นิ้วมือของฉินอันอันจับแก้วกาแฟแน่น เรื่องที่หวังหว่านจือพูดเกี่ยวกับฟู่สือถิง เธอไม่ได้สนใจเลย “น้องชายของคุณอยู่ในคุก จะจ้างวานฆ่าได้ยังไง?” เธอมองหน้าหวังหว่านจือแล้วถามเน้นทีละคำ “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?” รอยยิ้มบนหน้าหวังหว่านจือหายไปทันที “ฉินอันอัน เธออย่ามาใส่ร้ายกันนะ! ที่ประเทศเอ ฆ่าคนโทษคือประหาร! จ้างวานฆ่าก็โทษประหาร! นี่คือสิ่งที่เธอบอกฉันตั้งแต่แรก แล้วฉันจะทำเรื่องพรรค์นั้นได้ยังไง?!” หลังจากพูดจบ มุมปากของเธอก็ยกขึ้น ราวกับกำลังบอกว่า ‘ฉันไม่ใช่คนโง่! ถึงแม้ฉันจะทำ ฉันก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด’แก้วกาแฟในมือฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เป็นเพราะเธอจับแน่นเกินไป “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงนัดคุณออกมา?” ฉินอันอันคลายมือที่ถือแก้วกาแฟ หวังหว่านจือเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ฉินอันอัน แม่ของเธอตายแล้วนะ ตามตอแยฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เธอฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่ได้ทำอยู่ดี…” ฉินอันอันลุกขึ้นจากเก้าอี้ กลืนความเจ็บปวดลงท้อง “แน่อยู่แล้ว ตราบใดที่คุณไม่ยอมรับ คุณก็ไม่ได้ทำ” พูดจบ เธอก็เดินไปหาหวังหว่านจืออย่างรวดเร็ว หลังจากที่หวังหว่านจือต
ไมค์ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น “หนึ่ง สอง…” ฉินอันอันเริ่มนับ แก้มของไมค์แดงด้วยความโกรธ “ฉินอันอัน! งั้นเธอก็โง่ต่อไปเถอะ! ฉันไม่สนใจเธอแล้ว!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากสถานีตำรวจ หลังจากออกมา เขาควักโทรศัพท์โทรหาโจวจื่ออี้ “โจวจื่ออี้! เจ้านายของคุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า? ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา!” เขายืนอยู่ที่ด้านนอกสถานีตำรวจ ลมหนาวพัดมา ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะน้อยใจ เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฉินอันอันได้ สถานการณ์ของฉินอันอันตอนนี้มันค่อนข้างไม่ปกติเมื่อคน ๆ หนึ่งได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ล้วนสามารถทำได้ทุกอย่าง วันนี้เธอฆ่าคนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เธอฆ่าตัวตายจะทำยังไง? “วันนี้เพิ่งจะเริ่มงาน ยุ่งนิดหน่อย ทำไมคุณถึงอยากเจอเขา?” โจวจื่ออี้พูดเร็วมาก พอถามจบปฏิกิริยาตอบสนองเขาก็เริ่มทำงาน “คุณตามหาเจ้านายผมงั้นเหรอ? ฉินอันอันเกิดเรื่องใช่ไหม?” “วันนี้เธอทำตัวงี่เง่า เกือบจะฆ่าหวังหว่านจืออยู่แล้ว ตอนนี้เธออยู่ในสถานีตำรวจ ฉันรู้สึกว่าเธอจะต้องถูกควบคุมตัว…เจ้านายของคุณเก่งมากไม่ใช่เหรอ? คุณรีบไปแจ้งเจ้านายเลยให้เขาเอาตัวฉินอันอันออกมา! ถ้าเขาพาฉิ
“ผมจัดการเรื่องนี้เอง” เขาจับข้อมือเรียวเล็กของฉินอันอันแล้วพูดกับผู้บัญชาการว่า “ผมจะพาเธอออกไปก่อน” ผู้บัญชาการพยักหน้า หลังออกมาจากสถานีตำรวจ ฉินอันอันก็สะบัดฝ่ามือใหญ่ที่ค่อนข้างเย็นของเขาออก ฟู่สือถิงมองเธอสร้างเกราะหนามทั่วตัวแล้วขมวดคิ้ว “ฉินอันอัน ถึงคุณจะฆ่าหวังหว่านจือ แม่ของคุณก็ไม่ฟื้นขึ้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก มีวิธีแก้แค้นอีกมากมาย และวิธีที่คุณใช้ ก็เป็นวิธีที่โง่ที่สุด” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าของเขาแล้วเย้ยหยันอย่างเย็นชา “สิทธิ์ที่คุณคือประธานฟู่ผู้สูงส่ง หรือสิทธิ์ที่หวังหว่านจือคือแม่ยายในอนาคตของคุณล่ะ?!” ทุกคำพูดของเธอเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทง ดวงตาฟู่สือถิงฉายประกายอารมณ์มืดมนและคลุมเครือ “ฉินอันอัน คุณใจเย็นหน่อย” “ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว!” เสียงของเธอโศกเศร้าและฟังดูแตกสลาย “แค่ฉันหลับตา ภาพการตายที่น่าสลดใจของแม่ก็จะโผล่ขึ้นมาในใจฉัน! แม่ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?! เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย! ยายนั่นมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าเธอ!” เธอร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ฟู่สือถิงมองไปร่างกายผอมบางและท่าทางปวดร้าวปานจะขาดใจของเธอ ตอนนี้
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินอันอันจึงไปส่งเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาล เป็นเสี่ยวหานที่เป็นฝ่ายเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องให้คุณแม่ไปรับส่งแล้ว การตายของจางหยุน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเช่นกัน “ฉินอันอัน ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว!” ไมค์ขับรถออกไปบนถนนสายหลัก “เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดผ่านไปแล้ว! จากวันนี้ไปทุกวันจะมีแต่โชคดีเข้ามา” ฉินอันอันมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ “พูดดี ๆ เป็นด้วยเหรอ?” ไมค์กระแอม “ฉันรู้ว่าเธอยังต้องเสียใจอีกนาน แต่ว่า พวกเราจะต้องมองไปข้างหน้า จากนี้จะมีผู้คนและสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายรอเธออยู่” ฉินอันอัน “ขับรถดี ๆ” ไมค์ “อ้อ” เขาเปิดเพลงในรถ ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไมค์ ขอบคุณนะ” “เอ๋?” ไมค์ปิดเพลง “ขอบคุณที่ช่วงนี้นายคอยดูแลลูกสองคนของฉัน” “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเกรงใจกันขนาดนี้? ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ไม่ใช่เพราะแม่เธอไม่อยู่แล้วหรอกนะ ถึงเธอไม่อยู่ ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเธอสองคนจนโตให้เอง!” ไมค์พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอันมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไอ “…เธอเข้าใจความหมายของฉันก็พอแ
หลังจากที่เสิ่นอวี๋ตั้งท้อง โหมดการดูแลทารกถึงได้เกิดขึ้น แม้แต่ความคืบหน้าในการรักษาอิ๋นอิ๋นก็ถูกละทิ้ง ดังนั้นคนที่รักษาจิ้นซือเหนียน ต้องไม่ใช่เสิ่นอวี๋แน่นอน! หมอประจำตระกูลพูดอย่างเสียดายว่า “ฉันไม่รู้สถานการณ์เฉพาะเจาะจง แต่โรคของเขา โอกาสที่จะตื่นขึ้นมามีน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาได้พบกับนักประสาทวิทยาที่เก่จกาจเทียบเท่ากับศาสตราจารย์หูเลยล่ะ” พอวางสาย ฟู่สือถิงส่งคนไปติดต่อคนในครอบครัวของจิ้นซือเหนียนทันที จิ้นซือเหนียนออกจากวงการไปสองปี ข้อมูลการติดต่อและที่อยู่ที่มีก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง จนตะวันเลือนลับ ลูกน้องของเขาก็ยังตรวจสอบไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ……มื้อเย็น“ตอนนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นมากแล้ว” เสิ่นอวี๋ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “พวกเรามาคุยกันเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองได้นะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณแน่ใจเหรอ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “ฉันมั่นใจเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองมาก พรุ่งนี้พวกเราพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อตรวจดูว่าบาดแผลของเธอฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” ฟู่สือถิง “ตกลง” “สือถิง ขอโทษนะคะ” ทันใดนั้นดวงตาของเสิ่นอวี๋ก็แดง
หลังจากที่หวังหว่านจือออกมา เธอก็เข้ามาขวางหน้าหวังหว่านจือเอาไว้ “รายต่อไปคือคุณ” วันนี้ฉินอันอันแต่งหน้าบาง ๆ สีหน้าและหน้าตาของเธอดูดี ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอ คลื่นใต้น้ำของความเกลียดชังไม่เคยลดลง “เอาล่ะ! ฉันไม่มีลูกสาวแล้ว น้องชายก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ฉินอันอัน พวกเรามาคอยดูกัน!” ครั้งที่แล้วหวังหว่านจือถูกเธอโจมตีจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่ร้านกาแฟ ในใจก็เดือดดาลไปด้วยความโกรธ ถ้าหากตอนนั้นฟู่สือถิงไม่ออกหน้า เธอไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!ฉินอันอันขึ้นรถด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย ไมค์คลายฝาขวดน้ำแล้วส่งให้เธอ “ฟู่สือถิงกำลังสืบหาหมอของจิ้นซือเหนียน ฉันเดาว่าเขาคิดจะทิ้งเสิ่นอวี๋ ผู้ชายคนนี้จิตใจโหดร้ายมาก! เสิ่นอวี๋ตั้งท้องลูกของเขาอยู่นะ!” ฉินอันอันรับน้ำมาแล้วดื่ม ของเหลวเย็นผ่านตามลำคอเข้าสู่ร่างกายให้ความรู้สึกสดชื่น“ปล่อยเขาสืบไป!” ประกายไม่แยแสฉายในดวงตาของเธอดูสิว่าเขาจะเจออะไรเล็ดลอดออกมาบ้าง!จิ้นซือเหนียนและสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ที่อยู่ตอนนี้ของพวกเขาก็ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเช่นกัน เกรงว
ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง