ไมค์ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น “หนึ่ง สอง…” ฉินอันอันเริ่มนับ แก้มของไมค์แดงด้วยความโกรธ “ฉินอันอัน! งั้นเธอก็โง่ต่อไปเถอะ! ฉันไม่สนใจเธอแล้ว!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากสถานีตำรวจ หลังจากออกมา เขาควักโทรศัพท์โทรหาโจวจื่ออี้ “โจวจื่ออี้! เจ้านายของคุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า? ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา!” เขายืนอยู่ที่ด้านนอกสถานีตำรวจ ลมหนาวพัดมา ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะน้อยใจ เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฉินอันอันได้ สถานการณ์ของฉินอันอันตอนนี้มันค่อนข้างไม่ปกติเมื่อคน ๆ หนึ่งได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ล้วนสามารถทำได้ทุกอย่าง วันนี้เธอฆ่าคนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เธอฆ่าตัวตายจะทำยังไง? “วันนี้เพิ่งจะเริ่มงาน ยุ่งนิดหน่อย ทำไมคุณถึงอยากเจอเขา?” โจวจื่ออี้พูดเร็วมาก พอถามจบปฏิกิริยาตอบสนองเขาก็เริ่มทำงาน “คุณตามหาเจ้านายผมงั้นเหรอ? ฉินอันอันเกิดเรื่องใช่ไหม?” “วันนี้เธอทำตัวงี่เง่า เกือบจะฆ่าหวังหว่านจืออยู่แล้ว ตอนนี้เธออยู่ในสถานีตำรวจ ฉันรู้สึกว่าเธอจะต้องถูกควบคุมตัว…เจ้านายของคุณเก่งมากไม่ใช่เหรอ? คุณรีบไปแจ้งเจ้านายเลยให้เขาเอาตัวฉินอันอันออกมา! ถ้าเขาพาฉิ
“ผมจัดการเรื่องนี้เอง” เขาจับข้อมือเรียวเล็กของฉินอันอันแล้วพูดกับผู้บัญชาการว่า “ผมจะพาเธอออกไปก่อน” ผู้บัญชาการพยักหน้า หลังออกมาจากสถานีตำรวจ ฉินอันอันก็สะบัดฝ่ามือใหญ่ที่ค่อนข้างเย็นของเขาออก ฟู่สือถิงมองเธอสร้างเกราะหนามทั่วตัวแล้วขมวดคิ้ว “ฉินอันอัน ถึงคุณจะฆ่าหวังหว่านจือ แม่ของคุณก็ไม่ฟื้นขึ้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก มีวิธีแก้แค้นอีกมากมาย และวิธีที่คุณใช้ ก็เป็นวิธีที่โง่ที่สุด” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าของเขาแล้วเย้ยหยันอย่างเย็นชา “สิทธิ์ที่คุณคือประธานฟู่ผู้สูงส่ง หรือสิทธิ์ที่หวังหว่านจือคือแม่ยายในอนาคตของคุณล่ะ?!” ทุกคำพูดของเธอเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทง ดวงตาฟู่สือถิงฉายประกายอารมณ์มืดมนและคลุมเครือ “ฉินอันอัน คุณใจเย็นหน่อย” “ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว!” เสียงของเธอโศกเศร้าและฟังดูแตกสลาย “แค่ฉันหลับตา ภาพการตายที่น่าสลดใจของแม่ก็จะโผล่ขึ้นมาในใจฉัน! แม่ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?! เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย! ยายนั่นมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าเธอ!” เธอร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ฟู่สือถิงมองไปร่างกายผอมบางและท่าทางปวดร้าวปานจะขาดใจของเธอ ตอนนี้
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินอันอันจึงไปส่งเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาล เป็นเสี่ยวหานที่เป็นฝ่ายเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องให้คุณแม่ไปรับส่งแล้ว การตายของจางหยุน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเช่นกัน “ฉินอันอัน ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว!” ไมค์ขับรถออกไปบนถนนสายหลัก “เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดผ่านไปแล้ว! จากวันนี้ไปทุกวันจะมีแต่โชคดีเข้ามา” ฉินอันอันมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ “พูดดี ๆ เป็นด้วยเหรอ?” ไมค์กระแอม “ฉันรู้ว่าเธอยังต้องเสียใจอีกนาน แต่ว่า พวกเราจะต้องมองไปข้างหน้า จากนี้จะมีผู้คนและสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายรอเธออยู่” ฉินอันอัน “ขับรถดี ๆ” ไมค์ “อ้อ” เขาเปิดเพลงในรถ ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไมค์ ขอบคุณนะ” “เอ๋?” ไมค์ปิดเพลง “ขอบคุณที่ช่วงนี้นายคอยดูแลลูกสองคนของฉัน” “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเกรงใจกันขนาดนี้? ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ไม่ใช่เพราะแม่เธอไม่อยู่แล้วหรอกนะ ถึงเธอไม่อยู่ ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเธอสองคนจนโตให้เอง!” ไมค์พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอันมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไอ “…เธอเข้าใจความหมายของฉันก็พอแ
หลังจากที่เสิ่นอวี๋ตั้งท้อง โหมดการดูแลทารกถึงได้เกิดขึ้น แม้แต่ความคืบหน้าในการรักษาอิ๋นอิ๋นก็ถูกละทิ้ง ดังนั้นคนที่รักษาจิ้นซือเหนียน ต้องไม่ใช่เสิ่นอวี๋แน่นอน! หมอประจำตระกูลพูดอย่างเสียดายว่า “ฉันไม่รู้สถานการณ์เฉพาะเจาะจง แต่โรคของเขา โอกาสที่จะตื่นขึ้นมามีน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาได้พบกับนักประสาทวิทยาที่เก่จกาจเทียบเท่ากับศาสตราจารย์หูเลยล่ะ” พอวางสาย ฟู่สือถิงส่งคนไปติดต่อคนในครอบครัวของจิ้นซือเหนียนทันที จิ้นซือเหนียนออกจากวงการไปสองปี ข้อมูลการติดต่อและที่อยู่ที่มีก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง จนตะวันเลือนลับ ลูกน้องของเขาก็ยังตรวจสอบไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ……มื้อเย็น“ตอนนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นมากแล้ว” เสิ่นอวี๋ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “พวกเรามาคุยกันเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองได้นะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณแน่ใจเหรอ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “ฉันมั่นใจเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองมาก พรุ่งนี้พวกเราพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อตรวจดูว่าบาดแผลของเธอฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” ฟู่สือถิง “ตกลง” “สือถิง ขอโทษนะคะ” ทันใดนั้นดวงตาของเสิ่นอวี๋ก็แดง
หลังจากที่หวังหว่านจือออกมา เธอก็เข้ามาขวางหน้าหวังหว่านจือเอาไว้ “รายต่อไปคือคุณ” วันนี้ฉินอันอันแต่งหน้าบาง ๆ สีหน้าและหน้าตาของเธอดูดี ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอ คลื่นใต้น้ำของความเกลียดชังไม่เคยลดลง “เอาล่ะ! ฉันไม่มีลูกสาวแล้ว น้องชายก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ฉินอันอัน พวกเรามาคอยดูกัน!” ครั้งที่แล้วหวังหว่านจือถูกเธอโจมตีจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่ร้านกาแฟ ในใจก็เดือดดาลไปด้วยความโกรธ ถ้าหากตอนนั้นฟู่สือถิงไม่ออกหน้า เธอไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!ฉินอันอันขึ้นรถด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย ไมค์คลายฝาขวดน้ำแล้วส่งให้เธอ “ฟู่สือถิงกำลังสืบหาหมอของจิ้นซือเหนียน ฉันเดาว่าเขาคิดจะทิ้งเสิ่นอวี๋ ผู้ชายคนนี้จิตใจโหดร้ายมาก! เสิ่นอวี๋ตั้งท้องลูกของเขาอยู่นะ!” ฉินอันอันรับน้ำมาแล้วดื่ม ของเหลวเย็นผ่านตามลำคอเข้าสู่ร่างกายให้ความรู้สึกสดชื่น“ปล่อยเขาสืบไป!” ประกายไม่แยแสฉายในดวงตาของเธอดูสิว่าเขาจะเจออะไรเล็ดลอดออกมาบ้าง!จิ้นซือเหนียนและสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ที่อยู่ตอนนี้ของพวกเขาก็ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเช่นกัน เกรงว
ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า
คำถามนี้ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่เว่ย พี่เคยรักสักคนใครหรือเปล่าคะ?” เธอพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าพี่เคยรักใครสักคน พี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ไม่ยาก”เว่ยเจินส่ายหน้า “พอรักใครสักคนก็เกิดความอยากเป็นเจ้าของ ฉันหวังว่าทุกอย่างของเขาจะเป็นของฉัน ฉันหวังว่าในตาของเขาจะมองเห็นแค่ฉันคนเดียว ยิ่งหวังก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ว่าพี่เองก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเขามีอิ๋นอิ๋น เพื่อรักษาโรคของอิ๋นอิ๋น เขาขายตัวเองยังได้เลยด้วยซ้ำ” “ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นมีปัญหาทางด้านสติปัญญา ฉันถือว่าเธอเป็นหนามยอกอกของฉันมาตลอด ต่อมาฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนปกติ ความเป็นศัตรูนี้ค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติ ถ้าหากพี่ถามว่าฉันผ่าตัดครั้งที่สองให้อิ๋นอิ๋นได้ไหม ฉันทำได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้เธอ” เว่ยเจินมองเธออย่างเงียบงัน “ถ้าฟู่สือถิงรู้ว่าฉันเป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น พี่ทายสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?” ฉินอันอันหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อยช้า ๆ “เขาจะปฏิบัติต่อเสิ่นอวี๋ยังไงเหรอคะ? เขาจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อเสิ่นอวี๋ ไม่ว่าเสิ่นอวี๋จะร้องขออะไรจากเข