รุ่ยลาและเสี่ยวหานวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว มองผ่านระบบเข้าออกประตูและมองเห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างชัดเจน“แม่คะ! พ่อจอมวายร้ายมาแล้ว!” รุ่ยลาวิ่งไปหาฉินอันอันทางด้านนั้นด้วยความกลัวและตื่นเต้นอย่างรวดเร็วฉินอันอันวางผ้ากันเปื้อนลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้น“อย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกกับพี่ชายเข้าห้องไปก่อนนะ” ฉินอันอันส่งสายตาไปยังเสี่ยวหานเสี่ยวหานเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในห้องกับน้องสาวฉินอันอันออกมาจากห้องเด็ก เดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูใหญ่ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสาดแสงระเรื่อมาจากด้านหลังเขา ทำให้ใบหน้าของเขามีมิติและลึกซึ้งมากขึ้น “อิ๋นอิ๋นหายไป พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเธอบอกว่าเธอพลัดหลงในเขตหมู่บ้านของคุณ” ฟู่สือถิงอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา “ผมค้นบ้านเจ้าของคนอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่พบเธอ” “ดังนั้นคุณเลยอยากจะค้นบ้านของฉันงั้นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเหยียดหยามเบา ๆ ฟู่สือถิงสบตากับดวงตาเย็นชาของเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมมาตามหาคน ไม่ได้มารื้อค้นบ้านใคร” “ถ้าอิ๋นอิ๋นไม่อยู่ที่บ้านของฉัน คุณจะทำยังไง?” ฉินอันอันผลักประต
คำพูดของเธอในตอนนั้นเป็นเพราะว่าเธอโกรธมาก หรือว่าเขาคิดที่จะเคียดแค้นไปตลอดชีวิต? หลังอาหารเย็นเธอโทรหาไมค์แล้วเริ่มทำความสะอาดห้องครัว “ฉินอันอัน วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ!” น้ำเสียงของไมค์จริงจังและตั้งใจ “คืนนี้ฉันไม่ได้ไปเที่ยวบาร์ มีธุระจริง ๆ …เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ! ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟังพรุ่งนี้นะ” ฉินอันอัน “อื้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม? จู่ ๆ นายจริงจังแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชินเลย” ไมค์ยิ้ม “ฉันกลัวเธอจะติเพราะว่าฉันเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกไงล่ะ เธอไม่ต้องเก็บอาหารเผื่อให้ฉันนะ”“ตกลง” หลังจากวางสายแล้ว ฉินอันอันก็มองบ้านที่ว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ สาเหตุที่เธอไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยง เพราะเธอต้องการทำทุกสิ่งที่แม่ทำเป็นประจำด้วยตัวเองแล้วถือโอกาสคาดเดาว่าแม่คิดอะไร ในตอนที่แม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโทษตัวเอง หลังจากที่เธอตั้งท้อง แม่ดูแลเธอมาตลอด พอเด็ก ๆ เกิดมา แม่ก็ยิ่งช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถนับแต่นั้นมาแม่ไม่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเลยสักวัน แต่ก่อนเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว ถึงได้พบว่าพ
ที่ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงยังไม่ได้นอนทั้งคืน ตามเหตุผลแล้ว ไอคิวของอิ๋นอิ๋นสูงกว่าเมื่อก่อน และยังสามารถจำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาได้ ไม่ถึงขนาดซ่อนตัวอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอดทั้งคืน เมื่อคืนเขาได้จัดเตรียมกำลังคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากที่นั่น แสดงว่าพวกเขาไม่เจออิ๋นอิ๋น ตอนนี้อุณหภูมิสูงกว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนมาก แต่การนอนบนถนนจะทำให้เธอหนาวจนแข็งอย่างแน่นอน ‘เธอไปซ่อนอยู่ที่ไหน?’ ‘จะมีใครใจดีจะพาเธอไปค้างคืนไหม?’ เขาได้แต่โทษตัวเอง ตอนผ่าตัดครั้งแรก เธอหนีออกจากบ้าน เขาคิดว่าตอนนี้เธอฉลาดและมีความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน เขาอธิบายเหตุผลของการผ่าตัดให้เธอฟังหลายต่อหลายครั้ง และเขาคิดว่าเธอจะเข้าใจ ใครจะคิดว่าเธอยังต่อต้านได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาอาจจะไม่บังคับให้เธอเข้ารับการผ่าตัดมากเกินไป แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นคนโง่ไปตลอดชีวิต! ถ้าเกิดเขาเสียชีวิตต่อหน้าเธอล่ะ? ถ้าเขาตายไปใครจะปกป้องเธอ? เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอถูกรังแก แค่เขาจินตนาการภาพในใจ เขาก็รับไม่ได้แล้ว
ฟู่สือถิงกระโดดยืนขึ้นจากเก้าอี้! ‘อิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?!’ ‘ใครพาเธอไปโรงพยาบาล?’ ‘ทำไมถึงไม่แจ้งให้เขารู้ก่อนทำการผ่าตัด?’ “ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล? ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?!” ฟู่สือถิงจับโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วเดินออกจากห้องวงจรปิด! “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบเรื่องแน่ชัด ที่นี่คือโรงพยาบาลตี้ซานค่ะ” เสียงผู้หญิงแปลกหน้าพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที ‘โรงพยาบาลตี้ซาน!’ ‘โรงพยาบาลตี้ซานอีกแล้ว!’ ‘เสิ่นอวี๋วางแผนจะทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลกลางนี่!’ ‘แสดงว่าเสิ่นอวี๋รู้มาก่อนแล้วว่าอิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลตี้ซาน ดังนั้นเธอจึงไปที่โรงพยาบาลตี้ซาน’ ‘ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาลตี้ซาน?’ ‘ฉินอันอันเหรอ?’ แต่เมื่อคืนวานเขาไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว และอิ๋นอิ๋นก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเธอด้วย! แม้ว่าอิ๋นอิ๋นจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เธอก็เชื่อฟังเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วจะไม่โต้ตอบ จิตใจของเขาว้าวุ่น! ‘ตอนนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อน’ ‘ตราบใดที่อิ๋นอิ๋นไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว’ ……สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้เจออิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลตี้ซานหลังจากผ่าตัดเสร็จ
เขากดโทรหาเธออีกครั้ง! สิ่งที่ตอบสนองต่อเขายังคงเป็นเสียงตอบรับจากระบบฝากข้อความ เขาแทบไม่เชื่อหู! ฉินอันอันกล้าตัดสายเขาได้ยังไง? หรือโทรศัพท์ของเธอปิดเครื่องอยู่? เขาหาเบอร์โทรของไมค์ และกดโทรออก พวกเขาทั้งสองอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เป็นหุ้นส่วนในบริษัท และอยู่ด้วยกันเกือบวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อไมค์เห็นสายเรียกเข้าของฟู่สือถิงก็รู้สึกสับสน ‘เขาโทรมาทำไม?’ ‘พวกเราสนิทกันเหรอ?’ เขาเห็นฉินอันอันนอนอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่จากหางตา... จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ ไมค์รับโทรศัพท์ และก่อนที่เขาจะได้พูด เสียงของฟู่สือถิงก็ดังขึ้น “ผมขอสายฉินอันอันหน่อย!” ไมค์เต็มไปด้วยคำถาม ‘น้ำเสียงดุขนาดนี้ ไปกินรังแตนมารึไง?’ “ฉินอันอันกำลังหลับอยู่! คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ไมค์มองใบหน้าที่หลับใหลของฉินอันอันและไม่กล้าเสียงดังใส่ฟู่สือถิง เธอมาถึงเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ไม่พูดไม่จา และทิ้งตัวหลับไป เดิมทีไมค์ต้องการออกไปก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้นำอะไรติดตัวไปด้วย เลยทำได้แค่รออยู่ที่นี่เท่านั้น “ปลุกเธอสิ! ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอ!” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนั้นหนักแน่นและเอา
“ตื่นแล้วเหรอ?” ฟู่สือถิงเหน็บแนม ฉินอันอันนอนลงบนเตียงแล้วใช้นิ้วลูบขมับที่ปวด “คุณโทรมาปลุกฉันเองไม่ใช่เหรอ? โทรหาฉันทำไม?” “ฉินอันอัน เมื่อคืนผมเห็นคุณขับรถออกจากหมู่บ้านตอนสี่ทุ่มครึ่ง ดึกขนาดนั้นคุณออกไปไหน?” เขาถามด้วยความสงสัย เมื่อได้ยิน เธอก็ยกขาขึ้นเตะไมค์ที่ปลายเตียงแล้วขยิบตาให้เขา จากนั้นก็ตอบคำถามของฟู่สือถิง “เมื่อคืนไมค์ออกไปดื่มเหล้าข้างนอกจนเมาหนัก เจ้าของบาร์โทรมาตามให้ฉันออกไปจ่ายค่าเครื่องดื่ม ฉันจึงขับรถไปหาเขา...ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเมาปลิ้นขนาดนั้น ฉันกลัวว่าถ้าพาเขากลับบ้านจะทำให้เด็ก ๆ ตื่น ฉันก็เลยหาห้องพักโรงแรมใกล้ ๆ...ทำไมเหรอ? คุณอยากไปดื่มด้วยรึไง? งั้นคราวหน้าให้เขาโทรไปชวนไหม?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ทำไมคำตอบของเธอถึงต่างจากที่เขาจินตนาการไว้? “คุณอยากถามอะไรอีกล่ะ?” เธอหาวอย่างเกียจคร้าน “เมื่อคืนนี้ฉันโดนไมค์ตัวดีนี่รั้งไว้ทั้งคืนเลย...ฉันง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันวางสายแล้วนะ!” ในขณะที่เธอกำลังจะวางสาย เธอเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้จึงถามว่า “ว่าแต่ คุณหาอิ๋นอิ๋นเจอหรือยัง?” ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้ฟู่สือถิงยอมแพ้ คิด
ไมค์ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิดจึงปิดปากด้วยมือข้างเดียว “นายถูกสอดแนมแล้ว!" ฉินอันอันถอนหายใจ “ไม่แน่นอนเสมอไปหรอก! ช่วงนี้เขาไม่ถามถึงเรื่องซุบซิบของเราเลย” ดวงตาสีเขียวอ่อนของไมค์กลอกไปมา “ฉันไม่โกหกเธอหรอกน่า!” เธอไม่สงสัยความจริงจากคำพูดของเขา “เธอคิดจะช่วยรักษาอิ๋นอิ๋นโดยไม่หวังผลตอบแทนเหรอ? น่าเสียดายออก แทนที่จะเก็บค่ารักษาจากฟู่สือถิง!” ไมค์เปลี่ยนเรื่อง เธอส่ายหน้า “ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ช่วย แต่อาการของเธอรุนแรงขึ้น และความสามารถของฉันมีจำกัด ฉันเดาไม่ออกเลยว่าหลังจากการผ่าตัดครั้งนี้อาการของเธอจะเป็นยังไง แต่คงจะไม่เลวร้ายไปกว่าก่อนการผ่าตัดแน่” “ถ้าฟู่สือถิงไม่รู้เรื่องนี้และยังรักษาเธอต่อไป เธอจะต้องทนทรมานต่อไปใช่ไหม?” ไมค์คร่ำครวญ “แม้ว่าฟู่สือถิงจะเป็นคนเลว แต่อิ๋นอิ๋น…ฉันหมายถึงอิ๋นอิ๋นที่มีไอคิวต่ำ เธอค่อนข้างน่ารักและหน้าตาสะสวยอีกต่างหาก!” เธอไม่โต้แย้งกับคำพูดของไมค์ เธอง่วงนอน ได้แต่กลับไปนอนต่อที่บ้าน ……ที่โรงพยาบาล ฟู่สือถิงยืนมองใบหน้าซีดเซียวอิ๋นอิ๋นอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาล หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อเธอตื่น ถ้าเธอจำเ
จริง ๆ แล้วฉินอันอันโกหกเขา หรือว่าอิ๋นอิ๋นมีอาการประสาทหลอนหลังการผ่าตัดกันแน่? เขาเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วโทรหาเสิ่นอวี๋ บอกให้เธอรีบไปโรงพยาบาล! เมื่อฟังน้ำเสียงกังวลของเขา เสิ่นอวี๋ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดี “สือถิง คุณไม่ต้องกังวล เป็นเพราะผลการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นยังมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่หรือเปล่าคะ? เธอเพิ่งฟื้นและต้องการเวลาค่อย ๆ ฟื้นตัว” ความวิตกกังวลของฟู่สือถิงคลายลง แต่หลังจากการผ่าตัดครั้งก่อนของอิ๋นอิ๋น เธอไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติแบบนี้ หลังจากวางสาย เขาก็กลับมาที่ข้างเตียงผู้ป่วย “อิ๋นอิ๋น เธอเพิ่งผ่าตัดเสร็จ อย่าคิดมากนะ จะได้ไม่ปวดหัว” เขามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก “ฉันรู้สึกได้ว่าเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย” “พี่คะ ฉันปวดหัว” อิ๋นอิ๋นสูดหายใจ “เดี๋ยวหมอเสิ่นมา ลองถามดูว่าขอยาแก้ปวดได้ไหม?” “ฉันไม่อยากเจอหมอเสิ่น” อิ๋นอิ๋นหลับตาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลง “อิ๋นอิ๋น หมอเสิ่นทำการผ่าตัดให้เธอนะ เธอเป็นคนที่รู้จักมารยาทคนหนึ่ง เดี๋ยวหมอเสิ่นมา เธอต้องขอบคุณเธอนะ” “ไม่...” อิ๋นอิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดด้วย