ฉินอันอันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ตอนนี้ปากเธอแห้งผาก เธอเลยหยิบซุปเนื้อแกะที่เซิ่งเป่ยเอามาให้ขึ้นมากินเซิ่งเป่ยเคาะนิ้วบนโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ พวกนายสองคนคิดว่าเราไม่รู้หรือไงว่าพวกนายส่งข้อความหากันน่ะ?”ฉินอันอันกลัวว่าฟู่ซื่อถิงจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกมา เธอก็เลยพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว เขาก็เหมือนกัน เพราะงั้นเราขอกลับก่อนนะคะ”เซิ่งเป่ยล้อ “ก็ได้ เราเองก็อิ่มเหมือนกัน กินอาหารหมาเข้าไปขนาดนี้ก็คงต้องอิ่มแล้ว”…… ที่ตระกูลฟู่เรื่องการสังหารฟู่ซื่อถิงเข้าหูแม่เฒ่าฟู่แล้วหญิงชรามาที่นั่นภายในคืนนั้นเมื่อเห็นว่าฉินอันอันก็อยู่ด้วย สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คืนนี้ตอนที่เจ้านายเกือบโดนรถชน คุณฉินก็พุ่งเข้ามากอดปกป้องเจ้านายเอาไว้ครับ” บอดี้การ์ดนั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาจึงรู้สึกว่าตนจำเป็นจะต้องบอกเรื่องนี้ให้หญิงชรารู้ “หากว่าผมยิงออกไปไม่ทันเวลาจนยางรถของฝ่ายตรงข้ามระเบิด รถก็จะพุ่งตรงเข้าไปชนแน่ คุณฉินเองก็จะต้องโดนชน แล้วก็ตายแน่นอน เพราะว่าเธอปกป้องเจ้านายไว้ เขาก็เลยยังรอดมาได้”หลังจากที่ฟังคำอธิบายจากบอดี้การ์ด ในหัวแม่เฒ่าฟู่ก็มีภาพโชกเลือดผุดขึ้นมา
“ผมก็จัดการตัวเอง” เขาตอบอย่างมั่นใจ “หากว่าคุณกังวล ก็ช่วยผมอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”ฉินอันอันรู้สึกเหมือนเธอขุดหลุมฝังตัวเองแน่นอนว่าเธอกังวลว่าเขาจะต้องอาบน้ำด้วยตัวเองแต่การที่จะให้เธออาบน้ำให้เขา เมื่อเทียบกับให้เธอยืนดูเขาอาบน้ำมันต่างกันตรงไหน?หลังจากเข้ามาในห้องนอน เธอก็ปิดประตู“เอาไม้ค้ำมาให้ผมหน่อย” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำเธอกำลังจะถามว่าไม้ค้ำอยู่ที่ไหน แต่เธอก็เห็นมันในอึดใจต่อมาเธอเอาไม้ค้ำไปให้เขาฉินอันอันยืนมองเขาลุกขึ้นจากรถเข็นด้วยไม้ค้ำในมือฉินอันอันรู้สึกหวาดกลัว “นี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงสองสามวันมานี่ผมก็อาบน้ำเอง” เสียงเขาเจือรอยยิ้ม “ผมทำคุณกลัวเหรอ?”เธอหน้าแดงอย่างเขินอาย “เมื่อกี้คุณตั้งใจจะล้อฉันเล่นหรือยังไง?”“ใช่ ดูสิท่าทางคุณตอนนี้สิเป็นยังไง?” เขาเดินไปทางห้องน้ำทีละก้าวด้วยไม้ค้ำเธอกังวลและตามเขาไปติด ๆ“คุณอยากดูผมอาบน้ำเหรอ?” เขาหยุดและถามเธอตอนที่เดินไปถึงห้องน้ำเธอส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าอย่างตระหนก “ฉันค่อนข้างกังวลน่ะ… คุณจะถอดกางเกงยังไง? มันจะโดนแผลรึเปล่า?”“ผมใส่แค่กางเกงตัวนอก” เขาอธิบาย “กางเกงนี่ทั้งหลวมแล้วก
หลังจากเอากล่องพยาบาลแล้วขึ้นไปด้านบน เธอก็นั่งย่อตัวลงข้าง ๆ ขาของเขาและแกะผ้าพันแผลออกให้บาดแผลของเขารุนแรงกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีกผิวบริเวณกว้างหลุดหายออกไปจากขา และเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด…‘นี่ต้องเจ็บมากขนาดไหนกัน?’แต่เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำเธอใส่ยาให้เขาและรีบพันแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาได้ยินเสียงหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้น ดังนั้นเขาเลยพูดเพื่อทำลายความเงียบ “ฉินอันอัน แผลมันดูน่ากลัวแต่ว่าไม่ได้เจ็บอะไรหรอก”เขาอยากจะปลอบเธอแต่เธอไม่ต้องการคำปลอบใจลวง ๆ ของเขาเธอเอานิ้วจิ้มแผลเขาอย่างแรงคราวนี้เขาไม่ได้ทันตั้งตัวจึงสูดปากด้วยความเจ็บปวด“ไหนบอกฉันอีกทีสิ เจ็บหรือเปล่า?” เธอจ้องเขาตาแดงก่ำเขาเอามือไพล่หลังแล้วหรี่ตาเล็กน้อยก่อนพูดเสียงแข็ง “ไม่เจ็บ”เขาเดาว่าเธอไม่กล้าจิ้มแผลเขาอีกทีแน่เพราะเขาเจ็บและหัวใจเธอจะเจ็บยิ่งกว่า“นอนลงแล้วพักผ่อนซะ คุณต้องนอนบนเตียงไปอีกอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ เลิกวิ่งไปวิ่งมาได้แล้ว”เธอพูดอย่างมีโทสะ จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องน้ำไปเขานั่งพิงหัวเตียงและหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเขากดหมายเลขและถามเสียงเย็น “ตรวจส
ข่าวเรื่องการตายของฉินเค่อเคอมาถึงในตอนเจ็ดโมงเช้าเธอกระโดดออกจากหน้าต่างห้องของเธอในโรงแรมและตายคาที่ตำรวจติดต่อฉินอันอันผ่านข้อมูลส่วนตัวที่ฉินเค่อเคอทิ้งไว้ในโรงแรมฉินเจี๋ยนั้นตายไปแล้วและหวังหว่านจือก็อยู่ต่างประเทศ คนเดียวที่จะไปรับศพฉินเค่อเคอได้ก็คือฉินอันอันฉินอันอันยังไม่ตื่นดีในตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์หลังจากที่รับสายเธอก็คิดว่าตัวเองแค่ฝันไปเมื่อเธอได้สติตื่นเต็มตา เธอก็ดูประวัติการโทรในมือถือและพบว่าเธอไม่ได้ฝันไปเธอรีบลุกขึ้นและไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุโดยที่ไม่ได้มีเวลากินอาหารเช้าด้วยซ้ำ……“เจ้านาย เธอกระโดดออกไปเองครับ เราเปิดประตูเข้าไปในห้องเธอ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เธอก็หนีไปทางหน้าต่างและกระโดดออกไป เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะรู้สึกผิดอยู่”ลูกน้องรายงานให้ฟู่ซื่อถิงฟังฟู่ซื่อถิงจิบกาแฟและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไปเฝ้าดูฟู่เย่เฉินไว้”ฉินเค่อเคอกับฟู่เย่เฉินนั้นเป็นพวกเดียวกันฉินเค่อเคออยากจะฆ่าเขา ก็แปลว่าฟู่เย่เฉินเองก็ต้องคิดเหมือนกันอีกอย่างไม่แน่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องคราวนี้อาจจะไม่ใช่ฉินเค่อเคอเธออาจจะแค่โดนใช้เป็นแพะรับบาปเท่านั้นแต่เธอก็
เมื่อคิดเรื่องนี้ เธอก็กดเบอร์โทรหาฟู่เย่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่สักพักก่อนที่จะมีคนรับสาย “อันอัน คุณโทรหาผมมีอะไรเหรอ?”“ฟู่เย่เฉิน ฉินเค่อเคอตายแล้ว คุณรู้เรื่องนี้หรือยัง?”“อะไรนะ? เธอตายแล้วเหรอ? ผมไม่รู้เลย ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในโรงพยาบาล… เมื่อวานผมคุยโทรศัพท์กับเธอทุกอย่างก็ดูปกติดี…”“คุณไม่ได้ทะเลาะกับเธองั้นเหรอ?”“เปล่า” น้ำเสียงของฟู่เย่เฉินลื่นไหลเป็นธรรมชาติ หลังผ่านไปอึดใจ เขาก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ผมจำได้ว่าครั้งก่อนที่อาผมกลับมาจากมื้อเย็น เค่อเคอเองก็อยู่ด้วย พวกเขาสองคนดูไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ อาผมบอกว่าเธอคงจะอายุไม่ยืน แล้วเธอก็ดูกลัวมากเลยเพราะเรื่องนี้…”ฉินอันอันเปลี่ยนสีหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานกับวันนี้ฉันอยู่กับฟู่ซื่อถิง เขาไม่ได้ทำอะไรเลย”ฟู่เย่เฉินถอนใจ “อันอัน ทำไมเวลาที่พูดถึงอาผมคุณถึงต้องสติแตกด้วย? ผมก็แค่บอกเรื่องที่ผมรู้ แล้วผมก็กล้าบอกแค่คุณ หากว่าตำรวจมาถามผม ผมไม่มีทางจะแฉอาของผมแน่นอน…”ฉินอันอันตอบรับ “ฟู่เย่เฉิน ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าการตายของฉินเค่อเคอไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ตำรวจต้องขุดเรื่องนี้ไปจนถึงที่สุดแน่”น้ำเ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองนั้นตึงเครียดมาก แม้ว่าพวกเขาจะนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ก็ดูเหมือนพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลาป้าจางก็กลัวว่าทั้งสองจะจู่ ๆ ระเบิดใส่กัน ดังนั้นเธอเลยรีบเอาผลไม้ที่ปอกและหั่นเรียบร้อยแล้วมาวางไว้ให้“คุณผู้หญิงคะ ทานอาหารกลางวันหรือยังคะ? ฉันเตรียมอาหารไว้เผื่อคุณด้วย”ฉินอันอันผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันทีเธอเดินตรงไปที่ห้องอาหารฟู่ซื่อถิงมองแผ่นหลังของเธอ และชั่วขณะนั้นเขาก็ไม่อาจเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หากว่าเธอโกรธจริง ๆ เธอก็คงไม่ไปกินอาหารหรอกแต่แม้ว่าเธอจะไม่ได้โกรธ แต่สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นโกรธแทบตายฉินอันอันนั้นยังไม่กินทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหิวมากจนปวดท้องดูเหมือนว่าเธอกินอาหารมื้อนี้ไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงเพราะว่าเธอปวดท้อง การกินอาหารเร็วเกินไปก็ยิ่งทำให้ปวดมากขึ้นเมื่อเธอออกมาจากห้องรับประทานอาหารหลังกินเสร็จ ฟู่ซื่อถิงก็ไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว“คุณผู้หญิงคะ ตอนที่คนเราโกรธน่ะ ก็มักจะทำเรื่องตามอารมณ์ ทำไมคุณไม่ไปนอนพักก่อนสักครู่ล่ะคะ?” ป้าจางบอกฉินอันอันรู้สึกปวดหัว เธอจึงพยักหน้าเธอเดินไปที่ห้องขอ
‘หากเมื่อคืนเขาโดนรถชนตาย คนร้ายจะได้รับการโดนลงโทษไหม?’‘แม้คนผิดจะโดนลงโทษ แล้วเขาจะฟื้นขึ้นมาไหม?’‘ก็ไม่’“ฟู่ซื่อถิง ฉันไม่ว่าคุณ… แต่ฉันก็รับไม่ได้กับวิธีการที่คุณจัดการเรื่องพวกนี้ได้…” เธอสูดหายใจ เสียงเธอนุ่มละมุมเหมือนก้อนนุ่น“คุณไม่จำเป็นต้องรับให้ได้หรอก แค่รู้ว่าผมไม่มีทางทำร้ายคนบริสุทธิ์ก็พอ”“อืม”“มานอนเถอะ” เขาตบหลังเธอเบา ๆ เพื่อกล่อมให้เธอหลับเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา ได้กลิ่นเฉพาะกายของเขา เธอก็หลับไปอย่างรวดเร็วบ่ายห้าโมงเย็นฉินอันอันได้รับสายจากสถานีตำรวจ เพื่อบอกให้เธอไปที่สถานีตำรวจทันทีหลังจากวางสาย เธอก็คว้ากระเป๋าและออกไปโดยไม่ได้ร่ำลาฟู่ซื่อถิงเมื่อเธอนั่งรถแท็กซี่ไปถึงสถานีตำรวจ เธอก็เห็นหวังหว่านจือตาแดงก่ำพอหวังหว่านจือเห็นเธอ แววตาก็เต็มไปด้วยประสงค์ร้ายทั้งสองคนถูกตำรวจเชิญตัวมาและจับให้นั่งแยกกัน“หลังจากที่ตรวจดีเอนเอแล้ว ก็เป็นการยืนยันว่าผู้ตายนั้นคือฉินเค่อเคอจริง ๆ”หวังหว่านจือร้องไห้โฮเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ “ลูกสาวของฉันต้องโดนฆ่าแน่ ๆ เธอเป็นคนร่าเริงใจกว้าง ไม่มีทางที่จะฆ่าตัวตายแน่นอน”ตำรวจบอกว่า “หลังจากการสอบสวนและเ
ฉินอันอันสะบัดแขนหวังหว่านจือออกอย่างแรงเธอจำได้ว่านี่คือรถของฟู่ซื่อถิง ดังนั้นเธอจึงรีบไปที่รถประตูรถเปิดออกและมีบอดี้การ์ดเดินออกจากรถไปหาหวังหว่านจือฉินอันอันรู้ว่าจากนี้ไปเขาจะทำอะไร“อย่าแตะต้องเธอ” เธอเดินเข้าไปหาบอดี้การ์ดและดึงเขา “ลูกสาวเธอเพิ่งตาย จะอารมณ์พลุ่งพล่านไปหน่อยก็เข้าใจได้”“ฮ่าฮ่า… ฉินอันอัน ฉันไม่คิดว่าเธอจะโดนตระกูลฟู่เฉดหัวออกมา เธอนี่หลอกล่อผู้ชายได้เก่งจริง ๆ” หวังหว่านจือด่าบอดี้การ์ดยกมือขึ้นเตรียมจะตบเธอแต่ฉินอันอันก็หยุดไว้อีก “คุณเข้าไปในรถก่อน ฉันจะคุยกับเธอสักสองสามคำและกลับไปที่รถ”บอดี้การ์ดมองหวังหว่านจือตาเขม็งและเตือนเธอด้วยสายตาว่าอย่าได้ติดแตะต้องฉินอันอันแม้แต่ปลายเล็บหวังหว่านจือรู้สึกหนาวยะเยือก แต่เธอก็ทำได้เพียงต้องทนเท่านั้นลูกสาวเธอตายไปแล้ว จากนี้เธอต้องอยู่ให้ดีมีเพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้นถึงจะแก้แค้นให้ลูกได้หลังจากที่บอดี้การ์ดกลับไปที่รถแล้ว ฉินอันอันก็บอกหวังหว่านจือว่า “คุณจะคิดว่าใครเป็นฆาตกรก็คิดไป แต่ว่าอย่ามาพูดถึงพ่อต่อหน้าฉัน หากว่าพ่อฉันกลายเป็นผี คนแรกที่เขาจะไม่ปล่อยไปก็คือคุณ คุณจัดแจงให้น้องชายตัวเองเ