เธอกระแทกประตูปิดแล้วลงกลอนไมค์เห็นว่าการทะเลาะจบลงแล้ว เขาก็พาอิ๋นอิ๋นออกมาทันที “นี่! คุณฟู่…” ไมค์อยากจะพูดอะไรเพื่อฉินอันอันสักคำสองคำ ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างดุร้าย “หุบปาก!” ไมค์ปิดปาก มองดูเขาเดินไปหาอิ๋นอิ่นแล้วพาเธอออกไป เมื่อออกมาจากวิลล่า ด้านนอกมีฝนตกปรอย ๆ ฟู่สือถิงถอดเสื้อโค้ทออกแล้วคลุมศีรษะอิ๋นอิ๋น เมื่อเข้ามาในรถ อิ๋นอิ๋นกอดเสื้อโค้ทของเขา ดวงตาสีเข้มมองไปทางวิลล่าที่อยู่นอกหน้าต่าง ฟู่สือถิงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ และพูดเสียงแหบพร่า “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องมองแล้ว” “พี่คะ ขอโทษนะคะ…” อิ๋นอิ๋นพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาสองสาย “อิ๋นอิ๋น เธอไม่ผิด เธอไม่ต้องขอโทษใครทั้งนั้น” ฟู่สือถิงยกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ อิ๋นอิ๋นร้องไห้ด้วยใบหน้าเจ็บปวดใจ “พี่ชาย คือฉันเอง เพราะว่าฉันกลัวการผ่าตัด…ดังนั้นฉันเลยหนีไปเอง…ฉันเป็นคนขอให้เสี่ยวหานพาไป…” เมื่อกี้เธอไม่กล้าพูด ตอนนี้ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อคืนความจริง ทันใดนั้นดวงตาที่เย็นชาของฉินอันอันปรากฏขึ้นในใจฟู่สือถิง ทำไมเธอไม่อธิบายให้เขาฟัง? หรือว่าต้องยั่วให้เขาโกรธ เธอถึงจะมีความสุข?
ทันทีที่เธอออกมาจากห้องนอน ทุกคนต่างมองไปที่เธอ ไม่มีใครพูดและบรรยากาศก็อึดอัดมาก “เมื่อกี้ฉันทำเกินไปหรือเปล่า?” เธอเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง “ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นเลยกับอิ๋นอิ๋นเลย” “เธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก! ฟู่สือถิงสารเลวนั่นต่างหากที่ตะโกนใส่เธอก่อน เธออ้าปากเขาก็สั่งให้เธอหุบปาก! ฉันว่าเธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะด่าเขาให้ตายเลย! ฉันจะไม่ด่าแค่อิ๋นอิ๋นว่าโง่ แต่จะด่าทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ!” ไมค์ปลอบใจเธอ คำปลอบใจของไมค์ทำให้ฉินอันอันตกตะลึง จางหยุนก็ปลอบเธอด้วยอีกคน “อันอัน สิ่งที่ลูกพูดไปนั้นล้วนมาจากอารมณ์โกรธ ถ้าเขาคิดได้ เขาจะรู้ว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ” “หนูไม่สนใจหรอกว่าเขาจะคิดยังไง หนูแค่กลัวว่าอิ๋นอิ๋นจะเสียใจ” ฉินอันอันลดสายตาลงและถอนหายใจเบา ๆ เธอไม่สนใจว่าฟู่สือถิงจะคิดอย่างไร แต่เธอกลัวว่าสิ่งที่เธอพูดด้วยความโกรธจะทำร้ายจิตใจอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋นไม่ได้โกรธ เธอบอกว่าเธอโง่เองกับปากด้วยซ้ำ” ไมค์ปลอบเธอ “ก็เพราะว่าเธอเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ฉันก็เลยรู้สึกผิด” เธอกระสับกระส่าย ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกลับเข้าห้องไป รุ่ยลาและเสี่ย
“ใช่! อิ๋นอิ๋น เธอเป็นอา!” พี่เลี้ยงยิ้มและถอนหายใจทันที “แต่ดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอจะไม่รู้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเสี่ยวหานเป็นลูกชายของพี่ชายเธอจริงหรือเปล่า” “เขาไม่ชอบพี่ชายของฉัน” อิ๋นอิ๋นมีสีหน้าเศร้าใจ พี่เลี้ยงตอบว่า “เพราะว่าตอนนี้พี่ชายของเธอมีแฟนแล้ว เรื่องราวของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน ฉันไม่พูดแล้วดีกว่า” อิ๋นอิ๋นมองผ่านเรื่องซับซ้อนนั้นไปโดยอัตโนมัติและยังคงชื่นชมภาพวาดที่เสี่ยวหานมอบให้เธอต่อ…… วันหยุดสุดสัปดาห์ หลีเสี่ยวเถียนและฉินอันอันกำลังซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตรุษจีนปีนี้ฉันจะไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของเฮ่อจุ่นจือ” หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ฉันได้ยินพ่อของฉันกับพ่อของเขาคุยโทรศัพท์กันเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเราด้วย” ฉินอันอันยิ้มและพูด “แล้วไม่ดีเหรอ? เธอสองคนก็คบกันมานาน ถึงเวลาแต่งงานกันได้แล้ว” “แต่เราทั้งคู่ยังเด็กมากและยังสนุกกับการใช้ชีวิตไม่มากพอเลย!” หลีเสี่ยวเถียนดึงฉินอันอันเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย ฉินอันอัน “แล้วตอนนี้พวกเธอสองคนต่างกับแต่งงานตรงไหน? คนอื่นบอกว่ายังสนุกไม่พอเพราะพวกเขา
ฉินอันอันดูนิตยสารด้วยท่าทางสงบ จู่ ๆ นิตยสารก็ถูกดึงออกไป “เธอไม่รำคาญบ้างเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอลุกขึ้นจากโซฟา “ซวยจริง ๆ เลย! ขนาดมาซื้อเสื้อผ้ายังเจอคนที่เกลียดอีก” หลีเสี่ยวเถียนจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้เสิ่นอวี๋ได้ยิน ฉินอันอัน “ร้านเปิดตรงนี้ ใคร ๆ ก็มาได้” “นั่นแหละที่ฉันบอกว่าซวยจริง ๆ! ไม่ซื้อมันแล้ว! ไปเถอะ” หลีเสี่ยวเถียนจับมือฉินอันอันและต้องการดึงเธอออกไป ฉินอันอัน “ทำไมเธอถึงขี้ขลาดขนาดนี้?” ประโยคนี้ทำให้หลีเสี่ยวเถียนตกตะลึง ‘จริงสิ!’ ‘ทำไมเธอขี้ขลาดขนาดนี้?’ ‘เธอไม่ได้กลัวเสิ่นอวี๋’ ‘แล้วจะหนีทำไม?’ หลีเสี่ยวเถียนสุ่มหยิบเสื้อผ้าสองสามตัวจากชั้นวาง แล้วจูงฉินอันอันไปที่แคชเชียร์ “รูดบัตรเครดิตของคนอื่นแล้วไง น่าภูมิใจตรงไหน? แถมยังจะพูดเสียงดังอีก สงสัยกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเกาะผู้ชายกิน” หลีเสี่ยวเถียนพูดประชดแกมยิ้ม “ใช้เงินตัวเองสิถึงเรียกว่าน่าภูมิใจ!” แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยชื่อเสิ่นอวี๋ แต่เสิ่นอวี๋ก็หันกลับมามองหลังจากได้ยินคำเยาะเย้ยของเธอทันที “อ้าว! คุณเสิ่นนี่นา?” หลีเสี่ยวเถียนทำท่าทางตกใจและพูดด้วยสีหน้าเกินจริง “คุณเสิ่นมาซื้
“ก็ดีใจแหละ! ฉันกับแฟนเก่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!” ฉินอันอันไม่มีอะไรจะพูด “อันอัน บางทีพวกเขาอาจจะแต่งงานกันจริง ๆ ก็ได้นะ” หลีเสี่ยวเถียนพูดเรื่องเดิมต่อ “เสินอวี๋เป็นที่ชื่นชอบของคุณนายใหญ่ฟู่ และฟู่สือถิงก็ดูเหมือนจะคิดแบบนั้น ฉันกับเฮ่อจุ่นจือเดาว่าถ้าตรุษจีนปีหน้า การผ่าตัดครั้งที่สองของอิ๋นอิ๋นผ่านไปได้ด้วยดี เขาจะแต่งงานกับเสิ่นอวี๋แน่นอน” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น “ยินดีกับพวกเขาด้วย” “เธอก็คอยดูสิ!” หลีเสี่ยวเถียนกังวลแทนเธอ “เธอยังสาวขนาดนี้ ลูกของเธอทั้งสองคนก็มีแม่ของเธอคอยดูแล และเด็ก ๆ ก็เข้าโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เธอสามารถเต็มที่กับชีวิตได้เลย” “ฉันจะเต็มที่กับชีวิตแน่” ฉินอันอันยิ้ม “เธอหยุดมองฉันด้วยสายตาสงสารได้ไหม? เป็นโสดมันไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย?” “ฉันคิดว่าเธอไม่มีความสุข” หลีเสี่ยวเถียนพูดด้วยท่าทางอุดอู้ “เธออย่าคิดอะไรไปไกล ถ้าเธอว่างมากก็วางแผนงานแต่งงานล่วงหน้าเสียสิ!” “โอ้! งั้นเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันสิ” “ฉันมีลูกสองคนแล้วนะ จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอได้ยังไง?” “ใครเป็นคนกำหนดว่าผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้ว เป็นเพื่อนเจ้าสาว
เธอจ้องมองภาพนั้นอยู่นานโดยที่ไม่รู้ตัว เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาได้อย่างไร? เธอปวดใจ เธอไม่มีทางยินดีกับเขา ไม่มีทาง “ฉินอันอัน เธอทำอะไรอยู่?! ลูกสองคนของเธอกำลังรังแกฉัน! เธอไม่มาช่วยฉันเลย!” ไมค์เดินไปที่โซฟา พลันดึงฉินอันอันขึ้นมายืนต่อหน้าเขา สีหน้าของเธอกลับมาเป็นปกติทันที “เสี่ยวหาน เรื่องที่แม่เคยบอกลูกว่าจะย้ายไปเรียนที่อื่นหลังปีใหม่ ลูกคิดยังไงบ้าง?” คำถามนี้ทำให้บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลงทันที “แม่จะให้พี่ไปเรียนโรงเรียนอนุบาลกับหนูเหรอคะ?” รุยลาถามอย่างตื่นเต้น “พี่ไม่ได้เข้าอนุบาล แต่เขาจะเข้าโรงเรียนประถม” หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ เสี่ยวหานก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับอิ๋นอิ๋นจะไม่เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังไงอิ๋นอิ๋นก็เป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดฟู่สือถิงอยู่ดี เขากับฟู่สือถิงเข้ากันไม่ได้ ดังนั้น ถ้าออกจากแองเจล่า และอยู่ห่างจากอิ๋นอิ๋น ก็สามารถอยู่ห่างจากปัญหาทั้งหมดได้ “ฮือฮือฮือ หนูอายุเท่าพี่ แต่ทำไมพี่ถึงได้ไปโรงเรียนประถม แต่หนูต้องไปโรงเรียนอนุบาลล่ะ? หนูก็อยากไปโรงเรียนประถมเหมือนกัน!” รุ่ยลาพึมพำพลางจับมือฉินอันอันด้วยมื
ตรุษจีนหน้า ถ้าเธอสามารถรักษาอิ๋นอิ๋นได้ เขาคงจะแต่งงานกับเธอ เช้าวันรุ่งขึ้น มีพัสดุชิ้นหนึ่งมาส่งที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ จางหยุนหยิบพัสดุมาวางบนโต๊ะ เด็กทั้งสองเห็นหิมะหนากองอยู่ข้างนอก พวกเขาแทบอดใจไม่ไหวอยากสวมเสื้อนวมขนแล้ววิ่งออกไป จางหยุนเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อที่เธอจะได้ดูเด็กทั้งสองคนง่าย ๆ อากาศหนาวพัดเข้ามา ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงมาก ฉินอันอันออกมาจากห้องในชุดนอน แต่เมื่อเจอกับอากาศเย็นในห้องนั่งเล่น เธอจึงต้องกลับห้องเพื่อสวมเสื้อคลุม “อันอัน มีพัสดุอยู่บนโต๊ะ! ของลูก!” จางหยุนโผล่หน้าออกจากห้องครัวและบอกเธอ “เหรอคะ...หนูยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย!” ฉินอันอันเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบพัสดุขึ้นมาและสงสัย “มันคืออะไรนะ?” “แม่เห็นว่าของข้างในนุ่มมาก เหมือนเสื้อกันหนาวเลย” จางหยุนกล่าว ฉินอันอันเอากรรไกรเปิดพัสดุ มีเสื้อกันหนาวอยู่ข้างในจริง ๆ ทันทีที่เธอเห็นเสื้อกันหนาว เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นเสื้อที่เธอถักให้ฟู่สือถิง ตอนนี้เขาส่งเสื้อกันหนาวกลับมาให้เธอ แสดงว่าเขาตัดใจจากเธอได้แล้ว เธออยากโยนเสื้อกันหนาวลงถังขยะมาก แต่เธอทนนึกถึงตอนที่เธอตั้งใจถักเสื้อตัว
ฉินอันอันหยิบโทรศัพท์มือถือจากมือลูกสาว เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเว่ยเจิน เธอก็รีบรับสายทันที “อันอัน สวัสดีปีใหม่!” เสียงของเว่ยเจินกล่าวอย่างมีความสุข ฉินอันอันใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “พี่เว่ย สุขสันต์วันส่งท้ายปีค่ะ! สวัสดีปีใหม่เก็บไว้พูดพรุ่งนี้” “ฮ่าฮ่าฮ่า! เธอกินข้าวหรือยัง? ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะโทรหาเธอทีหลัง แต่ตอนนี้มีข่าวดีจากโรงพยาบาล ฉันก็เลยทนไม่ไหว อยากบอกเธอ” เว่ยเจินหยุดแล้วพูดต่อ “ซือเหนียนลุกขึ้นนั่งได้แล้วนะ! การรับรู้ของเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ!” ฉินอันอัน “ดีจังเลยค่ะ!” “อันอัน เขากับครอบครัวอยากขอบคุณเธอมาก พวกเขาบอกว่าหลังปีใหม่จะไปหาเธอด้วยตนเอง” เว่ยเจินเล่าให้เธอฟัง “ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ไว้ฉันจะไปหาเขาเองหลังปีใหม่ ตอนนี้เขาแค่ทำใจให้สบาย ๆ แล้วรักษาตัว อย่างอื่นแค่เรื่องเล็กน้อย” “ทำไมถึงเป็นเรื่องเล็กน้อยล่ะ? พวกเขาต้องการจ่ายค่ารักษาคืนให้เธอ และยังถามฉันอีกว่าเท่าไหร่จะถึงเวลานั้น ฉันก็เลยบอกให้พวกเขาไปถามเธอดู” ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันทำงานที่ยังไม่เสร็จของศาสตราจารย์หูให้แล้ว ถ้าพวกเขาต้องการจ่ายค่ารักษา งั้นก็ควรมอบให้ครอบครัว