‘พวกเขาทั้งสองเกิดวันเดียวกันเหรอ?’ ‘นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?’ ฉินอันอันจับมือลูกชายแล้วเดินออกไปนอกประตู ร่างสูงสง่าปรากฏต่อหน้าเธอ วันนี้ฟู่สือถิงสวมเสื้อคลุมสีดำดูสุขุมและน่าเกรงขาม ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาผอมลง ฉินอันอันรวบรวมความกล้าและตัดสินใจอวยพรวันเกิดให้เขา ขณะที่เธอกำลังจะพูด อิ๋นอิ๋นก็กระพือแขนต่อหน้าฟู่สือถิงเหมือนนก จับมือของเขาแล้วพูดเบา ๆ “พี่กินเค้กสิ” เนื่องจากฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอจึงได้ยินที่อิ๋นอิ๋นพูดชัดเจน ‘พี่?!’ ‘อิ๋นอิ๋นเรียกฟู่สือถิงว่าพี่เหรอ?’ ฉินอันอันขมวดคิ้วและมองไปที่อิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นรู้สึกได้ว่าฉินอันอันกำลังจ้องเธออยู่ อาจเป็นเพราะการแสดงออกของฉินอันอันจริงจังเกินไป อิ๋นอิ๋นจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย อิ๋นอิ๋นอยากชวนฉินอันอันมากินเค้กด้วยกัน แต่เธอไม่กล้าพูด “เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าพี่เหรอ?” ฉินอันอันถาม ฉินอันอันไม่อยากทำให้อิ๋นอิ๋นกลัว แต่น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิ๋นอิ๋นไปหลบอยู่หลังฟู่สือถิงด้วยความกลัว ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแน่นพลางเกลี้ยกล่อม “อิ๋นอิ๋น
พวกเขาเข้ามาโดยไม่บอกล่วงหน้า เขาไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกเขาเลย พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับอิ๋นอิ๋น พวกเขาทำให้อิ๋นอิ๋นรู้สึกหวาดกลัว แม่เฒ่าฟู่ยืนอยู่หัวแถว เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋น ดวงตาแม่เฒ่าฟู่เป็นประกายทันทีและอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาเธอ ฟู่สือถิงปกป้องอิ๋นอิ๋นไว้ที่ด้านหลัง “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่บอกก่อนว่าจะมา?” “วันนี้คือวันของลูก…แม่เลยเอาเค้กมาให้” แม่เฒ่าฟู่หลุบสายตาลง พูดตะกุกตะกัก “แม่รู้ว่าแม่มาอย่างกะทันหัน แต่ว่าแม่อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะ…” อดไม่ได้ที่จะมาเจออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นได้ยินเสียงแม่เฒ่าฟู่ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดวงตารูปอัลมอนด์สีดำสนิทโผล่ออกมาด้านหลังฟู่สือถิงและจ้องเขม็งไปที่แม่เฒ่าฟู่ “อิ๋นอิ๋น หนูไม่กลัวฉัน ใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่มองเธอด้วยใบหน้าคาดหวัง อิ๋นอิ๋นหดศีรษะกลับทันทีพร้อมกระชับด้านหลังเสื้อของฟู่สือถิงแน่นขึ้น มือของฟู่สือถิงเอื้อมไปด้านหลังแล้วจับมือเธอไว้ “แม่ครับ พวกแม่กลับไปก่อนเถอะ! เรากินเค้กที่โรงเรียนมาแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชา “เอาเค้กกลับไปด้วย” แม่เฒ่าฟู่ถอนหายใจ ถึงแม้จะเสียดายมาก แต่เมื่อเห็นลูกสาวสบ
เธอนั่งอยู่บนตียง ไม่สามารถปิดบังความปิติบนใบหน้าได้! ห้าปีก่อน หวังฉีเทียนน้องชายของหวังหว่านจือแม่เลี้ยงของเธอกวาดเอาเงินจากฉินกรุ๊ปไปเกือบสองพันล้าน! หลังจากใช้เงินส่วนใหญ่ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะความโลภจึงทำให้ใจของหวังฉีเทียนมืดบอด และนึกว่าตัวเองจะกลับมากอบโกยความมั่งคั่งกับฉินกรุ๊ปได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ในครั้งนี้ไม่ใช่เงินสองพันล้าน แต่เป็นบทลงโทษตามกฎหมาย! เมื่อสักครู่ เจ้าหน้าที่หลี่ผู้ดูแลคดีนี้ได้โทรหาเธอ และบอกเธอว่าหวังฉีเทียนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศมาแล้ว ทางตำรวจได้จัดชุดเจ้าหน้าที่คอยดักซุ่มที่สนามบิน ขอเพียงหวังฉีเทียนมาถึงก็สามารถจับกุมได้ทันที!เธอรอคอยมานานหลายปีก็เพื่อผลลัพธ์นี้! หลังจากวางสายแล้ว เธอจึงไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เธออยากแบ่งปันข่าวดีนี้กับเพื่อน ๆ แต่ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม เธอจะโทรไปรบกวนคนอื่นไม่ได้ พอเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง ก่อนเดินไปยังห้องครัว เธอเปิดตู้เย็นและเห็นเบียร์หลายกระป๋องตั้งอยู่ในนั้น แม่น่าจะซื้อมาไว้สำหรับใช้ทำอาหาร พอหยิบเบียร์ออกมาแล้วเธอก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เวลาตีสี่ ณ ตระ
ฉินอันอันได้ยินคำถามของเขา และเพราะคำถามของเขา เธอเลยสร่างเมาเล็กน้อย เขาคิดว่าตอนนี้เธอดื่มเยอะแล้วจะอธิบายทุกอย่างงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ เขาดูถูกเธอมากไปแล้ว เธอดื่มเยอะก็จริง แต่เธอดื่มเบียร์ไม่ใช่ไวน์ เบียร์แค่นี้ ไม่ถึงกับทำให้เธอเมาแล้วขาดสติได้หรอกนะ เธอตัดสินใจไม่สนใจเขาและนอนหลับไปเลย ฟู่สือถิงฟังเสียงลมหายใจของเธอที่ค่อย ๆ ปรับเป็นสม่ำเสมอแล้วมองดูการเชื่อมต่อการโทร เขาลังเลที่จะวางสาย ถ้าเธอไม่เมา เธอคงไม่โทรหาเขาแน่นอน …… เวลาแปดโมงเช้า ฉินอันอันถูกปลุกให้ตื่นเพราะฝันร้าย! เธอฝันถึงช่วงเวลาที่พ่อของเธอเสียชีวิต พ่อตาย บริษัทล้มละลาย เธอกับแม่ไม่มีที่อยู่อาศัย กำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนเหมือนสุนัขหรือแมวจรจัด เธอกระหายน้ำมาก อยากดื่มน้ำ แต่เธอกับแม่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินเลย เธอไม่มีปัญญาซื้อน้ำ เธอตกใจจนเหงื่อเย็นออกท่วมตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจึงเห็นห้องนอนที่คุ้นเคย เธอถอนใจโล่งอกเฮือกใหญ่แล้วพึมพำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉินอันอัน มันผ่านไปแล้ว…ไม่ต้องกลัว” หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ “ตื่นแล้วเหรอ?
ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวที่ฟังดูร้อนอกร้อนใจของหวังหว่านจือแล้ว ฉินอันอันยิ่งมีความสุขมากขึ้น “คุณคิดจะจัดการกับฉันยังไงเหรอ?” ฉินอันอันยั่วโมโห “น้องชายคุณทำผิดกฎหมาย ถึงคุณไม่ได้ชี้นิ้วสั่งก็ต้องเป็นคนคอยยุยง ไม่ว่ายังไงเงินที่น้องชายคุณกวาดไป คุณเองก็ได้ใช้ด้วยไม่น้อย! กล้าดียังไงถึงโทรมาหาฉัน?” หวังหว่านจือเอ่ยปาก “ลูกสาวของฉันฉินเขอเข่อถูกเธอฆ่า! ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย!” “โอ้…คนในครอบครัวคุณมีใครตายอีกบ้าง? โทษฉันให้หมดเลยสิ!” ฉินอันอันประชดประชัน “คุณคิดว่าฉันยังเป็นคนที่คุณจะรังแกยังไงก็ได้เหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม? หวังหว่านจือ ห้าปีก่อนคุณไม่ได้เหยียบย่ำฉันให้จมดิน ก็เท่ากับคุณพลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว!” เสียงของเธอเย็นชาและดุร้าย! เปลี่ยนไปจากฉินอันอันเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นราวกับคนละคน! หวังหว่านจือวางสายด้วยความโกรธ เธอไม่มีทางยอมแพ้แน่! เธอจองเที่ยวบินแล้วตัดสินใจกลับประเทศเอทันที ……ข่าวภาคเที่ยง - ฉินกรุ๊ปทะยานสู่สองพันล้าน? ห้าปีหลังจากอดีตผู้อำนวยหวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินหอบเงินก้อนนั้นหนีไป ตำรวจจับกุมเขาได้ที่สนามบินเช้าวันนี้! หลังจากเห็นข่าว ไ
เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเวที ขอเพียงเขายืนอยู่บนเวที ถึงแม้จะไม่ทำอะไรเลยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจิตใจผ่อนคลายและมีความสุขช่วงเย็น ฉินอันอันขับรถพาเว่ยเจินไปที่อยู่ของงานปาร์ตี้ที่ไมค์จัด เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองคนลงจากรถ “พี่เว่ย คนที่เชิญมาคืนนี้ทั้งหมดเป็นเพื่อนของฉันและเพื่อนของไมค์ พี่ไม่ต้องเกร็งนะ” ฉินอันอันเอ่ยปาก “หลัก ๆ แล้วงานคืนนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองที่หวังฉีเทียนถูกจับ เรื่องนี้ถือเป็นปมในใจฉันเลย” “ฉันรู้ เคยได้ยินเธอบอกมาก่อน” เว่ยเจินมองหน้าเธอแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าวันนี้เธอดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ทั้งสองเข้ามาในโรงแรมและมาถึงห้องจัดเลี้ยงที่ไมค์แจ้งทันทีที่เธอเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง รอยยิ้มบนหน้าของเธอก็หายไปทันทีอะไรกัน?!ทำไมมีคนแปลกหน้าเยอะขนาดนี้? มาผิดที่หรือเปล่านะ? แต่แล้ว…เธอมองเห็นผมสีทองของไมค์อย่างชัดเจน ไมค์เห็นฉินอันอันมาแล้ว เขาจึงก้าวยาว ๆ มาหา “อันอัน เธอมาแล้ว! พี่เว่ยจิน คุณก็มาด้วย!” ฉินอันอันดึงไมค์เดินไปถึงนอกประตูห้องจัดเลี้ยง แล้วถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น! “คืออย่างนี้…ตอนที่ฉันเชิญโจวจื่ออี้ จ
“ฟู่สือถิงลากเขาไปแล้ว” ไมค์ชี้บอกทิศทางเธอ ฉินอันอันเห็นฟู่สือถิงและเว่ยเจินนั่งอยู่ที่โต๊ะตามลำพังด้วยกันด้านข้าง มีบอดี้การ์ดคุ้มกันอยู่ มีไวน์ขวดหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะของพวกเขา พวกเขาวางแผนที่จะดื่มงั้นเหรอ? ฉินอันอันขมวดคิ้ว เว่ยเจินดื่มไม่บ่อยนัก คอเขาไม่แข็งแน่นอน ไมค์พูดติดตลก “มือใหม่สองคน ดูกันว่าพวกเขาใครจะคอพับก่อน” ฉินอันอันไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอเกือบลืมไปแล้วว่าความสามารถในการดื่มก็ไม่ดีเลยเช่นกัน “ฉินอันอัน นี่คือการประลองฝีมือของผู้ชาย เธอปล่อยให้พวกเขาดื่มไปเถอะ!” ไมค์ตบไหล่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วจับใบหน้าที่ทั้งหล่อทั้งกวนประสาทเอียงไปด้านข้าง “ทั้งหมดคือความผิดของนาย!” “ครั้งต่อไปฉันจะไม่ฟังคำหลอกลวงของโจวจื่ออี้อีกแล้ว! ครั้งหน้าฉันจะเรียกให้เขามาที่ ๆ ของเราเอง!” ไมค์สาบาน “ไม่มีครั้งหน้าแล้ว!” ฉินอันอันเดินไปหาหลีเสี่ยวเถียนที่อยู่ด้านข้าง หลีเสี่ยวเถียนชูนิ้วกลางใส่ไมค์ เดิมทีฉินอันอันไม่ได้ติดต่อหรือพบฟู่สือถิงมานานแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของไมค์! ทำให้พวกเขาต้องมาพบกันอีกครั้งคืนนี้ เพิ่มเยื่อใยระหว่างพวกเขา ทำให้หัวใจเหมือนถูกมีดกรีดอีก
“เห็นแก่ที่คุณเป็นแม่เลี้ยงของฉัน ฉันให้เวลาคุณหนึ่งวัน” ฉินอันอันพูดอย่างเย็นชาจบก็เดินออกมาจากร้านกาแฟ ห้องจัดเลี้ยง หลังจากที่ฟู่สือถิงดื่มไวน์ไปแล้วสองสามแก้ว ใบหน้าของทั้งสองคนก็แสดงอาการมึนเมาในระดับที่แตกต่างกัน “คุณเว่ย ผมได้ยินว่าในช่วงชีวิตของศาสตราจารย์หูมีลูกศิษย์ที่ติดตามใกล้ชิดคนหนึ่ง” ฟู่สือถิงเทไวน์ให้เว่ยเจิน แล้วแสร้งถามเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจ เว่ยเจินมองฟู่สือถิงด้วยใบหน้าสีแดงเข้ม “คุณฟู่ คุณไปฟังใครพูดมา?” ฟู่สือถิงยกแก้วขึ้นชนแก้วของเขา “คุณเว่ย คุณแค่บอกผมว่าใช่หรือไม่ใช่ก็พอ” เว่ยเจินจิบไวน์แล้วพูดอย่างลำบากใจ “ขออภัย ผมไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ของศาสตราจารย์หูได้” “ศาสตราจารย์หูเสียชีวิตไปแล้ว นอกจากนี้ นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวอะไรที่เปิดเผยไม่ได้” “ถ้าหากคน ๆ นั้นไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงตัวตนล่ะ?” เว่ยเจินเอ่ย แสงแห่งดวงดาวพุ่งขึ้นมาในดวงตาของฟู่สือถิง “นี่แปลว่าศาสตราจารย์หูมีลูกศิษย์ที่ติดตามใกล้ชิดจริง ๆ” ‘คน ๆ นั้น’ ที่เว่ยเจินพูดถึง หมายถึงศิษย์ลึกลับที่ใกล้ชิดคนนั้นใช่ไหม? เว่ยเจินยกแก้วขึ้นจิบไวน์อีกครั้ง “คุณเว่ย ลูกศิษย์