ตลอด 1 อาทิตย์ที่เข้ามาทำงาน พุดวิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดทั้งวัน เพราะถูกรับน้องด้วยการใช้ให้ทำงานยิบย่อยตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบแต่เขาก็ไม่บ่นเลยสักคำ หนำซ้ำยังตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเต็มที่
ใกล้เวลาเลิกงาน...
“พุดจ๋า...ช่วยพี่หน่อยสิ”
“ครับพี่แพรว”
“พี่เหลืองานเอกสารอีกนิดหน่อย พุดช่วยตรวจแทนพี่หน่อยได้มั้ย พี่ต้องรีบไปรับลูกน่ะ”
“อ๋อ...ได้สิครับ” พุดไม่ปฏิเสธอีกเช่นเคย คนใจดีแบบเขาถ้าช่วยอะไรใครได้เขาไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปจนถึง 1 ทุ่มกว่า...
“เฮ้ออออ เสร็จสักที! กลับบ้านได้!!!”
“อ้าวน้องพุด งานเพิ่งเสร็จเหรอ?”
บดินทร์สังเกตพุดแบบห่าง ๆ มาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์โดยไม่แสดงความอยากได้ออกนอกหน้า อย่างมากก็เล่นบทเจ้านายใจดีคอยให้คำปรึกษา ครั้งนี้สบโอกาส จึงวางแผนที่จะเข้าใกล้เหยื่อตัวน้อยของเขาอีกขั้น
“ครับพี่ดิน”
“งั้นให้พี่ไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเกรงใจ”
“เห... ไม่เอาน่า ห้ามปฏิเสธเจ้านาย”
“เอ่อ...ก็ได้ครับ”
พุดกล่าวตอบรับน้ำใจของเจ้านายใหม่ และคิดว่าคงไม่เป็นไร มีคนอาสาไปส่งก็ดี จะได้ไม่ต้องไปรอรถเมล์ให้เมื่อย
รถสปอร์ตคันหรูสีดำแล่นมาจอดหน้าบ้าน
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ”
พุดกล่าวขอบคุณคนใจดีที่มาส่งและกำลังจะลงจากรถ
“พี่หิวน้ำจัง ขอเข้าไปกินน้ำสักหน่อยได้มั้ย”
บดินทร์เอ่ยขอออกมาด้วยใบหน้าที่เจือรอยยิ้ม พุดจะปฏิเสธได้อย่างไร ในเมื่อเขาคือเจ้านายและอุตส่าห์มีน้ำใจมาส่งถึงที่
ภายในบ้าน...
“น้ำครับ”
“ขอบคุณครับ เออ...น้องพุดอยู่คนเดียวเหรอครับ”
“ใช่ครับ”
“แล้ว...ไม่เหงาเหรอ ทำไมไม่อยู่กับแฟนล่ะ”
“เอ่อ...ผมไม่มีแฟนคลับ”
“เฮ้ยยย จริงดิ หน้าตาดีแบบน้องพุดเนี่ยนะไม่มีแฟน”
พุดได้แต่ยิ้มรับ รู้สึกไม่ค่อยอยากตอบคำถามเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อบดินทร์คือเจ้านาย แม้จะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง
“อ๊ะ!”
จู่ ๆ บดินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอามือโอบเอวพุดพร้อมขยำแน่นแบบถือวิสาสะ
“พี่ดินจะทำอะไรครับ?!”
“พี่เหรอ? ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากสนิทกับเราให้มากขึ้นน่ะ”
“เอ่อ...ผมมีเอกสารที่ต้องรีบทำอีกเยอะเลยครับ ถ้าไง...”
“โอเค ๆ พี่ไม่กวนเราแล้ว เดี๋ยวพี่กลับเลยแล้วกัน”
บดินทร์เอ่ยขอตัวกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้พุดคลายความอึดอัดลงมาก ๆ เขาเดินมาส่งบดินทร์หน้าบ้านตามมารยาท
“ขับรถดี ๆ นะครับ”
“ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ”
หลังจากกล่าวคำลากันเสร็จพุดก็ปิดประตูเข้าบ้านไปโดยที่บดินทร์ยังไม่ทันสตาร์ทรถเลย
“หึ...เล่นตัวแบบนี้ ของชอบเลย...”
