“ผมให้ยารักษาโรคซึมเศร้าไปเมื่อเช้านี้ แต่เขาไม่ยอมกิน” หมอขมวดคิ้ว “ถ้าไม่กินก็ไม่หายนะครับ!” แม่เฒ่าฟู่ “พรุ่งนี้ฉันจะลองคุยกับเขาดู” หมอ “ผมได้ยินมาว่าเขาฟังฉินอันอันมากกว่า ถ้าอย่างนั้น...” “ไม่! เธอเป็นคนที่ทำให้ลูกชายของฉันเป็นแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้มีแต่จะนำโชคร้ายมาให้ลูกชายของฉัน!” แม่เฒ่าฟู่พูดด้วยอารมณ์ หมอหยุดแสดงความคิดเห็น เขามีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะสภาพร่างกายของฟู่ซื่อถิงเท่านั้น “ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะพูดแทนฉินอันอัน...พรุ่งนี้ค่อยคุยกันดีกว่า! มาดูกันว่าเขาจะเชื่อฟังฉันไหม” แม่เฒ่าฟู่รีบกล่าวประนีประนอม ขอแค่ให้ลูกชายหายดีขึ้นในเร็ววัน อย่างอื่นเธอไม่สนใจแล้ว ...... หลังจากฉินอันอันอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปดูหิมะที่ข้างนอกหน้าต่าง พื้นดินกลายเป็นสีขาว ค่ำคืนอันมืดมิดสว่างขึ้นเล็กน้อย ในหัวใจเริ่มมีแรงกระตุ้นมากขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานึกอยากโทรหาฟู่ซื่อถิง อยากได้ยินเสียงของเขา หลังจากคิดอยู่นานเธอก็กลัวว่าเขาจะไม่รับสาย เธอจึงส่งข้อความเสียงถึงเขาแทน แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ก็เป็นการดีกว่าถ้าให้เขาได้ยินเสียงของเธอและให้เขา
โจวจื่ออี้ “ครับ” หลังจากนั้นไม่นาน กาแฟหนึ่งแก้วก็ถูกนำมาให้ฟู่ซื่อถิง โจวจื่ออี้ออกมาจากออฟฟิศและบังเอิญเจอถังเฉียนพอดี ถังเฉียนไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าของเธอจึงดูซีดเซียวเป็นพิเศษ โจวจื่ออี้เดินไปหาเธอ และลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดออกมา ถังเฉียนเดินเข้าไปในสำนักงานและปิดประตู “ซื่อถิง ฉันขอโทษ” เธอเดินเข้าไปหาเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ทุกอย่างเป็นแผนการของพี่ชายฉัน เขารู้ว่าขาของคุณไม่ดี เขาจึงจงใจหลอกให้คุณขึ้นไปบนภูเขา ภูเขาลูกนั้นสูงชันมาก ปกติเราไม่เคยปีนขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้น เขาต้องการจะฆ่าคุณ” ฟู่ซื่อถิงมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้แล้ว” “ฉันขอโทษ เขาคงไม่ได้มาขอโทษคุณ เขาหนีไปต่างประเทศแล้ว” ถังเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ซื่อถิง ได้โปรดปล่อยตระกูลถังไปเถอะ พ่อของฉันอายุมากแล้ว ฉันกลัวว่าเขาจะทนต่อความเปลี่ยนแปลงของตระกูลเราไม่ไหว ถ้าจะลงโทษก็ลงโทษฉันเลย ฉันยอม” ฟู่ซื่อถิงมองเธออย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนเธอแต่งหน้าสวยสดและแสดงตัวต่อหน้าเขาในสภาพที่ดีที่สุดเ
สายตาของเขาหลอกเซิ่งเป่ยไม่ได้ พวกเขารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่เซิ่งเป่ยไม่เคยเห็นเขาใส่เสื้อกันหนาวมาก่อน! อย่างไรก็ตาม เสื้อกันหนาวที่ฉินอันอันถักให้เขามีความหมายที่แตกต่างจากเสื้อกันหนาวที่เขาซื้อมา “ซื่อถิง คุณป้าโทรมาหาฉัน บอกว่าหลานชายออกจากโรงพยาบาลแล้วและอยากให้นายกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านเก่า” เซิ่งเป่ยพูด ฟู่ซื่อถิง “เธอบอกฉันด้วยตัวเองก็ได้นี่” เซิ่งเป่ย “คุณป้าเคยทำให้นายโกรธมาก่อนหรือเปล่า? เธอค่อนข้างระวังตัวเวลาคุยกับฉัน ชื่อถิง นายอย่าโกรธคุณป้าเลย ในโลกนี้ก็มีแต่แม่เท่านั้นแหละที่รักลูกตัวเองมากที่สุด...” ฟู่ซื่อถิง “ฉันขอร้องเถอะ หยุดพูดสักที” เซิ่งเป่ยหัวเราะเสียงดัง “หรือจะชวนฉินอันอันกลับไปทานอาหารเย็นด้วยกันเลย?” ฟู่ซื่อถิงฉุกคิด “นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอยุ่งอยู่กับการถักเสื้อกันหนาว?” “ก็ใช่น่ะสิ! เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว ไม่รู้ว่าเธอถักไปถึงไหนแล้ว” ...... ตกกลางคืน ฟู่ซื่อถิงกลับไปที่บ้านเก่าของเขา แม่เฒ่าฟู่ดีใจมาก ในขณะที่คนอื่น ๆ มีสีหน้ายับยั้งชั่งใจในระดับที่แตกต่างกัน ฟู่ซื่อถิงจ้องไปที่หน้าของฉินเค่อเคอด้วยสายตาเย็นชา เขา
