ผมเธอมัดเป็นหางม้า และเธอก็ใส่เสื้อถักสีฟ้าพร้อมกระโปรงสีขาวตัวหลวม เธอถือกีตาร์และนั่งลงตรงกลางเวทีเธอปรับความสูงของไมโครโฟนจากนั้นแสงไฟก็หรี่ลงและสปอตไลท์ก็สาดตรงไปที่เธอเสียงกีตาร์ไพเราะเริ่มบรรเลง ตามมาด้วยเสียงกระจ่างฟังเสนาะหูของเธอท่ามกลางผู้ชมฉินอันอันไม่ได้มองไปที่คนผู้นั้นเป็นพิเศษแต่เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เธอเพื่อทำให้เข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้มากขึ้น เธอจึงหลับตาลงหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้นมีกลีบดอกไม้หลากสีปลิวลงมาจากด้านบนเหล่าคนดูต่างก็ร้องกรี๊ดกร๊าดกันอย่างบ้าคลั่งฉินอันอันลืมตาขึ้นและแพขนตาเธอก็ขยับไหวกลีบดอกไม้กลีบหนึ่งหล่นจากเปลือกตาเธอ และใบหน้าเธอก็ฉายแววประหลาดใจไม่มีใครบอกเธอว่าระหว่างการแสดงจะมีการโปรยกลีบดอกไม้นี่เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยคิดขึ้นมาปุบปับรึเปล่า?แก้มของเธอร้อนฉ่า และเธอก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลงต่อ…ทันใดนั้นก็มีโดรนบินมาที่กลางเวทีบนโดรนนั้นมีช่อดอกไม้อยู่ภาพตรงหน้าทำให้เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้งเสียงกรี๊ดดังไม่หยุด และหัวใจฉินอันอันก็สับสนหลีเสี่ยวเถียนตะโกนมาจากหลังเวที “ฉันไ
ฉินอันอันรู้สึกถึงชายที่ยืนอยู่ข้างกาย และเธอก็รู้สึกว่าร่างแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเสื้อผ้าที่เขาใส่มาวันนี้ทำให้เขาดูเด็กลงมากแต่เขาก็ยังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนอายุมากกว่า ซึ่งนั่นน่าจะกวนใจเขาไม่น้อยเลย“ผมเป็นคนของฉินอันอัน…” ฟู่ซื่อถิงพูด“ฉันไม่รู้จักเพื่อนร่วมชั้นชายคนนี้นะ” ฉินอันอันฉวยโอกาสคว้ามือใหญ่ของฟู่ซื่อถิงมากุมไว้และอธิบายกับเขา “ข้างนอกนี่หนาวมาก เราเข้าไปในรถกันดีกว่า”เวลาเดียวกันหลีเสี่ยวเถียนก็ดึงถึงเพื่อนร่วมชั้นชายคนนั้นออกไปหลังจากที่ฉินอันอันมองหลีเสี่ยวเถียนอย่างขอบคุณแล้ว เธอก็ช่วยพยุงฟู่ซื่อถิงเดินกลับไปที่รถโรลสลอยส์คันสีดำ“ฟู่ซื่อถิง ขาคุณยังไม่หายดี คุณเลยเดินไม่ถนัดนัก” ฉินอันอันพูดอย่างกังวล“มันไม่ได้เจ็บแล้ว” สายตาเขาชำเลืองมองช่อดอกไม้ในมือของเธอ และน้ำเสียงเขาก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ในช่อดอกไม้มีของขวัญอยู่ด้วย”“คะ?” เธอมองเขางง ๆ “คุณเตรียมของขวัญไว้ให้ฉันด้วยเหรอ? แต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรให้คุณเลย”มีความรู้สึกเขินอายเจืออยู่ในอากาศอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขาทั้งสองคนก็อยู่แต่ที่บ้านและไม่ได้ออกไปซื้อของ ก็เลยไม่มีเวลาเตรียมของขวัญฟู่ซื่อถ
เซิ่งเป่ย : ‘ภรรยาคุณร้องเพลงเพราะมาก เสียดายที่ไม่ได้ไปเป็นนักร้อง’เธออดไม่ได้ที่จะกดอ่านข้อความเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเปิดมือถือของเขาได้หากว่ามือถือของเขาล็อกหน้าจอไว้ เธอก็เปิดไม่ได้แต่ว่าเธอก็กดไปแล้วเซิ่งเป่ยส่งข้อความดังกล่าวมาพร้อมกับวิดีโอเป็นวิดิโอที่เธอทำการแสดงและร้องเพลงในงานปาร์ตี้หลีเสี่ยวเถียนเองก็เพิ่งส่งวิดีโอนี่มาให้เธอเหมือนกันหล่อนบอกเธอว่าตอนนี้เธอโด่งดังมากในหน้าเพจของมหาวิทยาลัยเธอกดปุ่มกลับและวางมือถือเขาลงตอนที่เธอกำลังวางมือถือลง นิ้วก็บังเอิญไปแตะที่คลังภาพในมือถือและรูปในนั้นก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของเธอ…… ตอนที่ฟู่ซื่อถิงออกมาจากห้องน้ำ ฉินอันอันก็กวักมือเรียกเขาเขารีบมาที่เตียงและนั่งลง“จู่ ๆ ฉันก็สนใจเรื่องทำอาหารขึ้นมา ครั้งหน้าฉันทำอาหารให้คุณกินดีไหมคะ?” เธอปรึกษาเขาเขามองเธองง ๆ “คุณพูดจริงจังเหรอ?”“จริงสิ แต่ฉันรับประกันไม่ได้หรอกนะว่าที่ฉันทำจะอร่อย เพราะว่าฉันไม่เคยทำมาก่อน” ดวงตาเธอฉายแววตื่นเต้นกับสิ่งใหม่“งั้นพรุ่งนี้คุณก็ลองดู”“โอเคค่ะ” เธอมองชุดนอนสีเทาที่เขาสวมอยู่และแนะนำเขาว่า “คุณใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ แล
ช่วงบ่ายพวกเขาก็กลับบ้านพักผ่อนเพราะคืนนี้พวกเขาต้องอดนอนข้ามปีหลังจากที่ฟู่ซื่อถิงหลับ ฉินอันอันก็ลืมตาขึ้นมาเธอมองหน้าเขา แต่มองยังไงก็ยังไม่พอเสียดายที่เวลาหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ ถ้าหยุดไว้ได้ก็คงจะดี!ฟู่ซื่อถิงตื่นขึ้นสี่โมงเย็น แต่ไม่เจอฉินอันอันเขาลุกขึ้นและลงไปหาเธอที่ชั้นล่าง“ตื่นแล้วเหรอคะ?!” ฉินอันอันกำลังเตรียมอาหารเย็น “เย็นนี้ฉันว่าจะทำอาหารยุโรป คุณว่าไงคะ?”ฟู่ซื่อถิงเดินไปที่ประตูห้องครัวและเห็นว่าเธอกำลังยุ่ง จึงรู้สึกโล่งใจ“งั้นผมทำให้” เขาพูด“คุณทำเป็นเหรอ?” ฉินอันอันมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ถ้าคุณทำเป็น คุณก็ทำเลย! ฉันยังไม่เคยกินอาหารฝีมือคุณเลย!”เธอถอดผ้ากันเปื้อนออก“ถึงผมจะไม่เคยทำ แต่ผมก็ทำตามสูตรได้” เขาหยิบผ้ากันเปื้อนจากมือเธอ “คุณไปรอที่ห้องนั่งเล่นเถอะ”“ฉันขอดูคุณทำได้ไหมคะ?” เธอพูดพลางยิ้มแน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธเขาเดินไปเอาเก้าอี้ให้เธอนั่งเธอนั่งบนเก้าอี้และดูเขาทำอาหารเย็นอย่างเพลิดเพลินไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะดูเชี่ยวชาญในสายตาคนอื่นเสมอตอนเย็นฉินอันนันกินสเต็กที่เขาทำและชมว่า “อร่อยกว่าร้านอาหารอีกค่ะ”ฟู่ซื่อถิง “ร้าน
