“ก็ดีใจแหละ! ฉันกับแฟนเก่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!” ฉินอันอันไม่มีอะไรจะพูด “อันอัน บางทีพวกเขาอาจจะแต่งงานกันจริง ๆ ก็ได้นะ” หลีเสี่ยวเถียนพูดเรื่องเดิมต่อ “เสินอวี๋เป็นที่ชื่นชอบของคุณนายใหญ่ฟู่ และฟู่สือถิงก็ดูเหมือนจะคิดแบบนั้น ฉันกับเฮ่อจุ่นจือเดาว่าถ้าตรุษจีนปีหน้า การผ่าตัดครั้งที่สองของอิ๋นอิ๋นผ่านไปได้ด้วยดี เขาจะแต่งงานกับเสิ่นอวี๋แน่นอน” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น “ยินดีกับพวกเขาด้วย” “เธอก็คอยดูสิ!” หลีเสี่ยวเถียนกังวลแทนเธอ “เธอยังสาวขนาดนี้ ลูกของเธอทั้งสองคนก็มีแม่ของเธอคอยดูแล และเด็ก ๆ ก็เข้าโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เธอสามารถเต็มที่กับชีวิตได้เลย” “ฉันจะเต็มที่กับชีวิตแน่” ฉินอันอันยิ้ม “เธอหยุดมองฉันด้วยสายตาสงสารได้ไหม? เป็นโสดมันไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย?” “ฉันคิดว่าเธอไม่มีความสุข” หลีเสี่ยวเถียนพูดด้วยท่าทางอุดอู้ “เธออย่าคิดอะไรไปไกล ถ้าเธอว่างมากก็วางแผนงานแต่งงานล่วงหน้าเสียสิ!” “โอ้! งั้นเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันสิ” “ฉันมีลูกสองคนแล้วนะ จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอได้ยังไง?” “ใครเป็นคนกำหนดว่าผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้ว เป็นเพื่อนเจ้าสาว
เธอจ้องมองภาพนั้นอยู่นานโดยที่ไม่รู้ตัว เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาได้อย่างไร? เธอปวดใจ เธอไม่มีทางยินดีกับเขา ไม่มีทาง “ฉินอันอัน เธอทำอะไรอยู่?! ลูกสองคนของเธอกำลังรังแกฉัน! เธอไม่มาช่วยฉันเลย!” ไมค์เดินไปที่โซฟา พลันดึงฉินอันอันขึ้นมายืนต่อหน้าเขา สีหน้าของเธอกลับมาเป็นปกติทันที “เสี่ยวหาน เรื่องที่แม่เคยบอกลูกว่าจะย้ายไปเรียนที่อื่นหลังปีใหม่ ลูกคิดยังไงบ้าง?” คำถามนี้ทำให้บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลงทันที “แม่จะให้พี่ไปเรียนโรงเรียนอนุบาลกับหนูเหรอคะ?” รุยลาถามอย่างตื่นเต้น “พี่ไม่ได้เข้าอนุบาล แต่เขาจะเข้าโรงเรียนประถม” หลังจากที่ฉินอันอันพูดจบ เสี่ยวหานก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับอิ๋นอิ๋นจะไม่เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังไงอิ๋นอิ๋นก็เป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดฟู่สือถิงอยู่ดี เขากับฟู่สือถิงเข้ากันไม่ได้ ดังนั้น ถ้าออกจากแองเจล่า และอยู่ห่างจากอิ๋นอิ๋น ก็สามารถอยู่ห่างจากปัญหาทั้งหมดได้ “ฮือฮือฮือ หนูอายุเท่าพี่ แต่ทำไมพี่ถึงได้ไปโรงเรียนประถม แต่หนูต้องไปโรงเรียนอนุบาลล่ะ? หนูก็อยากไปโรงเรียนประถมเหมือนกัน!” รุ่ยลาพึมพำพลางจับมือฉินอันอันด้วยมื
