สายตาของเขาหลอกเซิ่งเป่ยไม่ได้ พวกเขารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่เซิ่งเป่ยไม่เคยเห็นเขาใส่เสื้อกันหนาวมาก่อน! อย่างไรก็ตาม เสื้อกันหนาวที่ฉินอันอันถักให้เขามีความหมายที่แตกต่างจากเสื้อกันหนาวที่เขาซื้อมา “ซื่อถิง คุณป้าโทรมาหาฉัน บอกว่าหลานชายออกจากโรงพยาบาลแล้วและอยากให้นายกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านเก่า” เซิ่งเป่ยพูด ฟู่ซื่อถิง “เธอบอกฉันด้วยตัวเองก็ได้นี่” เซิ่งเป่ย “คุณป้าเคยทำให้นายโกรธมาก่อนหรือเปล่า? เธอค่อนข้างระวังตัวเวลาคุยกับฉัน ชื่อถิง นายอย่าโกรธคุณป้าเลย ในโลกนี้ก็มีแต่แม่เท่านั้นแหละที่รักลูกตัวเองมากที่สุด...” ฟู่ซื่อถิง “ฉันขอร้องเถอะ หยุดพูดสักที” เซิ่งเป่ยหัวเราะเสียงดัง “หรือจะชวนฉินอันอันกลับไปทานอาหารเย็นด้วยกันเลย?” ฟู่ซื่อถิงฉุกคิด “นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอยุ่งอยู่กับการถักเสื้อกันหนาว?” “ก็ใช่น่ะสิ! เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว ไม่รู้ว่าเธอถักไปถึงไหนแล้ว” ...... ตกกลางคืน ฟู่ซื่อถิงกลับไปที่บ้านเก่าของเขา แม่เฒ่าฟู่ดีใจมาก ในขณะที่คนอื่น ๆ มีสีหน้ายับยั้งชั่งใจในระดับที่แตกต่างกัน ฟู่ซื่อถิงจ้องไปที่หน้าของฉินเค่อเคอด้วยสายตาเย็นชา เขา
แต่หนี้การพนันครั้งล่าสุดของฟู่เย่เฉินทำให้ฟู่หานสาหัสมาก “ในเมื่อซื่อถิงให้ งั้นก็รับไว้แล้วกัน!” ภรรยาของฟู่หานกล่าว “ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเหินห่างกับซื่อถิงมากนักหรอก” ฟู่หานหน้าแดงและรับเช็คไป “ซื่อถิง ต่อไปไม่ต้องให้แล้วนะ” ฟู่ซื่อถิง “ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” แม่เฒ่าฟู่ลุกขึ้นออกไปส่งเขาด้วยตัวเอง หลังจากที่พวกเขาออกไป ฟู่เย่เฉินก็ขว้างช้อนลงกับพื้น! “พ่อ! ทำไมพ่อถึงรับเงินของเขาล่ะ?!” ฟู่เย่เฉินรู้สึกละอายใจ รับไม่ได้กับความรู้สึกที่ดูเหมือนพวกเขาเป็นขอทาน “คนไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างแก! ยังมีหน้ามาพูดอีก! ถ้าแกมีปัญญานักก็ใช้หนี้พนันยี่สิบล้านให้ฉันก่อนสิ!” ฟู่หานตะโกนด้วยความโกรธ แม่ฟู่เข้าข้างสามีในการกล่าวโทษลูกชายครั้งนี้ “เย่เฉิน ถึงอาจะดูถูกเรา แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเรื่องเงิน! แกรู้ไหมว่าเขาให้มาเท่าไหร่? ห้าล้านเชียวนะ! กำไรต่อปีของบริษัทพ่อแกยังไม่เยอะเท่านี้เลย!” ดวงตาของฟู่เย่เฉินเป็นสีแดง “ตอนนี้ครอบครัวของเรายากจนข้นแค้นขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” “แล้วแกคิดว่าไงล่ะ? ลูกค้าของบริษัทเราส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับเราเพร
ฟู่ซื่อถิงมองใบหน้าเรียวใสของเธอแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณ” เสื้อกันหนาวใส่สบายและอุ่นกว่าที่คิด ฉินอันอันคิดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ออกมาได้ดูดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อกันหนาวถักมาอย่างดีหรือเพราะว่าคนใส่ดูดีกันแน่ เธอหยิบถุงขึ้นมาและหยิบกล่องออกมาจากข้างใน “นี่ก็เป็นของขวัญของคุณด้วย ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ชอบเสื้อกันหนาวตัวนี้ ฉันก็เลยซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ มาอีกชิ้น” ฟู่ซื่อถิงมองกล่องในมือของเธอ “ข้างในมีไฟแช็คหนึ่งอัน” เธออธิบายด้วยความประหม่า “ฉันไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณดี ฉันก็เลยซื้ออันนี้มา มันเป็นของใช้ คุณน่าจะได้ใช้มัน แต่คุณต้องสูบบุหรี่ให้น้อยลงนะ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ” พูดจบเธอก็ยื่นกล่องใส่มือเขา เขาเปิดกล่องและหยิบไฟแช็คออกมา กดเบา ๆ เปลวไฟก็ลุกขึ้น “ผมไม่ได้ติดบุหรี่” เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟุงดูเย้ายวน “ผมจะสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่ออารมณ์เสียเท่านั้น” ฉินอันอันยกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่เมื่อก่อนตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณ ฉันก็เห็นคุณสูบบุหรี่เกือบทุกวันนะ” ฟู่ซื่อถิง “เพราะคุณทำให้ผมโกรธทุกวันไงล่ะ” ฉินอันอันพูดไม่ออก "..." “ออกไปสูดอากาศกั
ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่รู้ คุณไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก” ฉินอันอัน “งั้นซื้ออันใหญ่หน่อยดีกว่า! แล้วสิบนิ้วดีไหม?” ฟู่ซื่อถิงพูดกับพนักงาน “สิบนิ้วครับ” พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ พวกคุณกำลังอินเลิฟอยู่หรือคะ? ความสัมพันธ์ดีจริง ๆ” จู่ ๆ ใบหน้าของฉินอันอันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ฟู่ซื่อถิงมองไปที่ชั้นวางข้าง ๆ “คุณอยากซื้ออย่างอื่นกลับไปด้วยไหม?” ฉินอันอัน “ไม่เอาค่ะ...” “ซื้อสักหน่อยเถอะ! เอากลับไปฝากแม่คุณไง” เมื่อเห็นแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอันอันก็รู้สึกขำในใจ “ได้ค่ะ! ซื้อสักหน่อยก็ดี” …… หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉินอันอันก็เข็นรถเข็นออกมาจากร้านเค้ก ฟู่ซื่อถิงถือเค้กด้วยสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย โชคดีที่มีคนเดินถนนไม่มากนัก อุณหภูมิอากาศข้างนอกวันนี้อยู่ที่ประมาณห้าองศาเท่านั้น แต่เขารู้สึกเหมือนมีลูกไฟล้อมรอบตัวเขา ซึ่งพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นได้ ทั้งสองกลับถึงร้านอาหาร ในห้องรับรองส่วนตัว ทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว บรรยากาศที่คึกคักแต่เดิมก็เงียบลงทันที ฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อกันหนาวสีขาว บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปมากราวกับอายุน้อยลงหลายปี และเขายังถือเ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียน ม่านเปิดออกและมีแสงจากหน้าต่างส่องเข้ามา “ซื่อถิง นายอธิษฐานว่าอะไรเหรอ?” เซิ่งเป่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม ฟู่ซื่อถิงถามกลับ “แล้วนายบอกคำอธิษฐานวันเกิดต่อหน้าทุกคนทุกปีหรือเปล่าล่ะ?” ทุกคนหัวเราะ ฟู่ซื่อถิงหยิบมีดขึ้นมาตัดเค้กชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้ตรงหน้าฉินอันอัน “คุณกินชิ้นแรก” ฉินอันอันผลักเค้กไปตรงหน้าเขา “ผมกินไม่เยอะขนาดนั้นหรอก” เขาวางมีดตัดเค้กแล้วหยิบส้อมตักเค้กขึ้นมากัดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเค้กให้เธออีกครั้ง ดูเหมือนหัวใจสีชมพูขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองและแยกพวกเขาสองคนออกจากคนอื่น ๆ ทุกคนหัวเราะและส่งเสียงเชียร์ “ตอนนี้เราเรียกคุณฉินว่านายหญิงได้หรือยังนะ?” “หรือจะเรียกตอนนี้ดี? ฉันคิดว่าคุณฟู่คงไม่ว่าอะไรหรอก!” “ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณฉินจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม?” ...... ใบหน้าของฉินอันอันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย เธอกระสับกระส่าย แม้แต่ผิวหนังที่คอของเธอก็แดง “พวกนายพอได้แล้ว” ฟู่ซื่อถิงกล่าว “ได้ได้...กินเค้ก! กินเค้ก!” ทุกคนนำเค้กที่เหลือมาแบ่งกันคนละชิ้น หลังจากกินเค้กแล้ว มื้อเที่ยงก็ได้เริ่มต้น
ฉินอันอันพูดกับฟู่ซื่อถิง “ให้ฉันไปส่งคุณที่ห้องรับรองไหมคะ?! หลังจากที่ฉันส่งคุณแล้วค่อยกลับมานอนที่นี่ ตื่นแล้วฉันจะไปหาคุณ” ฟู่ซื่อถิงตรงเข้าไปในห้องรับแขก “ผมก็ง่วงเหมือนกัน” ฉินอันอันตกตะลึง “แต่คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ! คุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า...” “คุณไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นสนใจผมหรอก” ฉินอันอันจะไม่สนใจเขาได้ยังไง? วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าปล่อยให้เขาหิว เธอเองก็ไม่สบายใจ เธอเดินไปที่ห้อรับรองอย่างรวดเร็วและจัดกับข้าวให้เขา ทุกคนดูเธอตักกับข้าวด้วยความกระตือรือร้น “คุณฉิน เพิ่มเนื้ออีกนิด! อย่าลืมดูแลให้คุณฟู่ทานให้หมดด้วยนะครับ! เขาน้ำหนักลดลงมากหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ” “คุณฉิน พวกเรายกเจ้านายให้คุณแล้ว! คุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ!” “คุณฉิน หลังทานอาหารพวกคุณควรพักผ่อนให้เต็มที่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนคุณแน่!” ...... ฉินอันอันหน้าแดงพลางยกอาหารบรรจุกล่องกลับไปที่ห้องพัก ฟู่ซื่อถิงถือโทรศัพท์มือถือและไม่รู้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร เธอหยิบอาหารออกจากถุงแล้ววางไว้ตรงหน้าเขา “ถอดเสื้อกันหนาวออกไหม? ฉันเห็นคุณเหงื่อออกแล้ว” ฉินอันอันพูดกับตัวเอง “ถ้ารู้อย่างนี้คงไม
มีเสียงดังสนั่น! หลังจากนั้นก็มีเสียงยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นดังกึกก้อง! รู้สึกราวกับเสียงนั้นจะทำให้แก้วหูจะระเบิด! ฉินอันอันกอดฟู่ซื่อถิงที่อยู่บนรถเข็นแน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง รถเก๋งสีดำยางแตกหักเลี้ยวผ่านไปชนเข้ากับร้านสายไหมฝั่งตรงข้าม! ฟู่ซื่อถิงจับร่างของเธอด้วยมือทั้งสองข้างพลางมองรถคันสีดำข้าง ๆ ด้วยหางตาเย็นชา มีคนอยากฆ่าเขา แต่ไม่สำเร็จ ครั้งที่สองมีเสียงปืนดังขึ้น! คราวนี้กระสุนโดนเบาะคนขับรถสีดำ! เสียงกรีดร้องดังไปทั่ว ผู้คนต่างกระจัดกระจายกันจ้าละหวั่น อุณหภูมิร่างกายของฉินอันอันเริ่มเย็นลง ฟู่ซือถิงจับหน้าเธอไว้ในมือพลางมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่หวาดกลัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว” หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอสั่นคลอนแต่เธอมองหน้าเขาตลอดเวลา “ฟู่ซื่อถิง… ฟู่ซื่อถิง...” เธอมีเรื่องจะพูดมากมาย แต่เมื่อเธอเอ่ยปาก เธอกลับได้แต่พึมพำชื่อของเขา “ฉินอันอัน ผมไม่เป็นอะไร” เขาจับมือเธอมาแตะแก้มของตัวเอง “ยังอุ่นอยู่ใช่ไหมล่ะ?” เธอพยักหน้า น้ำตาไหลช้า ๆ “ฉันกลัวมาก...กลัวว่
ฉินอันอันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ตอนนี้ปากเธอแห้งผาก เธอเลยหยิบซุปเนื้อแกะที่เซิ่งเป่ยเอามาให้ขึ้นมากินเซิ่งเป่ยเคาะนิ้วบนโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่ พวกนายสองคนคิดว่าเราไม่รู้หรือไงว่าพวกนายส่งข้อความหากันน่ะ?”ฉินอันอันกลัวว่าฟู่ซื่อถิงจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกมา เธอก็เลยพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว เขาก็เหมือนกัน เพราะงั้นเราขอกลับก่อนนะคะ”เซิ่งเป่ยล้อ “ก็ได้ เราเองก็อิ่มเหมือนกัน กินอาหารหมาเข้าไปขนาดนี้ก็คงต้องอิ่มแล้ว”…… ที่ตระกูลฟู่เรื่องการสังหารฟู่ซื่อถิงเข้าหูแม่เฒ่าฟู่แล้วหญิงชรามาที่นั่นภายในคืนนั้นเมื่อเห็นว่าฉินอันอันก็อยู่ด้วย สีหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คืนนี้ตอนที่เจ้านายเกือบโดนรถชน คุณฉินก็พุ่งเข้ามากอดปกป้องเจ้านายเอาไว้ครับ” บอดี้การ์ดนั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาจึงรู้สึกว่าตนจำเป็นจะต้องบอกเรื่องนี้ให้หญิงชรารู้ “หากว่าผมยิงออกไปไม่ทันเวลาจนยางรถของฝ่ายตรงข้ามระเบิด รถก็จะพุ่งตรงเข้าไปชนแน่ คุณฉินเองก็จะต้องโดนชน แล้วก็ตายแน่นอน เพราะว่าเธอปกป้องเจ้านายไว้ เขาก็เลยยังรอดมาได้”หลังจากที่ฟังคำอธิบายจากบอดี้การ์ด ในหัวแม่เฒ่าฟู่ก็มีภาพโชกเลือดผุดขึ้นมา