แต่หนี้การพนันครั้งล่าสุดของฟู่เย่เฉินทำให้ฟู่หานสาหัสมาก “ในเมื่อซื่อถิงให้ งั้นก็รับไว้แล้วกัน!” ภรรยาของฟู่หานกล่าว “ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเหินห่างกับซื่อถิงมากนักหรอก” ฟู่หานหน้าแดงและรับเช็คไป “ซื่อถิง ต่อไปไม่ต้องให้แล้วนะ” ฟู่ซื่อถิง “ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” แม่เฒ่าฟู่ลุกขึ้นออกไปส่งเขาด้วยตัวเอง หลังจากที่พวกเขาออกไป ฟู่เย่เฉินก็ขว้างช้อนลงกับพื้น! “พ่อ! ทำไมพ่อถึงรับเงินของเขาล่ะ?!” ฟู่เย่เฉินรู้สึกละอายใจ รับไม่ได้กับความรู้สึกที่ดูเหมือนพวกเขาเป็นขอทาน “คนไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างแก! ยังมีหน้ามาพูดอีก! ถ้าแกมีปัญญานักก็ใช้หนี้พนันยี่สิบล้านให้ฉันก่อนสิ!” ฟู่หานตะโกนด้วยความโกรธ แม่ฟู่เข้าข้างสามีในการกล่าวโทษลูกชายครั้งนี้ “เย่เฉิน ถึงอาจะดูถูกเรา แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเรื่องเงิน! แกรู้ไหมว่าเขาให้มาเท่าไหร่? ห้าล้านเชียวนะ! กำไรต่อปีของบริษัทพ่อแกยังไม่เยอะเท่านี้เลย!” ดวงตาของฟู่เย่เฉินเป็นสีแดง “ตอนนี้ครอบครัวของเรายากจนข้นแค้นขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” “แล้วแกคิดว่าไงล่ะ? ลูกค้าของบริษัทเราส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับเราเพร
ฟู่ซื่อถิงมองใบหน้าเรียวใสของเธอแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณ” เสื้อกันหนาวใส่สบายและอุ่นกว่าที่คิด ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ออกมาได้ดูดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อกันหนาวถักมาอย่างดีหรือเพราะว่าคนใส่ดูดีกันแน่ เธอหยิบถุงขึ้นมาและหยิบกล่องออกมาจากข้างใน “นี่ก็เป็นของขวัญของคุณด้วย ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ชอบเสื้อกันหนาวตัวนี้ ฉันก็เลยซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ มาอีกชิ้น” ฟู่ซื่อถิงมองกล่องในมือของเธอ “ข้างในมีไฟแช็คหนึ่งอัน” เธออธิบายด้วยความประหม่า “ฉันไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณดี ฉันก็เลยซื้ออันนี้มา มันเป็นของใช้ คุณน่าจะได้ใช้มัน แต่คุณต้องสูบบุหรี่ให้น้อยลงนะ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ” พูดจบเธอก็ยื่นกล่องใส่มือเขา เขาเปิดกล่องและหยิบไฟแช็คออกมา กดเบา ๆ เปลวไฟก็ลุกขึ้น “ผมไม่ได้ติดบุหรี่” เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟุงดูเย้ายวน “ผมจะสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่ออารมณ์เสียเท่านั้น” ฉินอันอันยกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่เมื่อก่อนตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณ ฉันก็เห็นคุณสูบบุหรี่เกือบทุกวันนะ” ฟู่ซื่อถิง “เพราะคุณทำให้ผมโกรธทุกวันไงล่ะ” ฉินอันอันพูดไม่ออก "..." “ออกไปสูดอากาศกั
ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่รู้ คุณไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก” ฉินอันอัน “งั้นซื้ออันใหญ่หน่อยดีกว่า! แล้วสิบนิ้วดีไหม?” ฟู่ซื่อถิงพูดกับพนักงาน “สิบนิ้วครับ” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ พวกคุณกำลังอินเลิฟอยู่หรือคะ? ความสัมพันธ์ดีจริง ๆ” จู่ ๆ ใบหน้าของฉินอันอันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ฟู่ซื่อถิงมองไปที่ชั้นวางข้าง ๆ “คุณอยากซื้ออย่างอื่นกลับไปด้วยไหม?” ฉินอันอัน “ไม่เอาค่ะ...” “ซื้อสักหน่อยเถอะ! เอากลับไปฝากแม่คุณไง” เมื่อเห็นแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอันอันก็รู้สึกขำในใจ “ได้ค่ะ! ซื้อสักหน่อยก็ดี” …… หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉินอันอันก็เข็นรถเข็นออกมาจากร้านเค้ก ฟู่ซื่อถิงถือเค้กด้วยสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย โชคดีที่มีคนเดินถนนไม่มากนัก อุณหภูมิอากาศข้างนอกวันนี้อยู่ที่ประมาณห้าองศาเท่านั้น แต่เขารู้สึกเหมือนมีลูกไฟล้อมรอบตัวเขา ซึ่งพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นได้ ทั้งสองกลับถึงร้านอาหาร ในห้องรับรองส่วนตัว ทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว บรรยากาศที่คึกคักแต่เดิมก็เงียบลงทันที ฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อกันหนาวสีขาว บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปมากราวกับอายุน้อยลงหลายปี และเขายังถือเ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียน ม่านเปิดออกและมีแสงจากหน้าต่างส่องเข้ามา “ซื่อถิง นายอธิษฐานว่าอะไรเหรอ?” เซิ่งเป่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม ฟู่ซื่อถิงถามกลับ “แล้วนายบอกคำอธิษฐานวันเกิดต่อหน้าทุกคนทุกปีหรือเปล่าล่ะ?” ทุกคนหัวเราะ ฟู่ซื่อถิงหยิบมีดขึ้นมาตัดเค้กชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้ตรงหน้าฉินอันอัน “คุณกินชิ้นแรก” ฉินอันอันผลักเค้กไปตรงหน้าเขา “ผมกินไม่เยอะขนาดนั้นหรอก” เขาวางมีดตัดเค้กแล้วหยิบส้อมตักเค้กขึ้นมากัดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเค้กให้เธออีกครั้ง ดูเหมือนหัวใจสีชมพูขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองและแยกพวกเขาสองคนออกจากคนอื่น ๆ ทุกคนหัวเราะและส่งเสียงเชียร์ “ตอนนี้เราเรียกคุณฉินว่านายหญิงได้หรือยังนะ?” “หรือจะเรียกตอนนี้ดี? ฉันคิดว่าคุณฟู่คงไม่ว่าอะไรหรอก!” “ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณฉินจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม?” ...... ใบหน้าของฉินอันอันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย เธอกระสับกระส่าย แม้แต่ผิวหนังที่คอของเธอก็แดง “พวกนายพอได้แล้ว” ฟู่ซื่อถิงกล่าว “ได้ได้...กินเค้ก! กินเค้ก!” ทุกคนนำเค้กที่เหลือมาแบ่งกันคนละชิ้น หลังจากกินเค้กแล้ว มื้อเที่ยงก็ได้เริ่มต้น
ฉินอันอันพูดกับฟู่ซื่อถิง “ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องรับรองไหมคะ?! หลังจากที่ฉันส่งคุณแล้วค่อยกลับมานอนที่นี่ ตื่นแล้วฉันจะไปหาคุณ” ฟู่ซื่อถิงตรงเข้าไปในห้องรับแขก “ผมก็ง่วงเหมือนกัน” ฉินอันอันตกตะลึง “แต่คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ! คุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า...” “คุณไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นสนใจผมหรอก” ฉินอันอันจะไม่สนใจเขาได้ยังไง? วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าปล่อยให้เขาหิว เธอเองก็ไม่สบายใจ เธอเดินไปที่ห้อรับรองอย่างรวดเร็วและจัดกับข้าวให้เขา ทุกคนดูเธอตักกับข้าวด้วยความกระตือรือร้น “คุณฉิน เพิ่มเนื้ออีกนิด! อย่าลืมดูแลให้คุณฟู่ทานให้หมดด้วยนะครับ! เขาน้ำหนักลดลงมากหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ” “คุณฉิน พวกเรายกเจ้านายให้คุณแล้ว! คุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ!” “คุณฉิน หลังทานอาหารพวกคุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนคุณแน่!” ...... ฉินอันอันหน้าแดงพลางยกอาหารบรรจุกล่องกลับไปที่ห้องพัก ฟู่ซื่อถิงถือโทรศัพท์มือถือและไม่รู้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร เธอหยิบอาหารออกจากถุงแล้ววางไว้ตรงหน้าเขา “ถอดเสื้อกันหนาวออกไหม? ฉันเห็นคุณเหงื่อออกแล้ว” ฉินอันอันพูดกับตัวเอง “ถ้ารู้อย่างนี้คงไม
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง