ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูจากท่านชายทำให้พุดต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูแบบเสียไม่ได้ ท่านชายเดินตามเข้ามาในห้อง ส่วนเจ้าของห้องกลับไปนั่งทำท่าอ่านหนังสือไม่รู้ไม่ชี้ที่ปลายเตียง
“เป็นอะไรไป วิ่งหนีกลับมาคนเดียวทำไม ถือขนมมาให้พี่มิใช่หรือ?”
“ใครวิ่งหนี? กระหม่อมแค่เป็นคนมีมารยาท”
คนตอบเสียงบูดบึ้งทำให้ท่านชายเดินไปนั่งลงข้าง ๆ แย่งหนังสือออกมาวาง และจับไหล่คนตัวเล็กให้หันหน้ามาทางตน
“มองหน้าพี่แล้วตอบมา พ่อพุดกำลังน้อยใจพี่ ใช่หรือไม่”
พุดเริ่มรู้สึกประหม่าเพราะโดนพี่ชายไม่แท้พูดจี้ใจดำ
“นะ...น้อยใจอะไรกระหม่อม ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้ว กระหม่อมเป็นชายชาตรีไม่น้อยใจอะไรไร้สาระเช่นนั้นหรอก”
“ฝ่าบาท? กระหม่อม?...เจ้ารู้หรือไม่ เวลาเจ้าน้อยใจพี่ มักจะใช้ถ้อยคำห่างเหินเช่นนี้เป็นประจำ เด็กน้อย...”
“กระหม่อมมิใช่เด็กน้อยแล้ว ครบ 20 ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนก่อน ฝ่าบาทจำมิได้หรือ? เพื่อน ๆ ของกระหม่อมแต่งงานมีลูกกันไปหลายคนแล้ว”
“งั้นหรือ? พูดเช่นนี้...พ่อพุดอยากแต่งงานแล้ว?”
“มิใช่เสียหน่อย”
“แต่พี่อยากแต่ง...”
“ไหนเคยตรัสว่ายังไม่อยากเสกสมรสไง?!!”
“ไหนว่าไม่น้อยใจไง? คนปากแข็ง หวงพี่ก็บอกมาเถิด”
“ใครจะหวงฝ่าบาทกัน ฝ่าบาทจะเสกสมรสกับใครก็ตามใจเถิด ไม่เกี่ยวกับกระหม่อม”
“งั้นแม่วิลาก็ไม่เลวนัก ชาติตระกูลดี กิริยามารยาทงาม เหมาะจะมาเป็นพี่สะใภ้เจ้า เจ้าว่าดีหรือไม่?...”
ท่านชายแกล้งพูดยั่วคนปากแข็งที่หวงพี่ชายไม่แท้คนนี้อย่างกับอะไรดี ซึ่งท่านชายเองก็ชอบให้พ่อพุดหวงเขาแบบนี้ ความรู้สึกลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายในใจนั้นท่านชายรู้ตัวดีว่ามันคืออะไร เพียงแต่เขายังไม่แน่ใจว่าเด็กน้อยของเขาคิดแบบเดียวกัน หรือแค่หวงเขาตามประสาน้องหวงพี่ชายกันแน่
“แล้วแต่องค์เองเถิด กระหม่อมง่วงจะงีบแล้ว”
พุดว่าพลางเอนตัวลงนอนหันหลังให้คนพี่แล้วทำเป็นแกล้งหลับเพราะขี้เกียจเถียงต่อ ตอนนี้เขาหงุดหงิดเกินไปประเดี๋ยวจะโดนจับไต๋ได้แล้วจะแย่เอา
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแม่วิลา พี่คงไม่พ้นโดนเสด็จพ่อรับสั่งให้ไปร่วมงานเป็นแน่ พ่อพุดต้องไปกับพี่ เตรียมตัวด้วย”
ท่านชายพูดจบก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบ เพราะเขาไม่ได้ถาม แต่เป็นคำสั่งที่พุดห้ามปฏิเสธ
“เชอะ!!! เห็นเราเป็นไม้กันหมาตลอด”
พุดที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อย่างตั้งใจถูกท่านชายพาไปโผล่อีกสถานที่
“ที่นี่วังใครอีกเนี่ย ใหญ่โตขนาดนี้”
พุดถูกพามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูใหญ่โตไม่แพ้วังรัชนีพงษ์ แต่ถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้และดวงไฟสว่างไสว มีนักดนตรีกำลังบรรเลงไวโอลินและเปียโนในบทเพลงคลาสสิคไพเราะสบายหู แขกเหรื่อในงานแต่งตัวสวยงามแปลกตาด้วยชุดย้อนยุคเหมือนละครพีเรียดที่พุดเคยดู ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่สูท บางคนก็ใส่เสื้อสูทผูกหูกระต่ายกับโจงกระเบนผ้าไหมชั้นดี ส่วนผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงบานฟูฟ่องตัดเย็บด้วยผ้าแพรพรรณชั้นดีที่นำเข้าจากต่างประเทศ บ้างก็กำลังยืนคุยกัน บ้างก็เต้นรำกันอย่างเพลิดเพลิน
“ที่นี่คือวังเทวลักษณ์”
คำตอบจากท่านชายทำให้พุดเริ่มเข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองมาที่ช่วงเวลาใด
“คุณพุด สวัสดีครับ”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เรียกชื่อพุดในนิมิต เรียกความสนใจจากทั้ง 2 คนที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่
“อ้าว...สวัสดีครับพี่ชายเล็ก”
“คุณพุดมากับท่านชายพัฒน์หรือครับ?”
คุณชายเล็ก หรือหม่อมราชวงศ์พีระกุล เอ่ยถามพุดที่ยืนกินขนมตุ้ย ๆ อยู่คนเดียว
“ครับ”
“แล้วท่านชายล่ะครับ?”
ปกติเห็นพุดที่ไหนต้องเห็นท่านชายหน้าเย็นชาที่นั่น คุณชายเล็กจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คงกำลังคุยสนุกอยู่กับเจ้าของวันเกิดอยู่กระมังครับ”
พุดพูดด้วยความประชดประชันเล็ก ๆ เพราะถูกท่านชายทิ้งให้อยู่คนเดียวมาสักพักแล้ว เลยระบายความหงุดหงิดด้วยการหาของกินเข้าปากถึงค่อยอารมณ์ดีขั้นมาหน่อย คุณชายเล็กได้รับคำตอบเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ ทางสะดวก จึงชวนคนตรงหน้าคุยต่อ
“เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ คุณพุดโตขึ้นเยอะเลยนะ”
“ก็ 2 ปีแล้วนี่ครับที่พี่ชายเล็กไปเรียนต่อเฉพาะทาง เป็นไงครับพุดหล่อขึ้นใช่มั้ยล่ะ”
“หล่อมากครับ สาว ๆ คงเข้าหาเยอะเป็นแน่”
“แหม สู้พี่ชายเล็กไม่ได้หรอก ดีกรีว่าที่คุณหมอสุดหล่อ ได้ยินว่าพยาบาลสาว ๆ พากันขายขนมจีบให้ตลอดเลยหนิครับ”
พุดแซวเพื่อให้บรรยากาศเป็นกันเอง เล่นเอาคนตรงข้ามหูแดงเลยทีเดียว
“คุณพุดก็...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เอ่อ...ขอโทษนะครับ”
คุณชายเล็กเอ่ยขอโทษพุดพร้อมกับเอื้อมมือมาหยิบเศษขนมที่เลอะขอบปากของพุดออก
“อ้อ...ขอบคุณครับ แหะ ๆ ขายหน้าเลย”
พุดเอ่ยขอบคุณโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่คนที่มาใหม่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ใบหน้าเรียบเฉย แต่นัยน์ตากลับฉายแววไม่พอใจออกมา
“พ่อพุด...”
เสียงเรียกชื่อที่คุ้นเคยแต่เคลือบด้วยความเย็นยะเยือกมากกว่าปกติทำพุดสะดุ้งเล็กน้อย
“อ้าว...ฝ่าบาท”
คุณชายเล็กเอ่ยทักทายท่านชายปกรณ์ณพัฒน์ด้วยรอยยิ้ม พร้อมโค้งตัวทำความเคารพตามปกติ ท่านชายพัฒน์ก้มหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ซึ่งคุณชายเล็กคุ้นเคยกับภาพแบบนี้ดี กิตติศัพท์ของท่านชายปกรณ์ณพัฒน์ที่หวงน้องชายมากเป็นที่เลื่องลือ แม้แต่เพื่อนผู้ชายก็เข้าถึงตัวพุดยากมาก เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ตอนนี้จะโต ๆ กันแล้ว ท่านชายก็ยังคงหวงน้องไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สิ...เขารู้สึกว่ามันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“กลับวังกัน”
“แต่กระหม่อมกำลังสนุก”
พุดตอบท่านชายด้วยอารมณ์หงุดหงิด อะไรกัน ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแต่ตัวเองไปคุยสนุกกับคุณหญิงวิลาตั้งนานสองนาน ตอนนี้เขากำลังเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าแถมมีเพื่อนคุยสนุกสนาน จู่ ๆ มาบอกให้กลับวัง ทำเอาพุดหงุดหงิดที่สุด
“แหม...จะรีบกลับไปไหนเพคะเด็จพี่ ยังไม่ดึกเลย แล้วดูสิ คุณพุดยังสนุกอยู่เลย”
คุณหญิงวิลาที่เห็นว่าท่านชายพัฒน์จะกลับแล้วก็อยากจะรั้งให้อยู่ต่อ และที่สำคัญยังไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้เลย
“นาน ๆ คุณพุดจะได้ออกงานสังคมสักที เด็จพี่ก็อย่าเพิ่งรีบกลับเลยเพคะ จริงไหมคะคุณพุด”
กล่าวจบ คุณหญิงวิลาก็หันไปยิ้มหวาน ๆ ให้กับพุด จนพุดขนลุกเกรียว เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล เพราะปกติคุณหญิงวิลาไม่เคยยิ้มให้เขาเลยสักครั้ง เจอกันทีไรมีแต่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่เคยเป็นมิตรเลย
“เอ่อ...ครับ...”
พุดตอบรับแบบเบา ๆ เพราะความเคลือบแคลงใจ
“จริงสิ...วิลาได้ยินมาว่าคุณพุดเล่นเปียโนเก่งมาก วันนี้วันเกิดวิลา ถ้าจะกรุณา คุณพุดเล่นให้ฟังเป็นของขวัญวันเกิดได้ไหมคะ”
นั่นปะไร!!! พุดถึงบางอ้อแล้วว่ากำลังจะโดนคุณหญิงวิลาหักหน้า เพราะตั้งแต่สมัยเรียน มีใครไม่รู้บ้างว่าพุดห่วยแตกเรื่องดนตรีที่สุด เรียกได้ว่าคะแนนเกือบตกมาโดยตลอด และที่ผ่านมาได้ เพราะมีศักดิ์เป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณ เลยได้คะแนนพิศวาสมาช่วยให้สอบผ่าน
“เอ่อ...กระผมไม่เก่งเรื่องดนตรี ขอผ่านดีกว่าครับ”
“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ คุณพุดอย่าถ่อมตัวเลยค่ะ ทั้งเด็จพ่อของคุณพุด ทั้งเด็จพี่อย่างท่านชายพัฒน์เองเป็นถึงอัจฉริยะทางด้านดนตรีเลยนะคะ”
เอาแล้วไง ซวยแล้ว พุดคิดในใจว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธก็มีแต่จะทำให้ทั้งตัวเองและวังรัชนีพงษ์ขายหน้า
“ไม่มีปัญหา ในเมื่อแม่วิลาอยากฟัง”
พุดตกใจกับคำกล่าวของพี่ชายของตน คิดไม่ตกว่าไปทำอะไรให้ท่านพี่ไม่พอใจ ถึงกับต้องผลักให้เขาออกไปทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้ แต่ยังไม่ได้ทันคิดอะไรต่อ ท่านชายพัฒน์ก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวพุดที่กำลังยืนทำตาโตอยู่
“เพลงที่พี่แต่งให้เจ้า”
กล่าวจบท่านชายพัฒน์ก็โอบไหล่พุดเดินขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เปียโนคู่กัน ซึ่งสาว ๆ ในงานมองว่าเป็นมิตรภาพพี่น้องที่น่าหลงใหลมาก ๆ อีกคนสูงใหญ่ สมาร์ต หล่อเหลาราวเทพบุตร อีกคนแม้จะตัวเล็กกว่าแต่ก็เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักและมีเสน่ห์มาก ๆ สองหนุ่มหล่อจากตระกูลสูงศักดิ์ที่มีแต่สาว ๆ หมายปอง กำลังจะเล่นเปียโนด้วยกัน ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก ๆ แต่ไม่ใช่กับวิลา เพราะวิลามองแค่ท่านชายพัฒน์คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ๆ และดูถูกชาติกำเนิดของพุดในใจมาโดยตลอด ด้วยความที่หลงใหลในตัวท่านชายพัฒน์ วิลายิ่งไม่ชอบใจที่เห็นท่านชายพัฒน์ให้ความสนใจและเอาใจใส่แค่พุดเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ชาติกำเนิดพุดสู้ตัวเธอไม่ได้เลย จึงริษยาพุดมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ท่านชายพัฒน์เริ่มกดโน้ตแรกด้วยมือขวาข้างเดียว หลังจากนั้นพุดก็เริ่มกดโน้ตมือซ้ายคู่กัน เสียงเปียโนถูกบรรเลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นบทเพลงง่าย ๆ แต่กลับทำให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มและซาบซึ้ง พุดเริ่มยิ้มออกพร้อมกับน้ำที่คลอในดวงตา ที่แท้ท่านชายกำลังปกป้องตนเองอยู่ บทเพลงนี้เป็นเพลงที่ท่านชายแต่งให้พุดตอนที่ท้อแท้มาก ๆ กับการเรียนวิชาเปียโนสมัยเด็ก ๆ ทำให้พุดสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นเพลงนี้กับท่านชาย โน้ตทุกตัวจดจำได้จนขึ้นใจ จึงบรรเลงออกมาได้พลิ้วไหวและไพเราะ พุดซึ้งใจที่ผ่านไปหลายปีแล้ว ท่านชายยังจำบทเพลงนี้ไม่ลืมเลือน
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังกึกก้อง แขกในงานต่างพากันประทับใจกับบทเพลงที่สองพี่น้องบรรเลงจบไป
“ไพเราะมากเพคะ”
“เพลงอะไรหรือกระหม่อม พวกกระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อน”
บรรดาเหล่าคุณหญิงคุณชายและเพื่อน ๆ ของท่านชายต่างชื่นชมและสอบถามถึงบทเพลงที่เพิ่งบรรเลงจบไปเมื่อครู่
“เป็นความลับน่ะ”
ท่านชายกล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ ออกมา ทำเอาสาว ๆ ในงานพากันกรี๊ดในใจแทบจะเป็นลม และเพ้อฝันไปถึงว่าอยากจะออกเดตกับท่านชาย แต่ก็โดนคุณหญิงวิลาดับความฝันด้วยการเดินเข้ามาควงแขนท่านชายอย่างแนบชิด
“เก่งที่สุดเลยเพคะ วิลาจะให้รางวัลด้วยการเป็นคู่เต้นรำนะเพคะ”
แม้จะขัดใจที่ไม่สามารถหักหน้าพุดได้ แต่อย่างไรคืนนี้ทุกคนในงานต้องรู้ว่าตำแหน่งคู่หมายของท่านชายต้องเป็นเธอเท่านั้น คุณหญิงวิลาลากตัวท่านชายออกไปยืนกลางฟลอเต้นรำ นักดนตรีเริ่มบรรเลงบทเพลงใหม่ในจังหวะช้า ๆ โรแมนติก ท่านชายไม่อาจปฏิเสธคำชวนเต้นรำต่อหน้าแขกเหรื่อในงานได้ เพราะยังคงเกรงใจเสด็จพ่อของคุณหญิงวิลาหากจะหักหน้าบุตรีของท่านในงานวันเกิดเช่นนี้อาจจะทำให้ผู้ใหญ่ผิดใจกันได้ จึงเต้นรำตามน้ำไปก่อน และอีกใจก็หวังอยากจับสังเกตปฏิกิริยาของน้องชายแสนดื้อของตนเองไปด้วย คุณหญิงวิลาได้ทีจึงเข้าไปแนบชิดแผงอกของท่านชายพัฒน์พร้อมส่งสายตาไปหาสาว ๆ ในงานเพื่อบ่งบอกว่าท่านชายเป็นของตนเท่านั้น
ตัดมาที่ฝั่งของพุดที่ตอนนี้ถูกรุมจากทั้งคุณหญิงคุณชาย บ้างก็เพิ่งเคยเห็นพุดแล้วเกิดสะดุดตาในความน่ารัก บ้างก็เป็นคนรู้จักกันมาก่อนที่อยากจะเข้าหา พอสบโอกาสที่พี่ชายสุดเย็นชาของพุดโดนคุณหญิงวิลาลากตัวไปเต้นรำ จึงได้ทีเข้ามาทักทาย แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าพุดเอาแต่มองไปทางท่านพี่ของตนที่เต้นรำกับสาวสวยด้วยความไม่สบอารมณ์
“ไหนว่าไม่ชอบ เต้นรำสนุกสนานเชียว แถมถึงเนื้อถึงตัวกันอีก...”
พุดได้แต่บ่นในใจ แถมยังต้องปั้นหน้ายิ้มทักทายบรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เข้ามาหาตน
“คุณพุดวันนี้หล่อจังเลยนะคะ”
“น้องพุดไม่เจอกันนานเลยนะครับ จำพี่ได้ไหมครับ”
การโดนรุมจากคุณหญิงคุณชายทำให้พุดเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน บวกกับอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดมาก
“ขอโทษนะครับ ผมขอตัวพาคุณพุดไปคุยธุระก่อนนะครับ”
“พี่ชายเล็ก...”
คุณชายเล็กฝ่าวงล้อมเข้ามาจูงแขนพุดออกไปอีกทาง และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของท่านชายพัฒน์...
“ต้องเสียมารยาทแล้ว พี่ขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”
ท่านชายพัฒน์เอ่ยกับคุณหญิงวิลาและรีบผละออกมาจากการเต้นรำเพื่อตามทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว
ทางฝั่งเจ้าของวันเกิดอย่างคุณหญิงวิลาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ยืนกำมือแน่นด้วยความริษยา เธออุตส่าห์อ้างชื่อท่านพ่อเพื่อกักตัวท่านชายไว้ แต่ท่านชายก็ยังมัวแต่สนใจน้องชายนอกไส้คนนั้น เดินหนีเธอไปเสียดื้อ ๆ คิดแล้วมันก็น่าเจ็บใจ ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ต่างมองว่าเธอเหมาะสมคู่ควรจะเป็นคู่หมายของท่านชาย แต่ทำไมท่านชายไม่ให้ความสำคัญกับเธอเลย
“ขอบคุณมาก ๆ นะครับพี่ชายเล็ก”
พุดกล่าวขอบคุณคนที่พาตนเองออกมาจากความอึดอัดในงาน ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสวนกุหลาบหลังฟลอเต้นรำที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน
“ไม่เป็นไรครับคุณพุด พี่เห็นว่าสีหน้าไม่ค่อยดีแล้วน่ะครับ”
“ถ้าไม่ได้พี่ชายเล็ก ผมคงได้เป็นลมกลางงานแน่ ๆ ครับ ฮ่าๆๆๆ”
พุดพูดติดตลกให้คนตรงหน้าขำ ทั้งสองคนหัวเราะอย่างเป็นกันเอง คุณชายพีเห็นพุดผ่อนคลายขึ้นก็รู้สึกดีใจ และอยากจะเข้าใกล้พุดให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
“เอ่อ...คุณพุดครับ ไว้ว่าง ๆ เราไปตีเทนนิสกันมั้ยครับ จำได้ว่าคุณพุดชอบตีเทนนิส”
“โห จำได้ด้วยเหรอครับ แต่ว่าผมต้องไปขอ...”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ท่านชายพัฒน์ก็เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองคนพร้อมกับสีหน้าที่เรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยไอสังหารผ่านสายตา
“เราคงต้องขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”
“...”
“เราคงต้องขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”ท่านชายหันไปพูดกับคุณชายเล็กพร้อมกับจับมือพุดเดินออกไปโดยไม่สนเลยว่าพุดจะอยากกลับหรือไม่“ขะ...ขอรับกระหม่อม”คุณชายเล็กถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า การเข้าหาพุดเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน“ฝ่าบาท!...ฝ่าบาท!!...พี่ชายพัฒน์!!! เป็นอะไรไป?”พุดเอ่ยถามท่านชายที่เดินลากแขนตัวเองออกมาจากงานโดยไม่พูดไม่จา“ถ้าวันนี้ไม่พูด ก็ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย!!!”พุดพูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห และไม่เข้าใจว่าท่านชายพัฒน์ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมต้องมาลงที่เขาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมัวแต่เต้นรำสนุกสนาน และทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแท้ ๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยแต่ตลอดทางจนขับรถกลับมาถึงบ้าน ท่านชายก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพียงแค่ส่งพุดเข้าห้องนอนแล้วตัวเองก็กลับห้องไป ต่างคนต่างอาบน้ำและเข้านอน ภายในห้องนอนของท่านชาย เขานอนเอามือก่ายหน้าผาก เพราะนอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิด มันร้อนรุ่มในหัวใจ เขานอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนสุดท้าย…“เป็นไงเป็นกัน!!!”ท่านชายตัดสินใจเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆพุดที่กำลังจะเคลิ้ม ๆ หลับก็สะดุ้งตื่น เดินงัวเ
“ร้ายกาจที่สุด” พุดเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้คนด้านบน“ร้ายก็เพราะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าพี่อยากทำแบบนี้กับเจ้ามานานเพียงใด”ท่านชายเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ทว่ากลับดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากในสายตาของพุด มือหนาเริ่มรูดรั้งแก่นกายคนตัวเล็กเบา ๆ ลิ้นหนาโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลาย“อื้ออ...สะ...เสียว” “หืม...ว่าอย่างไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” ท่านชายเอ่ยแกล้งพร้อมกับรัวลิ้นลงที่ปลายหัวหยักอมชมพูของคนใต้ร่าง ทั้งเลียทั้งดูดเหมือนชิมไอติมแท่งโปรดจนเกิดเสียงน่าอาย“สะ...เสียว พุดเสียว...” เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อตัวเองของพุดทำให้ท่านชายสกัดกั้นอารมณ์ไม่ไหว ช่างน่ารักเหลือเกิน พอกันที เขาจะไม่ทนอีกต่อไป...“เอ๊ะ!” จู่ ๆ ท่านชายก็ลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบน้ำมันมะกอกสกัดที่พุดใช้ทาผิวเป็นประจำติดมือกลับมา ยังไม่ทันที่พุดจะได้ถามอะไรก็ต้องสะดุ้งเมื่อท่านชายจับขาของตนแยกออกจากกันพร้อมกับช้อนสะโพกให้สูงขึ้นจนไปชนกับท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาที่ตอนนี้มันพองขยายตัวตั้งชูชัน พุดตัวสั่นสะท้านทั้งอยากรู้อยากลองและกลัวในเวลาเดียวกัน ท่านชายเทน้ำมันมะกอกใส่มือและละเลงวนที่รูจีบสีหวาน กลิ่นหอมของมันช่วยให้ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด