หวังหว่านจือยอมพิจารณาเงินห้าพันล้าน แสดงว่าเธอสามารถหาเงินห้าพันล้านได้ วันรุ่งขึ้น เอสทีกรุ๊ป ห้องทำงานประธาน แสงแดดสีทองส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน สะท้อนให้เห็นห้องทำงานที่สะอาดสะอ้าน ฟู่สือถิงเปิดรายชื่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์หูชิงที่เขาเคยรวบรวมไว้อีกครั้ง ข้อมูลที่เว่ยเจินเปิดเผยออกมาเมื่อคืนนี้ ว่าลูกศิษย์ผู้ติดตามของศาสตราจารย์หู ไม่ใช่ชายวัยกลางคน แล้วก็ไม่ใช่เพศชาย ด้วยวิธีนี้ ขอบเขตลดลงไปมาก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกลงบนชื่อฉินอันอัน ฉินอันอันเองก็เป็นนักศึกษาปริญญาเอกของศาสตราจารย์หูเพราะว่าฉินอันอันไม่ได้ทำงานด้านการแพทย์หลังจากเรียนจบระดับปริญญาเอก ดังนั้นในตอนนั้นเขาจึงเพียงแค่ดูประวัติช่วงนักศึกษาปริญญาเอกอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น ประวัติของเธอเรียบง่ายมาก ทำงานเชิงวิชาการ เผยแพร่บทความวิจัย เขาค้นหาบทความวิจัยที่เธอโพสต์บนอินเตอร์เน็ต แค่เหลือบมอง เขารู้สึกว่ากำลังอ่านหนังสือจากสวรรค์ ดังนั้นเขาเลยยอมแพ้ บางที ฉินอันอันไม่ได้ธรรมดาแบบที่เขาคิด ถ้าหากเธอมีคุณสมบัติระดับปานกลาง ศาสตราจารย์หูคงไม่รับเธอเ
เธอไม่เคยคิดไกล่เกลี่ยกับหวังหว่านจือเป็นการส่วนตัว เมื่อคืนเธอจงใจพูดแบบนั้นเพราะต้องการให้ความหวังอันริบหรี่กับหวังหว่านจือและเพื่อทำลายความหวังของเธอในวันนี้ เธอต้องการให้หวังหว่านจือได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด! “ดี! ฉินอันอัน ดีมาก!” ริมฝีปากของฉินอันอันสั่นด้วยความโกรธแล้วกล่าวอย่างรุนแรงว่า “เดิมฉันก็ไม่อยากจ่ายห้าพันล้านเหมือนกัน! เงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้าเสียหน่อย!” “อืม หวังว่าน้องชายของคุณที่อยู่ในยมโลกจะไม่กลายเป็นผีมาหาคุณ” ฉินอันอันพูดเหน็บแนม “ไม่รู้เสียด้วยสิว่าตอนนั้นพวกคุณสองพี่น้องแบ่งเงินสองพันล้านนั่นยังไง” หวังหว่านจือโกรธจัดจนความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้น! “ฉินอันอัน…แกรอดูนะ…ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่…ความแค้นของน้องชาย ความแค้นของลูกสาว….ฉันจะให้แกชดใช้!” “อ้อ คุณอยากหาคนมาลอบฆ่าฉันใช่ไหม?” ฉินอันอันเตือนเธอ “ระบบสกายอายของประเทศเอและวิธีการสืบสวนของตำรวจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับห้าปีก่อนแล้วนะ ฉันแนะนำให้คุณคิดดูให้ดีก่อนที่จะทำร้ายผู้อื่นว่ารับผลที่ตามมาไหวไหม ที่ประเทศเอ ไม่ว่าฆ่าคนหรือจ้างวานฆ่า โทษคือประหารชีวิต!” หวังหว่านจือหน้าซีดเผือดแล้ววางสายไปจางห
