เซิ่งเป่ยเดาถูกราวกับว่าเขาคือฉินอันอันเอง โจวจื่ออี้อยากโทรยืนยันกับฉินอันอัน แต่เขาไม่กล้า ตอนนี้เธอหย่ากับเจ้านายเขาแล้ว บางทีเธออาจจะไม่รับสายเขาก็ได้ “พี่เป่ยโทรหาบอสแล้วยัง?” โจวจื่ออี้ถาม เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความขุ่นเคือง “ถ้าผู้หญิงคนที่ชื่ออิ๋นอิ๋นไม่หายไป นายเชื่อไหมว่าเขาจะเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต? นี่คือสิ่งที่เขาไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะ ถ้าฉันไปถาม จะไม่เป็นการรบกวนเขาเหรอ?” โจวจื่ออี้ “เอาล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีใครเจออิ๋นอิ๋น ผมเดาว่าเขาคงอารมณ์ไม่ดีแล้ว” ...... โรงเรียนนานาชาติแองเจลา หลังจากที่เสี่ยวหานได้ข่าวว่าฟู่สือถิงใช้เงินจำนวนมากเพื่อตามหาอิ๋นอิ๋น เขาก็รู้สึกหงุดหงิด ฟู่สือถิงกับอิ๋นอิ๋นเป็นอะไรกัน? เขาค้นหาชื่อ อิ๋นอิ๋น แต่ก็ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเธอเลย อิ๋นอิ๋นน่าจะเป็นเป็นชื่อเล่น ไม่รู้ว่าชื่อจริงของเธอชื่ออะไร เสี่ยวหานเจาะระบบบุคลากรของโรงเรียนนานาชาติแองเจลา คิดไม่ถึงว่า ข้อมูลที่เก็บไว้ของอิ๋นอิ๋นจะใช้ชื่อว่าอิ๋นอิ๋น ‘หรือว่าเธอจะไม่มีชื่อจริง?’ ‘หรือว่าครอบครัวของเธอทำแบบนี้เพื่อปกป้องเธอ?’ ‘ครอบครัวของเธอคือใคร?’
ฉินอันอันสามารถรักษาความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสกับฟู่สือถิงได้นานกว่าสี่ปี ที่แน่ ๆ เธอจะต้องมีอะไรโดดเด่นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เสิ่นอวี๋ก็เคยได้ยินชื่อของเธอตอนที่อยู่ต่างประเทศ เธอยังเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หูชิง และได้ตีพิมพ์บทความดี ๆ หลายฉบับเอาไว้ด้วย แต่หลังจากเรียนจบกลับไม่ได้เจอเธอเลย เธอไม่ได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง หรือทำงานในวงการแพทย์ ‘เก่งทางด้านทฤษฎีแล้วยังไง? ยังไงก็ต้องมีประสบการณ์’ ‘ไม่งั้นฟู่สือถิงคงให้เธอรักษาอิ๋นอิ๋นไปแล้วไม่ใช่เหรอ?’ …… ตอนเย็น คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ จางหยุนมองเด็กสองคนและสงสัย “ทำไมหลานสองคนไม่กินข้าวล่ะ?” รุ่ยลาทำแก้มป่องแล้วถาม “เมื่อไหร่แม่จะกลับมาเหรอคะ?” จางหยุน “เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวเธอก็กลับ แต่ยายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเสร็จเมื่อไหร่” รุ่นลา “แม่กำลังช่วยอิ๋นอิ๋นอยู่เหรอคะ?” จางหยุน “ใช่ ไม่ต้องห่วง อิ๋นอิ๋นจะไม่เป็นไร” ในขณะเดียวกัน เสี่ยวหานก็พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “อิ๋นอิ๋น คนไม่ดี!” “เธอเป็นคนพาอิ๋นอิ๋นกลับมาเองไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงพูดถึงเธอแบบนี้ล่ะ?” จางหยุนยกมือขึ้นลูบหัวของเขา “เธ
“ทำไมเด็กคนนั้นถึงขอยืมโทรศัพท์มือถือของแก?” ฟู่สือถิงพูดอย่างระแวดระวัง “เธอหลงทางกับพ่อของเธอ ก็เลยมาขอยืมโทรศัพท์มือถือของผมโทรหาพ่อ นับตั้งแต่วันที่ผมได้เจอเด็กคนนั้น ไม่มีวันไหนที่ผมไม่โชคร้ายเลยสักวัน! ผมชักสงสัยแล้วว่าเด็กคนนั้นเป็นคนทำ!” ฟู่เย่เฉินแก้มบวม มีน้ำตาคลอเบ้าและดูเศร้าเป็นพิเศษ ฟู่สือถิงมองท่าทางขี้ขลาดของเขาและเปิดริมฝีปากบาง ๆ “แกยังจำได้ไหมว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง?” ฟู่เย่เฉิน “จำได้ครับ! เธอน่ารักน่าชังมาก! ถ้าเธอไม่น่ารักขนาดนั้น ผมคงไม่ให้เธอยืมโทรศัพท์มือถือหรอก! ผมบอกแล้วไงว่าเธอหน้าเหมือนฉินอันอัน!” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินสามคำนี้ สีหน้าของเขาก็ขรึมขึ้น “ไปกินยาซะไป!” “คุณอา ผมไม่ได้ป่วย...ผมอยากรู้ว่าโทรศัพท์ของผมโดนแฮกได้ยังไง! มันส่งรูปส่วนตัวของผมไปให้คู่หมั้นเองด้วย ทำให้การหมั้นต้องถูกยกเลิก ผมสงสัยว่ามันอาจจะแอบฟังได้ด้วย!” ฟู่เย่เฉินเจ็บใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าของแฮกเกอร์ได้ยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปทำให้ใครไม่พอใจ “เย่เฉิน ลูกกลับไปที่ห้องก่อนและให้แม่เอายาให้กิน พ่อกับอามีเรื่องต้องคุยกัน” ฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่เย่เฉินลุกขึ้นและกลั
รุ่ยลาอยู่ในอ้อมแขนของแม่ นิ้วก้อยพลางชี้ไปที่พี่ชาย “พี่เป็นคนพาหนูมาค่ะ” “โถ่...เสี่ยวหาน ลูกรู้ได้ยังไงว่าแม่อยู่ที่นี่?” ฉินอันอันยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอไม่ได้ตำหนิเด็ก ๆ “ลูกบอกให้ลุงไมค์ตรวจสอบที่ตั้งของโทรศัพท์ของแม่เหรอ?” เสี่ยวหานยักหน้า ลุงไมค์เป็นคนสอนทักษะการแฮกให้แก่เสี่ยวหาน ฉินอันอันไม่รู้ว่าตอนนี้ทักษะด้านเทคโนโลยีของเสี่ยวหานไปถึงขั้นไหนแล้ว “ไป เรากลับบ้านกันเถอะ! ตอนนี้แม่ง่วงนอนมากเลย” สมองของฉินอันอันไม่สามารถคิดอะไรได้ตามปกติแล้ว เธอออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกสองคน จากนั้นก็เรียกรถที่หน้าประตูและเธอก็หลับไปหลังจากขึ้นรถ เวลาสิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาที เสิ่นอวี๋ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกและบอกให้เธอไปโรงพยาบาลตี้ซาน เสิ่นอวี๋มาถึงโรงพยาบาลตี้ซานและได้เจออิ๋นอิ๋นหลังได้รับการผ่าตัด ศีรษะของเธอถูกพันด้วยผ้ากอซ เธอหลับตาและไม่มีเลือดบนใบหน้า! ประมาณสองชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้รับโทรศัพท์จากเสิ่นอวี๋ “คุณฟู่! ฉันเจออิ๋นอิ๋นแล้วค่ะ! ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล! ฉันได้ทำการผ่าตัดสมองให้เธอเรียบร้อยแล้วค่ะ!” เสียงของเสิ่นอวี๋ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย ในช่วงสองชั่
ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา “ประธานฟู่ ผมเพิ่งติดต่อโรงพยาบาลตี้ซาน พวกเขาบอกผมว่าระบบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลอยู่ระหว่างการบำรุงรักษา จึงไม่มีการบันทึกไว้ครับ” เมื่อได้ฟังคำตอบของลูกน้อง ฟู่สือถิงก็ขมวดคิ้ว บังเอิญขนาดนั้นเหรอ? ไม่มีการบันทึกกล้องวงจรปิดจริง ๆ หรือจงใจไม่ให้ใครเห็นกันแน่? “ลบข่าวและรูปภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมดในอินเทอร์เน็ต!” ฟู่สือถิงสั่ง “ครับคุณฟู่ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ” ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ข้อมูลออนไลน์ทั้งหมดเกี่ยวกับผู้สูญหายของฟู่สือถิง รวมถึงรูปถ่ายของอิ๋นอิ๋นก็ได้ถูกลบออกไป ...... คราวนี้ฉินอันอันหลับลึกมาก เธอคงไม่ตื่นถ้าโทรศัพท์ของเธอไม่ดัง หลีเสี่ยวเถียนโทรหาเธอรัว ๆ เธอรับสายหลังจากที่โทรศัพท์ดังนานกว่าหนึ่งนาที “หาว...” ทันทีที่เธอเริ่มพูด เธอก็หาว “ฉินอันอัน! อย่าบอกนะว่าเธอกำลังหลับอยู่! นี่มันเพิ่งหนึ่งทุ่มเอง เธองีบหรือนอนดึกกันแน่?” เสียงของหลีเสี่ยวเถียนดังขึ้น ฉินอันอันขยี้ตาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ แต่อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว “เสี่ยวเถียน เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า? ถ้าไม่มีอะไร ฉันจะนอน
“เรามีนัดกัน แล้วฉันจะชวนเขามาทำไมล่ะ” หลีเสี่ยวเถียนเทไวน์ในแก้วแล้วยื่นให้เธอ “เมื่อคืนเธอไปทำอะไรมา? หมีแพนด้าใต้ตาของเธอแทบจะกลายเป็นสมบัติของชาติแล้ว” ฉินอันอันยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วจิบ “เมื่อคืนฉันดูละครจนดึก!” “ฉันเชื่อก็บ้าแล้ว บนหน้าเธอเต็มไปด้วยสี่คำ ฝืนทำหน้ายิ้ม” หลีเสี่ยวเถียนถาม “เธอยังไม่ลืมฟู่สือถิงใช่ไหม?” ฉินอันอันแทบจะพ่นเครื่องดื่มออกมา “หลีเสี่ยวเถียน ฉันดูติ๊งต๊องขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างแรง “ถึงเธอจะรวย แต่เธอก็เหมือนยัยบ๊องจริง ๆ” อีกมุมหนึ่งของร้านอาหาร เซิ่งเป่ยหยิบขวดไวน์และรินไวน์ให้ฟู่สือถิง ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารหรูที่ใกล้โรงพยาบาลที่สุด “สือถิง ฉันจะไม่ถามเรื่องอิ๋นอิ๋น ที่ฉันนัดมาเพราะฉันอยากดื่มกับนาย” เซิ่งเป่ยกล่าว “จริงสิ หมอเสิ่นที่นายหามาเก่งขนาดนั้นจริง ๆ เลยเหรอ?” ฟู่สือถิงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “เธอผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น ตอนนี้อิ๋นอิ๋นยังไม่ฟื้น” “โอ้...ถ้ามันได้ผล นายคิดว่าจะจ่ายเธอเท่าไหร่?” เซิ่งเป่ยเลิกคิ้วหนา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้ “แล้วแต่ว่าเธอต้องการเท่าไหร่” “แล้วถ้าเธอไม่อยากได้เงิน แต
แก้วของเธอยังมีไวน์ ในจานยังมีอาหารเหลืออยู่อีกเยอะ ถ้าเขาไม่มา แน่นอนว่าเธอจะไม่อ้างเหตุผลที่จะไป “พวกคุณกินกันตามสบายเลย! ผมจะไปเอง” หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวขายาวเหยียดแล้วเดินจากไป เซิ่งเป่ยถือแก้วไวน์แล้วเดินตามไปทันที “สือถิง! รอฉันด้วย!” หลีเสี่ยวเถียนยกนิ้วให้ฉินอันอัน “อันอัน เธอสุดยอดเลย” ฉินอันอันหน้าไร้เดียงสา “เขาอยากไปเองนะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันว่าเขายังมีความรู้สึกต่อเธออยู่” หลีเสี่ยวเถียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “สายตาที่เขามองแสดงให้เห็นว่าเขายังรักเธออยู่” ฉินอันอัน “หลีเสี่ยวเถียน เธอดูละครให้น้อยลงหน่อย เสี่ยงทำให้เพ้อเจ้อได้ง่ายนะ” “เธอบอกว่าเมื่อคืนนอนดึกก็เพราะดูละครไม่ใช่เหรอ?” “ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าดูละคร” ฉินอันอันจิบไวน์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี ผู้ชายและความรักจะไม่มีวันสำคัญเท่ากับตัวฉันเองหรอก” หลีเสี่ยวเถียนเห็นด้วยอย่างยิ่ง “อันอัน เธอพูดถูก! เธอเห็นไหม ฟู่สือถิงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอเป็นอันดับแรก” “อย่าไปพูดถึงเขาเลย กินข้าวกันเถอะ” ฉินอันอันพึมพำ “ฉันขับรถมาเอง เดี๋ยวฉันค่อยเรียกบริการขับกลับทีหลังก็ได้” “ข้างน
“ฉันไม่รู้จักเธอ” ฟู่สืออิ๋นต่อต้าน “ฉันไม่เคยเห็นเธอ...ไม่รู้จักเธอ...” “อ๋อ เธอเป็นลมและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เธอจึงไม่เห็นเธอไง” ฟู่สือถิงอธิบายให้เธอฟัง เป็นลม? ฟู่สืออิ๋น “ไม่! ไม่ใช่!” ความทรงจำสุดท้ายของเธอคือใบหน้าของฉินอันอัน เธอมีไข้และนอนอยู่บนเตียง ฉินอันอันคุยกับเธออยู่ตลอด แต่จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่เธอคับคล้ายคับคลาว่าแววตาที่อ่อนโยนและเสียงที่อ่อนนุ่มของฉินอันอันทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก เมื่อเธอตื่นเต้น อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอรู้สึกเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอหลั่งน้ำตา “อิ๋นอิ๋น เจ็บเหรอ? หลับตาแล้วไม่ต้องคิดอะไร พอตื่นมาจะได้ไม่เจ็บแบบนี้” ฟู่สือถิงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยกระดาษทิชชู่แล้วตบเบา ๆ เธอ จากนั้นก็โอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกล่อมเธอให้หลับ เธอได้รับการผ่าตัดสมองและจำเป็นต้องพักผ่อนเยอะ ๆ หลังจากที่เธอหลับไปแล้ว ฟ่สือถิงก็ออกมาจากห้องผู้ป่วย เสิ่นอวี๋ก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามว่า “เธอเป็นยังไงบ้างคะ?” มุมปากของฟู่สือถิงยกขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เธอพูดเยอะขึ้นกว่าเดิม แววตาของเธอจดจ่อมากขึ้นกว่าเดิม...การผ