ฟู่ซื่อถิงมองใบหน้าเรียวใสของเธอแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณ” เสื้อกันหนาวใส่สบายและอุ่นกว่าที่คิด ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ออกมาได้ดูดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อกันหนาวถักมาอย่างดีหรือเพราะว่าคนใส่ดูดีกันแน่ เธอหยิบถุงขึ้นมาและหยิบกล่องออกมาจากข้างใน “นี่ก็เป็นของขวัญของคุณด้วย ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ชอบเสื้อกันหนาวตัวนี้ ฉันก็เลยซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ มาอีกชิ้น” ฟู่ซื่อถิงมองกล่องในมือของเธอ “ข้างในมีไฟแช็คหนึ่งอัน” เธออธิบายด้วยความประหม่า “ฉันไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณดี ฉันก็เลยซื้ออันนี้มา มันเป็นของใช้ คุณน่าจะได้ใช้มัน แต่คุณต้องสูบบุหรี่ให้น้อยลงนะ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ” พูดจบเธอก็ยื่นกล่องใส่มือเขา เขาเปิดกล่องและหยิบไฟแช็คออกมา กดเบา ๆ เปลวไฟก็ลุกขึ้น “ผมไม่ได้ติดบุหรี่” เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟุงดูเย้ายวน “ผมจะสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่ออารมณ์เสียเท่านั้น” ฉินอันอันยกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่เมื่อก่อนตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณ ฉันก็เห็นคุณสูบบุหรี่เกือบทุกวันนะ” ฟู่ซื่อถิง “เพราะคุณทำให้ผมโกรธทุกวันไงล่ะ” ฉินอันอันพูดไม่ออก "..." “ออกไปสูดอากาศกั
ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่รู้ คุณไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก” ฉินอันอัน “งั้นซื้ออันใหญ่หน่อยดีกว่า! แล้วสิบนิ้วดีไหม?” ฟู่ซื่อถิงพูดกับพนักงาน “สิบนิ้วครับ” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ พวกคุณกำลังอินเลิฟอยู่หรือคะ? ความสัมพันธ์ดีจริง ๆ” จู่ ๆ ใบหน้าของฉินอันอันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ฟู่ซื่อถิงมองไปที่ชั้นวางข้าง ๆ “คุณอยากซื้ออย่างอื่นกลับไปด้วยไหม?” ฉินอันอัน “ไม่เอาค่ะ...” “ซื้อสักหน่อยเถอะ! เอากลับไปฝากแม่คุณไง” เมื่อเห็นแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอันอันก็รู้สึกขำในใจ “ได้ค่ะ! ซื้อสักหน่อยก็ดี” …… หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉินอันอันก็เข็นรถเข็นออกมาจากร้านเค้ก ฟู่ซื่อถิงถือเค้กด้วยสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย โชคดีที่มีคนเดินถนนไม่มากนัก อุณหภูมิอากาศข้างนอกวันนี้อยู่ที่ประมาณห้าองศาเท่านั้น แต่เขารู้สึกเหมือนมีลูกไฟล้อมรอบตัวเขา ซึ่งพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นได้ ทั้งสองกลับถึงร้านอาหาร ในห้องรับรองส่วนตัว ทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว บรรยากาศที่คึกคักแต่เดิมก็เงียบลงทันที ฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อกันหนาวสีขาว บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปมากราวกับอายุน้อยลงหลายปี และเขายังถือเ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียน ม่านเปิดออกและมีแสงจากหน้าต่างส่องเข้ามา “ซื่อถิง นายอธิษฐานว่าอะไรเหรอ?” เซิ่งเป่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม ฟู่ซื่อถิงถามกลับ “แล้วนายบอกคำอธิษฐานวันเกิดต่อหน้าทุกคนทุกปีหรือเปล่าล่ะ?” ทุกคนหัวเราะ ฟู่ซื่อถิงหยิบมีดขึ้นมาตัดเค้กชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้ตรงหน้าฉินอันอัน “คุณกินชิ้นแรก” ฉินอันอันผลักเค้กไปตรงหน้าเขา “ผมกินไม่เยอะขนาดนั้นหรอก” เขาวางมีดตัดเค้กแล้วหยิบส้อมตักเค้กขึ้นมากัดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเค้กให้เธออีกครั้ง ดูเหมือนหัวใจสีชมพูขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองและแยกพวกเขาสองคนออกจากคนอื่น ๆ ทุกคนหัวเราะและส่งเสียงเชียร์ “ตอนนี้เราเรียกคุณฉินว่านายหญิงได้หรือยังนะ?” “หรือจะเรียกตอนนี้ดี? ฉันคิดว่าคุณฟู่คงไม่ว่าอะไรหรอก!” “ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณฉินจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม?” ...... ใบหน้าของฉินอันอันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย เธอกระสับกระส่าย แม้แต่ผิวหนังที่คอของเธอก็แดง “พวกนายพอได้แล้ว” ฟู่ซื่อถิงกล่าว “ได้ได้...กินเค้ก! กินเค้ก!” ทุกคนนำเค้กที่เหลือมาแบ่งกันคนละชิ้น หลังจากกินเค้กแล้ว มื้อเที่ยงก็ได้เริ่มต้น
ฉินอันอันพูดกับฟู่ซื่อถิง “ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องรับรองไหมคะ?! หลังจากที่ฉันส่งคุณแล้วค่อยกลับมานอนที่นี่ ตื่นแล้วฉันจะไปหาคุณ” ฟู่ซื่อถิงตรงเข้าไปในห้องรับแขก “ผมก็ง่วงเหมือนกัน” ฉินอันอันตกตะลึง “แต่คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ! คุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า...” “คุณไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นสนใจผมหรอก” ฉินอันอันจะไม่สนใจเขาได้ยังไง? วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าปล่อยให้เขาหิว เธอเองก็ไม่สบายใจ เธอเดินไปที่ห้อรับรองอย่างรวดเร็วและจัดกับข้าวให้เขา ทุกคนดูเธอตักกับข้าวด้วยความกระตือรือร้น “คุณฉิน เพิ่มเนื้ออีกนิด! อย่าลืมดูแลให้คุณฟู่ทานให้หมดด้วยนะครับ! เขาน้ำหนักลดลงมากหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ” “คุณฉิน พวกเรายกเจ้านายให้คุณแล้ว! คุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ!” “คุณฉิน หลังทานอาหารพวกคุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนคุณแน่!” ...... ฉินอันอันหน้าแดงพลางยกอาหารบรรจุกล่องกลับไปที่ห้องพัก ฟู่ซื่อถิงถือโทรศัพท์มือถือและไม่รู้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร เธอหยิบอาหารออกจากถุงแล้ววางไว้ตรงหน้าเขา “ถอดเสื้อกันหนาวออกไหม? ฉันเห็นคุณเหงื่อออกแล้ว” ฉินอันอันพูดกับตัวเอง “ถ้ารู้อย่างนี้คงไม
มีเสียงดังสนั่น! หลังจากนั้นก็มีเสียงยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นดังกึกก้อง! รู้สึกราวกับเสียงนั้นจะทำให้แก้วหูจะระเบิด! ฉินอันอันกอดฟู่ซื่อถิงที่อยู่บนรถเข็นแน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง รถเก๋งสีดำยางแตกหักเลี้ยวผ่านไปชนเข้ากับร้านสายไหมฝั่งตรงข้าม! ฟู่ซื่อถิงจับร่างของเธอด้วยมือทั้งสองข้างพลางมองรถคันสีดำข้าง ๆ ด้วยหางตาเย็นชา มีคนอยากฆ่าเขา แต่ไม่สำเร็จ ครั้งที่สองมีเสียงปืนดังขึ้น! คราวนี้กระสุนโดนเบาะคนขับรถสีดำ! เสียงกรีดร้องดังไปทั่ว ผู้คนต่างกระจัดกระจายกันจ้าละหวั่น อุณหภูมิร่างกายของฉินอันอันเริ่มเย็นลง ฟู่ซือถิงจับหน้าเธอไว้ในมือพลางมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่หวาดกลัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว” หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอสั่นคลอนแต่เธอมองหน้าเขาตลอดเวลา “ฟู่ซื่อถิง… ฟู่ซื่อถิง...” เธอมีเรื่องจะพูดมากมาย แต่เมื่อเธอเอ่ยปาก เธอกลับได้แต่พึมพำชื่อของเขา “ฉินอันอัน ผมไม่เป็นอะไร” เขาจับมือเธอมาแตะแก้มของตัวเอง “ยังอุ่นอยู่ใช่ไหมล่ะ?” เธอพยักหน้า น้ำตาไหลช้า ๆ “ฉันกลัวมาก...กลัวว่
ฉินอันอันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ตอนนี้ปากเธอแห้งผาก เธอเลยหยิบซุปเนื้อแกะที่เซิ่งเป่ยเอามาให้ขึ้นมากินเซิ่งเป่ยเคาะนิ้วบนโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ พวกนายสองคนคิดว่าเราไม่รู้หรือไงว่าพวกนายส่งข้อความหากันน่ะ?”ฉินอันอันกลัวว่าฟู่ซื่อถิงจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกมา เธอก็เลยพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว เขาก็เหมือนกัน เพราะงั้นเราขอกลับก่อนนะคะ”เซิ่งเป่ยล้อ “ก็ได้ เราเองก็อิ่มเหมือนกัน กินอาหารหมาเข้าไปขนาดนี้ก็คงต้องอิ่มแล้ว”…… ที่ตระกูลฟู่เรื่องการสังหารฟู่ซื่อถิงเข้าหูแม่เฒ่าฟู่แล้วหญิงชรามาที่นั่นภายในคืนนั้นเมื่อเห็นว่าฉินอันอันก็อยู่ด้วย สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คืนนี้ตอนที่เจ้านายเกือบโดนรถชน คุณฉินก็พุ่งเข้ามากอดปกป้องเจ้านายเอาไว้ครับ” บอดี้การ์ดนั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาจึงรู้สึกว่าตนจำเป็นจะต้องบอกเรื่องนี้ให้หญิงชรารู้ “หากว่าผมยิงออกไปไม่ทันเวลาจนยางรถของฝ่ายตรงข้ามระเบิด รถก็จะพุ่งตรงเข้าไปชนแน่ คุณฉินเองก็จะต้องโดนชน แล้วก็ตายแน่นอน เพราะว่าเธอปกป้องเจ้านายไว้ เขาก็เลยยังรอดมาได้”หลังจากที่ฟังคำอธิบายจากบอดี้การ์ด ในหัวแม่เฒ่าฟู่ก็มีภาพโชกเลือดผุดขึ้นมา
“ผมก็จัดการตัวเอง” เขาตอบอย่างมั่นใจ “หากว่าคุณกังวล ก็ช่วยผมอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”ฉินอันอันรู้สึกเหมือนเธอขุดหลุมฝังตัวเองแน่นอนว่าเธอกังวลว่าเขาจะต้องอาบน้ำด้วยตัวเองแต่การที่จะให้เธออาบน้ำให้เขา เมื่อเทียบกับให้เธอยืนดูเขาอาบน้ำมันต่างกันตรงไหน?หลังจากเข้ามาในห้องนอน เธอก็ปิดประตู“เอาไม้ค้ำมาให้ผมหน่อย” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำเธอกำลังจะถามว่าไม้ค้ำอยู่ที่ไหน แต่เธอก็เห็นมันในอึดใจต่อมาเธอเอาไม้ค้ำไปให้เขาฉินอันอันยืนมองเขาลุกขึ้นจากรถเข็นด้วยไม้ค้ำในมือฉินอันอันรู้สึกหวาดกลัว “นี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงสองสามวันมานี่ผมก็อาบน้ำเอง” เสียงเขาเจือรอยยิ้ม “ผมทำคุณกลัวเหรอ?”เธอหน้าแดงอย่างเขินอาย “เมื่อกี้คุณตั้งใจจะล้อฉันเล่นหรือยังไง?”“ใช่ ดูสิท่าทางคุณตอนนี้สิเป็นยังไง?” เขาเดินไปทางห้องน้ำทีละก้าวด้วยไม้ค้ำเธอกังวลและตามเขาไปติด ๆ“คุณอยากดูผมอาบน้ำเหรอ?” เขาหยุดและถามเธอตอนที่เดินไปถึงห้องน้ำเธอส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าอย่างตระหนก “ฉันค่อนข้างกังวลน่ะ… คุณจะถอดกางเกงยังไง? มันจะโดนแผลรึเปล่า?”“ผมใส่แค่กางเกงตัวนอก” เขาอธิบาย “กางเกงนี่ทั้งหลวมแล้วก
หลังจากเอากล่องพยาบาลแล้วขึ้นไปด้านบน เธอก็นั่งย่อตัวลงข้าง ๆ ขาของเขาและแกะผ้าพันแผลออกให้บาดแผลของเขารุนแรงกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีกผิวบริเวณกว้างหลุดหายออกไปจากขา และเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด…‘นี่ต้องเจ็บมากขนาดไหนกัน?’แต่เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำเธอใส่ยาให้เขาและรีบพันแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาได้ยินเสียงหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้น ดังนั้นเขาเลยพูดเพื่อทำลายความเงียบ “ฉินอันอัน แผลมันดูน่ากลัวแต่ว่าไม่ได้เจ็บอะไรหรอก”เขาอยากจะปลอบเธอแต่เธอไม่ต้องการคำปลอบใจลวง ๆ ของเขาเธอเอานิ้วจิ้มแผลเขาอย่างแรงคราวนี้เขาไม่ได้ทันตั้งตัวจึงสูดปากด้วยความเจ็บปวด“ไหนบอกฉันอีกทีสิ เจ็บหรือเปล่า?” เธอจ้องเขาตาแดงก่ำเขาเอามือไพล่หลังแล้วหรี่ตาเล็กน้อยก่อนพูดเสียงแข็ง “ไม่เจ็บ”เขาเดาว่าเธอไม่กล้าจิ้มแผลเขาอีกทีแน่เพราะเขาเจ็บและหัวใจเธอจะเจ็บยิ่งกว่า“นอนลงแล้วพักผ่อนซะ คุณต้องนอนบนเตียงไปอีกอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ เลิกวิ่งไปวิ่งมาได้แล้ว”เธอพูดอย่างมีโทสะ จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องน้ำไปเขานั่งพิงหัวเตียงและหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเขากดหมายเลขและถามเสียงเย็น “ตรวจส