ตรุษจีนหน้า ถ้าเธอสามารถรักษาอิ๋นอิ๋นได้ เขาคงจะแต่งงานกับเธอ เช้าวันรุ่งขึ้น มีพัสดุชิ้นหนึ่งมาส่งที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ จางหยุนหยิบพัสดุมาวางบนโต๊ะ เด็กทั้งสองเห็นหิมะหนากองอยู่ข้างนอก พวกเขาแทบอดใจไม่ไหวอยากสวมเสื้อนวมขนแล้ววิ่งออกไป จางหยุนเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อที่เธอจะได้ดูเด็กทั้งสองคนง่าย ๆ อากาศหนาวพัดเข้ามา ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงมาก ฉินอันอันออกมาจากห้องในชุดนอน แต่เมื่อเจอกับอากาศเย็นในห้องนั่งเล่น เธอจึงต้องกลับห้องเพื่อสวมเสื้อคลุม “อันอัน มีพัสดุอยู่บนโต๊ะ! ของลูก!” จางหยุนโผล่หน้าออกจากห้องครัวและบอกเธอ “เหรอคะ...หนูยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย!” ฉินอันอันเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบพัสดุขึ้นมาและสงสัย “มันคืออะไรนะ?” “แม่เห็นว่าของข้างในนุ่มมาก เหมือนเสื้อกันหนาวเลย” จางหยุนกล่าว ฉินอันอันเอากรรไกรเปิดพัสดุ มีเสื้อกันหนาวอยู่ข้างในจริง ๆ ทันทีที่เธอเห็นเสื้อกันหนาว เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นเสื้อที่เธอถักให้ฟู่สือถิง ตอนนี้เขาส่งเสื้อกันหนาวกลับมาให้เธอ แสดงว่าเขาตัดใจจากเธอได้แล้ว เธออยากโยนเสื้อกันหนาวลงถังขยะมาก แต่เธอทนนึกถึงตอนที่เธอตั้งใจถักเสื้อตัว
ฉินอันอันหยิบโทรศัพท์มือถือจากมือลูกสาว เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเว่ยเจิน เธอก็รีบรับสายทันที “อันอัน สวัสดีปีใหม่!” เสียงของเว่ยเจินกล่าวอย่างมีความสุข ฉินอันอันใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “พี่เว่ย สุขสันต์วันส่งท้ายปีค่ะ! สวัสดีปีใหม่เก็บไว้พูดพรุ่งนี้” “ฮ่าฮ่าฮ่า! เธอกินข้าวหรือยัง? ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะโทรหาเธอทีหลัง แต่ตอนนี้มีข่าวดีจากโรงพยาบาล ฉันก็เลยทนไม่ไหว อยากบอกเธอ” เว่ยเจินหยุดแล้วพูดต่อ “ซือเหนียนลุกขึ้นนั่งได้แล้วนะ! การรับรู้ของเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ!” ฉินอันอัน “ดีจังเลยค่ะ!” “อันอัน เขากับครอบครัวอยากขอบคุณเธอมาก พวกเขาบอกว่าหลังปีใหม่จะไปหาเธอด้วยตนเอง” เว่ยเจินเล่าให้เธอฟัง “ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ไว้ฉันจะไปหาเขาเองหลังปีใหม่ ตอนนี้เขาแค่ทำใจให้สบาย ๆ แล้วรักษาตัว อย่างอื่นแค่เรื่องเล็กน้อย” “ทำไมถึงเป็นเรื่องเล็กน้อยล่ะ? พวกเขาต้องการจ่ายค่ารักษาคืนให้เธอ และยังถามฉันอีกว่าเท่าไหร่จะถึงเวลานั้น ฉันก็เลยบอกให้พวกเขาไปถามเธอดู” ฉินอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันทำงานที่ยังไม่เสร็จของศาสตราจารย์หูให้แล้ว ถ้าพวกเขาต้องการจ่ายค่ารักษา งั้นก็ควรมอบให้ครอบครัว
ท่ามกลางฝูงชน “ปราสาทหิมะอยู่ไหนคะ?” ฉินอันอันถามเว่ยเจิน คนเยอะเกินไป เธอกลัวว่าลูกทั้งสองคนจะเป็นอันตราย เธอจึงเลยอยากไปชมปราสาทหิมะ “ด้านหลังลานสกี” เว่ยเจินชี้ให้เธอดู นักท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงได้ยินการสนทนาของพวกเขา จึงพูดด้วยความหวังดี “คุณจะไปปราสาทหิมะเหรอคะ? วันนี้ปราสาทหิมะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมค่ะ! ฉันได้ยินมาว่ามีคนเหมาจองไว้แล้ว” “ปราสาทหิมะใหญ่ขนาดนี้ถูกเหมาจองไว้แล้วเหรอ?” เว่ยเจินรู้สึกประหลาดใจ “ใช่ค่ะ! พวกคนรวยสมควรตาย! มาตอนไหนไม่มา ดันมาเหมาช่วงตรุษจีน! ให้ตายเถอะ! วันนี้คนไปลานสกีกันเยอะมากเพราะปราสาทหิมะถูกเหมาไปแล้ว” นักท่องเที่ยวพูดอย่างโกรธเคือง เว่ยเจินพูดกับฉินอันอันอย่างอึดอัดใจ “ลองเข้าไปดูก่อนก็ได้ ฉันจะลองคุยกับคนที่เหมาดู” ไม่อย่างนั้นจะมาเสียเที่ยว ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองมาที่นี่เกือบสองชั่วโมง ระหว่างทางมาที่นี่ เด็กทั้งสองคนก็มีความสุขมาก! ถ้าพวกเขาเข้าไปในปราสาทหิมะไม่ได้ เด็กทั้งสองคนคงจะผิดหวังมากแน่นอน ฉินอันอันพยักหน้าและยิ้มเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย “ถ้าเราเข้าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ เรามองวิวด้านในจากข้างนอกก็ไ
ฟู่สือถิงลดสายตาลงและเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของรุ่ยลามีรอยช้ำ หัวใจของเขาบีบรัดขึ้นทันที! ‘รุ่ยลาคงไม่ได้มาที่นี่คนเดียว!’ ‘งั้น...ฉินอันอันก็มาด้วยเหรอ?’ เขามองไปข้างหลังรุ่ยลา เห็นแค่เสี่ยวหานวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและอุ้มรุ่ยลาไว้ในอ้อมแขนของเขา เมื่อเห็นเธอเอามือปิดหน้า เขาก็รีบเอามือเล็ก ๆ ของเธอออก และตรวจดูว่าใบหน้าของเธอบาดเจ็บหรือไม่ “พี่ หนูไม่เป็นไรค่ะ...หนูชนคนเข้า...เจ็บจมูกนิดหน่อย” ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำและน่าสงสาร เสี่ยวหานจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่น และเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของฟู่สือถิง ความหนาวเหน็บที่ไม่สามารถอธิบายได้แพร่กระจายระหว่างพ่อและลูกชาย ในขณะนั้น อิ๋นอิ๋นเห็นเสี่ยวหานและรุ่ยลา สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ! “เสี่ยวหาน! รุ่ยลา!” อิ๋นอิ๋นเดินไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเซียวหานเห็น เขาก็รีบจูงรุ่ยลาหันหลังกลับไปทันที รุ่ยลาหันกลับมาด้วยความโกรธ พลันมองปราสาทหิมะรอบตัวเธออย่างอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายเมื่อดวงตาของเธอไปตกลงที่ใบหน้าของฟู่สือถิง เธอก็แลบลิ้นออกมาและทำหน้าทะเล้นใส่เขา ฟู่สือถิงเพิกเฉยต่อพฤติกรรมยั่วยุของรุ่ยลา พลันจ
ฉินอันอันพยักหน้า ขณะที่เธอกำลังหันหลังกลับเข้าไปในพระราชวังหิมะซึ่งอยู่ไม่ไกล ร่างของเสินอวี๋ก็ซวนเซและกำลังจะล้มลง ฟู่สือถิงตอบสนองอย่างรวดเร็วพลันโอบเธอขึ้นมาทันที! เมื่อฉินอันอันเห็นฉากนี้ ขนตายาวของเธอก็สั่นเล็กน้อย บรรยากาศรอบ ๆ และเวลาราวกับหยุดนิ่งไป “หมอเสิ่น คุณเป็นอะไรไป?” ฟู่สือถิงพยุงเสิ่นอวี๋ด้วยสายตาวิตกกังวล เสิ่นอวี๋เห็นท่าทางกังวลของเขา จึงอมยิ้ม “สือถิง ฉันขอโทษ! เมื่อคืนพอฉันคิดว่าจะออกไปเที่ยวกับคุณ ฉันมีความสุขมากจนนอนไม่หลับ ฉันแค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ...ไม่ได้เป็นไรมาก” ฟู่สือถิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอไม่ได้! เขายังรอให้เธอรักษาอิ๋นอิ๋นอยู่! “เรากลับกันเถอะ!” เขาพยุงเสิ่นอวี๋เดินไปที่ลานจอดรถ ฉินอันอันยังคงสติหลุดจนกว่าพวกเขาจะจากไปไกล หลังจากที่พนักงานไปปรึกษาหัวหน้ามา เขาก็บอกฉินอันอัน “สวัสดีครับคุณผู้หญิง หัวหน้าของผมตกลงตามข้อเสนอของคุณครับ แต่ต้องรบกวนคุณทิ้งข้อมูลไว้ ถ้าคุณฟู่สอบถามเรื่องนี้ภายหลัง ทางเราจะได้อธิบายเขาได้ครับ” ฉินอันอันกลับมารู้สึกตัว พนักงานยื่นแผ่นรองและปากกาให้เธอ “รบกวนคุณผู้หญ
เอี๊ยด! ฉินอันอันเบรกรถและจอดข้างถนนกะทันหัน! รถชน? เสียชีวิต?! มีเสียงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ! แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด! “แม่! จอดรถทำไมคะ?!” รุ่ยลาตะโกน เสี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า “แม่ร้องไห้ทำไมครับ?” “แม่เป็นอะไรไป? อย่าร้องไห้นะคะ!” รุ่ยลาพูดติดอ่างและเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมา ฉินอันอันสูดลมหายใจลึก เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสองคน เธอปาดน้ำตาด้วยมือทั้งสองข้างและพูดเบา ๆ ว่า “แม่จะพาลูกไปส่งที่บ้านก่อน ลูกสองคนอยู่บ้านไปก่อนนะ แม่มีเรื่องต้องจัดการ” รถกลับมาอยู่บนถนน รุ่ยลากับเสี่ยวหานยังคงกังวลมาก “แม่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมแม่ถึงเสียใจขนาดนี้?” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปกปิด “เกิดเรื่องกับเพื่อนของแม่คนหนึ่ง...ลูกกลับบ้านและต้องเชื่อฟังแม่นะ แม่อาจจะกลับไม่ดึกมาก ถ้าลุงไมค์ไม่อยู่บ้าน แม่จะโทรให้เขากลับมาดูแลลูก” “ค่ะ...แม่อย่าร้องไห้นะ! เพื่อนของแม่จะต้องไม่เป็นไร!” รุ่ยลาปลอบใจ “แม่อย่าร้องไห้นะ!” เสี่ยวหานปลอบ ฉินอันอันตอบเบา ๆ รถขับไปที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ไมค์กับโจวจื่ออี้อยู่ที่บ้านและกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเย็น ฉินอันอันเปิดประตูแล้วบ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง