“ผมเปล่าครับ” เสี่ยวหานพูดท่าทางนิ่ง ๆ "จริงเหรอ?” ฉินอันอันมองลูกชายแล้วถามซ้ำ “เปล่าครับ” ใบหน้าของเสี่ยวหานไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ฉินอันอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ถ้าเด็กไม่ได้เอาไปจริง ๆ แล้วเธอเอาแต่ถาม จะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกว่าเธอไม่เชื่อใจพวกเขา เสี่ยวหานพารุ่ยลาไปเก็บกระเป๋านักเรียนที่ห้อง หลังจากเข้ามาในห้อง รุ่ยลาก็ถามเสียงเล็ก “ทำไมพี่ถึงโกหกคะ? เราจะโกหกแม่ไม่ได้นะ” ก่อนหน้านี้ฉินอันอันไม่ได้ถาม เธอจึงสามารถอดกลั้นและไม่พูดอะไรได้ แต่ฉินอันอันถาม เธอไม่กล้าโกหก “ฟู่สือถิงรู้ว่ากล่องหายไป เขาคงจะวิตกกังวลเป็นบ้าแน่ ๆ” เสี่ยวหานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเราคืนของให้เขา เขาจะตำหนิเรา ถ้าเราไม่คืน เขาจะได้กังวลต่อไปเรื่อย ๆ” “อ๋อ... โอเค!” รุยล่าเห็นด้วย ระหว่างพี่ชายของเธอกับพ่อตัวดี เธอก็ต้องอยู่ข้างพี่ชายอยู่แล้ว เดิมทีกล่องนี้ถูกวางไว้ใต้เตียง แต่เมื่อวันก่อน พวกเขาเอากล่องไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน เพราะเสี่ยวหานรู้ว่ามีอะไรเขียนในกระดาษแผ่นนั้น หลังจากรู้เนื้อหาในกระดาษแล้ว เขารู้สึกว่ากล่องนั้นสำคัญเกินกว่าจะทิ้งไว้ใต้เตียง จึงได้ย้ายที่เก็บ โชคด
“งั้นเธออย่าไปเลย อิ๋นอิ๋นก็อยู่ด้วย ผู้หญิงสองคนเฝ้าเขาอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอไปเห็นคงจะหงุดหงิดเปล่า ๆ” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “สภาพจิตใจของเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนแรกฉันคิดว่าบริษัทของเขากำลังประสบปัญหาใหญ่ แต่เฮ่อจุนจือบอกว่าไม่ใช่ ฉันก็เลยคิดว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ฉินอันอันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ในออฟฟิศ “หลีเสี่ยวเถียน เธอคิดเข้าข้างฉันเกินไป ตอนที่ฉันหย่ากับเขา ฉันยังทำให้เขาเสียใจไม่ได้เลย ฉันไม่มีผลกับเขามากขนาดนั้นหรอก” “แล้วทำไมเขาถึงแปลกไปขนาดนี้? คงไม่ใช่เพราะเสิ่นอวี๋หรอกนะ?” หลีเสี่ยวเถียนสงสัย “ได้ยินมาว่า ช่วงนี้เสิ่นอวี๋ไปเยี่ยมบ้านเดิมของตระกูลฟู่บ่อย ๆ ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก!” เมื่อได้ยินข่าวเรื่องฟู่สือถิงกับเสิ่นอวี๋ ตอนนี้จิตใจของฉินอันอันก็สงบขึ้นเยอะ บางทีถ้าวันหนึ่งมีข่าวว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน เธอก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร เธอกับฟู่สือถิงเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน มีแต่จะห่างกันไปเรื่อย ๆ “เสี่ยวเถียน เธอกับเฮ่อจุนจือเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันเปลี่ยนเรื่อง “ก็เหมือนเดิม! เขาตัดสินใจจะพยายามจนถึงสิ้นปี ถ้าสิ้นปีนี้เขายังทำให้พ่อแ
“โจวจื่ออี้ โดรนของเราเจ๋งมากใช่ไหมล่ะ?” ไมค์พูดอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับเคี้ยวแอปเปิลในปาก โจวจื่ออี้เหลือบมองใบหน้าบูดบึ้งของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น และยังเห็นความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาด้วย “ก็ไม่ได้แย่! อย่ามั่นให้มาก โดรนของคุณก็มีข้อบกพร่องมากมายและจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอยู่” โจวจื่ออี้กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “แม้แต่เอสทีกรุ๊ปของคุณก็ไม่กล้าพูดว่าดีที่สุดใช่ไหม?” ไมค์ดุเขา “เราเพิ่งเริ่มต้น และอนาคตก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน” “สู้เขา!” “คืนนี้พระจันทร์กลมมาก!” ไมค์ถอนหายใจพร้อมมองท้องฟ้า โจวจื่ออี้เงยหน้าขึ้นแล้วตอบ “แล้วในอนาคตเราจะยังสู้อยู่ไหม?” จู่ ๆ ไมค์ก็มองเขาแล้วพูดอย่างจริงจัง “แล้วถ้าในอนาคตเรายังร่วมมือกันล่ะ?” โจวจื่ออี้ดันแว่นตาบนดั้งจมูก “คุณคิดว่าเงินของประธานผมคุ้มค่าให้คุณยังต้องการหากำไรจากมันใช่ไหม?” ไมค์ “ใช้ได้เลย! เราเคยเจอฝ่าย ก ที่โง่กว่านี้ในต่างประเทศด้วยนะ” โจวจื่ออี้ “การที่ประธานของผมซื้อโดรนของพวกคุณ ทำให้คุณมีรายได้มากกว่าร้อยล้านล้าน พรุ่งนี้เรื่องนี้คงเป็นประเด็นร้อน ทุกคนรู้ดีว่าหลังจากที่เอสทีกรุ๊ปซื้อโดรนจ
‘พวกเขาทั้งสองเกิดวันเดียวกันเหรอ?’ ‘นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?’ ฉินอันอันจับมือลูกชายแล้วเดินออกไปนอกประตู ร่างสูงสง่าปรากฏต่อหน้าเธอ วันนี้ฟู่สือถิงสวมเสื้อคลุมสีดำดูสุขุมและน่าเกรงขาม ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาผอมลง ฉินอันอันรวบรวมความกล้าและตัดสินใจอวยพรวันเกิดให้เขา ขณะที่เธอกำลังจะพูด อิ๋นอิ๋นก็กระพือแขนต่อหน้าฟู่สือถิงเหมือนนก จับมือของเขาแล้วพูดเบา ๆ “พี่กินเค้กสิ” เนื่องจากฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอจึงได้ยินที่อิ๋นอิ๋นพูดชัดเจน ‘พี่?!’ ‘อิ๋นอิ๋นเรียกฟู่สือถิงว่าพี่เหรอ?’ ฉินอันอันขมวดคิ้วและมองไปที่อิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นรู้สึกได้ว่าฉินอันอันกำลังจ้องเธออยู่ อาจเป็นเพราะการแสดงออกของฉินอันอันจริงจังเกินไป อิ๋นอิ๋นจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย อิ๋นอิ๋นอยากชวนฉินอันอันมากินเค้กด้วยกัน แต่เธอไม่กล้าพูด “เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าพี่เหรอ?” ฉินอันอันถาม ฉินอันอันไม่อยากทำให้อิ๋นอิ๋นกลัว แต่น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิ๋นอิ๋นไปหลบอยู่หลังฟู่สือถิงด้วยความกลัว ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแน่นพลางเกลี้ยกล่อม “อิ๋นอิ๋น
พวกเขาเข้ามาโดยไม่บอกล่วงหน้า เขาไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกเขาเลย พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับอิ๋นอิ๋น พวกเขาทำให้อิ๋นอิ๋นรู้สึกหวาดกลัว แม่เฒ่าฟู่ยืนอยู่หัวแถว เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋น ดวงตาแม่เฒ่าฟู่เป็นประกายทันทีและอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาเธอ ฟู่สือถิงปกป้องอิ๋นอิ๋นไว้ที่ด้านหลัง “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่บอกก่อนว่าจะมา?” “วันนี้คือวันของลูก…แม่เลยเอาเค้กมาให้” แม่เฒ่าฟู่หลุบสายตาลง พูดตะกุกตะกัก “แม่รู้ว่าแม่มาอย่างกะทันหัน แต่ว่าแม่อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะ…” อดไม่ได้ที่จะมาเจออิ๋นอิ๋น อิ๋นอิ๋นได้ยินเสียงแม่เฒ่าฟู่ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดวงตารูปอัลมอนด์สีดำสนิทโผล่ออกมาด้านหลังฟู่สือถิงและจ้องเขม็งไปที่แม่เฒ่าฟู่ “อิ๋นอิ๋น หนูไม่กลัวฉัน ใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่มองเธอด้วยใบหน้าคาดหวัง อิ๋นอิ๋นหดศีรษะกลับทันทีพร้อมกระชับด้านหลังเสื้อของฟู่สือถิงแน่นขึ้น มือของฟู่สือถิงเอื้อมไปด้านหลังแล้วจับมือเธอไว้ “แม่ครับ พวกแม่กลับไปก่อนเถอะ! เรากินเค้กที่โรงเรียนมาแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชา “เอาเค้กกลับไปด้วย” แม่เฒ่าฟู่ถอนหายใจ ถึงแม้จะเสียดายมาก แต่เมื่อเห็นลูกสาวสบ
เธอนั่งอยู่บนตียง ไม่สามารถปิดบังความปิติบนใบหน้าได้! ห้าปีก่อน หวังฉีเทียนน้องชายของหวังหว่านจือแม่เลี้ยงของเธอกวาดเอาเงินจากฉินกรุ๊ปไปเกือบสองพันล้าน! หลังจากใช้เงินส่วนใหญ่ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะความโลภจึงทำให้ใจของหวังฉีเทียนมืดบอด และนึกว่าตัวเองจะกลับมากอบโกยความมั่งคั่งกับฉินกรุ๊ปได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ในครั้งนี้ไม่ใช่เงินสองพันล้าน แต่เป็นบทลงโทษตามกฎหมาย! เมื่อสักครู่ เจ้าหน้าที่หลี่ผู้ดูแลคดีนี้ได้โทรหาเธอ และบอกเธอว่าหวังฉีเทียนขึ้นเครื่องบินกลับประเทศมาแล้ว ทางตำรวจได้จัดชุดเจ้าหน้าที่คอยดักซุ่มที่สนามบิน ขอเพียงหวังฉีเทียนมาถึงก็สามารถจับกุมได้ทันที!เธอรอคอยมานานหลายปีก็เพื่อผลลัพธ์นี้! หลังจากวางสายแล้ว เธอจึงไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เธออยากแบ่งปันข่าวดีนี้กับเพื่อน ๆ แต่ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม เธอจะโทรไปรบกวนคนอื่นไม่ได้ พอเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง ก่อนเดินไปยังห้องครัว เธอเปิดตู้เย็นและเห็นเบียร์หลายกระป๋องตั้งอยู่ในนั้น แม่น่าจะซื้อมาไว้สำหรับใช้ทำอาหาร พอหยิบเบียร์ออกมาแล้วเธอก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เวลาตีสี่ ณ ตระ
ฉินอันอันได้ยินคำถามของเขา และเพราะคำถามของเขา เธอเลยสร่างเมาเล็กน้อย เขาคิดว่าตอนนี้เธอดื่มเยอะแล้วจะอธิบายทุกอย่างงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ เขาดูถูกเธอมากไปแล้ว เธอดื่มเยอะก็จริง แต่เธอดื่มเบียร์ไม่ใช่ไวน์ เบียร์แค่นี้ ไม่ถึงกับทำให้เธอเมาแล้วขาดสติได้หรอกนะ เธอตัดสินใจไม่สนใจเขาและนอนหลับไปเลย ฟู่สือถิงฟังเสียงลมหายใจของเธอที่ค่อย ๆ ปรับเป็นสม่ำเสมอแล้วมองดูการเชื่อมต่อการโทร เขาลังเลที่จะวางสาย ถ้าเธอไม่เมา เธอคงไม่โทรหาเขาแน่นอน …… เวลาแปดโมงเช้า ฉินอันอันถูกปลุกให้ตื่นเพราะฝันร้าย! เธอฝันถึงช่วงเวลาที่พ่อของเธอเสียชีวิต พ่อตาย บริษัทล้มละลาย เธอกับแม่ไม่มีที่อยู่อาศัย กำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนเหมือนสุนัขหรือแมวจรจัด เธอกระหายน้ำมาก อยากดื่มน้ำ แต่เธอกับแม่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินเลย เธอไม่มีปัญญาซื้อน้ำ เธอตกใจจนเหงื่อเย็นออกท่วมตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจึงเห็นห้องนอนที่คุ้นเคย เธอถอนใจโล่งอกเฮือกใหญ่แล้วพึมพำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉินอันอัน มันผ่านไปแล้ว…ไม่ต้องกลัว” หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ “ตื่นแล้วเหรอ?
ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวที่ฟังดูร้อนอกร้อนใจของหวังหว่านจือแล้ว ฉินอันอันยิ่งมีความสุขมากขึ้น “คุณคิดจะจัดการกับฉันยังไงเหรอ?” ฉินอันอันยั่วโมโห “น้องชายคุณทำผิดกฎหมาย ถึงคุณไม่ได้ชี้นิ้วสั่งก็ต้องเป็นคนคอยยุยง ไม่ว่ายังไงเงินที่น้องชายคุณกวาดไป คุณเองก็ได้ใช้ด้วยไม่น้อย! กล้าดียังไงถึงโทรมาหาฉัน?” หวังหว่านจือเอ่ยปาก “ลูกสาวของฉันฉินเขอเข่อถูกเธอฆ่า! ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย!” “โอ้…คนในครอบครัวคุณมีใครตายอีกบ้าง? โทษฉันให้หมดเลยสิ!” ฉินอันอันประชดประชัน “คุณคิดว่าฉันยังเป็นคนที่คุณจะรังแกยังไงก็ได้เหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม? หวังหว่านจือ ห้าปีก่อนคุณไม่ได้เหยียบย่ำฉันให้จมดิน ก็เท่ากับคุณพลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว!” เสียงของเธอเย็นชาและดุร้าย! เปลี่ยนไปจากฉินอันอันเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นราวกับคนละคน! หวังหว่านจือวางสายด้วยความโกรธ เธอไม่มีทางยอมแพ้แน่! เธอจองเที่ยวบินแล้วตัดสินใจกลับประเทศเอทันที ……ข่าวภาคเที่ยง - ฉินกรุ๊ปทะยานสู่สองพันล้าน? ห้าปีหลังจากอดีตผู้อำนวยหวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินหอบเงินก้อนนั้นหนีไป ตำรวจจับกุมเขาได้ที่สนามบินเช้าวันนี้! หลังจากเห็นข่าว ไ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง