แก้วของเธอยังมีไวน์ ในจานยังมีอาหารเหลืออยู่อีกเยอะ ถ้าเขาไม่มา แน่นอนว่าเธอจะไม่อ้างเหตุผลที่จะไป “พวกคุณกินกันตามสบายเลย! ผมจะไปเอง” หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวขายาวเหยียดแล้วเดินจากไป เซิ่งเป่ยถือแก้วไวน์แล้วเดินตามไปทันที “สือถิง! รอฉันด้วย!” หลีเสี่ยวเถียนยกนิ้วให้ฉินอันอัน “อันอัน เธอสุดยอดเลย” ฉินอันอันหน้าไร้เดียงสา “เขาอยากไปเองนะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันว่าเขายังมีความรู้สึกต่อเธออยู่” หลีเสี่ยวเถียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “สายตาที่เขามองแสดงให้เห็นว่าเขายังรักเธออยู่” ฉินอันอัน “หลีเสี่ยวเถียน เธอดูละครให้น้อยลงหน่อย เสี่ยงทำให้เพ้อเจ้อได้ง่ายนะ” “เธอบอกว่าเมื่อคืนนอนดึกก็เพราะดูละครไม่ใช่เหรอ?” “ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าดูละคร” ฉินอันอันจิบไวน์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี ผู้ชายและความรักจะไม่มีวันสำคัญเท่ากับตัวฉันเองหรอก” หลีเสี่ยวเถียนเห็นด้วยอย่างยิ่ง “อันอัน เธอพูดถูก! เธอเห็นไหม ฟู่สือถิงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอเป็นอันดับแรก” “อย่าไปพูดถึงเขาเลย กินข้าวกันเถอะ” ฉินอันอันพึมพำ “ฉันขับรถมาเอง เดี๋ยวฉันค่อยเรียกบริการขับกลับทีหลังก็ได้” “ข้างน
“ฉันไม่รู้จักเธอ” ฟู่สืออิ๋นต่อต้าน “ฉันไม่เคยเห็นเธอ...ไม่รู้จักเธอ...” “อ๋อ เธอเป็นลมและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เธอจึงไม่เห็นเธอไง” ฟู่สือถิงอธิบายให้เธอฟัง เป็นลม? ฟู่สืออิ๋น “ไม่! ไม่ใช่!” ความทรงจำสุดท้ายของเธอคือใบหน้าของฉินอันอัน เธอมีไข้และนอนอยู่บนเตียง ฉินอันอันคุยกับเธออยู่ตลอด แต่จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่เธอคับคล้ายคับคลาว่าแววตาที่อ่อนโยนและเสียงที่อ่อนนุ่มของฉินอันอันทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก เมื่อเธอตื่นเต้น อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอรู้สึกเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอหลั่งน้ำตา “อิ๋นอิ๋น เจ็บเหรอ? หลับตาแล้วไม่ต้องคิดอะไร พอตื่นมาจะได้ไม่เจ็บแบบนี้” ฟู่สือถิงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยกระดาษทิชชู่แล้วตบเบา ๆ เธอ จากนั้นก็โอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกล่อมเธอให้หลับ เธอได้รับการผ่าตัดสมองและจำเป็นต้องพักผ่อนเยอะ ๆ หลังจากที่เธอหลับไปแล้ว ฟ่สือถิงก็ออกมาจากห้องผู้ป่วย เสิ่นอวี๋ก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามว่า “เธอเป็นยังไงบ้างคะ?” มุมปากของฟู่สือถิงยกขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เธอพูดเยอะขึ้นกว่าเดิม แววตาของเธอจดจ่อมากขึ้นกว่าเดิม...การผ
เซิ่งเป่ยคว้าแขนของเขาแล้วเดินไปที่ทางออก “สือถิง เห็น ๆ อยู่ว่านายยังคงสนใจฉินอันอัน ทำไมนายต้องทำเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันด้วย? อิ๋นอิ๋นคนนี้ ไม่ว่าเธอจะสวยแค่ไหน นายแน่ใจเหรอว่าเธอเทียบกับฉินอันอันได้” เซิ่งเป่ยต้องการเรียกสติของฟู่สือถิง! “ไม่มีใครสำคัญไปกว่าอิ๋นอิ๋น!” ฟู่สือถิงตะโกนเสียงแหลม “ฉินอันอันหย่ากับนายเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?” เซิ่งเป่ยถามเขา “ใช่!” “ถ้าเป็นออย่างนั้น แล้วฉินอันอันผิดอะไร? นายมีอะไรให้ต้องเสียใจ? นายเองนั่นแหละที่ทำให้เธอผิดหวัง!” เซิ่งเป่ยไม่เคยพูดกับเขารุนแรงขนาดนี้ “ในฐานะเพื่อน ฉันจะไม่โกรธนายเพียงเพราะปัญหาเรื่องความรู้สึกของนาย ฉันแค่ไม่อยาก...” “นายจะทิ้งฉันเหมือนที่ฉินอันอันทิ้งก็ได้!” ฟู่สือถิงพูดแทรกเขา “เรื่องส่วนตัวของฉันไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมายุ่ง!” ‘เขาใช้คำว่า คนนอก’ ‘ตามใจ!’ ‘ถ้าเขายังดึงดัน ก็ปล่อยให้เขาเสียใจทีหลังไปก็แล้วกัน!’ ‘ตอนนี้ฉินอันอันยังโสด ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโสดตลอดไป’ ‘ถ้าฉินอันอันแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น หวังว่าเขาจะรู้สึกเป็นอิสระจากความรู้สึกผิดแบบนี้เสียที!’ ...... เมื่อฉินอันอันกลับถึงบ้านก็เป็นเว
อย่างไรก็ตาม เธอกำลังอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนและมืออีกข้างยังจูงมือเด็กอีกคนด้วย! เขาเริ่มสับสนในตัวเอง จากกล้องวงจรปิดเห็นหน้าของฉินอันอันไม่ชัด เขาสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้แค่หน้าคล้ายฉินอันอัน ไม่ใช่ฉินอันอันจริง ๆ! ‘ทำไมเธอถึงมีเด็กสองคนข้าง ๆ?’ ‘ฉินอันอันไม่มีลูกนี่!’ เขาดูวิดีโอวงจรปิดหลายรอบ ยิ่งดูก็ยิ่งสงสัย! ยิ่งดูก็ยิ่งงง! เขาคัดลอกวิดีโอสั้น ๆ นี้แล้วปิดโน้ตบุ๊ก ตอนนี้มันดึกเกินไปแล้วที่เขาที่จะพิสูจน์ว่าผู้หญิงและเด็กคนนั้นที่อยู่ในวิดีโอเป็นใคร ไว้ตอนเช้า เขาจะไปถามฉินอันอันให้รู้เรื่อง! เวลาหกโมงเช้าอิ๋นอิ๋นตื่น หลังจากที่เธอตื่น เธอก็ลุกจากเตียงผู้ป่วย เธอเดินไปข้างเตียงญาติแล้วเอื้อมมือไปคว้าฝ่ามือใหญ่ของฟู่สือถิง “พี่...พี่...” จู่ ๆ ฟู่สือถิงก็ลืมตาขึ้นด้วยดวงตาสีแดง “พี่เราไปกันเถอะ” อิ๋นอิ๋นไม่อยากอยู่ในโรงพยาบาล เธอต้องการออกจากที่นี่ ฟู่สือถิงลุกขึ้นทันที เขาหลับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เวียนหัวมาก แต่ถ้าอิ๋นอิ๋นออกจากโรงพยาบาล เขาต้องพาเธอออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะตื่นตระหนก เมื่อพิจารณาถึงสติปัญญาที่เพิ่มขึ
ฉินอันอันแทบจะหยุดหายใจ เหมือนมีคนบีบคอเธอไว้! ลูกทั้งสองคนไปหาเธอที่โรงพยาบาลโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ยิ่งกว่านั้น เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าโรงพยาบาลตี้ซานที่รับปากกับเธอแล้วว่าจะไม่ให้ใครดูกล้อมวงจรปิด ทำไมถึงได้ยอมให้เขาดู?! ฟู่สือถิงเป็นคนที่ช่างสงสัยมาโดยตลอด เธอจึงเดาว่าเขาอาจจะสืบว่าใครพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาล แต่เขาคงไม่คิดว่าเธอคงจะพาอิ๋นอิ๋นไปโรงพยาบาลเมื่อวันก่อน ไม่ใช่เมื่อวาน แม้ว่าเขาจะดูกล้องวงจรปิดแล้วเมื่อวานนี้ แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นว่าเธอเป็นคนพาอิ๋นอิ๋นมาโรงพยาบาล “ฟู่สือถิง เราหย่ากันแล้ว ไม่ว่าเมื่อวานฉันจะไปโรงพยาบาลตี้ซานหรือไม่ ไม่ว่าฉันจะอุ้มลูกกี่คนจูงมือกี่คน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!” ฉินอันอันสงบลงและพูดอย่างแข็งขันว่า “นั่นไม่ใช่ลูกของคุณหรอก! ฉันไม่มีทางคลอดลูกของคุณ! ตอนนั้นคุณเป็นคนฆ่าลูกของเราเอง!” ฉินอันอันพูดโมโหและวางสายโทรศัพท์ เธอไม่ต้องการได้ยินปฏิกิริยาใด ๆ จากเขา ‘ขอให้เขากับอิ๋นอิ๋นมีชีวิตคู่และมีความสุขชั่วนิรันดร์!’ ‘หยุดทำร้ายคนอื่นสักที!’ ริมฝีปากของฟู่สือถิงขยับ ยังมีบางคำที่เขาไม่มีโอกาสได้พูด เพราะเธอวางสายไปซะก่อน เ
และเขาไม่อยากให้เสิ่นอวี๋ร้องขอเรื่องอื่นอีก ดังนั้นการให้เงินจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เสิ่นอวี๋ตกใจ “คุณฟู่ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันเกรงว่าอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว คุณอาจจะคิดว่าพัฒนาการทางสมองของเธอจะดีขึ้น แต่ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รอดูหลังจากอาการผ่าตัดหายดีแล้ว หากยังต้องการรักษาเธออาจมีการผ่าตัดครั้งที่สองหรือครั้งที่สาม…” คำพูดของเสิ่นอวี๋ทำให้ฟู่สือถิงตกอยู่ในความเงียบ เสิ่นอวี๋มาที่นี่ในช่วงพักร้อน ต่อไปเธออาจจะไม่มีเวลา “หมอเสิ่น หลังจากนี้คุณวางแผนอาชีพของคุณไว้ยังไงครับ?” ฟู่สือถิงถาม แน่นอนว่าเขาต้องการรักษาสืออิ๋นต่อไป ถ้าพัฒนาการสมองสามารถถึงระดับการดูแลตนเองได้ นั่นคงจะดีที่สุด! เสิ่นอวี๋เข้าใจความหมายของคำพูดของเขา “คุณฟู่ จริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันอยู่ในช่วงที่อึดอัดใจและสับสนมาก ฉันอายุสามสิบสี่ปีแล้ว แต่ฉันยังไม่มีแฟน และครอบครัวของฉันก็กังวลมาก ดังนั้นตอนนี้อาชีพของฉันจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสูงสุดในตอนนี้” ‘เธอเกือบจะพูดตรง ๆ แล้ว ถ้าคุณต้องการตอบแทนฉัน หรือให้ฉันรักษาอิ๋นอิ๋นต่อไป งั้นก็แต่งงานกั
ฉินอันอันใช้นิ้วถูขมับ เธอคิดว่าหลังจากหย่าแล้วเธอจะไม่สนใจเรื่องของเขาอีก ‘แต่ทำไมกลับรู้สึกไม่สบายใจล่ะ?’ ‘เขาใส่ใจอิ๋นอิ๋นมาก ทำไมเขาถึงอยู่กับเธอตลอดไปไม่ได้?’ จู่ ๆ เธอก็เข้าใจทันที เธอไม่สนใจว่าเขาจะอยู่กับผู้หญิงคนไหน แต่เธอรับไม่ได้ที่เขาเป็นคนเลวทราม เป็นเรื่องน่าอึดอัดมากที่จะยอมรับว่าผู้ชายที่เธอหลงรักนั้นเป็นคนเลว เพราะเธอปฏิเสธหัวใจตัวเอง “อันอัน เธอโอเคไหม?” หลีเสี่ยวเถียนถามอย่างกังวล “ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงไม่บอกเธอหรอก...แต่ถ้าฉันไม่บอก เธอก็รู้อยู่ดี” “ฉันไม่เป็นไร” ฉินอันอันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจิบน้ำ “เขาเลือกเอง ถ้าเขามีความสุขก็ดีแล้ว” “เฮ่อจุ่นจือบอกว่านี่เป็นคำขอของเสิ่นอวี๋ เธอช่วยรักษาอิ๋นอิ๋น และผลลัพธ์ก็ค่อนข้างดี ฟู่สือถิงต้องการจ่ายเงินให้เธอ แต่เธอกลับไม่อยากได้เงิน” “ไม่ต้องพูดแล้ว” ฉินอันอันรู้สึกคลื่นไส้ “ถ้าเขาไม่ต้องการก็ไม่มีใครบังคับเขาได้” “ฉันได้ยินมาว่าอิ๋นอิ๋นต้องเข้ารับการรักษาอีก...ฟู่สือถิงต้องการให้เสิ่นอวี๋รักษาอิ๋นอิ๋นต่อ ดังนั้นเขาจึงตกลงทำตามคำขอของเสิ่นอวี๋” เดิมทีเสี่ยวเถียนแค่บอกคร่าว ๆ แต่สุดท้าย เธอก็รู้สึกว่าตัวเอ
“ถึงเวลามื้อเย็นพร้อมแล้ว ไปล้างมือแล้วมากินข้าวกันเถอะ! “จางหยุนเดินออกจากครัวแล้วพูดกับพวกเขา ฉินอันนันพาเด็กสองคนไปล้างมือทันที เวลาสามทุ่ม ห้องเด็ก เสี่ยวหานลืมตาขึ้น เขานึกถึงสิ่งที่แม่พูดในตอนเย็น “รุ่ยลา” “พี่ นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ? หนูกลัว! ฟู่สือถิงหล่อมาก แต่เขาเป็นคนเลว ฮือ ฮือ ฮือ...ทำไมเขาถึงอยากบีบคอเราทั้งคู่ให้ตายล่ะคะ?” รุ่ยลาเหยียดแขนไปกอดพี่ชายเพื่อความปลอดภัย เสี่ยวหานคาดเดาว่ “บางทีเขาอาจจะเป็นพ่อของเราก็ได้” “เอ๋?!” รุ่ยล่าอุทานด้วยความประหลาดใจ “รุ่ยลา เราต้องค้นหาความจริง” เสี่ยวหานมีแผนในใจ “พี่ เราจะทำยังไงกันดี!” รุ่ยลามองเสี่ยวหานด้วยดวงตาเบิกกว้าง “นอนเถอะ” ...... วันต่อมา เอสทีกรุ๊ป เครือข่ายล่ม! เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเครือข่ายเริ่มตรวจสอบสาเหตุอย่างใกล้ชิด! หลังจากที่ฟู่สือถิงรู้เรื่องนี้ เขาก็รีบไปที่บริษัททันที เครือข่ายกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ล่มได้ยังไง? นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดความผิดพลาดด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่เช่นนี้นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา! เมื่อฟู่สือถิงมาถึงบริษัท อันดับแรกเขาไปตรวจสอบที่ฝ่ายเทคน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง