ข่าวเรื่องการตายของฉินเค่อเคอมาถึงในตอนเจ็ดโมงเช้าเธอกระโดดออกจากหน้าต่างห้องของเธอในโรงแรมและตายคาที่ตำรวจติดต่อฉินอันอันผ่านข้อมูลส่วนตัวที่ฉินเค่อเคอทิ้งไว้ในโรงแรมฉินเจี๋ยนั้นตายไปแล้วและหวังหว่านจือก็อยู่ต่างประเทศ คนเดียวที่จะไปรับศพฉินเค่อเคอได้ก็คือฉินอันอันฉินอันอันยังไม่ตื่นดีในตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์หลังจากที่รับสายเธอก็คิดว่าตัวเองแค่ฝันไปเมื่อเธอได้สติตื่นเต็มตา เธอก็ดูประวัติการโทรในมือถือและพบว่าเธอไม่ได้ฝันไปเธอรีบลุกขึ้นและไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุโดยที่ไม่ได้มีเวลากินอาหารเช้าด้วยซ้ำ……“เจ้านาย เธอกระโดดออกไปเองครับ เราเปิดประตูเข้าไปในห้องเธอ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เธอก็หนีไปทางหน้าต่างและกระโดดออกไป เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะรู้สึกผิดอยู่”ลูกน้องรายงานให้ฟู่ซื่อถิงฟังฟู่ซื่อถิงจิบกาแฟและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไปเฝ้าดูฟู่เย่เฉินไว้”ฉินเค่อเคอกับฟู่เย่เฉินนั้นเป็นพวกเดียวกันฉินเค่อเคออยากจะฆ่าเขา ก็แปลว่าฟู่เย่เฉินเองก็ต้องคิดเหมือนกันอีกอย่างไม่แน่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องคราวนี้อาจจะไม่ใช่ฉินเค่อเคอเธออาจจะแค่โดนใช้เป็นแพะรับบาปเท่านั้นแต่เธอก็
เมื่อคิดเรื่องนี้ เธอก็กดเบอร์โทรหาฟู่เย่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่สักพักก่อนที่จะมีคนรับสาย “อันอัน คุณโทรหาผมมีอะไรเหรอ?”“ฟู่เย่เฉิน ฉินเค่อเคอตายแล้ว คุณรู้เรื่องนี้หรือยัง?”“อะไรนะ? เธอตายแล้วเหรอ? ผมไม่รู้เลย ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในโรงพยาบาล… เมื่อวานผมคุยโทรศัพท์กับเธอทุกอย่างก็ดูปกติดี…”“คุณไม่ได้ทะเลาะกับเธองั้นเหรอ?”“เปล่า” น้ำเสียงของฟู่เย่เฉินลื่นไหลเป็นธรรมชาติ หลังผ่านไปอึดใจ เขาก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ผมจำได้ว่าครั้งก่อนที่อาผมกลับมาจากมื้อเย็น เค่อเคอเองก็อยู่ด้วย พวกเขาสองคนดูไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ อาผมบอกว่าเธอคงจะอายุไม่ยืน แล้วเธอก็ดูกลัวมากเลยเพราะเรื่องนี้…”ฉินอันอันเปลี่ยนสีหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานกับวันนี้ฉันอยู่กับฟู่ซื่อถิง เขาไม่ได้ทำอะไรเลย”ฟู่เย่เฉินถอนใจ “อันอัน ทำไมเวลาที่พูดถึงอาผมคุณถึงต้องสติแตกด้วย? ผมก็แค่บอกเรื่องที่ผมรู้ แล้วผมก็กล้าบอกแค่คุณ หากว่าตำรวจมาถามผม ผมไม่มีทางจะแฉอาของผมแน่นอน…”ฉินอันอันตอบรับ “ฟู่เย่เฉิน ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าการตายของฉินเค่อเคอไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ตำรวจต้องขุดเรื่องนี้ไปจนถึงที่สุดแน่”น้ำเ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองนั้นตึงเครียดมาก แม้ว่าพวกเขาจะนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ก็ดูเหมือนพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลาป้าจางก็กลัวว่าทั้งสองจะจู่ ๆ ระเบิดใส่กัน ดังนั้นเธอเลยรีบเอาผลไม้ที่ปอกและหั่นเรียบร้อยแล้วมาวางไว้ให้“คุณผู้หญิงคะ ทานอาหารกลางวันหรือยังคะ? ฉันเตรียมอาหารไว้เผื่อคุณด้วย”ฉินอันอันผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันทีเธอเดินตรงไปที่ห้องอาหารฟู่ซื่อถิงมองแผ่นหลังของเธอ และชั่วขณะนั้นเขาก็ไม่อาจเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หากว่าเธอโกรธจริง ๆ เธอก็คงไม่ไปกินอาหารหรอกแต่แม้ว่าเธอจะไม่ได้โกรธ แต่สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นโกรธแทบตายฉินอันอันนั้นยังไม่กินทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหิวมากจนปวดท้องดูเหมือนว่าเธอกินอาหารมื้อนี้ไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงเพราะว่าเธอปวดท้อง การกินอาหารเร็วเกินไปก็ยิ่งทำให้ปวดมากขึ้นเมื่อเธอออกมาจากห้องรับประทานอาหารหลังกินเสร็จ ฟู่ซื่อถิงก็ไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว“คุณผู้หญิงคะ ตอนที่คนเราโกรธน่ะ ก็มักจะทำเรื่องตามอารมณ์ ทำไมคุณไม่ไปนอนพักก่อนสักครู่ล่ะคะ?” ป้าจางบอกฉินอันอันรู้สึกปวดหัว เธอจึงพยักหน้าเธอเดินไปที่ห้องขอ
‘หากเมื่อคืนเขาโดนรถชนตาย คนร้ายจะได้รับการโดนลงโทษไหม?’‘แม้คนผิดจะโดนลงโทษ แล้วเขาจะฟื้นขึ้นมาไหม?’‘ก็ไม่’“ฟู่ซื่อถิง ฉันไม่ว่าคุณ… แต่ฉันก็รับไม่ได้กับวิธีการที่คุณจัดการเรื่องพวกนี้ได้…” เธอสูดหายใจ เสียงเธอนุ่มละมุมเหมือนก้อนนุ่น“คุณไม่จำเป็นต้องรับให้ได้หรอก แค่รู้ว่าผมไม่มีทางทำร้ายคนบริสุทธิ์ก็พอ”“อืม”“มานอนเถอะ” เขาตบหลังเธอเบา ๆ เพื่อกล่อมให้เธอหลับเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา ได้กลิ่นเฉพาะกายของเขา เธอก็หลับไปอย่างรวดเร็วบ่ายห้าโมงเย็นฉินอันอันได้รับสายจากสถานีตำรวจ เพื่อบอกให้เธอไปที่สถานีตำรวจทันทีหลังจากวางสาย เธอก็คว้ากระเป๋าและออกไปโดยไม่ได้ร่ำลาฟู่ซื่อถิงเมื่อเธอนั่งรถแท็กซี่ไปถึงสถานีตำรวจ เธอก็เห็นหวังหว่านจือตาแดงก่ำพอหวังหว่านจือเห็นเธอ แววตาก็เต็มไปด้วยประสงค์ร้ายทั้งสองคนถูกตำรวจเชิญตัวมาและจับให้นั่งแยกกัน“หลังจากที่ตรวจดีเอนเอแล้ว ก็เป็นการยืนยันว่าผู้ตายนั้นคือฉินเค่อเคอจริง ๆ”หวังหว่านจือร้องไห้โฮเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ “ลูกสาวของฉันต้องโดนฆ่าแน่ ๆ เธอเป็นคนร่าเริงใจกว้าง ไม่มีทางที่จะฆ่าตัวตายแน่นอน”ตำรวจบอกว่า “หลังจากการสอบสวนและเ
ฉินอันอันสะบัดแขนหวังหว่านจือออกอย่างแรงเธอจำได้ว่านี่คือรถของฟู่ซื่อถิง ดังนั้นเธอจึงรีบไปที่รถประตูรถเปิดออกและมีบอดี้การ์ดเดินออกจากรถไปหาหวังหว่านจือฉินอันอันรู้ว่าจากนี้ไปเขาจะทำอะไร“อย่าแตะต้องเธอ” เธอเดินเข้าไปหาบอดี้การ์ดและดึงเขา “ลูกสาวเธอเพิ่งตาย จะอารมณ์พลุ่งพล่านไปหน่อยก็เข้าใจได้”“ฮ่าฮ่า… ฉินอันอัน ฉันไม่คิดว่าเธอจะโดนตระกูลฟู่เฉดหัวออกมา เธอนี่หลอกล่อผู้ชายได้เก่งจริง ๆ” หวังหว่านจือด่าบอดี้การ์ดยกมือขึ้นเตรียมจะตบเธอแต่ฉินอันอันก็หยุดไว้อีก “คุณเข้าไปในรถก่อน ฉันจะคุยกับเธอสักสองสามคำและกลับไปที่รถ”บอดี้การ์ดมองหวังหว่านจือตาเขม็งและเตือนเธอด้วยสายตาว่าอย่าได้ติดแตะต้องฉินอันอันแม้แต่ปลายเล็บหวังหว่านจือรู้สึกหนาวยะเยือก แต่เธอก็ทำได้เพียงต้องทนเท่านั้นลูกสาวเธอตายไปแล้ว จากนี้เธอต้องอยู่ให้ดีมีเพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้นถึงจะแก้แค้นให้ลูกได้หลังจากที่บอดี้การ์ดกลับไปที่รถแล้ว ฉินอันอันก็บอกหวังหว่านจือว่า “คุณจะคิดว่าใครเป็นฆาตกรก็คิดไป แต่ว่าอย่ามาพูดถึงพ่อต่อหน้าฉัน หากว่าพ่อฉันกลายเป็นผี คนแรกที่เขาจะไม่ปล่อยไปก็คือคุณ คุณจัดแจงให้น้องชายตัวเองเ
”แม่ครับ ผมเอง” ฟู่ซื่อถิงบอกฉินอันอันสำลักออกมาทันทีเขาเรียกแม่ของเธอว่าแม่จริง ๆ“แม่ครับคืออย่างนี้ อันอันบอกว่าเธออยากกินอาหารฝีมือแม่ แต่เพราะขาผมไม่ดีเราเลยไปที่นั่นไม่ได้ ดังนั้นผมก็เลยจะหาร้านอาหารข้างนอก แม่จะสะดวกไหมครับถ้าออกมาทำอาหารให้สักหน่อย?”เสียงของฟู่ซื่อถิงอ่อนโยนและสงบนิ่งจางหยุน “ได้สิ ส่งที่อยู่มาแล้วฉันจะไปทันที”ฟู่ซื่อถิง “ขอบคุณที่ยอมลำบากนะครับ”หลังจากที่วางสาย เขาก็ส่งที่อยู่ไปให้จางหยุนฉินอันอันมองสิ่งที่เขาทำอย่างอึ้ง ๆ “ฟู่ซื่อถิง นี่คุณบ้าหรือเปล่า? ฉันก็แค่พูดไปส่ง ๆ เท่านั้น… คุณถึงกับโทรหาแม่ฉันให้แม่ออกมาทำอาหารจริง ๆ” ฉินอันอันว่าเขา “ฉันไม่เคยเห็นคุณถือเรื่องที่ฉันพูดเป็นจริงเป็นจังมาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับคุณกัน?”“จากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงแล้ว” ลูกกระเดือกเขาขยับ แววตาและน้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังเหมือนจะมีคลื่นความร้อนโถมเข้าใส่เธอพวงแก้มของเธอแดงก่ำทันที ราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำ“ไม่เอา” เธอปฏิเสธ “หากว่าคราวหน้าฉันทะเลาะกับคุณแล้วฉันบอกว่าอยากตีคุณให้ตายล่ะ คุณจะตีตัวเองจนตายหรือไง?”ฟู่ซื่อถิง “ฉินอันอัน คุณเลิกคิดเ
ที่ห้องอาหารจางหยุนนำอาหารที่ทำเสร็จแล้วมาที่โต๊ะอาหาร“อันอัน มานี่สิ” จางหยุนพูดกับลูกสาวฉินอันอันเดินตามแม่ของเธอและเดินไปที่ห้องน้ำ“ลูกทะเลาะกับฟู่ซื่อถิงอีกแล้วเหรอ?” จางหยุนถาม“เห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอคะแม่?” ใบหน้าฉินอันอันไม่แสดงอารมณ์ใดบางทีอาจจะเพราะว่าเธอผิดหวังมาหลายครั้งจนหัวใจด้านชา“ใช่ ลูกสองคนดูเหมือนคู่แต่งงานที่ความสัมพันธ์จบสิ้น และพร้อมจะหย่าทุกเมื่อ” จางหยุนอธิบาย “ตอนที่แม่ไปที่ว่าการอำเภอกับพ่อเพื่อหย่ากัน ตอนนี้ลูกสองคนก็ดูเหมือนพวกเราในตอนนั้นเลย”ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “แม่คะ หนูกับเขาไม่ได้คุยกันเรื่องหย่าหรอก ก็ยังคงเป็นเรื่องลูกน่ะ… เราตกลงกันไม่ได้”“อ๋อ เขายังไม่อยากจะมีลูกใช่ไหม? ลูกบอกเหตุผลเขาไปหรือเปล่า?”ฉินอันอันส่ายหน้า “เขาเป็นซึมเศร้าค่ะ พอหนูคิดเรื่องที่เขาไม่สบาย หนูก็บอกตัวเองว่าต้องใจกว้างเข้าไว้”“น่าสงสารจริง” จางหยุนถอนใจ “มีเงินเยอะไปแล้วช่วยอะไรได้? สุขภาพต่างหากที่สำคัญที่สุด แม่คิดว่าเราร่ำรวยกว่าเขาอีกนะ”“นั้นเพราะว่าแม่ไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหนน่ะสิคะ” ฉินอันอันยกยิ้มและจับมือแม่ไว้ด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ “แม่ ขอบคุณที่คื
ขาของเขาหายดีขึ้นมาและเขาก็สามารถเดินได้มากขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยไม่ค้ำหลังลุกออกจากเตียง เขาก็ไปที่ห้องแต่งตัวและเลือกชุดที่เขาจะสวมวันนี้ออกมาจากตู้เสื้อผ้าเสื้อผ้าเขาส่วนใหญ่เป็นสีเข้มเขานิ่วหน้าเล็กน้อยเสื้อผ้าสีเข้ม ๆ พวกนี้มันดูหม่นหมองเกินไปเขาเลือกเสื้อผ้าที่พอใจไม่ได้ ก็เลยเดินออกมาจากห้องแต่งตัวและโทรหาโจวจื่ออี้“จื่ออี้ ฉันอยากได้เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ”โจวจื่ออี้ “ได้ครับคุณฟู่ คุณอยากได้เสื้อผ้าแบบสบาย ๆ หรือแบบเป็นทางการครับ”“แบบสบาย ๆ”“ได้ครับ ผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้” โจวจื่ออี้บอก “อีกอย่างนักออกแบบเครื่องประดับที่คุณบอกให้ผมติดต่อให้ ร่างแบบเสร็จแล้วนะครับ ผมส่งภาพไปให้คุณทางอีเมลแล้ว คุณตกลงเมื่อไหร่เราก็ลงมือทำได้ทันที”ฟู่ซื่อถิง “ได้”หลังจากวางสาย เขาก็ไปที่ห้องทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์ตรุษจีนปีนี้จะเป็นปีแรกของเขากับฉินอันอันเขาอยากจะให้ของขวัญเธอเขากดที่กล่องข้อความและกดดูที่อีเมลล่าสุดภาพร่างของแหวนเพชรก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านักออกแบบได้ทำตามแบบที่เขาต้องการเขารู้สึกว่าฉินอันอันนั้นบริสุทธิ์และสะอาดเหมือนเกล็ดหิมะ ดังนั้นแหวนเพชรจึงออกแบบมาในรูปแบบขอ