คำถามนี้ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่เว่ย พี่เคยรักสักคนใครหรือเปล่าคะ?” เธอพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าพี่เคยรักใครสักคน พี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ไม่ยาก”เว่ยเจินส่ายหน้า “พอรักใครสักคนก็เกิดความอยากเป็นเจ้าของ ฉันหวังว่าทุกอย่างของเขาจะเป็นของฉัน ฉันหวังว่าในตาของเขาจะมองเห็นแค่ฉันคนเดียว ยิ่งหวังก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ว่าพี่เองก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเขามีอิ๋นอิ๋น เพื่อรักษาโรคของอิ๋นอิ๋น เขาขายตัวเองยังได้เลยด้วยซ้ำ” “ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นมีปัญหาทางด้านสติปัญญา ฉันถือว่าเธอเป็นหนามยอกอกของฉันมาตลอด ต่อมาฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนปกติ ความเป็นศัตรูนี้ค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติ ถ้าหากพี่ถามว่าฉันผ่าตัดครั้งที่สองให้อิ๋นอิ๋นได้ไหม ฉันทำได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้เธอ” เว่ยเจินมองเธออย่างเงียบงัน “ถ้าฟู่สือถิงรู้ว่าฉันเป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น พี่ทายสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?” ฉินอันอันหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อยช้า ๆ “เขาจะปฏิบัติต่อเสิ่นอวี๋ยังไงเหรอคะ? เขาจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อเสิ่นอวี๋ ไม่ว่าเสิ่นอวี๋จะร้องขออะไรจากเข
รุ่ยลาพูดอย่างน้อยใจ “ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้คุยกันเหรอว่าจากนี้จะไม่โกรธอิ๋นอิ๋นแล้ว?” เสี่ยวหานดึงมือรุ่ยลาเข้ามาให้ห้องเรียน การเตรียมการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นได้รับการยืนยันแล้ว เธอวิตกกังวลจนมาหาพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เธอควรไปหาฟู่สือถิง ร้องขอการปลอบโยนจากฟู่สือถิงมากกว่า เวลาบ่ายสามโมง ฟู่สือถิงรับสายของป้าหง ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงป้าหงร้องไห้ทันที “อิ๋นอิ๋นหายไปอีกแล้วค่ะ! ดิฉันกับบอดี้การ์ดตามหามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ดิฉันค้นหาทั้งในและนอกหมู่บ้านสตาร์ริเวอร์ แต่ก็หาไม่เจอ!” “พวกคุณไปทำอะไรที่สตาร์ริเวอร์?!” ฟู่สือถิงหยิบกุญแจรถและก้าวเท้าไปที่ประตู “เช้าวันนี้พออิ๋นอิ๋นมาถึงโรงเรียนก็เอาแต่บ่นถึงเสี่ยวหานตลอดเวลา…ดิฉันบอกว่าไม่ได้ เธอก็อารมณ์เสีย ไม่ยอมกินหรือดื่ม… เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เลยต้องพาเธอไปหาเสี่ยวหาน” ป้าหงร้องไห้น้ำตาไหลพราก ตั้งแต่อิ๋นอิ๋นเข้ารับการผ่าตัด ความเป็นตัวของตัวเองก็กล้าแข็งขึ้น ควบคุมได้ยากแล้ว! “ดังนั้นพวกคุณเลยพาเธอไปหาเสี่ยวหานงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดชื่อเด็กคนนี้ออกมาแล้วรู้สึกเห
รุ่ยลาและเสี่ยวหานวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว มองผ่านระบบเข้าออกประตูและมองเห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างชัดเจน“แม่คะ! พ่อจอมวายร้ายมาแล้ว!” รุ่ยลาวิ่งไปหาฉินอันอันทางด้านนั้นด้วยความกลัวและตื่นเต้นอย่างรวดเร็วฉินอันอันวางผ้ากันเปื้อนลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้น“อย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกกับพี่ชายเข้าห้องไปก่อนนะ” ฉินอันอันส่งสายตาไปยังเสี่ยวหานเสี่ยวหานเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในห้องกับน้องสาวฉินอันอันออกมาจากห้องเด็ก เดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูใหญ่ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสาดแสงระเรื่อมาจากด้านหลังเขา ทำให้ใบหน้าของเขามีมิติและลึกซึ้งมากขึ้น “อิ๋นอิ๋นหายไป พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเธอบอกว่าเธอพลัดหลงในเขตหมู่บ้านของคุณ” ฟู่สือถิงอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา “ผมค้นบ้านเจ้าของคนอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่พบเธอ” “ดังนั้นคุณเลยอยากจะค้นบ้านของฉันงั้นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเหยียดหยามเบา ๆ ฟู่สือถิงสบตากับดวงตาเย็นชาของเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมมาตามหาคน ไม่ได้มารื้อค้นบ้านใคร” “ถ้าอิ๋นอิ๋นไม่อยู่ที่บ้านของฉัน คุณจะทำยังไง?” ฉินอันอันผลักประต
คำพูดของเธอในตอนนั้นเป็นเพราะว่าเธอโกรธมาก หรือว่าเขาคิดที่จะเคียดแค้นไปตลอดชีวิต? หลังอาหารเย็นเธอโทรหาไมค์แล้วเริ่มทำความสะอาดห้องครัว “ฉินอันอัน วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ!” น้ำเสียงของไมค์จริงจังและตั้งใจ “คืนนี้ฉันไม่ได้ไปเที่ยวบาร์ มีธุระจริง ๆ …เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ! ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟังพรุ่งนี้นะ” ฉินอันอัน “อื้ม ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม? จู่ ๆ นายจริงจังแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชินเลย” ไมค์ยิ้ม “ฉันกลัวเธอจะติเพราะว่าฉันเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกไงล่ะ เธอไม่ต้องเก็บอาหารเผื่อให้ฉันนะ”“ตกลง” หลังจากวางสายแล้ว ฉินอันอันก็มองบ้านที่ว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ สาเหตุที่เธอไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยง เพราะเธอต้องการทำทุกสิ่งที่แม่ทำเป็นประจำด้วยตัวเองแล้วถือโอกาสคาดเดาว่าแม่คิดอะไร ในตอนที่แม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโทษตัวเอง หลังจากที่เธอตั้งท้อง แม่ดูแลเธอมาตลอด พอเด็ก ๆ เกิดมา แม่ก็ยิ่งช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถนับแต่นั้นมาแม่ไม่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเลยสักวัน แต่ก่อนเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว ถึงได้พบว่าพ
ที่ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงยังไม่ได้นอนทั้งคืน ตามเหตุผลแล้ว ไอคิวของอิ๋นอิ๋นสูงกว่าเมื่อก่อน และยังสามารถจำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาได้ ไม่ถึงขนาดซ่อนตัวอยู่ข้างนอกคนเดียวตลอดทั้งคืน เมื่อคืนเขาได้จัดเตรียมกำลังคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตอบสนองจากที่นั่น แสดงว่าพวกเขาไม่เจออิ๋นอิ๋น ตอนนี้อุณหภูมิสูงกว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนมาก แต่การนอนบนถนนจะทำให้เธอหนาวจนแข็งอย่างแน่นอน ‘เธอไปซ่อนอยู่ที่ไหน?’ ‘จะมีใครใจดีจะพาเธอไปค้างคืนไหม?’ เขาได้แต่โทษตัวเอง ตอนผ่าตัดครั้งแรก เธอหนีออกจากบ้าน เขาคิดว่าตอนนี้เธอฉลาดและมีความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน เขาอธิบายเหตุผลของการผ่าตัดให้เธอฟังหลายต่อหลายครั้ง และเขาคิดว่าเธอจะเข้าใจ ใครจะคิดว่าเธอยังต่อต้านได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาอาจจะไม่บังคับให้เธอเข้ารับการผ่าตัดมากเกินไป แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นคนโง่ไปตลอดชีวิต! ถ้าเกิดเขาเสียชีวิตต่อหน้าเธอล่ะ? ถ้าเขาตายไปใครจะปกป้องเธอ? เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอถูกรังแก แค่เขาจินตนาการภาพในใจ เขาก็รับไม่ได้แล้ว
ฟู่สือถิงกระโดดยืนขึ้นจากเก้าอี้! ‘อิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?!’ ‘ใครพาเธอไปโรงพยาบาล?’ ‘ทำไมถึงไม่แจ้งให้เขารู้ก่อนทำการผ่าตัด?’ “ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล? ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?!” ฟู่สือถิงจับโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วเดินออกจากห้องวงจรปิด! “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบเรื่องแน่ชัด ที่นี่คือโรงพยาบาลตี้ซานค่ะ” เสียงผู้หญิงแปลกหน้าพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที ‘โรงพยาบาลตี้ซาน!’ ‘โรงพยาบาลตี้ซานอีกแล้ว!’ ‘เสิ่นอวี๋วางแผนจะทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลกลางนี่!’ ‘แสดงว่าเสิ่นอวี๋รู้มาก่อนแล้วว่าอิ๋นอิ๋นอยู่โรงพยาบาลตี้ซาน ดังนั้นเธอจึงไปที่โรงพยาบาลตี้ซาน’ ‘ใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาลตี้ซาน?’ ‘ฉินอันอันเหรอ?’ แต่เมื่อคืนวานเขาไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว และอิ๋นอิ๋นก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเธอด้วย! แม้ว่าอิ๋นอิ๋นจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เธอก็เชื่อฟังเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วจะไม่โต้ตอบ จิตใจของเขาว้าวุ่น! ‘ตอนนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อน’ ‘ตราบใดที่อิ๋นอิ๋นไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว’ ……สองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้เจออิ๋นอิ๋นที่โรงพยาบาลตี้ซานหลังจากผ่าตัดเสร็จ
เขากดโทรหาเธออีกครั้ง! สิ่งที่ตอบสนองต่อเขายังคงเป็นเสียงตอบรับจากระบบฝากข้อความ เขาแทบไม่เชื่อหู! ฉินอันอันกล้าตัดสายเขาได้ยังไง? หรือโทรศัพท์ของเธอปิดเครื่องอยู่? เขาหาเบอร์โทรของไมค์ และกดโทรออก พวกเขาทั้งสองอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เป็นหุ้นส่วนในบริษัท และอยู่ด้วยกันเกือบวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อไมค์เห็นสายเรียกเข้าของฟู่สือถิงก็รู้สึกสับสน ‘เขาโทรมาทำไม?’ ‘พวกเราสนิทกันเหรอ?’ เขาเห็นฉินอันอันนอนอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่จากหางตา... จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ ไมค์รับโทรศัพท์ และก่อนที่เขาจะได้พูด เสียงของฟู่สือถิงก็ดังขึ้น “ผมขอสายฉินอันอันหน่อย!” ไมค์เต็มไปด้วยคำถาม ‘น้ำเสียงดุขนาดนี้ ไปกินรังแตนมารึไง?’ “ฉินอันอันกำลังหลับอยู่! คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ไมค์มองใบหน้าที่หลับใหลของฉินอันอันและไม่กล้าเสียงดังใส่ฟู่สือถิง เธอมาถึงเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ไม่พูดไม่จา และทิ้งตัวหลับไป เดิมทีไมค์ต้องการออกไปก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้นำอะไรติดตัวไปด้วย เลยทำได้แค่รออยู่ที่นี่เท่านั้น “ปลุกเธอสิ! ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอ!” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนั้นหนักแน่นและเอา
“ตื่นแล้วเหรอ?” ฟู่สือถิงเหน็บแนม ฉินอันอันนอนลงบนเตียงแล้วใช้นิ้วลูบขมับที่ปวด “คุณโทรมาปลุกฉันเองไม่ใช่เหรอ? โทรหาฉันทำไม?” “ฉินอันอัน เมื่อคืนผมเห็นคุณขับรถออกจากหมู่บ้านตอนสี่ทุ่มครึ่ง ดึกขนาดนั้นคุณออกไปไหน?” เขาถามด้วยความสงสัย เมื่อได้ยิน เธอก็ยกขาขึ้นเตะไมค์ที่ปลายเตียงแล้วขยิบตาให้เขา จากนั้นก็ตอบคำถามของฟู่สือถิง “เมื่อคืนไมค์ออกไปดื่มเหล้าข้างนอกจนเมาหนัก เจ้าของบาร์โทรมาตามให้ฉันออกไปจ่ายค่าเครื่องดื่ม ฉันจึงขับรถไปหาเขา...ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเมาปลิ้นขนาดนั้น ฉันกลัวว่าถ้าพาเขากลับบ้านจะทำให้เด็ก ๆ ตื่น ฉันก็เลยหาห้องพักโรงแรมใกล้ ๆ...ทำไมเหรอ? คุณอยากไปดื่มด้วยรึไง? งั้นคราวหน้าให้เขาโทรไปชวนไหม?” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว ทำไมคำตอบของเธอถึงต่างจากที่เขาจินตนาการไว้? “คุณอยากถามอะไรอีกล่ะ?” เธอหาวอย่างเกียจคร้าน “เมื่อคืนนี้ฉันโดนไมค์ตัวดีนี่รั้งไว้ทั้งคืนเลย...ฉันง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันวางสายแล้วนะ!” ในขณะที่เธอกำลังจะวางสาย เธอเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้จึงถามว่า “ว่าแต่ คุณหาอิ๋นอิ๋นเจอหรือยัง?” ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้ฟู่สือถิงยอมแพ้ คิด