“งั้นเธออย่าไปเลย อิ๋นอิ๋นก็อยู่ด้วย ผู้หญิงสองคนเฝ้าเขาอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอไปเห็นคงจะหงุดหงิดเปล่า ๆ” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “สภาพจิตใจของเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนแรกฉันคิดว่าบริษัทของเขากำลังประสบปัญหาใหญ่ แต่เฮ่อจุนจือบอกว่าไม่ใช่ ฉันก็เลยคิดว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ฉินอันอันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ในออฟฟิศ “หลีเสี่ยวเถียน เธอคิดเข้าข้างฉันเกินไป ตอนที่ฉันหย่ากับเขา ฉันยังทำให้เขาเสียใจไม่ได้เลย ฉันไม่มีผลกับเขามากขนาดนั้นหรอก” “แล้วทำไมเขาถึงแปลกไปขนาดนี้? คงไม่ใช่เพราะเสิ่นอวี๋หรอกนะ?” หลีเสี่ยวเถียนสงสัย “ได้ยินมาว่า ช่วงนี้เสิ่นอวี๋ไปเยี่ยมบ้านเดิมของตระกูลฟู่บ่อย ๆ ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก!” เมื่อได้ยินข่าวเรื่องฟู่สือถิงกับเสิ่นอวี๋ ตอนนี้จิตใจของฉินอันอันก็สงบขึ้นเยอะ บางทีถ้าวันหนึ่งมีข่าวว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน เธอก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร เธอกับฟู่สือถิงเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน มีแต่จะห่างกันไปเรื่อย ๆ “เสี่ยวเถียน เธอกับเฮ่อจุนจือเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันเปลี่ยนเรื่อง “ก็เหมือนเดิม! เขาตัดสินใจจะพยายามจนถึงสิ้นปี ถ้าสิ้นปีนี้เขายังทำให้พ่อแ
“โจวจื่ออี้ โดรนของเราเจ๋งมากใช่ไหมล่ะ?” ไมค์พูดอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับเคี้ยวแอปเปิลในปาก โจวจื่ออี้เหลือบมองใบหน้าบูดบึ้งของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น และยังเห็นความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาด้วย “ก็ไม่ได้แย่! อย่ามั่นให้มาก โดรนของคุณก็มีข้อบกพร่องมากมายและจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอยู่” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “แม้แต่เอสทีกรุ๊ปของคุณก็ไม่กล้าพูดว่าดีที่สุดใช่ไหม?” ไมค์ดุเขา “เราเพิ่งเริ่มต้น และอนาคตก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน” “สู้เขา!” “คืนนี้พระจันทร์กลมมาก!” ไมค์ถอนหายใจพร้อมมองท้องฟ้า โจวจื่ออี้เงยหน้าขึ้นแล้วตอบ “แล้วในอนาคตเราจะยังสู้อยู่ไหม?” จู่ ๆ ไมค์ก็มองเขาแล้วพูดอย่างจริงจัง “แล้วถ้าในอนาคตเรายังร่วมมือกันล่ะ?” โจวจื่ออี้ดันแว่นตาบนดั้งจมูก “คุณคิดว่าเงินของประธานผมคุ้มค่าให้คุณยังต้องการหากำไรจากมันใช่ไหม?” ไมค์ “ใช้ได้เลย! เราเคยเจอฝ่าย ก ที่โง่กว่านี้ในต่างประเทศด้วยนะ” โจวจื่ออี้ “การที่ประธานของผมซื้อโดรนของพวกคุณ ทำให้คุณมีรายได้มากกว่าร้อยล้านล้าน พรุ่งนี้เรื่องนี้คงเป็นประเด็นร้อน ทุกคนรู้ดีว่าหลังจากที่เอสทีกรุ๊ปซื้อโดรนจ
‘พวกเขาทั้งสองเกิดวันเดียวกันเหรอ?’ ‘นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?’ ฉินอันอันจับมือลูกชายแล้วเดินออกไปนอกประตู ร่างสูงสง่าปรากฏต่อหน้าเธอ วันนี้ฟู่สือถิงสวมเสื้อคลุมสีดำดูสุขุมและน่าเกรงขาม ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาผอมลง ฉินอันอันรวบรวมความกล้าและตัดสินใจอวยพรวันเกิดให้เขา ขณะที่เธอกำลังจะพูด อิ๋นอิ๋นก็กระพือแขนต่อหน้าฟู่สือถิงเหมือนนก จับมือของเขาแล้วพูดเบา ๆ “พี่กินเค้กสิ” เนื่องจากฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอจึงได้ยินที่อิ๋นอิ๋นพูดชัดเจน ‘พี่?!’ ‘อิ๋นอิ๋นเรียกฟู่สือถิงว่าพี่เหรอ?’ ฉินอันอันขมวดคิ้วและมองไปที่อิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นรู้สึกได้ว่าฉินอันอันกำลังจ้องเธออยู่ อาจเป็นเพราะการแสดงออกของฉินอันอันจริงจังเกินไป อิ๋นอิ๋นจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย อิ๋นอิ๋นอยากชวนฉินอันอันมากินเค้กด้วยกัน แต่เธอไม่กล้าพูด “เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าพี่เหรอ?” ฉินอันอันถาม ฉินอันอันไม่อยากทำให้อิ๋นอิ๋นกลัว แต่น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิ๋นอิ๋นไปหลบอยู่หลังฟู่สือถิงด้วยความกลัว ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแน่นพลางเกลี้ยกล่อม “อิ๋นอิ๋น
พวกเขาเข้ามาโดยไม่บอกล่วงหน้า เขาไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกเขาเลย พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับอิ๋นอิ๋น พวกเขาทำให้อิ๋นอิ๋นรู้สึกหวาดกลัว แม่เฒ่าฟู่ยืนอยู่หัวแถว เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋น ดวงตาแม่เฒ่าฟู่เป็นประกายทันทีและอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาเธอ ฟู่สือถิงปกป้องอิ๋นอิ๋นไว้ที่ด้านหลัง “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่บอกก่อนว่าจะมา?” “วันนี้คือวันของลูก…แม่เลยเอาเค้กมาให้” แม่เฒ่าฟู่หลุบสายตาลง พูดตะกุกตะกัก “แม่รู้ว่าแม่มาอย่างกะทันหัน แต่ว่าแม่อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะ…” อดไม่ได้ที่จะมาเจออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นได้ยินเสียงแม่เฒ่าฟู่ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดวงตารูปอัลมอนด์สีดำสนิทโผล่ออกมาด้านหลังฟู่สือถิงและจ้องเขม็งไปที่แม่เฒ่าฟู่ “อิ๋นอิ๋น หนูไม่กลัวฉัน ใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่มองเธอด้วยใบหน้าคาดหวัง อิ๋นอิ๋นหดศีรษะกลับทันทีพร้อมกระชับด้านหลังเสื้อของฟู่สือถิงแน่นขึ้น มือของฟู่สือถิงเอื้อมไปด้านหลังแล้วจับมือเธอไว้ “แม่ครับ พวกแม่กลับไปก่อนเถอะ! เรากินเค้กที่โรงเรียนมาแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชา “เอาเค้กกลับไปด้วย” แม่เฒ่าฟู่ถอนหายใจ ถึงแม้จะเสียดายมาก แต่เมื่อเห็นลูกสาวสบ
เธอนั่งอยู่บนตียง ไม่สามารถปิดบังความปิติบนใบหน้าได้! ห้าปีก่อน หวังฉีเทียนน้องชายของหวังหว่านจือแม่เลี้ยงของเธอกวาดเอาเงินจากฉินกรุ๊ปไปเกือบสองพันล้าน! หลังจากใช้เงินส่วนใหญ่ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะความโลภจึงทำให้ใจของหวังฉีเทียนมืดบอด และนึกว่าตัวเองจะกลับมากอบโกยความมั่งคั่งกับฉินกรุ๊ปได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ในครั้งนี้ไม่ใช่เงินสองพันล้าน แต่เป็นบทลงโทษตามกฎหมาย! เมื่อสักครู่ เจ้าหน้าที่หลี่ผู้ดูแลคดีนี้ได้โทรหาเธอ และบอกเธอว่าหวังฉีเทียนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศมาแล้ว ทางตำรวจได้จัดชุดเจ้าหน้าที่คอยดักซุ่มที่สนามบิน ขอเพียงหวังฉีเทียนมาถึงก็สามารถจับกุมได้ทันที!เธอรอคอยมานานหลายปีก็เพื่อผลลัพธ์นี้! หลังจากวางสายแล้ว เธอจึงไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เธออยากแบ่งปันข่าวดีนี้กับเพื่อน ๆ แต่ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม เธอจะโทรไปรบกวนคนอื่นไม่ได้ พอเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง ก่อนเดินไปยังห้องครัว เธอเปิดตู้เย็นและเห็นเบียร์หลายกระป๋องตั้งอยู่ในนั้น แม่น่าจะซื้อมาไว้สำหรับใช้ทำอาหาร พอหยิบเบียร์ออกมาแล้วเธอก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เวลาตีสี่ ณ ตระ
ฉินอันอันได้ยินคำถามของเขา และเพราะคำถามของเขา เธอเลยสร่างเมาเล็กน้อย เขาคิดว่าตอนนี้เธอดื่มเยอะแล้วจะอธิบายทุกอย่างงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ เขาดูถูกเธอมากไปแล้ว เธอดื่มเยอะก็จริง แต่เธอดื่มเบียร์ไม่ใช่ไวน์ เบียร์แค่นี้ ไม่ถึงกับทำให้เธอเมาแล้วขาดสติได้หรอกนะ เธอตัดสินใจไม่สนใจเขาและนอนหลับไปเลย ฟู่สือถิงฟังเสียงลมหายใจของเธอที่ค่อย ๆ ปรับเป็นสม่ำเสมอแล้วมองดูการเชื่อมต่อการโทร เขาลังเลที่จะวางสาย ถ้าเธอไม่เมา เธอคงไม่โทรหาเขาแน่นอน …… เวลาแปดโมงเช้า ฉินอันอันถูกปลุกให้ตื่นเพราะฝันร้าย! เธอฝันถึงช่วงเวลาที่พ่อของเธอเสียชีวิต พ่อตาย บริษัทล้มละลาย เธอกับแม่ไม่มีที่อยู่อาศัย กำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนเหมือนสุนัขหรือแมวจรจัด เธอกระหายน้ำมาก อยากดื่มน้ำ แต่เธอกับแม่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินเลย เธอไม่มีปัญญาซื้อน้ำ เธอตกใจจนเหงื่อเย็นออกท่วมตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจึงเห็นห้องนอนที่คุ้นเคย เธอถอนใจโล่งอกเฮือกใหญ่แล้วพึมพำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉินอันอัน มันผ่านไปแล้ว…ไม่ต้องกลัว” หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ “ตื่นแล้วเหรอ?
ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวที่ฟังดูร้อนอกร้อนใจของหวังหว่านจือแล้ว ฉินอันอันยิ่งมีความสุขมากขึ้น “คุณคิดจะจัดการกับฉันยังไงเหรอ?” ฉินอันอันยั่วโมโห “น้องชายคุณทำผิดกฎหมาย ถึงคุณไม่ได้ชี้นิ้วสั่งก็ต้องเป็นคนคอยยุยง ไม่ว่ายังไงเงินที่น้องชายคุณกวาดไป คุณเองก็ได้ใช้ด้วยไม่น้อย! กล้าดียังไงถึงโทรมาหาฉัน?” หวังหว่านจือเอ่ยปาก “ลูกสาวของฉันฉินเขอเข่อถูกเธอฆ่า! ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย!” “โอ้…คนในครอบครัวคุณมีใครตายอีกบ้าง? โทษฉันให้หมดเลยสิ!” ฉินอันอันประชดประชัน “คุณคิดว่าฉันยังเป็นคนที่คุณจะรังแกยังไงก็ได้เหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม? หวังหว่านจือ ห้าปีก่อนคุณไม่ได้เหยียบย่ำฉันให้จมดิน ก็เท่ากับคุณพลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว!” เสียงของเธอเย็นชาและดุร้าย! เปลี่ยนไปจากฉินอันอันเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นราวกับคนละคน! หวังหว่านจือวางสายด้วยความโกรธ เธอไม่มีทางยอมแพ้แน่! เธอจองเที่ยวบินแล้วตัดสินใจกลับประเทศเอทันที ……ข่าวภาคเที่ยง - ฉินกรุ๊ปทะยานสู่สองพันล้าน? ห้าปีหลังจากอดีตผู้อำนวยหวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินหอบเงินก้อนนั้นหนีไป ตำรวจจับกุมเขาได้ที่สนามบินเช้าวันนี้! หลังจากเห็นข่าว ไ
เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเวที ขอเพียงเขายืนอยู่บนเวที ถึงแม้จะไม่ทำอะไรเลยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจิตใจผ่อนคลายและมีความสุขช่วงเย็น ฉินอันอันขับรถพาเว่ยเจินไปที่อยู่ของงานปาร์ตี้ที่ไมค์จัด เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองคนลงจากรถ “พี่เว่ย คนที่เชิญมาคืนนี้ทั้งหมดเป็นเพื่อนของฉันและเพื่อนของไมค์ พี่ไม่ต้องเกร็งนะ” ฉินอันอันเอ่ยปาก “หลัก ๆ แล้วงานคืนนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองที่หวังฉีเทียนถูกจับ เรื่องนี้ถือเป็นปมในใจฉันเลย” “ฉันรู้ เคยได้ยินเธอบอกมาก่อน” เว่ยเจินมองหน้าเธอแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าวันนี้เธอดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ทั้งสองเข้ามาในโรงแรมและมาถึงห้องจัดเลี้ยงที่ไมค์แจ้งทันทีที่เธอเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง รอยยิ้มบนหน้าของเธอก็หายไปทันทีอะไรกัน?!ทำไมมีคนแปลกหน้าเยอะขนาดนี้? มาผิดที่หรือเปล่านะ? แต่แล้ว…เธอมองเห็นผมสีทองของไมค์อย่างชัดเจน ไมค์เห็นฉินอันอันมาแล้ว เขาจึงก้าวยาว ๆ มาหา “อันอัน เธอมาแล้ว! พี่เว่ยจิน คุณก็มาด้วย!” ฉินอันอันดึงไมค์เดินไปถึงนอกประตูห้องจัดเลี้ยง แล้วถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น! “คืออย่างนี้…ตอนที่ฉันเชิญโจวจื่ออี้ จ