ฉินอันอันสะบัดแขนหวังหว่านจือออกอย่างแรงเธอจำได้ว่านี่คือรถของฟู่ซื่อถิง ดังนั้นเธอจึงรีบไปที่รถประตูรถเปิดออกและมีบอดี้การ์ดเดินออกจากรถไปหาหวังหว่านจือฉินอันอันรู้ว่าจากนี้ไปเขาจะทำอะไร“อย่าแตะต้องเธอ” เธอเดินเข้าไปหาบอดี้การ์ดและดึงเขา “ลูกสาวเธอเพิ่งตาย จะอารมณ์พลุ่งพล่านไปหน่อยก็เข้าใจได้”“ฮ่าฮ่า… ฉินอันอัน ฉันไม่คิดว่าเธอจะโดนตระกูลฟู่เฉดหัวออกมา เธอนี่หลอกล่อผู้ชายได้เก่งจริง ๆ” หวังหว่านจือด่าบอดี้การ์ดยกมือขึ้นเตรียมจะตบเธอแต่ฉินอันอันก็หยุดไว้อีก “คุณเข้าไปในรถก่อน ฉันจะคุยกับเธอสักสองสามคำและกลับไปที่รถ”บอดี้การ์ดมองหวังหว่านจือตาเขม็งและเตือนเธอด้วยสายตาว่าอย่าได้ติดแตะต้องฉินอันอันแม้แต่ปลายเล็บหวังหว่านจือรู้สึกหนาวยะเยือก แต่เธอก็ทำได้เพียงต้องทนเท่านั้นลูกสาวเธอตายไปแล้ว จากนี้เธอต้องอยู่ให้ดีมีเพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้นถึงจะแก้แค้นให้ลูกได้หลังจากที่บอดี้การ์ดกลับไปที่รถแล้ว ฉินอันอันก็บอกหวังหว่านจือว่า “คุณจะคิดว่าใครเป็นฆาตกรก็คิดไป แต่ว่าอย่ามาพูดถึงพ่อต่อหน้าฉัน หากว่าพ่อฉันกลายเป็นผี คนแรกที่เขาจะไม่ปล่อยไปก็คือคุณ คุณจัดแจงให้น้องชายตัวเองเ
”แม่ครับ ผมเอง” ฟู่ซื่อถิงบอกฉินอันอันสำลักออกมาทันทีเขาเรียกแม่ของเธอว่าแม่จริง ๆ“แม่ครับคืออย่างนี้ อันอันบอกว่าเธออยากกินอาหารฝีมือแม่ แต่เพราะขาผมไม่ดีเราเลยไปที่นั่นไม่ได้ ดังนั้นผมก็เลยจะหาร้านอาหารข้างนอก แม่จะสะดวกไหมครับถ้าออกมาทำอาหารให้สักหน่อย?”เสียงของฟู่ซื่อถิงอ่อนโยนและสงบนิ่งจางหยุน “ได้สิ ส่งที่อยู่มาแล้วฉันจะไปทันที”ฟู่ซื่อถิง “ขอบคุณที่ยอมลำบากนะครับ”หลังจากที่วางสาย เขาก็ส่งที่อยู่ไปให้จางหยุนฉินอันอันมองสิ่งที่เขาทำอย่างอึ้ง ๆ “ฟู่ซื่อถิง นี่คุณบ้าหรือเปล่า? ฉันก็แค่พูดไปส่ง ๆ เท่านั้น… คุณถึงกับโทรหาแม่ฉันให้แม่ออกมาทำอาหารจริง ๆ” ฉินอันอันว่าเขา “ฉันไม่เคยเห็นคุณถือเรื่องที่ฉันพูดเป็นจริงเป็นจังมาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับคุณกัน?”“จากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงแล้ว” ลูกกระเดือกเขาขยับ แววตาและน้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังเหมือนจะมีคลื่นความร้อนโถมเข้าใส่เธอพวงแก้มของเธอแดงก่ำทันที ราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำ“ไม่เอา” เธอปฏิเสธ “หากว่าคราวหน้าฉันทะเลาะกับคุณแล้วฉันบอกว่าอยากตีคุณให้ตายล่ะ คุณจะตีตัวเองจนตายหรือไง?”ฟู่ซื่อถิง “ฉินอันอัน คุณเลิกคิดเ
ที่ห้องอาหารจางหยุนนำอาหารที่ทำเสร็จแล้วมาที่โต๊ะอาหาร“อันอัน มานี่สิ” จางหยุนพูดกับลูกสาวฉินอันอันเดินตามแม่ของเธอและเดินไปที่ห้องน้ำ“ลูกทะเลาะกับฟู่ซื่อถิงอีกแล้วเหรอ?” จางหยุนถาม“เห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอคะแม่?” ใบหน้าฉินอันอันไม่แสดงอารมณ์ใดบางทีอาจจะเพราะว่าเธอผิดหวังมาหลายครั้งจนหัวใจด้านชา“ใช่ ลูกสองคนดูเหมือนคู่แต่งงานที่ความสัมพันธ์จบสิ้น และพร้อมจะหย่าทุกเมื่อ” จางหยุนอธิบาย “ตอนที่แม่ไปที่ว่าการอำเภอกับพ่อเพื่อหย่ากัน ตอนนี้ลูกสองคนก็ดูเหมือนพวกเราในตอนนั้นเลย”ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “แม่คะ หนูกับเขาไม่ได้คุยกันเรื่องหย่าหรอก ก็ยังคงเป็นเรื่องลูกน่ะ… เราตกลงกันไม่ได้”“อ๋อ เขายังไม่อยากจะมีลูกใช่ไหม? ลูกบอกเหตุผลเขาไปหรือเปล่า?”ฉินอันอันส่ายหน้า “เขาเป็นซึมเศร้าค่ะ พอหนูคิดเรื่องที่เขาไม่สบาย หนูก็บอกตัวเองว่าต้องใจกว้างเข้าไว้”“น่าสงสารจริง” จางหยุนถอนใจ “มีเงินเยอะไปแล้วช่วยอะไรได้? สุขภาพต่างหากที่สำคัญที่สุด แม่คิดว่าเราร่ำรวยกว่าเขาอีกนะ”“นั้นเพราะว่าแม่ไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหนน่ะสิคะ” ฉินอันอันยกยิ้มและจับมือแม่ไว้ด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ “แม่ ขอบคุณที่คื
ขาของเขาหายดีขึ้นมาและเขาก็สามารถเดินได้มากขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยไม่ค้ำหลังลุกออกจากเตียง เขาก็ไปที่ห้องแต่งตัวและเลือกชุดที่เขาจะสวมวันนี้ออกมาจากตู้เสื้อผ้าเสื้อผ้าเขาส่วนใหญ่เป็นสีเข้มเขานิ่วหน้าเล็กน้อยเสื้อผ้าสีเข้ม ๆ พวกนี้มันดูหม่นหมองเกินไปเขาเลือกเสื้อผ้าที่พอใจไม่ได้ ก็เลยเดินออกมาจากห้องแต่งตัวและโทรหาโจวจื่ออี้“จื่ออี้ ฉันอยากได้เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ”โจวจื่ออี้ “ได้ครับคุณฟู่ คุณอยากได้เสื้อผ้าแบบสบาย ๆ หรือแบบเป็นทางการครับ”“แบบสบาย ๆ”“ได้ครับ ผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้” โจวจื่ออี้บอก “อีกอย่างนักออกแบบเครื่องประดับที่คุณบอกให้ผมติดต่อให้ ร่างแบบเสร็จแล้วนะครับ ผมส่งภาพไปให้คุณทางอีเมลแล้ว คุณตกลงเมื่อไหร่เราก็ลงมือทำได้ทันที”ฟู่ซื่อถิง “ได้”หลังจากวางสาย เขาก็ไปที่ห้องทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์ตรุษจีนปีนี้จะเป็นปีแรกของเขากับฉินอันอันเขาอยากจะให้ของขวัญเธอเขากดที่กล่องข้อความและกดดูที่อีเมลล่าสุดภาพร่างของแหวนเพชรก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านักออกแบบได้ทำตามแบบที่เขาต้องการเขารู้สึกว่าฉินอันอันนั้นบริสุทธิ์และสะอาดเหมือนเกล็ดหิมะ ดังนั้นแหวนเพชรจึงออกแบบมาในรูปแบบขอ
ฉินอันอันไม่ได้เถียงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่ซื่อถิงมันน่าเบื่อจริง ๆอย่างเช่นอาทิตย์ก่อน พวกเขาสองคนก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยเขานั้นไม่ทำงานอยู่ในห้อง ก็อ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นเธอเองก็เขียนวิทยานิพนธ์ ไม่ก็อ่านหนังสือไปกับเขาในห้องนั่งเล่นเขาอ่านหนังสือภาษาอื่นที่เธอไม่แม้แต่จะเข้าใจชื่อหนังสือแต่เธอเชื่อว่าเขาเองก็คงไม่ได้เข้าใจหนังสือประสาทวิทยาที่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งเขียนโดยศาสตราจารย์หูชิงหรอกดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า“อันอัน เธอว่าสร้อยคอฉันเป็นยังไง?” จู่ ๆ หลีเสี่ยวเถียนก็ถอดจี้สร้อยคอที่ใส่ไว้ออกมาอวดฉินอันอัน“สวยมากเลย แฟนเธอให้เป็นของขวัญมาเหรอ?”“ใช่แล้ว เขาให้ของขวัญปีใหม่กับฉัน บนนี้มีชื่อฉันสลักไว้ด้วย”“เสี่ยวเถียน เธอก็เข้าแอพพลิเคชั่นซื้อของออนไลน์แล้วซื้อมาสักสิบกว่าอันเป็นยังไง แถมเขาก็แกะสลักให้ฟรีด้วย” ฉินอันอันพูดตรง ๆ “เวลามีความรักเธอต้องตั้งสติไว้หน่อยนะ”เสี่ยวเถียนไม่สนใจ “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มันแกะสลัก แต่ว่ามันเป็นของขวัญที่เขาให้ฉัน ฉันมีความสุขมาก หากสักวันเขาไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว เราก็คงต้องใกล้จะเ
ผมเธอมัดเป็นหางม้า และเธอก็ใส่เสื้อถักสีฟ้าพร้อมกระโปรงสีขาวตัวหลวม เธอถือกีตาร์และนั่งลงตรงกลางเวทีเธอปรับความสูงของไมโครโฟนจากนั้นแสงไฟก็หรี่ลงและสปอตไลท์ก็สาดตรงไปที่เธอเสียงกีตาร์ไพเราะเริ่มบรรเลง ตามมาด้วยเสียงกระจ่างฟังเสนาะหูของเธอท่ามกลางผู้ชมฉินอันอันไม่ได้มองไปที่คนผู้นั้นเป็นพิเศษแต่เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เธอเพื่อทำให้เข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้มากขึ้น เธอจึงหลับตาลงหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้นมีกลีบดอกไม้หลากสีปลิวลงมาจากด้านบนเหล่าคนดูต่างก็ร้องกรี๊ดกร๊าดกันอย่างบ้าคลั่งฉินอันอันลืมตาขึ้นและแพขนตาเธอก็ขยับไหวกลีบดอกไม้กลีบหนึ่งหล่นจากเปลือกตาเธอ และใบหน้าเธอก็ฉายแววประหลาดใจไม่มีใครบอกเธอว่าระหว่างการแสดงจะมีการโปรยกลีบดอกไม้นี่เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยคิดขึ้นมาปุบปับรึเปล่า?แก้มของเธอร้อนฉ่า และเธอก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลงต่อ…ทันใดนั้นก็มีโดรนบินมาที่กลางเวทีบนโดรนนั้นมีช่อดอกไม้อยู่ภาพตรงหน้าทำให้เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้งเสียงกรี๊ดดังไม่หยุด และหัวใจฉินอันอันก็สับสนหลีเสี่ยวเถียนตะโกนมาจากหลังเวที “ฉันไ
ฉินอันอันรู้สึกถึงชายที่ยืนอยู่ข้างกาย และเธอก็รู้สึกว่าร่างแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเสื้อผ้าที่เขาใส่มาวันนี้ทำให้เขาดูเด็กลงมากแต่เขาก็ยังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนอายุมากกว่า ซึ่งนั่นน่าจะกวนใจเขาไม่น้อยเลย“ผมเป็นคนของฉินอันอัน…” ฟู่ซื่อถิงพูด“ฉันไม่รู้จักเพื่อนร่วมชั้นชายคนนี้นะ” ฉินอันอันฉวยโอกาสคว้ามือใหญ่ของฟู่ซื่อถิงมากุมไว้และอธิบายกับเขา “ข้างนอกนี่หนาวมาก เราเข้าไปในรถกันดีกว่า”เวลาเดียวกันหลีเสี่ยวเถียนก็ดึงถึงเพื่อนร่วมชั้นชายคนนั้นออกไปหลังจากที่ฉินอันอันมองหลีเสี่ยวเถียนอย่างขอบคุณแล้ว เธอก็ช่วยพยุงฟู่ซื่อถิงเดินกลับไปที่รถโรลสลอยส์คันสีดำ“ฟู่ซื่อถิง ขาคุณยังไม่หายดี คุณเลยเดินไม่ถนัดนัก” ฉินอันอันพูดอย่างกังวล“มันไม่ได้เจ็บแล้ว” สายตาเขาชำเลืองมองช่อดอกไม้ในมือของเธอ และน้ำเสียงเขาก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ในช่อดอกไม้มีของขวัญอยู่ด้วย”“คะ?” เธอมองเขางง ๆ “คุณเตรียมของขวัญไว้ให้ฉันด้วยเหรอ? แต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรให้คุณเลย”มีความรู้สึกเขินอายเจืออยู่ในอากาศอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขาทั้งสองคนก็อยู่แต่ที่บ้านและไม่ได้ออกไปซื้อของ ก็เลยไม่มีเวลาเตรียมของขวัญฟู่ซื่อถ
เซิ่งเป่ย : ‘ภรรยาคุณร้องเพลงเพราะมาก เสียดายที่ไม่ได้ไปเป็นนักร้อง’เธออดไม่ได้ที่จะกดอ่านข้อความเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเปิดมือถือของเขาได้หากว่ามือถือของเขาล็อกหน้าจอไว้ เธอก็เปิดไม่ได้แต่ว่าเธอก็กดไปแล้วเซิ่งเป่ยส่งข้อความดังกล่าวมาพร้อมกับวิดีโอเป็นวิดิโอที่เธอทำการแสดงและร้องเพลงในงานปาร์ตี้หลีเสี่ยวเถียนเองก็เพิ่งส่งวิดีโอนี่มาให้เธอเหมือนกันหล่อนบอกเธอว่าตอนนี้เธอโด่งดังมากในหน้าเพจของมหาวิทยาลัยเธอกดปุ่มกลับและวางมือถือเขาลงตอนที่เธอกำลังวางมือถือลง นิ้วก็บังเอิญไปแตะที่คลังภาพในมือถือและรูปในนั้นก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของเธอ…… ตอนที่ฟู่ซื่อถิงออกมาจากห้องน้ำ ฉินอันอันก็กวักมือเรียกเขาเขารีบมาที่เตียงและนั่งลง“จู่ ๆ ฉันก็สนใจเรื่องทำอาหารขึ้นมา ครั้งหน้าฉันทำอาหารให้คุณกินดีไหมคะ?” เธอปรึกษาเขาเขามองเธองง ๆ “คุณพูดจริงจังเหรอ?”“จริงสิ แต่ฉันรับประกันไม่ได้หรอกนะว่าที่ฉันทำจะอร่อย เพราะว่าฉันไม่เคยทำมาก่อน” ดวงตาเธอฉายแววตื่นเต้นกับสิ่งใหม่“งั้นพรุ่งนี้คุณก็ลองดู”“โอเคค่ะ” เธอมองชุดนอนสีเทาที่เขาสวมอยู่และแนะนำเขาว่า “คุณใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ แล