หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินอันอันจึงไปส่งเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาล เป็นเสี่ยวหานที่เป็นฝ่ายเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องให้คุณแม่ไปรับส่งแล้ว การตายของจางหยุน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเช่นกัน “ฉินอันอัน ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว!” ไมค์ขับรถออกไปบนถนนสายหลัก “เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดผ่านไปแล้ว! จากวันนี้ไปทุกวันจะมีแต่โชคดีเข้ามา” ฉินอันอันมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ “พูดดี ๆ เป็นด้วยเหรอ?” ไมค์กระแอม “ฉันรู้ว่าเธอยังต้องเสียใจอีกนาน แต่ว่า พวกเราจะต้องมองไปข้างหน้า จากนี้จะมีผู้คนและสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายรอเธออยู่” ฉินอันอัน “ขับรถดี ๆ” ไมค์ “อ้อ” เขาเปิดเพลงในรถ ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไมค์ ขอบคุณนะ” “เอ๋?” ไมค์ปิดเพลง “ขอบคุณที่ช่วงนี้นายคอยดูแลลูกสองคนของฉัน” “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเกรงใจกันขนาดนี้? ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ไม่ใช่เพราะแม่เธอไม่อยู่แล้วหรอกนะ ถึงเธอไม่อยู่ ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเธอสองคนจนโตให้เอง!” ไมค์พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอันมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไอ “…เธอเข้าใจความหมายของฉันก็พอแ
หลังจากที่เสิ่นอวี๋ตั้งท้อง โหมดการดูแลทารกถึงได้เกิดขึ้น แม้แต่ความคืบหน้าในการรักษาอิ๋นอิ๋นก็ถูกละทิ้ง ดังนั้นคนที่รักษาจิ้นซือเหนียน ต้องไม่ใช่เสิ่นอวี๋แน่นอน! หมอประจำตระกูลพูดอย่างเสียดายว่า “ฉันไม่รู้สถานการณ์เฉพาะเจาะจง แต่โรคของเขา โอกาสที่จะตื่นขึ้นมามีน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาได้พบกับนักประสาทวิทยาที่เก่จกาจเทียบเท่ากับศาสตราจารย์หูเลยล่ะ” พอวางสาย ฟู่สือถิงส่งคนไปติดต่อคนในครอบครัวของจิ้นซือเหนียนทันที จิ้นซือเหนียนออกจากวงการไปสองปี ข้อมูลการติดต่อและที่อยู่ที่มีก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง จนตะวันเลือนลับ ลูกน้องของเขาก็ยังตรวจสอบไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ……มื้อเย็น“ตอนนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นมากแล้ว” เสิ่นอวี๋ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “พวกเรามาคุยกันเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองได้นะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณแน่ใจเหรอ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “ฉันมั่นใจเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองมาก พรุ่งนี้พวกเราพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อตรวจดูว่าบาดแผลของเธอฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” ฟู่สือถิง “ตกลง” “สือถิง ขอโทษนะคะ” ทันใดนั้นดวงตาของเสิ่นอวี๋ก็แดง
หลังจากที่หวังหว่านจือออกมา เธอก็เข้ามาขวางหน้าหวังหว่านจือเอาไว้ “รายต่อไปคือคุณ” วันนี้ฉินอันอันแต่งหน้าบาง ๆ สีหน้าและหน้าตาของเธอดูดี ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอ คลื่นใต้น้ำของความเกลียดชังไม่เคยลดลง “เอาล่ะ! ฉันไม่มีลูกสาวแล้ว น้องชายก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ฉินอันอัน พวกเรามาคอยดูกัน!” ครั้งที่แล้วหวังหว่านจือถูกเธอโจมตีจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่ร้านกาแฟ ในใจก็เดือดดาลไปด้วยความโกรธ ถ้าหากตอนนั้นฟู่สือถิงไม่ออกหน้า เธอไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!ฉินอันอันขึ้นรถด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย ไมค์คลายฝาขวดน้ำแล้วส่งให้เธอ “ฟู่สือถิงกำลังสืบหาหมอของจิ้นซือเหนียน ฉันเดาว่าเขาคิดจะทิ้งเสิ่นอวี๋ ผู้ชายคนนี้จิตใจโหดร้ายมาก! เสิ่นอวี๋ตั้งท้องลูกของเขาอยู่นะ!” ฉินอันอันรับน้ำมาแล้วดื่ม ของเหลวเย็นผ่านตามลำคอเข้าสู่ร่างกายให้ความรู้สึกสดชื่น“ปล่อยเขาสืบไป!” ประกายไม่แยแสฉายในดวงตาของเธอดูสิว่าเขาจะเจออะไรเล็ดลอดออกมาบ้าง!จิ้นซือเหนียนและสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ที่อยู่ตอนนี้ของพวกเขาก็ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเช่นกัน เกรงว
ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า
คำถามนี้ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่เว่ย พี่เคยรักสักคนใครหรือเปล่าคะ?” เธอพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าพี่เคยรักใครสักคน พี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ไม่ยาก”เว่ยเจินส่ายหน้า “พอรักใครสักคนก็เกิดความอยากเป็นเจ้าของ ฉันหวังว่าทุกอย่างของเขาจะเป็นของฉัน ฉันหวังว่าในตาของเขาจะมองเห็นแค่ฉันคนเดียว ยิ่งหวังก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกนี้ไม่อยู่” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ว่าพี่เองก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าเขามีอิ๋นอิ๋น เพื่อรักษาโรคของอิ๋นอิ๋น เขาขายตัวเองยังได้เลยด้วยซ้ำ” “ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นมีปัญหาทางด้านสติปัญญา ฉันถือว่าเธอเป็นหนามยอกอกของฉันมาตลอด ต่อมาฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนปกติ ความเป็นศัตรูนี้ค่อย ๆ จืดชืดและไร้รสชาติ ถ้าหากพี่ถามว่าฉันผ่าตัดครั้งที่สองให้อิ๋นอิ๋นได้ไหม ฉันทำได้ค่ะ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้เธอ” เว่ยเจินมองเธออย่างเงียบงัน “ถ้าฟู่สือถิงรู้ว่าฉันเป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น พี่ทายสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?” ฉินอันอันหยิบขวดไวน์ขึ้นมาแล้วเทไวน์ลงในแก้วเล็กน้อยช้า ๆ “เขาจะปฏิบัติต่อเสิ่นอวี๋ยังไงเหรอคะ? เขาจะต้องรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อเสิ่นอวี๋ ไม่ว่าเสิ่นอวี๋จะร้องขออะไรจากเข
รุ่ยลาพูดอย่างน้อยใจ “ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้คุยกันเหรอว่าจากนี้จะไม่โกรธอิ๋นอิ๋นแล้ว?” เสี่ยวหานดึงมือรุ่ยลาเข้ามาให้ห้องเรียน การเตรียมการผ่าตัดของอิ๋นอิ๋นได้รับการยืนยันแล้ว เธอวิตกกังวลจนมาหาพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เธอควรไปหาฟู่สือถิง ร้องขอการปลอบโยนจากฟู่สือถิงมากกว่า เวลาบ่ายสามโมง ฟู่สือถิงรับสายของป้าหง ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงป้าหงร้องไห้ทันที “อิ๋นอิ๋นหายไปอีกแล้วค่ะ! ดิฉันกับบอดี้การ์ดตามหามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ดิฉันค้นหาทั้งในและนอกหมู่บ้านสตาร์ริเวอร์ แต่ก็หาไม่เจอ!” “พวกคุณไปทำอะไรที่สตาร์ริเวอร์?!” ฟู่สือถิงหยิบกุญแจรถและก้าวเท้าไปที่ประตู “เช้าวันนี้พออิ๋นอิ๋นมาถึงโรงเรียนก็เอาแต่บ่นถึงเสี่ยวหานตลอดเวลา…ดิฉันบอกว่าไม่ได้ เธอก็อารมณ์เสีย ไม่ยอมกินหรือดื่ม… เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เลยต้องพาเธอไปหาเสี่ยวหาน” ป้าหงร้องไห้น้ำตาไหลพราก ตั้งแต่อิ๋นอิ๋นเข้ารับการผ่าตัด ความเป็นตัวของตัวเองก็กล้าแข็งขึ้น ควบคุมได้ยากแล้ว! “ดังนั้นพวกคุณเลยพาเธอไปหาเสี่ยวหานงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดชื่อเด็กคนนี้ออกมาแล้วรู้สึกเห
รุ่ยลาและเสี่ยวหานวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว มองผ่านระบบเข้าออกประตูและมองเห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างชัดเจน“แม่คะ! พ่อจอมวายร้ายมาแล้ว!” รุ่ยลาวิ่งไปหาฉินอันอันทางด้านนั้นด้วยความกลัวและตื่นเต้นอย่างรวดเร็วฉินอันอันวางผ้ากันเปื้อนลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้น“อย่ากลัวไปเลยลูกรัก ลูกกับพี่ชายเข้าห้องไปก่อนนะ” ฉินอันอันส่งสายตาไปยังเสี่ยวหานเสี่ยวหานเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ และอยู่ในห้องกับน้องสาวฉินอันอันออกมาจากห้องเด็ก เดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเปิดประตูใหญ่ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสาดแสงระเรื่อมาจากด้านหลังเขา ทำให้ใบหน้าของเขามีมิติและลึกซึ้งมากขึ้น “อิ๋นอิ๋นหายไป พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเธอบอกว่าเธอพลัดหลงในเขตหมู่บ้านของคุณ” ฟู่สือถิงอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา “ผมค้นบ้านเจ้าของคนอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่พบเธอ” “ดังนั้นคุณเลยอยากจะค้นบ้านของฉันงั้นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเหยียดหยามเบา ๆ ฟู่สือถิงสบตากับดวงตาเย็นชาของเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมมาตามหาคน ไม่ได้มารื้อค้นบ้านใคร” “ถ้าอิ๋นอิ๋นไม่อยู่ที่บ้านของฉัน คุณจะทำยังไง?” ฉินอันอันผลักประต