นิ้วมือของฉินอันอันจับแก้วกาแฟแน่น เรื่องที่หวังหว่านจือพูดเกี่ยวกับฟู่สือถิง เธอไม่ได้สนใจเลย “น้องชายของคุณอยู่ในคุก จะจ้างวานฆ่าได้ยังไง?” เธอมองหน้าหวังหว่านจือแล้วถามเน้นทีละคำ “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?” รอยยิ้มบนหน้าหวังหว่านจือหายไปทันที “ฉินอันอัน เธออย่ามาใส่ร้ายกันนะ! ที่ประเทศเอ ฆ่าคนโทษคือประหาร! จ้างวานฆ่าก็โทษประหาร! นี่คือสิ่งที่เธอบอกฉันตั้งแต่แรก แล้วฉันจะทำเรื่องพรรค์นั้นได้ยังไง?!” หลังจากพูดจบ มุมปากของเธอก็ยกขึ้น ราวกับกำลังบอกว่า ‘ฉันไม่ใช่คนโง่! ถึงแม้ฉันจะทำ ฉันก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด’แก้วกาแฟในมือฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เป็นเพราะเธอจับแน่นเกินไป “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงนัดคุณออกมา?” ฉินอันอันคลายมือที่ถือแก้วกาแฟ หวังหว่านจือเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ฉินอันอัน แม่ของเธอตายแล้วนะ ตามตอแยฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เธอฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่ได้ทำอยู่ดี…” ฉินอันอันลุกขึ้นจากเก้าอี้ กลืนความเจ็บปวดลงท้อง “แน่อยู่แล้ว ตราบใดที่คุณไม่ยอมรับ คุณก็ไม่ได้ทำ” พูดจบ เธอก็เดินไปหาหวังหว่านจืออย่างรวดเร็ว หลังจากที่หวังหว่านจือต
ไมค์ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น “หนึ่ง สอง…” ฉินอันอันเริ่มนับ แก้มของไมค์แดงด้วยความโกรธ “ฉินอันอัน! งั้นเธอก็โง่ต่อไปเถอะ! ฉันไม่สนใจเธอแล้ว!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากสถานีตำรวจ หลังจากออกมา เขาควักโทรศัพท์โทรหาโจวจื่ออี้ “โจวจื่ออี้! เจ้านายของคุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า? ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา!” เขายืนอยู่ที่ด้านนอกสถานีตำรวจ ลมหนาวพัดมา ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะน้อยใจ เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อฉินอันอันได้ สถานการณ์ของฉินอันอันตอนนี้มันค่อนข้างไม่ปกติเมื่อคน ๆ หนึ่งได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง ล้วนสามารถทำได้ทุกอย่าง วันนี้เธอฆ่าคนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เธอฆ่าตัวตายจะทำยังไง? “วันนี้เพิ่งจะเริ่มงาน ยุ่งนิดหน่อย ทำไมคุณถึงอยากเจอเขา?” โจวจื่ออี้พูดเร็วมาก พอถามจบปฏิกิริยาตอบสนองเขาก็เริ่มทำงาน “คุณตามหาเจ้านายผมงั้นเหรอ? ฉินอันอันเกิดเรื่องใช่ไหม?” “วันนี้เธอทำตัวงี่เง่า เกือบจะฆ่าหวังหว่านจืออยู่แล้ว ตอนนี้เธออยู่ในสถานีตำรวจ ฉันรู้สึกว่าเธอจะต้องถูกควบคุมตัว…เจ้านายของคุณเก่งมากไม่ใช่เหรอ? คุณรีบไปแจ้งเจ้านายเลยให้เขาเอาตัวฉินอันอันออกมา! ถ้าเขาพาฉิ
“ผมจัดการเรื่องนี้เอง” เขาจับข้อมือเรียวเล็กของฉินอันอันแล้วพูดกับผู้บัญชาการว่า “ผมจะพาเธอออกไปก่อน” ผู้บัญชาการพยักหน้า หลังออกมาจากสถานีตำรวจ ฉินอันอันก็สะบัดฝ่ามือใหญ่ที่ค่อนข้างเย็นของเขาออก ฟู่สือถิงมองเธอสร้างเกราะหนามทั่วตัวแล้วขมวดคิ้ว “ฉินอันอัน ถึงคุณจะฆ่าหวังหว่านจือ แม่ของคุณก็ไม่ฟื้นขึ้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก มีวิธีแก้แค้นอีกมากมาย และวิธีที่คุณใช้ ก็เป็นวิธีที่โง่ที่สุด” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าของเขาแล้วเย้ยหยันอย่างเย็นชา “สิทธิ์ที่คุณคือประธานฟู่ผู้สูงส่ง หรือสิทธิ์ที่หวังหว่านจือคือแม่ยายในอนาคตของคุณล่ะ?!” ทุกคำพูดของเธอเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทง ดวงตาฟู่สือถิงฉายประกายอารมณ์มืดมนและคลุมเครือ “ฉินอันอัน คุณใจเย็นหน่อย” “ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว!” เสียงของเธอโศกเศร้าและฟังดูแตกสลาย “แค่ฉันหลับตา ภาพการตายที่น่าสลดใจของแม่ก็จะโผล่ขึ้นมาในใจฉัน! แม่ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?! เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย! ยายนั่นมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าเธอ!” เธอร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ฟู่สือถิงมองไปร่างกายผอมบางและท่าทางปวดร้าวปานจะขาดใจของเธอ ตอนนี้
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ฉินอันอันจึงไปส่งเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาล เป็นเสี่ยวหานที่เป็นฝ่ายเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องให้คุณแม่ไปรับส่งแล้ว การตายของจางหยุน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเช่นกัน “ฉินอันอัน ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว!” ไมค์ขับรถออกไปบนถนนสายหลัก “เรื่องทุกข์ใจทั้งหมดผ่านไปแล้ว! จากวันนี้ไปทุกวันจะมีแต่โชคดีเข้ามา” ฉินอันอันมองเขาอย่างฉงนสนเท่ห์ “พูดดี ๆ เป็นด้วยเหรอ?” ไมค์กระแอม “ฉันรู้ว่าเธอยังต้องเสียใจอีกนาน แต่ว่า พวกเราจะต้องมองไปข้างหน้า จากนี้จะมีผู้คนและสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายรอเธออยู่” ฉินอันอัน “ขับรถดี ๆ” ไมค์ “อ้อ” เขาเปิดเพลงในรถ ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไมค์ ขอบคุณนะ” “เอ๋?” ไมค์ปิดเพลง “ขอบคุณที่ช่วงนี้นายคอยดูแลลูกสองคนของฉัน” “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเกรงใจกันขนาดนี้? ลูกของเธอก็คือลูกของฉัน ไม่ใช่เพราะแม่เธอไม่อยู่แล้วหรอกนะ ถึงเธอไม่อยู่ ฉันก็จะเลี้ยงลูกของเธอสองคนจนโตให้เอง!” ไมค์พูดอย่างกระตือรือร้น ฉินอันอันมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาไอ “…เธอเข้าใจความหมายของฉันก็พอแ
หลังจากที่เสิ่นอวี๋ตั้งท้อง โหมดการดูแลทารกถึงได้เกิดขึ้น แม้แต่ความคืบหน้าในการรักษาอิ๋นอิ๋นก็ถูกละทิ้ง ดังนั้นคนที่รักษาจิ้นซือเหนียน ต้องไม่ใช่เสิ่นอวี๋แน่นอน! หมอประจำตระกูลพูดอย่างเสียดายว่า “ฉันไม่รู้สถานการณ์เฉพาะเจาะจง แต่โรคของเขา โอกาสที่จะตื่นขึ้นมามีน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาได้พบกับนักประสาทวิทยาที่เก่จกาจเทียบเท่ากับศาสตราจารย์หูเลยล่ะ” พอวางสาย ฟู่สือถิงส่งคนไปติดต่อคนในครอบครัวของจิ้นซือเหนียนทันที จิ้นซือเหนียนออกจากวงการไปสองปี ข้อมูลการติดต่อและที่อยู่ที่มีก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง จนตะวันเลือนลับ ลูกน้องของเขาก็ยังตรวจสอบไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ……มื้อเย็น“ตอนนี้สุขภาพของฉันดีขึ้นมากแล้ว” เสิ่นอวี๋ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “พวกเรามาคุยกันเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองได้นะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณแน่ใจเหรอ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “ฉันมั่นใจเรื่องการผ่าตัดครั้งที่สองมาก พรุ่งนี้พวกเราพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อตรวจดูว่าบาดแผลของเธอฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” ฟู่สือถิง “ตกลง” “สือถิง ขอโทษนะคะ” ทันใดนั้นดวงตาของเสิ่นอวี๋ก็แดง
หลังจากที่หวังหว่านจือออกมา เธอก็เข้ามาขวางหน้าหวังหว่านจือเอาไว้ “รายต่อไปคือคุณ” วันนี้ฉินอันอันแต่งหน้าบาง ๆ สีหน้าและหน้าตาของเธอดูดี ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอ คลื่นใต้น้ำของความเกลียดชังไม่เคยลดลง “เอาล่ะ! ฉันไม่มีลูกสาวแล้ว น้องชายก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ฉินอันอัน พวกเรามาคอยดูกัน!” ครั้งที่แล้วหวังหว่านจือถูกเธอโจมตีจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่ร้านกาแฟ ในใจก็เดือดดาลไปด้วยความโกรธ ถ้าหากตอนนั้นฟู่สือถิงไม่ออกหน้า เธอไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!ฉินอันอันขึ้นรถด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย ไมค์คลายฝาขวดน้ำแล้วส่งให้เธอ “ฟู่สือถิงกำลังสืบหาหมอของจิ้นซือเหนียน ฉันเดาว่าเขาคิดจะทิ้งเสิ่นอวี๋ ผู้ชายคนนี้จิตใจโหดร้ายมาก! เสิ่นอวี๋ตั้งท้องลูกของเขาอยู่นะ!” ฉินอันอันรับน้ำมาแล้วดื่ม ของเหลวเย็นผ่านตามลำคอเข้าสู่ร่างกายให้ความรู้สึกสดชื่น“ปล่อยเขาสืบไป!” ประกายไม่แยแสฉายในดวงตาของเธอดูสิว่าเขาจะเจออะไรเล็ดลอดออกมาบ้าง!จิ้นซือเหนียนและสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ที่อยู่ตอนนี้ของพวกเขาก็ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเช่นกัน เกรงว
ใบหน้าของแม่เฒ่าฟู่ กลายเป็นสีเขียวอ่อน ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฟู่สือถิงประคองเธอไว้ น่ากลัวว่าเธอคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหวและล้มลงไปแล้ว พนักงานตัดไฟหน้าจอแอลอีดีแล้วแสงสีเขียวที่ทำให้จิตใจผู้คนสับสนวุ่นวายก็หายไป “เกิดอะไรขึ้น?!” ฟู่ฮั่นตะโกนออกมา “ทำไมหน้าจอถึงมีภาพเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด? พนักงานของคุณทำอะไรอยู่?!” ผู้จัดการเข้ามาโค้งคำนับและขอโทษ “ประธานฟู่ ขอโทษครับ! ผมเพิ่งไปถามพนักงาน เขาบอกว่าจู่ ๆ คอมพิวเตอร์ก็ติดไวรัส ไม่รู้ว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงวิ่งขึ้นจอแอลอีดีได้” ฟู่ฮั่นเหลือบมองแม่ของเขา แม่เฒ่าฟู่ปรับลมหายใจได้แล้ว “พวกคุณรีบไปเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก!” ฟู่ฮั่นพูดกับผู้จัดการ หลังจากผู้จัดการถอยออกไปแล้ว บรรยากาศอึดอัดใจบนเวทีไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย สีเขียว นอกจากจะเป็นสีที่มีสีสันสดใสสีหนึ่งแล้ว ยังรวมถึงความหมายอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถูกทรยศทางความรู้สึก เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้าแดงและอธิบาย “คุณป้าคะ ฉันไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อสือถิง บอดี้การ์ดสามารถรับรองให้ฉันได้” ฟู่สือถิง “คุณหมายความ
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างเขาในคืนนั้นคือฉินอันอัน! ถ้าเขารู้ว่าเป็นเสิ่นอวี๋ เขาจะไม่มีวันแตะต้องเธอเด็ดขาด ……อีกด้านหนึ่ง ฉินอันอันเชิญเพื่อนสนิทสองสามคนมากินอาหารทะเลที่ถนนจินซา ช่วงเวลาที่แม่จากไป ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอยู่ดูแลและอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่สามารถกลับมามีชีวิตปกติดีรวดเร็วขนาดนี้ กระทั่งตอนนี้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ต้องเผชิญ หัวใจยังคงรู้สึกราวกับถูกกรีด แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่นอยากให้หวังหว่านจือตายไปด้วยกัน ไมค์รินไวน์ให้เว่ยเจิน เว่ยเจิน “ฉันขับรถมานะ” ฉินอันอันเทน้ำผลไม้ลงไปในแก้วของเว่ยเจิน “พี่เว่ยดื่มเหล้าไม่ได้ ไมค์ คืนนี้นายดื่มคนเดียวเถอะ!” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอดูถูกฉันอยู่หรือไง? ฉันคอแข็งพอตัวนะ!” “ฉันรู้ว่าเธอคอแข็งพอตัว แต่ก่อนหน้านี้เฮ่อจุ่นจือทักฉันขอให้ฉันคอยดูเธอ ไม่ให้เธอเมา” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงเชอะอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มเทไวน์ให้ไมค์ “เธอสองคนดื่มให้น้อยลงหน่อย ที่ฉันชวนมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารทะเลของร้านนี้ ไม่ใช่ให้มาดื่ม…” ฉินอันอันเตือนพวกเขา ไมค์ “อาหารทะเลอร่อยตรงไหน…จัดปาร์ตี้โดยไม่ดื่มเหล้า