว?” เสี่ยวหานดึงมือรุ่ยลาเข้ามาให้ห้องเรียน การเตรียมการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นได้รับการยืนยันแล้ว เธอวิตกกังวลจนมาหาพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เธอควรไปหาฟู่สือถิง ร้องขอการปลอบโยนจากฟู่สือถิงมากกว่า เวลาบ่ายสามโมง ฟู่สือถิงรับสายของป้าหง ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงป้าหงร้องไห้ทันที “อิ๋นอิ๋นหายไปอีกแล้วค่ะ! ดิฉันกับบอดี้การ์ดตามหามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ดิฉันค้นหาทั้งในและนอกหมู่บ้านสตาร์ริเวอร์ แต่ก็หาไม่เจอ!” “พวกคุณไปทำอะไรที่สตาร์ริเวอร์?!” ฟู่สือถิงหยิบกุญแจรถและก้าวเท้าไปที่ประตู “เช้าวันนี้พออิ๋นอิ๋นมาถึงโรงเรียนก็เอาแต่บ่นถึงเสี่ยวหานตลอดเวลา…ดิฉันบอกว่าไม่ได้ เธอก็อารมณ์เสีย ไม่ยอมกินหรือดื่ม… เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เลยต้องพาเธอไปหาเสี่ยวหาน” ป้าหงร้องไห้น้ำตาไหลพราก ตั้งแต่อิ๋นอิ๋นเข้ารับการผ่าตัด ความเป็นตัวของตัวเองก็กล้าแข็งขึ้น ควบคุมได้ยากแล้ว! “ดังนั้นพวกคุณเลยพาเธอไปหาเสี่ยวหานงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดชื่อเด็กคนนี้ออกมาแล้วรู้สึกเห
รุ่ยลาและเสี่ยวหานวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว มองผ่านระบบเข้าออกประตูและมองเห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างชัดเจน“แม่คะ! พ่อจอมวายร้ายมาแล้ว!” รุ่ยลาวิ่งไปหาฉินอันอันทางด้านนั้นด้วยความกลัวและตื่นเต้นอย่างรวดเร็วฉินอันอันวางผ้ากันเปื้อนลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้น“อย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกกับพี่ชายเข้าห้องไปก่อนนะ” ฉินอันอันส่งสายตาไปยังเสี่ยวหานเสี่ยวหานเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในห้องกับน้องสาวฉินอันอันออกมาจากห้องเด็ก เดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูใหญ่ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสาดแสงระเรื่อมาจากด้านหลังเขา ทำให้ใบหน้าของเขามีมิติและลึกซึ้งมากขึ้น “อิ๋นอิ๋นหายไป พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเธอบอกว่าเธอพลัดหลงในเขตหมู่บ้านของคุณ” ฟู่สือถิงอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา “ผมค้นบ้านเจ้าของคนอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่พบเธอ” “ดังนั้นคุณเลยอยากจะค้นบ้านของฉันงั้นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเหยียดหยามเบา ๆ ฟู่สือถิงสบตากับดวงตาเย็นชาของเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมมาตามหาคน ไม่ได้มารื้อค้นบ้านใคร” “ถ้าอิ๋นอิ๋นไม่อยู่ที่บ้านของฉัน คุณจะทำยังไง?” ฉินอันอันผลักประต
คำพูดของเธอในตอนนั้นเป็นเพราะว่าเธอโกรธมาก หรือว่าเขาคิดที่จะเคียดแค้นไปตลอดชีวิต? หลังอาหารเย็นเธอโทรหาไมค์แล้วเริ่มทำความสะอาดห้องครัว “ฉินอันอัน วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ!” น้ำเสียงของไมค์จริงจังและตั้งใจ “คืนนี้ฉันไม่ได้ไปเที่ยวบาร์ มีธุระจริง ๆ …เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ! ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟังพรุ่งนี้นะ” ฉินอันอัน “อื้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม? จู่ ๆ นายจริงจังแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชินเลย” ไมค์ยิ้ม “ฉันกลัวเธอจะติเพราะว่าฉันเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกไงล่ะ เธอไม่ต้องเก็บอาหารเผื่อให้ฉันนะ”“ตกลง” หลังจากวางสายแล้ว ฉินอันอันก็มองบ้านที่ว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ สาเหตุที่เธอไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยง เพราะเธอต้องการทำทุกสิ่งที่แม่ทำเป็นประจำด้วยตัวเองแล้วถือโอกาสคาดเดาว่าแม่คิดอะไร ในตอนที่แม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโทษตัวเอง หลังจากที่เธอตั้งท้อง แม่ดูแลเธอมาตลอด พอเด็ก ๆ เกิดมา แม่ก็ยิ่งช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถนับแต่นั้นมาแม่ไม่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเลยสักวัน แต่ก่อนเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว ถึงได้พบว่าพ
ที่ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงยังไม่ได้นอนทั้งคืน ตามเหตุผลแล้ว ไอคิวของอิ๋นอิ๋นสูงกว่าเมื่อก่อน และยังสามารถจำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาได้ ไม่ถึงขนาดซ่อนตัวอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอดทั้งคืน เมื่อคืนเขาได้จัดเตรียมกำลังคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากที่นั่น แสดงว่าพวกเขาไม่เจออิ๋นอิ๋น ตอนนี้อุณหภูมิสูงกว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนมาก แต่การนอนบนถนนจะทำให้เธอหนาวจนแข็งอย่างแน่นอน ‘เธอไปซ่อนอยู่ที่ไหน?’ ‘จะมีใครใจดีจะพาเธอไปค้างคืนไหม?’ เขาได้แต่โทษตัวเอง ตอนผ่าตัดครั้งแรก เธอหนีออกจากบ้าน เขาคิดว่าตอนนี้เธอฉลาดและมีความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน เขาอธิบายเหตุผลของการผ่าตัดให้เธอฟังหลายต่อหลายครั้ง และเขาคิดว่าเธอจะเข้าใจ ใครจะคิดว่าเธอยังต่อต้านได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาอาจจะไม่บังคับให้เธอเข้ารับการผ่าตัดมากเกินไป แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นคนโง่ไปตลอดชีวิต! ถ้าเกิดเขาเสียชีวิตต่อหน้าเธอล่ะ? ถ้าเขาตายไปใครจะปกป้องเธอ? เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอถูกรังแก แค่เขาจินตนาการภาพในใจ เขาก็รับไม่ได้แล้ว
ฟู่สือถิงกระโดดยืนขึ้นจากเก้าอี้! ‘อิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?!’ ‘ใครพาเธอไปโรงพยาบาล?’ ‘ทำไมถึงไม่แจ้งให้เขารู้ก่อนทำการผ่าตัด?’ “ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล? ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?!” ฟู่สือถิงจับโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วเดินออกจากห้องวงจรปิด! “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบเรื่องแน่ชัด ที่นี่คือโรงพยาบาลตี้ซานค่ะ” เสียงผู้หญิงแปลกหน้าพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที ‘โรงพยาบาลตี้ซาน!’ ‘โรงพยาบาลตี้ซานอีกแล้ว!’ ‘เสิ่นอวี๋วางแผนจะทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลกลางนี่!’ ‘แสดงว่าเสิ่นอวี๋รู้มาก่อนแล้วว่าอิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลตี้ซาน ดังนั้นเธอจึงไปที่โรงพยาบาลตี้ซาน’ ‘ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาลตี้ซาน?’ ‘ฉินอันอันเหรอ?’ แต่เมื่อคืนวานเขาไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว และอิ๋นอิ๋นก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเธอด้วย! แม้ว่าอิ๋นอิ๋นจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เธอก็เชื่อฟังเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วจะไม่โต้ตอบ จิตใจของเขาว้าวุ่น! ‘ตอนนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อน’ ‘ตราบใดที่อิ๋นอิ๋นไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว’ ……สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้เจออิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลตี้ซานหลังจากผ่าตัดเสร็จ