“อันอัน สุขสันต์วันปีใหม่นะ” เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอเธอกลับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟู่ซื่อถิง ฉันต้องไปแล้ว”เมื่อเธอพูดจบเขาไม่ทันได้โต้ตอบ เธอก็ถอดแหวนเพชรออกจากนิ้ว“ฉันคืนให้ค่ะ”เธอยัดแหวนเพชรเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา“ฉันชอบคุณนะ แต่ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตามีเป็นประกายน้ำตาเล็กน้อย “ในคอมพิวเตอร์ของคุณมีรูปของผู้หญิงคนนั้น ในโทรศัพท์คุณก็มีรูปของผู้หญิงคนนั้น ในใจคุณก็ต้องมีเธอด้วยเหมือนกัน ฉันยอมรับว่าคุณดีกับฉันมาก แต่คุณรักผู้หญิงคนนั้นมากกว่า ฉันจะไม่บังคับให้คุณอธิบาย และฉันก็ไม่บังคับให้คุณลืมเธอ เพราะฉันรู้ดีว่าถึงฉันจะบังคับคุณ มันก็เปล่าประโยชน์”“เราเลิกกันเถอะ!” เธอไม่ได้ถาม ้พียงแต่บอกเขาร่างกายของฟู่ซื่อถิงแข็งทื่อพร้อมกับสายตาไม่เชื่อก่อนที่เธอจะบอกเลิก เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ยังรักกันดีในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านมา เธอทำอาหารให้เขากินทุกวัน พาเขานอนทุกคืน...เขาคิดว่าจะรักกันแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า‘เธอมีความคิดที่จะเลิกกันตั้งแต่เมื่อไหร่?’เขาเดาไม่ออกเลย‘คงจะเป็นหลังปีใหม่’‘หรืออาจจะเร
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเมืองเอ สำนักงานขายขายอสังหาริมทรัพย์สตาร์ริเวอร์ฉินอันอันมองโมเดลอย่างละเอียดพนักงานขายสังเกตว่าเธอยังเด็กจึงถามว่า “ที่นี่เรามีบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแยกชั้น คุณผู้หญิงสนใจแบบไหนคะ?”ฉินอันอัน “ยังมีบ้านเดี่ยวไหมคะ?”พนักงานขายเห็นตาของเธอเป็นประกาย “มีค่ะ! ยังมีอีกหนึ่งหลัง แต่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง ประมาณสามร้อยตาราง...ราคาบ้านเดี่ยวสูงกว่าทาวน์เฮ้าส์และบ้านแยกชั้น ดังนั้น...”ฉินอันอัน “ถ้าฉันจ่ายตอนนี้ ฉันจะได้ย้ายเข้าเลยไหมคะ?”พนักงานขายรีบพยักหน้า “ได้ค่ะ! บ้านของเราตกแต่งอย่างหรูหราและมีเฟอร์นิเจอร์แถมให้ ลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยค่ะ”ฉินอันอัน “ค่ะ งั้นคุณช่วยคิดราคาให้หน่อย”พนักงานขาย “สามสิบล้านค่ะ ถึงราคาจะสูงสักหน่อยแต่หลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวหลังเดียวในโครงการ ถ้าคุณคิดว่าราคาค่อนข้างสูง...”ฉินอันอันเหลือบมองไปด้านข้างจางหยุนอุ้มรุ่ยลาลูกสาวของเธอไว้ในอ้อมแขน รุ่ยลาหลับแล้ว ตอนนี้เธอต้องหาที่พักฉินอันอันมองกลับมาแล้วพูดกับพนักงานขาย “พาฉันไปดูบ้านหน่อยค่ะ”พนักงานขายจึงพาเธอไปดูบ้านทันทีจางหยุนและลูกสองคนรออยู่ในสำนักงานขายเด็กผู
“อันอัน แม่จะซื้อของใช้กับกับข้าว ถ้าง่วงก็ไปพักผ่อนเถอะ” จางหยุนพูดกับฉินอันอันฉินอันอันเปิดกระเป๋าเดินทางและหยิบของออกมาทีละอย่าง“แม่ออกไปข้างนอกก็ระวังด้วยนะคะ หนูยังไม่ง่วงเลย หนูจะเก็บของสักหน่อย”“จ้ะ งั้นแม่ออกไปก่อนนะ”หลังจากที่จางหยุนจากไป ภายในห้องก็เงียบลงฉินอันอันรีบเก็บของและไปดูเด็ก ๆ ที่ห้องรุ่ยลายังหลับอยู่ ส่วนจือหานก็นอนอยู่ข้าง ๆเธอถอยออกจากห้องเธอถอนหายใจเบา ๆ สีหน้าดูโศกเศร้าจือหานเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่เขาแตกต่างจากเด็กทั่วไปเขาไม่ชอบพูดและไม่ยอมคุยกับคนแปลกหน้าเขาอายุสี่ขวบแล้วแต่ยังไม่ได้ไปโรงเรียนฉินอันอันพาเขาไปตรวจร่างกายแล้วหลายครั้ง ร่างกายของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ แถมสมองของเขายังพัฒนาเร็วกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำแต่เขามีปัญหาทางด้านจิตใจฉินอันอันพาเขาไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ยังไม่หายโชคดีที่รุ่ยลาลูกสาวของเธอไม่มีปัญหานี้แม้ว่ารุ่ยลาจะไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่เธอก็ยังรู้จักแสดงอารมณ์จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นฉินอันอันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย“อันอัน เธอหาที่อยู่ได้แล้วหรือยัง?” ปลายสายคือผู้ช่วยเว่ยเจินซึ่งเป็นผู้ช่วยของศาส
รุ่ยลาเบิกตากว้างอ้าปากค้างและมองที่รูปถ่ายของฟู่เย่เฉินบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค“ว้าว! พ่อหล่อมาก!”จือหานปิดโน๊ตบุ๊คและสาปแช่งในใจ ‘หล่อแล้วไง! คนขี้ขลาดตาขาวไม่คู่ควรกับแม่!’“พี่คะ! เมื่อไหร่เราจะได้เจอพ่อเหรอ? ถ้าเขารู้เรื่องของเรา เขาจะดีใจไหม?” รุ่ยลาเพ้อฝันถึงพ่อของเธอเพราะฉินอันอันไม่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับพ่อต่อหน้าพวกเขาเลยทุกครั้งที่รุ่ยลาถามว่าพ่อของเธอคือใคร เธอจะบอกลูกสาวว่าไม่มีพ่อเสี่ยวหานนอนลงบนเตียงอีกครั้ง เขามองเพดานแล้วพูดสี่คำ “เป็นไปไม่ได้”รุ่ยลาเศร้าเล็กน้อยพลางพูดด้วยสีหน้าหดหู่ “ทำไมล่ะคะ? เราไม่ได้ไปขอเงินเขา แค่อยากให้เขามาอยู่กับเราแค่นั้นเอง!”เสี่ยวหาน “นอนเถอะ”รุ่ยลางอแง “พี่คะ หนูนอนไม่หลับ หนูอยากเจอพ่อ”เสี่ยวหานผิดหวังกับ 'พ่อ' ของเขามาก เขาจึงรู้สึกกดดันและหมดอดทนลง “หุบปาก”รุ่ยลาเงียบทันทีเธอรู้สึกได้ว่าพี่ชายอารมณ์ไม่ดี เธอจึงยื่นแขนเล็ก ๆ ออกมากอดเขา แล้วพูดเบา ๆ “พี่คะ หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่โกรธ ถ้าพี่ไม่อยากเจอพ่อ งั้นหนูก็ไม่อยากเจอแล้ว”เสี่ยวหานยกแขนขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไว้พี่จะบอกทีหลัง”รุ่ยลากอดพี่ชายอีกค