“ถ้าหากนายกับโจวจื่ออี้เป็นแฟนกัน นายจะบอกเขาหรือเปล่า?” ฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงถามอีกคำถาม ไมค์ “ต่อให้เขาเป็นภรรยาฉัน ตราบใดเธอไม่ให้ฉันพูด ฉันก็จะไม่พูด! เธอคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฉัน ในใจของฉัน เธอเป็นที่หนึ่งตลอดกาล!” ฉินอันอันถอนหายใจ ส่งเขาออกประตู วันถัดมา โจวจื่ออี้อดทนต่อความทรมานจากอาการเมาค้างและมาที่บริษัท ฟู่สือถิงเหลือบมองเขา “ทำไมถึงดื่มจนเมาขนาดนี้ล่ะ?” “เมื่อคืนนี้ไมค์จงใจมอมเหล้าผม! ผมไม่ทันได้ถามอะไรเลย เขาก็มอมเหล้าผมแล้ว” ตอนนี้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแยกออกจากกัน “ถึงจะไม่ได้ถามอะไร แต่ผมพบแผลเป็นบนหัวของเขา” “แผลชัดมากเลยเหรอ?” “ครับ เขาน่าจะเคยรับการผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะ” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างหนักแน่น “การผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะไม่ใช่การผ่าตัดเล็ก…” ฟู่สือถิงคิ้วขมวด แล้วพูดเสียงเบา “ครั้งหน้านายถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ต้องดื่มเหล้ากับเขาอีก แค่ถามไปตรง ๆ ก็พอ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ!” “ได้ครับ” ถึงแม้โจวจื่ออี้ปวดหัวเหมือนหัวจะแตก แต่เขายังมีสติอยู่ “เจ้านาย คุณกำลังสอบสวนไมค์ เพราะว่าคุณสงสัยคุณฉินใช่ไหมครับ?”
เป็นโจวจื่ออี้ที่โทรมา“ไมค์บอกว่าก่อนหน้านี้ในสมองของเขาเกิดเนื้อร้าย ตอนที่อาการรุนแรง เขาก็โคม่าแล้วหมดสติไป ท้ายที่สุดแล้วเป็นศาสตราจารย์หูที่ทำการผ่าตัดเอามันออกครับ” โจวจื่ออี้กล่าว ฟู่สือถิงกล่าว “เขายังไม่พูดเหรอว่าทำไมถึงร่วมหุ้นกับฉินอันอัน?” “พูดแล้วครับ เขาบอกว่าเขาชอบโดรน แล้วในมือของฉินอันอันมีระบบที่พัฒนาโดยฉินเจี๋ย หลังจากที่เขาพัฒนาระบของฉินเจี๋ยจนสมบูรณ์แบบแล้ว เขาพึงพอใจมาก ดังนั้นเขาจึงร่วมหุ้นเปิดบริษัทกับฉินอันอัน” คำตอบนี้ไม่มีช่องโหว่เลย หลังจากคุยโทรศัพท์แล้ว ฟู่สือถิงก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบหวังหว่านจือ แต่ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเสิ่นอวี๋ ดังนั้นเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเธอ หลังจากที่เขาเข้ามาในร้านอาหาร เสิ่นอวี๋ก็เดินมาตรงหน้าเขาทันทีแล้วอธิบายให้เขาฟัง “ขอโทษนะสือถิง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอคุณป้าหวัง ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงของฉินอันอัน ปกติแล้วฉันไม่ได้ติดต่อกับพ่อมากนัก ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้บอกฉันล่วงหน้า” หลังจากฟังคำอธิบายของเธอแล้ว เขาก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง “สวัสดีครับ คุณลุงเสิ่น” เขาทักทายคุณ
อิ๋นอิ๋นเห็นว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ทั้งยังกลัวท่าทางที่จริงจังของพี่ชายในตอนนี้ด้วย ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ……ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ไมค์ที่อยู่ในห้องเล่นกำลังคุยโวว่าตัวเองคอแข็งขนาดไหน ทำให้โจวจื่ออี้เมาหัวทิ่มอย่างง่ายดาย! ทั้งยังพูดโกหกเพื่อหลอกโจวจื่ออี้อย่างไร! “อันอัน ฉันสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?” ไมค์ขอความดีความชอบ “โจวจื่ออี้จะต้องวิ่งแจ้นไปรายงานเจ้านายของเขาแล้วแน่! เธอวางใจเถอะ ฟู่สือถิงจะต้องไม่สงสัยเธอแน่นอน” ฉินอันอันปอกแอปเปิ้ลแล้วส่งให้เขา “ในที่สุดนายก็มีสมองแล้ว” “เดี๋ยวนะ! เธอพูดภาษามนุษย์อยู่ใช่ไหม? ฉันมีสมองมาตลอดนั่นแหละ เข้าใจไหม!” ไมค์รับแอปเปิ้ลมาแล้วกัดด้วยความโกรธ “แค่เวลาปกติแล้วฉันไม่ชอบคิด แต่เมื่อฉันเริ่มคิดขึ้นมา แม้แต่เชอร์ล็อก โฮมส์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”ตอนนี้เอง รุ่ยลาก็ถืออัลบั้มเดินเข้ามา “คุณแม่ คุณลุงคนนี้เป็นใครเหรอคะ? หล่อมากเลย หนูชอบเขาจังเลยค่ะ!” รุ่ยลาเดินออกมาจากห้องของฉินอันอัน ฉินอันอันเหลือบมองอัลบั้มภาพในมือของลูกสาวแล้ววางมีดผลไม้ในมือลงทันที “รุ่ยลา ทำไมลูกถึงเปิดดูของ ๆ แม่อีกแล้ว?” ฉินอันอันหยิบอั
ตอนนั้นเขาใช้เงินหนึ่งพันล้านตามหาที่อยู่อิ๋นอิ๋น ข่าวแพร่กระจายไปทั่วประเทศ! เขาไม่เชื่อว่าฉินอันอันจะไม่รู้ แก้มของฉินอันอันเป็นสีแดงเมื่อถูกเขาถาม! น้ำเสียงของเขาทำราวกับว่าตอนนั้นเธอลักพาตัวอิ๋นอิ๋นมาที่บ้าน! ตอนนั้นเธอไม่มีเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ จู่ ๆ อิ๋นอิ๋นก็เป็นไข้ไปแล้ว! ถ้าเธอคืนอิ๋นอิ๋นที่กำลังเป็นไข้ให้เขา เขาจะคิดว่าเธอดูแลอิ๋นอิ๋นไม่ดีจนเป็นไข้หรือเปล่า? “ใช่แล้ว!” น้ำเสียงของเธอรุนแรง “ได้เห็นคุณเป็นบ้า ฉันมีความสุขมาก!” ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็มืดลง! ไฟในห้องดับ! ไม่เพียงแค่ไฟในห้องนั่งเล่นเท่านั้น แต่ไฟทั่ววิลล่าก็ดับลงด้วย! “อ้า ๆ ๆ !” อิ๋นอิ๋นกรีดร้องอย่างตกใจกลัวแล้วกอดใครสักคนทันที ไมค์กระโดดเหยง “เธอกอดฉันทำไม! ปล่อยนะ!” “กลัว! กลัว!” อิ๋นอิ๋นยังคงกรีดร้องต่อไป ไมค์ถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม กอดก็กอดไป! เขาไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว! ทำไมจะต้องไปทะเลาะกับผู้หญิงที่สติปัญญาต่ำกว่าปกติด้วย! อีกอย่าง เดี๋ยวฟู่สือถิงก็รีบมาพาเธอไปเอง ตอนที่ไมค์คิดเช่นนี้ เสียงของฟู่สือถิงก็ดังลอดขึ้นมาในความมืด “ลูกชายของคุณเป็นคนพาอิ๋นอิ๋นออกมาจากโรงเรียน
เธอกระแทกประตูปิดแล้วลงกลอนไมค์เห็นว่าการทะเลาะจบลงแล้ว เขาก็พาอิ๋นอิ๋นออกมาทันที “นี่! คุณฟู่…” ไมค์อยากจะพูดอะไรเพื่อฉินอันอันสักคำสองคำ ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างดุร้าย “หุบปาก!” ไมค์ปิดปาก มองดูเขาเดินไปหาอิ๋นอิ่นแล้วพาเธอออกไป เมื่อออกมาจากวิลล่า ด้านนอกมีฝนตกปรอย ๆ ฟู่สือถิงถอดเสื้อโค้ทออกแล้วคลุมศีรษะอิ๋นอิ๋น เมื่อเข้ามาในรถ อิ๋นอิ๋นกอดเสื้อโค้ทของเขา ดวงตาสีเข้มมองไปทางวิลล่าที่อยู่นอกหน้าต่าง ฟู่สือถิงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ และพูดเสียงแหบพร่า “อิ๋นอิ๋น ไม่ต้องมองแล้ว” “พี่คะ ขอโทษนะคะ…” อิ๋นอิ๋นพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาสองสาย “อิ๋นอิ๋น เธอไม่ผิด เธอไม่ต้องขอโทษใครทั้งนั้น” ฟู่สือถิงยกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ อิ๋นอิ๋นร้องไห้ด้วยใบหน้าเจ็บปวดใจ “พี่ชาย คือฉันเอง เพราะว่าฉันกลัวการผ่าตัด…ดังนั้นฉันเลยหนีไปเอง…ฉันเป็นคนขอให้เสี่ยวหานพาไป…” เมื่อกี้เธอไม่กล้าพูด ตอนนี้ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อคืนความจริง ทันใดนั้นดวงตาที่เย็นชาของฉินอันอันปรากฏขึ้นในใจฟู่สือถิง ทำไมเธอไม่อธิบายให้เขาฟัง? หรือว่าต้องยั่วให้เขาโกรธ เธอถึงจะมีความสุข?
ทันทีที่เธอออกมาจากห้องนอน ทุกคนต่างมองไปที่เธอ ไม่มีใครพูดและบรรยากาศก็อึดอัดมาก “เมื่อกี้ฉันทำเกินไปหรือเปล่า?” เธอเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง “ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นเลยกับอิ๋นอิ๋นเลย” “เธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก! ฟู่สือถิงสารเลวนั่นต่างหากที่ตะโกนใส่เธอก่อน เธออ้าปากเขาก็สั่งให้เธอหุบปาก! ฉันว่าเธอไม่ได้ทำเกินไปหรอก นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะด่าเขาให้ตายเลย! ฉันจะไม่ด่าแค่อิ๋นอิ๋นว่าโง่ แต่จะด่าทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ!” ไมค์ปลอบใจเธอ คำปลอบใจของไมค์ทำให้ฉินอันอันตกตะลึง จางหยุนก็ปลอบเธอด้วยอีกคน “อันอัน สิ่งที่ลูกพูดไปนั้นล้วนมาจากอารมณ์โกรธ ถ้าเขาคิดได้ เขาจะรู้ว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ” “หนูไม่สนใจหรอกว่าเขาจะคิดยังไง หนูแค่กลัวว่าอิ๋นอิ๋นจะเสียใจ” ฉินอันอันลดสายตาลงและถอนหายใจเบา ๆ เธอไม่สนใจว่าฟู่สือถิงจะคิดอย่างไร แต่เธอกลัวว่าสิ่งที่เธอพูดด้วยความโกรธจะทำร้ายจิตใจอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋นไม่ได้โกรธ เธอบอกว่าเธอโง่เองกับปากด้วยซ้ำ” ไมค์ปลอบเธอ “ก็เพราะว่าเธอเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ฉันก็เลยรู้สึกผิด” เธอกระสับกระส่าย ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกลับเข้าห้องไป รุ่ยลาและเสี่ย
“ใช่! อิ๋นอิ๋น เธอเป็นอา!” พี่เลี้ยงยิ้มและถอนหายใจทันที “แต่ดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอจะไม่รู้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเสี่ยวหานเป็นลูกชายของพี่ชายเธอจริงหรือเปล่า” “เขาไม่ชอบพี่ชายของฉัน” อิ๋นอิ๋นมีสีหน้าเศร้าใจ พี่เลี้ยงตอบว่า “เพราะว่าตอนนี้พี่ชายของเธอมีแฟนแล้ว เรื่องราวของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน ฉันไม่พูดแล้วดีกว่า” อิ๋นอิ๋นมองผ่านเรื่องซับซ้อนนั้นไปโดยอัตโนมัติและยังคงชื่นชมภาพวาดที่เสี่ยวหานมอบให้เธอต่อ…… วันหยุดสุดสัปดาห์ หลีเสี่ยวเถียนและฉินอันอันกำลังซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตรุษจีนปีนี้ฉันจะไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของเฮ่อจุ่นจือ” หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ฉันได้ยินพ่อของฉันกับพ่อของเขาคุยโทรศัพท์กันเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเราด้วย” ฉินอันอันยิ้มและพูด “แล้วไม่ดีเหรอ? เธอสองคนก็คบกันมานาน ถึงเวลาแต่งงานกันได้แล้ว” “แต่เราทั้งคู่ยังเด็กมากและยังสนุกกับการใช้ชีวิตไม่มากพอเลย!” หลีเสี่ยวเถียนดึงฉินอันอันเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย ฉินอันอัน “แล้วตอนนี้พวกเธอสองคนต่างกับแต่งงานตรงไหน? คนอื่นบอกว่ายังสนุกไม่พอเพราะพวกเขา
ฉินอันอันดูนิตยสารด้วยท่าทางสงบ จู่ ๆ นิตยสารก็ถูกดึงออกไป “เธอไม่รำคาญบ้างเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอลุกขึ้นจากโซฟา “ซวยจริง ๆ เลย! ขนาดมาซื้อเสื้อผ้ายังเจอคนที่เกลียดอีก” หลีเสี่ยวเถียนจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้เสิ่นอวี๋ได้ยิน ฉินอันอัน “ร้านเปิดตรงนี้ ใคร ๆ ก็มาได้” “นั่นแหละที่ฉันบอกว่าซวยจริง ๆ! ไม่ซื้อมันแล้ว! ไปเถอะ” หลีเสี่ยวเถียนจับมือฉินอันอันและต้องการดึงเธอออกไป ฉินอันอัน “ทำไมเธอถึงขี้ขลาดขนาดนี้?” ประโยคนี้ทำให้หลีเสี่ยวเถียนตกตะลึง ‘จริงสิ!’ ‘ทำไมเธอขี้ขลาดขนาดนี้?’ ‘เธอไม่ได้กลัวเสิ่นอวี๋’ ‘แล้วจะหนีทำไม?’ หลีเสี่ยวเถียนสุ่มหยิบเสื้อผ้าสองสามตัวจากชั้นวาง แล้วจูงฉินอันอันไปที่แคชเชียร์ “รูดบัตรเครดิตของคนอื่นแล้วไง น่าภูมิใจตรงไหน? แถมยังจะพูดเสียงดังอีก สงสัยกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเกาะผู้ชายกิน” หลีเสี่ยวเถียนพูดประชดแกมยิ้ม “ใช้เงินตัวเองสิถึงเรียกว่าน่าภูมิใจ!” แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยชื่อเสิ่นอวี๋ แต่เสิ่นอวี๋ก็หันกลับมามองหลังจากได้ยินคำเยาะเย้ยของเธอทันที “อ้าว! คุณเสิ่นนี่นา?” หลีเสี่ยวเถียนทำท่าทางตกใจและพูดด้วยสีหน้าเกินจริง “คุณเสิ่นมาซื้
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง