ฉินอันอันพูดกับฟู่ซื่อถิง “ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องรับรองไหมคะ?! หลังจากที่ฉันส่งคุณแล้วค่อยกลับมานอนที่นี่ ตื่นแล้วฉันจะไปหาคุณ” ฟู่ซื่อถิงตรงเข้าไปในห้องรับแขก “ผมก็ง่วงเหมือนกัน” ฉินอันอันตกตะลึง “แต่คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ! คุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า...” “คุณไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นสนใจผมหรอก” ฉินอันอันจะไม่สนใจเขาได้ยังไง? วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าปล่อยให้เขาหิว เธอเองก็ไม่สบายใจ เธอเดินไปที่ห้อรับรองอย่างรวดเร็วและจัดกับข้าวให้เขา ทุกคนดูเธอตักกับข้าวด้วยความกระตือรือร้น “คุณฉิน เพิ่มเนื้ออีกนิด! อย่าลืมดูแลให้คุณฟู่ทานให้หมดด้วยนะครับ! เขาน้ำหนักลดลงมากหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ” “คุณฉิน พวกเรายกเจ้านายให้คุณแล้ว! คุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ!” “คุณฉิน หลังทานอาหารพวกคุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนคุณแน่!” ...... ฉินอันอันหน้าแดงพลางยกอาหารบรรจุกล่องกลับไปที่ห้องพัก ฟู่ซื่อถิงถือโทรศัพท์มือถือและไม่รู้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร เธอหยิบอาหารออกจากถุงแล้ววางไว้ตรงหน้าเขา “ถอดเสื้อกันหนาวออกไหม? ฉันเห็นคุณเหงื่อออกแล้ว” ฉินอันอันพูดกับตัวเอง “ถ้ารู้อย่างนี้คงไม
มีเสียงดังสนั่น! หลังจากนั้นก็มีเสียงยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นดังกึกก้อง! รู้สึกราวกับเสียงนั้นจะทำให้แก้วหูจะระเบิด! ฉินอันอันกอดฟู่ซื่อถิงที่อยู่บนรถเข็นแน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง รถเก๋งสีดำยางแตกหักเลี้ยวผ่านไปชนเข้ากับร้านสายไหมฝั่งตรงข้าม! ฟู่ซื่อถิงจับร่างของเธอด้วยมือทั้งสองข้างพลางมองรถคันสีดำข้าง ๆ ด้วยหางตาเย็นชา มีคนอยากฆ่าเขา แต่ไม่สำเร็จ ครั้งที่สองมีเสียงปืนดังขึ้น! คราวนี้กระสุนโดนเบาะคนขับรถสีดำ! เสียงกรีดร้องดังไปทั่ว ผู้คนต่างกระจัดกระจายกันจ้าละหวั่น อุณหภูมิร่างกายของฉินอันอันเริ่มเย็นลง ฟู่ซือถิงจับหน้าเธอไว้ในมือพลางมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่หวาดกลัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว” หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอสั่นคลอนแต่เธอมองหน้าเขาตลอดเวลา “ฟู่ซื่อถิง… ฟู่ซื่อถิง...” เธอมีเรื่องจะพูดมากมาย แต่เมื่อเธอเอ่ยปาก เธอกลับได้แต่พึมพำชื่อของเขา “ฉินอันอัน ผมไม่เป็นอะไร” เขาจับมือเธอมาแตะแก้มของตัวเอง “ยังอุ่นอยู่ใช่ไหมล่ะ?” เธอพยักหน้า น้ำตาไหลช้า ๆ “ฉันกลัวมาก...กลัวว่
ฉินอันอันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ตอนนี้ปากเธอแห้งผาก เธอเลยหยิบซุปเนื้อแกะที่เซิ่งเป่ยเอามาให้ขึ้นมากินเซิ่งเป่ยเคาะนิ้วบนโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ พวกนายสองคนคิดว่าเราไม่รู้หรือไงว่าพวกนายส่งข้อความหากันน่ะ?”ฉินอันอันกลัวว่าฟู่ซื่อถิงจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกมา เธอก็เลยพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว เขาก็เหมือนกัน เพราะงั้นเราขอกลับก่อนนะคะ”เซิ่งเป่ยล้อ “ก็ได้ เราเองก็อิ่มเหมือนกัน กินอาหารหมาเข้าไปขนาดนี้ก็คงต้องอิ่มแล้ว”…… ที่ตระกูลฟู่เรื่องการสังหารฟู่ซื่อถิงเข้าหูแม่เฒ่าฟู่แล้วหญิงชรามาที่นั่นภายในคืนนั้นเมื่อเห็นว่าฉินอันอันก็อยู่ด้วย สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คืนนี้ตอนที่เจ้านายเกือบโดนรถชน คุณฉินก็พุ่งเข้ามากอดปกป้องเจ้านายเอาไว้ครับ” บอดี้การ์ดนั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาจึงรู้สึกว่าตนจำเป็นจะต้องบอกเรื่องนี้ให้หญิงชรารู้ “หากว่าผมยิงออกไปไม่ทันเวลาจนยางรถของฝ่ายตรงข้ามระเบิด รถก็จะพุ่งตรงเข้าไปชนแน่ คุณฉินเองก็จะต้องโดนชน แล้วก็ตายแน่นอน เพราะว่าเธอปกป้องเจ้านายไว้ เขาก็เลยยังรอดมาได้”หลังจากที่ฟังคำอธิบายจากบอดี้การ์ด ในหัวแม่เฒ่าฟู่ก็มีภาพโชกเลือดผุดขึ้นมา
“ผมก็จัดการตัวเอง” เขาตอบอย่างมั่นใจ “หากว่าคุณกังวล ก็ช่วยผมอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”ฉินอันอันรู้สึกเหมือนเธอขุดหลุมฝังตัวเองแน่นอนว่าเธอกังวลว่าเขาจะต้องอาบน้ำด้วยตัวเองแต่การที่จะให้เธออาบน้ำให้เขา เมื่อเทียบกับให้เธอยืนดูเขาอาบน้ำมันต่างกันตรงไหน?หลังจากเข้ามาในห้องนอน เธอก็ปิดประตู“เอาไม้ค้ำมาให้ผมหน่อย” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำเธอกำลังจะถามว่าไม้ค้ำอยู่ที่ไหน แต่เธอก็เห็นมันในอึดใจต่อมาเธอเอาไม้ค้ำไปให้เขาฉินอันอันยืนมองเขาลุกขึ้นจากรถเข็นด้วยไม้ค้ำในมือฉินอันอันรู้สึกหวาดกลัว “นี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงสองสามวันมานี่ผมก็อาบน้ำเอง” เสียงเขาเจือรอยยิ้ม “ผมทำคุณกลัวเหรอ?”เธอหน้าแดงอย่างเขินอาย “เมื่อกี้คุณตั้งใจจะล้อฉันเล่นหรือยังไง?”“ใช่ ดูสิท่าทางคุณตอนนี้สิเป็นยังไง?” เขาเดินไปทางห้องน้ำทีละก้าวด้วยไม้ค้ำเธอกังวลและตามเขาไปติด ๆ“คุณอยากดูผมอาบน้ำเหรอ?” เขาหยุดและถามเธอตอนที่เดินไปถึงห้องน้ำเธอส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าอย่างตระหนก “ฉันค่อนข้างกังวลน่ะ… คุณจะถอดกางเกงยังไง? มันจะโดนแผลรึเปล่า?”“ผมใส่แค่กางเกงตัวนอก” เขาอธิบาย “กางเกงนี่ทั้งหลวมแล้วก
หลังจากเอากล่องพยาบาลแล้วขึ้นไปด้านบน เธอก็นั่งย่อตัวลงข้าง ๆ ขาของเขาและแกะผ้าพันแผลออกให้บาดแผลของเขารุนแรงกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีกผิวบริเวณกว้างหลุดหายออกไปจากขา และเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสด…‘นี่ต้องเจ็บมากขนาดไหนกัน?’แต่เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำเธอใส่ยาให้เขาและรีบพันแผลให้เขาอย่างรวดเร็วเขาได้ยินเสียงหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้น ดังนั้นเขาเลยพูดเพื่อทำลายความเงียบ “ฉินอันอัน แผลมันดูน่ากลัวแต่ว่าไม่ได้เจ็บอะไรหรอก”เขาอยากจะปลอบเธอแต่เธอไม่ต้องการคำปลอบใจลวง ๆ ของเขาเธอเอานิ้วจิ้มแผลเขาอย่างแรงคราวนี้เขาไม่ได้ทันตั้งตัวจึงสูดปากด้วยความเจ็บปวด“ไหนบอกฉันอีกทีสิ เจ็บหรือเปล่า?” เธอจ้องเขาตาแดงก่ำเขาเอามือไพล่หลังแล้วหรี่ตาเล็กน้อยก่อนพูดเสียงแข็ง “ไม่เจ็บ”เขาเดาว่าเธอไม่กล้าจิ้มแผลเขาอีกทีแน่เพราะเขาเจ็บและหัวใจเธอจะเจ็บยิ่งกว่า“นอนลงแล้วพักผ่อนซะ คุณต้องนอนบนเตียงไปอีกอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ เลิกวิ่งไปวิ่งมาได้แล้ว”เธอพูดอย่างมีโทสะ จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องน้ำไปเขานั่งพิงหัวเตียงและหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเขากดหมายเลขและถามเสียงเย็น “ตรวจส
ข่าวเรื่องการตายของฉินเค่อเคอมาถึงในตอนเจ็ดโมงเช้าเธอกระโดดออกจากหน้าต่างห้องของเธอในโรงแรมและตายคาที่ตำรวจติดต่อฉินอันอันผ่านข้อมูลส่วนตัวที่ฉินเค่อเคอทิ้งไว้ในโรงแรมฉินเจี๋ยนั้นตายไปแล้วและหวังหว่านจือก็อยู่ต่างประเทศ คนเดียวที่จะไปรับศพฉินเค่อเคอได้ก็คือฉินอันอันฉินอันอันยังไม่ตื่นดีในตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์หลังจากที่รับสายเธอก็คิดว่าตัวเองแค่ฝันไปเมื่อเธอได้สติตื่นเต็มตา เธอก็ดูประวัติการโทรในมือถือและพบว่าเธอไม่ได้ฝันไปเธอรีบลุกขึ้นและไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุโดยที่ไม่ได้มีเวลากินอาหารเช้าด้วยซ้ำ……“เจ้านาย เธอกระโดดออกไปเองครับ เราเปิดประตูเข้าไปในห้องเธอ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เธอก็หนีไปทางหน้าต่างและกระโดดออกไป เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะรู้สึกผิดอยู่”ลูกน้องรายงานให้ฟู่ซื่อถิงฟังฟู่ซื่อถิงจิบกาแฟและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไปเฝ้าดูฟู่เย่เฉินไว้”ฉินเค่อเคอกับฟู่เย่เฉินนั้นเป็นพวกเดียวกันฉินเค่อเคออยากจะฆ่าเขา ก็แปลว่าฟู่เย่เฉินเองก็ต้องคิดเหมือนกันอีกอย่างไม่แน่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องคราวนี้อาจจะไม่ใช่ฉินเค่อเคอเธออาจจะแค่โดนใช้เป็นแพะรับบาปเท่านั้นแต่เธอก็
เมื่อคิดเรื่องนี้ เธอก็กดเบอร์โทรหาฟู่เย่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่สักพักก่อนที่จะมีคนรับสาย “อันอัน คุณโทรหาผมมีอะไรเหรอ?”“ฟู่เย่เฉิน ฉินเค่อเคอตายแล้ว คุณรู้เรื่องนี้หรือยัง?”“อะไรนะ? เธอตายแล้วเหรอ? ผมไม่รู้เลย ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในโรงพยาบาล… เมื่อวานผมคุยโทรศัพท์กับเธอทุกอย่างก็ดูปกติดี…”“คุณไม่ได้ทะเลาะกับเธองั้นเหรอ?”“เปล่า” น้ำเสียงของฟู่เย่เฉินลื่นไหลเป็นธรรมชาติ หลังผ่านไปอึดใจ เขาก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ผมจำได้ว่าครั้งก่อนที่อาผมกลับมาจากมื้อเย็น เค่อเคอเองก็อยู่ด้วย พวกเขาสองคนดูไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ อาผมบอกว่าเธอคงจะอายุไม่ยืน แล้วเธอก็ดูกลัวมากเลยเพราะเรื่องนี้…”ฉินอันอันเปลี่ยนสีหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานกับวันนี้ฉันอยู่กับฟู่ซื่อถิง เขาไม่ได้ทำอะไรเลย”ฟู่เย่เฉินถอนใจ “อันอัน ทำไมเวลาที่พูดถึงอาผมคุณถึงต้องสติแตกด้วย? ผมก็แค่บอกเรื่องที่ผมรู้ แล้วผมก็กล้าบอกแค่คุณ หากว่าตำรวจมาถามผม ผมไม่มีทางจะแฉอาของผมแน่นอน…”ฉินอันอันตอบรับ “ฟู่เย่เฉิน ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าการตายของฉินเค่อเคอไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ตำรวจต้องขุดเรื่องนี้ไปจนถึงที่สุดแน่”น้ำเ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองนั้นตึงเครียดมาก แม้ว่าพวกเขาจะนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ก็ดูเหมือนพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลาป้าจางก็กลัวว่าทั้งสองจะจู่ ๆ ระเบิดใส่กัน ดังนั้นเธอเลยรีบเอาผลไม้ที่ปอกและหั่นเรียบร้อยแล้วมาวางไว้ให้“คุณผู้หญิงคะ ทานอาหารกลางวันหรือยังคะ? ฉันเตรียมอาหารไว้เผื่อคุณด้วย”ฉินอันอันผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันทีเธอเดินตรงไปที่ห้องอาหารฟู่ซื่อถิงมองแผ่นหลังของเธอ และชั่วขณะนั้นเขาก็ไม่อาจเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หากว่าเธอโกรธจริง ๆ เธอก็คงไม่ไปกินอาหารหรอกแต่แม้ว่าเธอจะไม่ได้โกรธ แต่สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นโกรธแทบตายฉินอันอันนั้นยังไม่กินทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหิวมากจนปวดท้องดูเหมือนว่าเธอกินอาหารมื้อนี้ไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงเพราะว่าเธอปวดท้อง การกินอาหารเร็วเกินไปก็ยิ่งทำให้ปวดมากขึ้นเมื่อเธอออกมาจากห้องรับประทานอาหารหลังกินเสร็จ ฟู่ซื่อถิงก็ไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว“คุณผู้หญิงคะ ตอนที่คนเราโกรธน่ะ ก็มักจะทำเรื่องตามอารมณ์ ทำไมคุณไม่ไปนอนพักก่อนสักครู่ล่ะคะ?” ป้าจางบอกฉินอันอันรู้สึกปวดหัว เธอจึงพยักหน้าเธอเดินไปที่ห้องขอ