“ถ้าหากนายกับโจวจื่ออี้เป็นแฟนกัน นายจะบอกเขาหรือเปล่า?” ฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงถามอีกคำถาม ไมค์ “ต่อให้เขาเป็นภรรยาฉัน ตราบใดเธอไม่ให้ฉันพูด ฉันก็จะไม่พูด! เธอคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฉัน ในใจของฉัน เธอเป็นที่หนึ่งตลอดกาล!” ฉินอันอันถอนหายใจ ส่งเขาออกประตู วันถัดมา โจวจื่ออี้อดทนต่อความทรมานจากอาการเมาค้างและมาที่บริษัท ฟู่สือถิงเหลือบมองเขา “ทำไมถึงดื่มจนเมาขนาดนี้ล่ะ?” “เมื่อคืนนี้ไมค์จงใจมอมเหล้าผม! ผมไม่ทันได้ถามอะไรเลย เขาก็มอมเหล้าผมแล้ว” ตอนนี้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแยกออกจากกัน “ถึงจะไม่ได้ถามอะไร แต่ผมพบแผลเป็นบนหัวของเขา” “แผลชัดมากเลยเหรอ?” “ครับ เขาน่าจะเคยรับการผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะ” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างหนักแน่น “การผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะไม่ใช่การผ่าตัดเล็ก…” ฟู่สือถิงคิ้วขมวด แล้วพูดเสียงเบา “ครั้งหน้านายถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ต้องดื่มเหล้ากับเขาอีก แค่ถามไปตรง ๆ ก็พอ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ!” “ได้ครับ” ถึงแม้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแตก แต่เขายังมีสติอยู่ “เจ้านาย คุณกำลังสอบสวนไมค์ เพราะว่าคุณสงสัยคุณฉินใช่ไหมครับ?”
เป็นโจวจื่ออี้ที่โทรมา“ไมค์บอกว่าก่อนหน้านี้ในสมองของเขาเกิดเนื้อร้าย ตอนที่อาการรุนแรง เขาก็โคม่าแล้วหมดสติไป ท้ายที่สุดแล้วเป็นศาสตราจารย์หูที่ทำการผ่าตัดเอามันออกครับ” โจวจื่ออี้กล่าว ฟู่สือถิงกล่าว “เขายังไม่พูดเหรอว่าทำไมถึงร่วมหุ้นกับฉินอันอัน?” “พูดแล้วครับ เขาบอกว่าเขาชอบโดรน แล้วในมือของฉินอันอันมีระบบที่พัฒนาโดยฉินเจี๋ย หลังจากที่เขาพัฒนาระบของฉินเจี๋ยจนสมบูรณ์แบบแล้ว เขาพึงพอใจมาก ดังนั้นเขาจึงร่วมหุ้นเปิดบริษัทกับฉินอันอัน” คำตอบนี้ไม่มีช่องโหว่เลย หลังจากคุยโทรศัพท์แล้ว ฟู่สือถิงก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบหวังหว่านจือ แต่ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเสิ่นอวี๋ ดังนั้นเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเธอ หลังจากที่เขาเข้ามาในร้านอาหาร เสิ่นอวี๋ก็เดินมาตรงหน้าเขาทันทีแล้วอธิบายให้เขาฟัง “ขอโทษนะสือถิง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอคุณป้าหวัง ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงของฉินอันอัน ปกติแล้วฉันไม่ได้ติดต่อกับพ่อมากนัก ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้บอกฉันล่วงหน้า” หลังจากฟังคำอธิบายของเธอแล้ว เขาก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง “สวัสดีครับ คุณลุงเสิ่น” เขาทักทายคุณ
อิ๋นอิ๋นเห็นว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ทั้งยังกลัวท่าทางที่จริงจังของพี่ชายในตอนนี้ด้วย ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ……ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ไมค์ที่อยู่ในห้องเล่นกำลังคุยโวว่าตัวเองคอแข็งขนาดไหน ทำให้โจวจื่ออี้เมาหัวทิ่มอย่างง่ายดาย! ทั้งยังพูดโกหกเพื่อหลอกโจวจื่ออี้อย่างไร! “อันอัน ฉันสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?” ไมค์ขอความดีความชอบ “โจวจื่ออี้จะต้องวิ่งแจ้นไปรายงานเจ้านายของเขาแล้วแน่! เธอวางใจเถอะ ฟู่สือถิงจะต้องไม่สงสัยเธอแน่นอน” ฉินอันอันปอกแอปเปิ้ลแล้วส่งให้เขา “ในที่สุดนายก็มีสมองแล้ว” “เดี๋ยวนะ! เธอพูดภาษามนุษย์อยู่ใช่ไหม? ฉันมีสมองมาตลอดนั่นแหละ เข้าใจไหม!” ไมค์รับแอปเปิ้ลมาแล้วกัดด้วยความโกรธ “แค่เวลาปกติแล้วฉันไม่ชอบคิด แต่เมื่อฉันเริ่มคิดขึ้นมา แม้แต่เชอร์ล็อก โฮมส์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”ตอนนี้เอง รุ่ยลาก็ถืออัลบั้มเดินเข้ามา “คุณแม่ คุณลุงคนนี้เป็นใครเหรอคะ? หล่อมากเลย หนูชอบเขาจังเลยค่ะ!” รุ่ยลาเดินออกมาจากห้องของฉินอันอัน ฉินอันอันเหลือบมองอัลบั้มภาพในมือของลูกสาวแล้ววางมีดผลไม้ในมือลงทันที “รุ่ยลา ทำไมลูกถึงเปิดดูของ ๆ แม่อีกแล้ว?” ฉินอันอันหยิบอั
ตอนนั้นเขาใช้เงินหนึ่งพันล้านตามหาที่อยู่อิ๋นอิ๋น ข่าวแพร่กระจายไปทั่วประเทศ! เขาไม่เชื่อว่าฉินอันอันจะไม่รู้ แก้มของฉินอันอันเป็นสีแดงเมื่อถูกเขาถาม! น้ำเสียงของเขาทำราวกับว่าตอนนั้นเธอลักพาตัวอิ๋นอิ๋นมาที่บ้าน! ตอนนั้นเธอไม่มีเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ จู่ ๆ อิ๋นอิ๋นก็เป็นไข้ไปแล้ว! ถ้าเธอคืนอิ๋นอิ๋นที่กำลังเป็นไข้ให้เขา เขาจะคิดว่าเธอดูแลอิ๋นอิ๋นไม่ดีจนเป็นไข้หรือเปล่า? “ใช่แล้ว!” น้ำเสียงของเธอรุนแรง “ได้เห็นคุณเป็นบ้า ฉันมีความสุขมาก!” ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็มืดลง! ไฟในห้องดับ! ไม่เพียงแค่ไฟในห้องนั่งเล่นเท่านั้น แต่ไฟทั่ววิลล่าก็ดับลงด้วย! “อ้า ๆ ๆ !” อิ๋นอิ๋นกรีดร้องอย่างตกใจกลัวแล้วกอดใครสักคนทันที ไมค์กระโดดเหยง “เธอกอดฉันทำไม! ปล่อยนะ!” “กลัว! กลัว!” อิ๋นอิ๋นยังคงกรีดร้องต่อไป ไมค์ถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม กอดก็กอดไป! เขาไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว! ทำไมจะต้องไปทะเลาะกับผู้หญิงที่สติปัญญาต่ำกว่าปกติด้วย! อีกอย่าง เดี๋ยวฟู่สือถิงก็รีบมาพาเธอไปเอง ตอนที่ไมค์คิดเช่นนี้ เสียงของฟู่สือถิงก็ดังลอดขึ้นมาในความมืด “ลูกชายของคุณเป็นคนพาอิ๋นอิ๋นออกมาจากโรงเรียน
เธอกระแทกประตูปิดแล้วลงกลอนไมค์เห็นว่าการทะเลาะจบลงแล้ว เขาก็พาอิ๋นอิ๋นออกมาทันที “นี่! คุณฟู่…” ไมค์อยากจะพูดอะไรเพื่อฉินอันอันสักคำสองคำ ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างดุร้าย “หุบปาก!” ไมค์ปิดปาก มองดูเขาเดินไปหาอิ๋นอิ่นแล้วพาเธอออกไป เมื่อออกมาจากวิลล่า ด้านนอกมีฝนตกปรอย ๆ ฟู่สือถิงถอดเสื้อโค้ทออกแล้วคลุมศีรษะอิ๋นอิ๋น เมื่อเข้ามาในรถ อิ๋นอิ๋นกอดเสื้อโค้ทของเขา ดวงตาสีเข้มมองไปทางวิลล่าที่อยู่นอกหน้าต่าง ฟู่สือถิงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ และพูดเสียงแหบพร่า “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องมองแล้ว” “พี่คะ ขอโทษนะคะ…” อิ๋นอิ๋นพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาสองสาย “อิ๋นอิ๋น เธอไม่ผิด เธอไม่ต้องขอโทษใครทั้งนั้น” ฟู่สือถิงยกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ อิ๋นอิ๋นร้องไห้ด้วยใบหน้าเจ็บปวดใจ “พี่ชาย คือฉันเอง เพราะว่าฉันกลัวการผ่าตัด…ดังนั้นฉันเลยหนีไปเอง…ฉันเป็นคนขอให้เสี่ยวหานพาไป…” เมื่อกี้เธอไม่กล้าพูด ตอนนี้ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อคืนความจริง ทันใดนั้นดวงตาที่เย็นชาของฉินอันอันปรากฏขึ้นในใจฟู่สือถิง ทำไมเธอไม่อธิบายให้เขาฟัง? หรือว่าต้องยั่วให้เขาโกรธ เธอถึงจะมีความสุข?
ทันทีที่เธอออกมาจากห้องนอน ทุกคนต่างมองไปที่เธอ ไม่มีใครพูดและบรรยากาศก็อึดอัดมาก “เมื่อกี้ฉันทำเกินไปหรือเปล่า?” เธอเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง “ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นเลยกับอิ๋นอิ๋นเลย” “เธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก! ฟู่สือถิงสารเลวนั่นต่างหากที่ตะโกนใส่เธอก่อน เธออ้าปากเขาก็สั่งให้เธอหุบปาก! ฉันว่าเธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะด่าเขาให้ตายเลย! ฉันจะไม่ด่าแค่อิ๋นอิ๋นว่าโง่ แต่จะด่าทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ!” ไมค์ปลอบใจเธอ คำปลอบใจของไมค์ทำให้ฉินอันอันตกตะลึง จางหยุนก็ปลอบเธอด้วยอีกคน “อันอัน สิ่งที่ลูกพูดไปนั้นล้วนมาจากอารมณ์โกรธ ถ้าเขาคิดได้ เขาจะรู้ว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ” “หนูไม่สนใจหรอกว่าเขาจะคิดยังไง หนูแค่กลัวว่าอิ๋นอิ๋นจะเสียใจ” ฉินอันอันลดสายตาลงและถอนหายใจเบา ๆ เธอไม่สนใจว่าฟู่สือถิงจะคิดอย่างไร แต่เธอกลัวว่าสิ่งที่เธอพูดด้วยความโกรธจะทำร้ายจิตใจอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋นไม่ได้โกรธ เธอบอกว่าเธอโง่เองกับปากด้วยซ้ำ” ไมค์ปลอบเธอ “ก็เพราะว่าเธอเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ฉันก็เลยรู้สึกผิด” เธอกระสับกระส่าย ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกลับเข้าห้องไป รุ่ยลาและเสี่ย