เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเวที ขอเพียงเขายืนอยู่บนเวที ถึงแม้จะไม่ทำอะไรเลยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจิตใจผ่อนคลายและมีความสุขช่วงเย็น ฉินอันอันขับรถพาเว่ยเจินไปที่อยู่ของงานปาร์ตี้ที่ไมค์จัด เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองคนลงจากรถ “พี่เว่ย คนที่เชิญมาคืนนี้ทั้งหมดเป็นเพื่อนของฉันและเพื่อนของไมค์ พี่ไม่ต้องเกร็งนะ” ฉินอันอันเอ่ยปาก “หลัก ๆ แล้วงานคืนนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองที่หวังฉีเทียนถูกจับ เรื่องนี้ถือเป็นปมในใจฉันเลย” “ฉันรู้ เคยได้ยินเธอบอกมาก่อน” เว่ยเจินมองหน้าเธอแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าวันนี้เธอดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ทั้งสองเข้ามาในโรงแรมและมาถึงห้องจัดเลี้ยงที่ไมค์แจ้งทันทีที่เธอเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง รอยยิ้มบนหน้าของเธอก็หายไปทันทีอะไรกัน?!ทำไมมีคนแปลกหน้าเยอะขนาดนี้? มาผิดที่หรือเปล่านะ? แต่แล้ว…เธอมองเห็นผมสีทองของไมค์อย่างชัดเจน ไมค์เห็นฉินอันอันมาแล้ว เขาจึงก้าวยาว ๆ มาหา “อันอัน เธอมาแล้ว! พี่เว่ยจิน คุณก็มาด้วย!” ฉินอันอันดึงไมค์เดินไปถึงนอกประตูห้องจัดเลี้ยง แล้วถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น! “คืออย่างนี้…ตอนที่ฉันเชิญโจวจื่ออี้ จ
“ฟู่สือถิงลากเขาไปแล้ว” ไมค์ชี้บอกทิศทางเธอ ฉินอันอันเห็นฟู่สือถิงและเว่ยเจินนั่งอยู่ที่โต๊ะตามลำพังด้วยกันด้านข้าง มีบอดี้การ์ดคุ้มกันอยู่ มีไวน์ขวดหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะของพวกเขา พวกเขาวางแผนที่จะดื่มงั้นเหรอ? ฉินอันอันขมวดคิ้ว เว่ยเจินดื่มไม่บ่อยนัก คอเขาไม่แข็งแน่นอน ไมค์พูดติดตลก “มือใหม่สองคน ดูกันว่าพวกเขาใครจะคอพับก่อน” ฉินอันอันไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอเกือบลืมไปแล้วว่าความสามารถในการดื่มก็ไม่ดีเลยเช่นกัน “ฉินอันอัน นี่คือการประลองฝีมือของผู้ชาย เธอปล่อยให้พวกเขาดื่มไปเถอะ!” ไมค์ตบไหล่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วจับใบหน้าที่ทั้งหล่อทั้งกวนประสาทเอียงไปด้านข้าง “ทั้งหมดคือความผิดของนาย!” “ครั้งต่อไปฉันจะไม่ฟังคำหลอกลวงของโจวจื่ออี้อีกแล้ว! ครั้งหน้าฉันจะเรียกให้เขามาที่ ๆ ของเราเอง!” ไมค์สาบาน “ไม่มีครั้งหน้าแล้ว!” ฉินอันอันเดินไปหาหลีเสี่ยวเถียนที่อยู่ด้านข้าง หลีเสี่ยวเถียนชูนิ้วกลางใส่ไมค์ เดิมทีฉินอันอันไม่ได้ติดต่อหรือพบฟู่สือถิงมานานแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของไมค์! ทำให้พวกเขาต้องมาพบกันอีกครั้งคืนนี้ เพิ่มเยื่อใยระหว่างพวกเขา ทำให้หัวใจเหมือนถูกมีดกรีดอีก
“เห็นแก่ที่คุณเป็นแม่เลี้ยงของฉัน ฉันให้เวลาคุณหนึ่งวัน” ฉินอันอันพูดอย่างเย็นชาจบก็เดินออกมาจากร้านกาแฟ ห้องจัดเลี้ยง หลังจากที่ฟู่สือถิงดื่มไวน์ไปแล้วสองสามแก้ว ใบหน้าของทั้งสองคนก็แสดงอาการมึนเมาในระดับที่แตกต่างกัน “คุณเว่ย ผมได้ยินว่าในช่วงชีวิตของศาสตราจารย์หูมีลูกศิษย์ที่ติดตามใกล้ชิดคนหนึ่ง” ฟู่สือถิงเทไวน์ให้เว่ยเจิน แล้วแสร้งถามเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจ เว่ยเจินมองฟู่สือถิงด้วยใบหน้าสีแดงเข้ม “คุณฟู่ คุณไปฟังใครพูดมา?” ฟู่สือถิงยกแก้วขึ้นชนแก้วของเขา “คุณเว่ย คุณแค่บอกผมว่าใช่หรือไม่ใช่ก็พอ” เว่ยเจินจิบไวน์แล้วพูดอย่างลำบากใจ “ขออภัย ผมไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ของศาสตราจารย์หูได้” “ศาสตราจารย์หูเสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวอะไรที่เปิดเผยไม่ได้” “ถ้าหากคน ๆ นั้นไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงตัวตนล่ะ?” เว่ยเจินเอ่ย แสงแห่งดวงดาวพุ่งขึ้นมาในดวงตาของฟู่สือถิง “นี่แปลว่าศาสตราจารย์หูมีลูกศิษย์ที่ติดตามใกล้ชิดจริง ๆ” ‘คน ๆ นั้น’ ที่เว่ยเจินพูดถึง หมายถึงศิษย์ลึกลับที่ใกล้ชิดคนนั้นใช่ไหม? เว่ยเจินยกแก้วขึ้นจิบไวน์อีกครั้ง “คุณเว่ย ลูกศิษย์
ลมหายใจที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ของเขาเป่ารดลงบนแก้มของเธอ เธอเชื่อว่าเขาเมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนต่อหน้าพนักงานจำนวนมากขนาดนี้ “ดื่มมากไม่ได้ก็อย่ามาอวดเก่งข้างนอกสิ” ฉินอันอันต้องการลุกขึ้นจากตักของเขา แต่ว่าเขากลับจับเอวเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอไป “ฉินอันอัน พวกเรามาดื่มกันเถอะ…” เขายกขวดไวน์ขึ้นแล้วเทไวน์ลงไปในแก้ว “เมื่อวานคุณดื่มจนเมาเพราะหวังฉีเทียนถูกจับและถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหรอ?” เขาคลายมือบนเอวของเธอลงเล็กน้อย เธอลุกขึ้นจากตักของเขาทันที เมื่อเธอเหลือบมองไปทางเว่ยเจิน…คนล่ะ? “ฟู่สือถิง! พี่เว่ยล่ะ?” เธอมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาและแดงก่ำของฟู่สือถิง รู้สึกเหมือนเขาเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ! ต้องเป็นตอนที่เขาบังคับกอดเธอไว้แน่ ๆ แล้วคนของเขาก็พาพี่เว่ยออกไป “เขาเมามากแบบนั้น ก็ควรพาเขาไปพักผ่อน” ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ แล้วยื่นแก้วไวน์ให้เธอ “คุณไม่ต้องกังวล ผมไม่ทำเรื่องอะไรที่เกินเหตุกับคุณเว่ยหรอก” หลังจากที่เขาพูดจบ เสียงโทรศัพท์ของฉินอันอันก็ดังขึ้น เธอเปิดโทรศัพท์ดู ข้อความใหม่ปรากฏขึ้นมีข้อความส่งมาจากเว่ยเจิน -
หวังหว่านจือยอมพิจารณาเงินห้าพันล้าน แสดงว่าเธอสามารถหาเงินห้าพันล้านได้ วันรุ่งขึ้น เอสทีกรุ๊ป ห้องทำงานประธาน แสงแดดสีทองส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน สะท้อนให้เห็นห้องทำงานที่สะอาดสะอ้าน ฟู่สือถิงเปิดรายชื่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์หูชิงที่เขาเคยรวบรวมไว้อีกครั้ง ข้อมูลที่เว่ยเจินเปิดเผยออกมาเมื่อคืนนี้ ว่าลูกศิษย์ผู้ติดตามของศาสตราจารย์หู ไม่ใช่ชายวัยกลางคน แล้วก็ไม่ใช่เพศชาย ด้วยวิธีนี้ ขอบเขตลดลงไปมาก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกลงบนชื่อฉินอันอัน ฉินอันอันเองก็เป็นนักศึกษาปริญญาเอกของศาสตราจารย์หูเพราะว่าฉินอันอันไม่ได้ทำงานด้านการแพทย์หลังจากเรียนจบระดับปริญญาเอก ดังนั้นในตอนนั้นเขาจึงเพียงแค่ดูประวัติช่วงนักศึกษาปริญญาเอกอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น ประวัติของเธอเรียบง่ายมาก ทำงานเชิงวิชาการ เผยแพร่บทความวิจัย เขาค้นหาบทความวิจัยที่เธอโพสต์บนอินเตอร์เน็ต แค่เหลือบมอง เขารู้สึกว่ากำลังอ่านหนังสือจากสวรรค์ ดังนั้นเขาเลยยอมแพ้ บางที ฉินอันอันไม่ได้ธรรมดาแบบที่เขาคิด ถ้าหากเธอมีคุณสมบัติระดับปานกลาง ศาสตราจารย์หูคงไม่รับเธอเ
เธอไม่เคยคิดไกล่เกลี่ยกับหวังหว่านจือเป็นการส่วนตัว เมื่อคืนเธอจงใจพูดแบบนั้นเพราะต้องการให้ความหวังอันริบหรี่กับหวังหว่านจือและเพื่อทำลายความหวังของเธอในวันนี้ เธอต้องการให้หวังหว่านจือได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด! “ดี! ฉินอันอัน ดีมาก!” ริมฝีปากของฉินอันอันสั่นด้วยความโกรธแล้วกล่าวอย่างรุนแรงว่า “เดิมฉันก็ไม่อยากจ่ายห้าพันล้านเหมือนกัน! เงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้าเสียหน่อย!” “อืม หวังว่าน้องชายของคุณที่อยู่ในยมโลกจะไม่กลายเป็นผีมาหาคุณ” ฉินอันอันพูดเหน็บแนม “ไม่รู้เสียด้วยสิว่าตอนนั้นพวกคุณสองพี่น้องแบ่งเงินสองพันล้านนั่นยังไง” หวังหว่านจือโกรธจัดจนความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้น! “ฉินอันอัน…แกรอดูนะ…ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่…ความแค้นของน้องชาย ความแค้นของลูกสาว….ฉันจะให้แกชดใช้!” “อ้อ คุณอยากหาคนมาลอบฆ่าฉันใช่ไหม?” ฉินอันอันเตือนเธอ “ระบบสกายอายของประเทศเอและวิธีการสืบสวนของตำรวจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับห้าปีก่อนแล้วนะ ฉันแนะนำให้คุณคิดดูให้ดีก่อนที่จะทำร้ายผู้อื่นว่ารับผลที่ตามมาไหวไหม ที่ประเทศเอ ไม่ว่าฆ่าคนหรือจ้างวานฆ่า โทษคือประหารชีวิต!” หวังหว่านจือหน้าซีดเผือดแล้ววางสายไปจางห
“ถ้าหากนายกับโจวจื่ออี้เป็นแฟนกัน นายจะบอกเขาหรือเปล่า?” ฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงถามอีกคำถาม ไมค์ “ต่อให้เขาเป็นภรรยาฉัน ตราบใดเธอไม่ให้ฉันพูด ฉันก็จะไม่พูด! เธอคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฉัน ในใจของฉัน เธอเป็นที่หนึ่งตลอดกาล!” ฉินอันอันถอนหายใจ ส่งเขาออกประตู วันถัดมา โจวจื่ออี้อดทนต่อความทรมานจากอาการเมาค้างและมาที่บริษัท ฟู่สือถิงเหลือบมองเขา “ทำไมถึงดื่มจนเมาขนาดนี้ล่ะ?” “เมื่อคืนนี้ไมค์จงใจมอมเหล้าผม! ผมไม่ทันได้ถามอะไรเลย เขาก็มอมเหล้าผมแล้ว” ตอนนี้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแยกออกจากกัน “ถึงจะไม่ได้ถามอะไร แต่ผมพบแผลเป็นบนหัวของเขา” “แผลชัดมากเลยเหรอ?” “ครับ เขาน่าจะเคยรับการผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะ” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างหนักแน่น “การผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะไม่ใช่การผ่าตัดเล็ก…” ฟู่สือถิงคิ้วขมวด แล้วพูดเสียงเบา “ครั้งหน้านายถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ต้องดื่มเหล้ากับเขาอีก แค่ถามไปตรง ๆ ก็พอ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ!” “ได้ครับ” ถึงแม้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแตก แต่เขายังมีสติอยู่ “เจ้านาย คุณกำลังสอบสวนไมค์ เพราะว่าคุณสงสัยคุณฉินใช่ไหมครับ?”
เป็นโจวจื่ออี้ที่โทรมา“ไมค์บอกว่าก่อนหน้านี้ในสมองของเขาเกิดเนื้อร้าย ตอนที่อาการรุนแรง เขาก็โคม่าแล้วหมดสติไป ท้ายที่สุดแล้วเป็นศาสตราจารย์หูที่ทำการผ่าตัดเอามันออกครับ” โจวจื่ออี้กล่าว ฟู่สือถิงกล่าว “เขายังไม่พูดเหรอว่าทำไมถึงร่วมหุ้นกับฉินอันอัน?” “พูดแล้วครับ เขาบอกว่าเขาชอบโดรน แล้วในมือของฉินอันอันมีระบบที่พัฒนาโดยฉินเจี๋ย หลังจากที่เขาพัฒนาระบของฉินเจี๋ยจนสมบูรณ์แบบแล้ว เขาพึงพอใจมาก ดังนั้นเขาจึงร่วมหุ้นเปิดบริษัทกับฉินอันอัน” คำตอบนี้ไม่มีช่องโหว่เลย หลังจากคุยโทรศัพท์แล้ว ฟู่สือถิงก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบหวังหว่านจือ แต่ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเสิ่นอวี๋ ดังนั้นเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเธอ หลังจากที่เขาเข้ามาในร้านอาหาร เสิ่นอวี๋ก็เดินมาตรงหน้าเขาทันทีแล้วอธิบายให้เขาฟัง “ขอโทษนะสือถิง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอคุณป้าหวัง ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงของฉินอันอัน ปกติแล้วฉันไม่ได้ติดต่อกับพ่อมากนัก ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้บอกฉันล่วงหน้า” หลังจากฟังคำอธิบายของเธอแล้ว เขาก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง “สวัสดีครับ คุณลุงเสิ่น” เขาทักทายคุณ