บดินทร์ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับสตาร์ทรถออกไป เขาเริ่มวางแผนการต่อไปในใจแบบเงียบ ๆ
ภายในบ้าน...
“เราคิดมากเกินไปหรือเปล่าวะ...”
“คนผู้นั้นไว้ใจไม่ได้!!!”
“ฮึ!!!”
พุดตกใจกับเสียงแว่วเมื่อสักครู่ หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ แต่ทุกอย่างก็นิ่งสงบ มีแค่เสียงแอร์ที่ดังหึ่ง ๆ อยู่ท่ามกลางความเงียบ
“หูฝาดอีกแล้วเหรอ?”
พุดสะบัดหัวไล่ความคิดพร้อมกับขึ้นไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ความจริงเรื่องเอกสารที่ต้องทำเป็นเพียงข้ออ้าง เขาทำเสร็จตั้งแต่อยู่ที่ออฟฟิศแล้ว
เสียงน้ำจากฝักบัวเปิดราดรดร่างกายเปลือยเปล่า เขาหลับตารับความอุ่นของสายน้ำ โชคดีที่บ้านหลังนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมเสร็จสรรพโดยที่พุดไม่ต้องหามาติดใหม่ให้เปลืองเงิน ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และหลาย ๆ เรื่องที่ประดังเข้ามาในหัวทำเขาหมดพลังไปเยอะในวันนี้ การยืนแช่ในน้ำอุ่นแบบนี้ก็ช่วยผ่อนคลายไปไม่น้อย
“อบอุ่นจัง...”
พุดแปลกใจที่น้ำอุ่นนี้ไม่ได้ให้แค่ความอุ่นแก่ร่างกาย แต่กลับให้ความอบอุ่นไปถึงภายในจิตใจ แต่หากพุดรับรู้ได้สักนิด ว่าตอนนี้มีใครอีกคนกำลังยืนช้อนโอบกอดเขาอยู่จากทางด้านหลังก็คงจะไม่แปลกใจ
“เหนื่อยมากไหม...”
ร่างสูงใหญ่ยืนโอบกอดร่างกายเปลือยเปล่าของพุดพร้อมกับหอมแก้มเพื่อปลอบประโลมโดยที่พุดไม่รับรู้เลย
“คนผู้นั้นไว้ใจไม่ได้ พี่จะเตือนเจ้าอย่างไรดี หากเผยตัวบอกเจ้า จะกลัวพี่หรือไม่?”
เขาตนนั้นนึกคิดด้วยใบหน้าเศร้าหมองและเป็นกังวล
นาฬิกาบอกเวลา 4 ทุ่ม...
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าพุดกำลังนอนหลับสนิท ร่างสูงใหญ่เดินทะลุจากผนังห้องมาหยุดยืนอยู่ตรงข้างเตียงนอน มือหนาค่อย ๆ เอื้อมไปสัมผัสเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหลับใหลไม่รู้สึกตัว
ในห้วงฝันของพุด เขากำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ไม่สิ...ต้องเรียกว่าราชวังแล้วล่ะ เพราะมันใหญ่โตมาก มันไม่ใช่บ้านเช่าที่เขาฝันถึงเมื่อคืนวาน
“ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย...สถานที่เดิมเลย”
พุดมองซ้ายมองขวา แล้วปะทะเข้ากับชายหนุ่มร่างสูง จึงทำให้ได้รู้ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว
“เฮ้ย!!! คุณ!!!”
“สวัสดี”
ใบหน้าคุ้นเคยเอ่ยสวัสดีพุดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“เฮ้ย!!! คุณเห็นผม? คุณพูดกับผม?”
พุดตกใจกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อวานคนในฝันไม่มีใครมองเห็นเขาเลยสักคน แต่ฝันวันนี้กลับมีคน ๆ นี้มายืนคุยกับเขา อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเสมือนจริงมาก
“ตกใจหรือ? แล้วกลัวหรือไม่?”
“...”
พุดไม่ตอบคำถามแต่คิดในใจว่าถ้าตื่นจากฝันนี้คงต้องไปหาจิตแพทย์สักหน่อยแล้ว
“ไม่ต้องถึงขั้นไปหาหมอหรอกกระมัง...”
“เฮ้ย!!! ได้ยินความคิดผมด้วยเหรอ?”
“เจ้าพูดว่า เฮ้ย รอบที่เท่าไหร่แล้วได้นับหรือไม่?”
ร่างสูงเอ่ยพร้อมหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“สรุปว่านี่คือความฝันใช่มั้ย?”
“จะคิดเช่นนั้นก็ได้”
“เอ้าวะ!!! ฝันก็ฝัน ปล่อยจอยไปเลยแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นแล้ว”
พุดขี้เกียจคิดให้ปวดหัว ในเมื่อมันคือความฝันเดี๋ยวสักพักก็คงตื่นเอง
“คุณเป็น...ผีหรือคน?”
“ถ้าไม่ใช่คน...เจ้าจะกลัวพี่หรือไม่?”
“หึ...ไม่อะ ก็ความฝันนี่นา ถ้ามาหน้าหล่อ ๆ แบบนี้ ไม่มาแลบลิ้นปริ้นตาใส่ก็ไม่มีอะไรให้กลัว”
“หากไม่ใช่ในความฝัน...เจ้าจะยังกลัวพี่หรือไม่?”
“ถามเยอะจริง!!! ก็...ไม่รู้สิ...ค่อยว่ากัน ว่าแต่คุณรู้จักผม?”
“พี่รู้จักเจ้ายิ่งกว่าใคร”
“???...แล้ว...คุณชื่ออะไร?”
พุดเริ่มเพลิดเพลินกับความฝันและรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับคนตรงหน้า
“ปกรณ์ณพัฒน์...หม่อมเจ้าปกรณ์ณพัฒน์ รัชนีพงษ์”
“โห...มีเชี้อเจ้านี่เอง มิน่าล่ะ ในฝันวันก่อนคนพวกนั้นถึงเรียกคุณว่าท่านชาย เอ่อ...ฝ่าบาท ผม...กระหม่อม ใช้คำราชาศัพท์ไม่เก่งนะ”
“เจ้าพูดกับพี่ตามสบายเถิด เรียกพี่แบบที่เจ้าเคยเรียก”
“แบบที่ผมเคยเรียก?”
“พี่ลืมไปว่าเจ้ายังจำพี่ไม่ได้...”
แววตาท่านชายหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พุดรู้สึกหวิว ๆ ขึ้นมาในหัวใจชั่วขณะหนึ่ง
“เรา...เคยรู้จักกันเหรอ?”
“ยิ่งกว่าคำว่ารู้จัก”
“...”
“เพียงแต่ตอนนี้เจ้าไม่หลงเหลือความทรงจำเมื่อชาติก่อนแล้ว พี่ถึงได้พาเจ้าเข้าสู่นิมิตเพื่อระลึกอดีตชาติ นิมิตครั้งก่อนของเจ้าก็เช่นกัน”
“แต่ในฝันครั้งก่อนคุณไม่เห็นผม”
“ไม่ใช่ไม่เห็น...นั่นเป็นเพียงภาพนิมิตในอดีตที่พี่สร้างขึ้นมา แต่มิได้เข้ามาด้วยตัวเอง เลยพาไปผิดช่วงเวลานิดหน่อย ไม่เช่นนั้น ในวันนี้เจ้าอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
“ภาพในอดีตเหรอ? คุณบอกว่าฝันของผมวันก่อนเป็นคุณที่พาผมเข้าไป?”
“เป็นเช่นนั้น และวันนี้พี่จะพาเจ้าไปในช่วงเวลาสำคัญที่จะไม่มีใครมาขัดจังหวะ...”
ท่านชายพูดพลางยิ้มมุมปาก พุดฟังแล้วรู้สึกเสียวสันหลังและงุนงงเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าฝันนี้สนุกดี และอยากรู้ว่าความฝันวันนี้เขาจะได้เห็นอะไรบ้าง เพียงชั่วครู่ ใบหน้าพุดก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะนึกขึ้นได้ถึงฉากเด็ดในฝันเมื่อคืน เลยรีบพูดแก้เขิน
“อ่า...แล้วที่นี่ที่ไหน? เฮ้ยยย!!!”
พุดยังพูดไม่ทันจบ ท่านชายก็จับที่ข้อมือของพุดพร้อมกับเคลื่อนกายหายเข้าไปในโถงบ้านหลังใหญ่ราวกับราชวังตรงหน้า
“ที่นี่คือ?...”
“ที่นี่คือวังรัชนีพงษ์”
“วังรัชนีพงษ์?”
ภายในห้องโถงวังรัชนีพงษ์ ปรากฏภาพชายท่าทางใจดีวัยประมาณ 40 ปีกว่า ๆ แต่งกายด้วยชุดราชปะแตนสีน้ำเงินเข้ม สวมโจงกระเบนผ้าไหมสีทองนั่งบนโซฟาสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ เขากำลังอุ้มเด็กทารกหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง ข้าง ๆ กันมีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักวัยประมาณ 6 ขวบ กำลังจ้องมองเด็กทารกคนนั้นด้วยแววตาตื่นเต้น
“ชายพัฒน์ เด็กคนนี้เป็นลูกของผู้มีพระคุณของพ่อ ต่อไปนี้ ชายพัฒน์ต้องรักและดูแลให้เหมือนกับน้องแท้ ๆ ของตัวเองนะ”
“ขอรับกระหม่อม”
หลังจากกล่าวรับคำ ท่านชายพัฒน์ตัวน้อยก็เอานิ้วไปจิ้มแก้มกลม ๆ สีชมพูของทารกหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตเหมือนลูกลำไยดวงนี้ทำให้ท่านชายพัฒน์ตัวน้อยหลงในความน่ารักนี้ทันที
“เสด็จพ่อ!!! น้องยิ้มให้ลูก”
ท่านชายพัฒน์ในวัยเด็กเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ทารกตัวน้อยยิ้มให้เขา ทำให้ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าเอ็นดูโอรสของตน
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยู่ในสายตาของชายหนุ่มทั้งสองคน
“นั่นคือเสด็จพ่อของพี่ พระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณ”
“...”
“พ่อพุดลองเดาดูสิว่าทารกน้อยคนนั้นคือใคร?”
“ผมจะไปรู้ได้ไง คงไม่ใช่ผมหรอกมั้ง ฮ่าๆๆๆ”
พุดพูดเอาฮาเพราะไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองจริง ๆ แต่ความเงียบของท่านชายทำเอาพุดหยุดขำแทบไม่ทัน
“กะ...ก็คือ...เด็กผู้ชายคนนั้นก็คือคุณ ส่วนทารกน้อย...คือผม?”
พุดพูดพลางชี้มาที่หน้าตัวเอง
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว”
“...”
“น้องชื่ออะไรหรือกระหม่อม?”
“พ่อยังไม่ได้ตั้ง เจ้าอยากตั้งหรือไม่?”
“ได้หรือกระหม่อม?”
“ได้สิ”
ท่านชายน้อยยิ้มแก้มบานพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดอยู่สักครู่
“พุด...ลูกจะตั้งชื่อน้องว่าพุดขอรับ!!!”
“เหตุใดจึงตั้งว่าพุดหรือ?”
“ลูกชอบดอกพุดซ้อน ถ้าเป็นหญิงลูกคงตั้งว่าแม่พุดซ้อน แต่น้องเป็นชาย ลูกเลยให้ชื่อว่าพ่อพุดขอรับ”
“ได้สิ จากนี้เจ้ามีน้องชายชื่อพุด ดีหรือไม่?”
“ขอบพระทัยขอรับเสด็จพ่อ”
ขณะที่พุดกำลังยืนยิ้มกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ท่านชายพัฒน์ก็พาพุดวาร์ปไปอีกที่
“เย้ยยยย ท่านชาย!!! ให้ผมได้ตั้งตัวหน่อย เล่นผลุบ ๆ โผล่ ๆ แบบนี้ผมเวียนหัวนะ ถึงจะฝันผมก็เวียนหัว!!!”
พุดโวยวายโดยที่ท่านชายไม่ได้ตอบอะไรกับคำบ่นของพุด เพียงแต่หลุดขำเล็กน้อยเท่านั้น
“เห...ที่นี่มัน...”
พุดตื่นตาตื่นใจกับบริเวณรอบ ๆ ที่เป็นส่วนหย่อมขนาดใหญ่ มีเรือนขนาดเล็กเปิดโล่งสไตล์ยุโรปตั้งอยู่ใจกลางสวน ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์สวยงามละลานตา
“เรือนรับรองวังรัชนีพงษ์ แต่เป็นช่วงเวลาอีก 20 ปีต่อมาหลังจากที่เราได้เจอกัน”
“???”
พุดยังไม่ทันเอ่ยถามอะไรต่อก็หันไปเห็นหญิงชายคู่หนึ่งกำลังสนทนากัน ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาเหมือนท่านชายคนข้าง ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน
“ดะ...เด็จพี่เพคะ”
หญิงสาววัยประมาณ 22 ปี ผมลอน หน้าตาสวยจัดเพราะแต่งแต้มเครื่องสำอางตามสมัยนิยมเอ่ยถามท่านชายด้วยความเหนียมอาย ราวกับกำลังสารภาพรักอย่างไรอย่างนั้น
“ว่าอย่างไรหรือแม่วิลา...”
ท่านชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“คือ...ว่าคืนพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของวิลา วิลาอยากชวนเด็จพี่มาร่วมงานที่วังเทวลักษณ์เพคะ”
“พี่ไม่...”
“อ๊ะ!”
ขณะที่ท่านชายกำลังจะปฏิเสธคุณหญิงวิลา หรือหม่อมราชวงศ์วิลาวัณย์ เทวลักษณ์ จู่ ๆ คุณหญิงวิลาก็เซไปซบอกท่านชาย ภาพตอนนี้จึงดูเหมือนท่านชายกำลังโอบกอดสาวสวยอยู่
“ขอประทานอภัยเพคะ วิลาเพิ่งซื้อรองเท้าใหม่มาจากปารีส มันสูงไปหน่อย วิลายังไม่ชินเพคะ น่าอายจังเลย”
ปากบอกขอประทานอภัย แต่มือไม้กลับเกาะแกะรัดตัวท่านชายแน่นขึ้น สีหน้าของท่านชายบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจ แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจึงต้องค่อย ๆ ประคองคุณหญิงวิลา จะผลักไสออกทันทีเดี๋ยวสาวเจ้าจะเสียหน้าแล้ววิ่งโร่ไปฟ้องท่านพ่อของเขาอีก แต่ก็พยายามจะแกะมือปลาหมึกของสาวสวยไปในคราเดียวกัน
แกร๊ง!!!
เสียงช้อนทองเหลืองหล่นจากมือของชายหนุ่มผู้มาใหม่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง รวมถึงท่านชายและพุดที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
“เอ่อ...ขอประทานอภัยที่มาขัดจังหวะกระหม่อม เชิญตามสบาย”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดจบก็รีบเก็บช้อนที่หล่นพร้อมกับเดินลิ่ว ๆ หายเข้าไปในวัง ซึ่งพุดเดาว่าเป็นเขาแน่ ๆ เพราะหน้าตาเหมือนเขาเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว
“พ่อพุด!!!”
ท่านชายในภาพนิมิตหันไปเห็นพุดที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สบอารมณ์และวิ่งหนีไปแล้ว จึงหันซ้ายหันขวาไปเจอกับบ่าวรับใช้ที่เดินอยู่ใกล้ ๆ
“แม่นิ่ม ๆ”
“เพคะ!”
“พาคุณหญิงวิลาไปทายาหน่อย ถ้าเป็นหนักก็ให้คนพาไปหาหมอนะ”
“เพคะ!”
ท่านชายรีบส่งคุณหญิงวิลาให้กับนิ่มบ่าวรับใช้แล้วรีบวิ่งตามพุดไปอย่างไว
“ฝ่าบาท!!! แล้วงานวันเกิดวิลาพรุ่งนี้ละเพคะ”
ไร้เสียงตอบรับจากท่านชายทำให้คุณหญิงวิลาไม่สบอารมณ์
“เป็นเช่นนี้ทุกครา ทำไมท่านชายต้องสนใจแต่ไอ้พุดคนเดียว กับอีแค่ลูกไพร่ชั้นต่ำ!!!”
ทางฝั่งของท่านชายกับพุดที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ ก็พากันวาร์ปไปที่ห้องนอนของใครสักคน ซึ่งในนี้มีพุดในนิมิตนั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับกำลังบ่นกับตัวเอง
“คนโกหก ไหนว่าไม่ชอบคุณหญิงวิลาไงเล่า!”
ก๊อกๆๆๆ
“พ่อพุด เปิดประตูให้พี่”
ก๊อกๆๆๆ
ก๊อกๆๆๆเสียงเคาะประตูจากท่านชายทำให้พุดต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูแบบเสียไม่ได้ ท่านชายเดินตามเข้ามาในห้อง ส่วนเจ้าของห้องกลับไปนั่งทำท่าอ่านหนังสือไม่รู้ไม่ชี้ที่ปลายเตียง“เป็นอะไรไป วิ่งหนีกลับมาคนเดียวทำไม ถือขนมมาให้พี่มิใช่หรือ?”“ใครวิ่งหนี? กระหม่อมแค่เป็นคนมีมารยาท” คนตอบเสียงบูดบึ้งทำให้ท่านชายเดินไปนั่งลงข้าง ๆ แย่งหนังสือออกมาวาง และจับไหล่คนตัวเล็กให้หันหน้ามาทางตน“มองหน้าพี่แล้วตอบมา พ่อพุดกำลังน้อยใจพี่ ใช่หรือไม่” พุดเริ่มรู้สึกประหม่าเพราะโดนพี่ชายไม่แท้พูดจี้ใจดำ“นะ...น้อยใจอะไรกระหม่อม ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้ว กระหม่อมเป็นชายชาตรีไม่น้อยใจอะไรไร้สาระเช่นนั้นหรอก”“ฝ่าบาท? กระหม่อม?...เจ้ารู้หรือไม่ เวลาเจ้าน้อยใจพี่ มักจะใช้ถ้อยคำห่างเหินเช่นนี้เป็นประจำ เด็กน้อย...”“กระหม่อมมิใช่เด็กน้อยแล้ว ครบ 20 ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนก่อน ฝ่าบาทจำมิได้หรือ? เพื่อน ๆ ของกระหม่อมแต่งงานมีลูกกันไปหลายคนแล้ว”“งั้นหรือ? พูดเช่นนี้...พ่อพุดอยากแต่งงานแล้ว?”“มิใช่เสียหน่อย”“แต่พี่อยากแต่ง...”“ไหนเคยตรัสว่ายังไม่อยากเสกสมรสไง?!!”“ไหนว่าไม่น้อยใจไง? คนปากแข็ง หวงพี่ก็บอกมาเถิด”“ใคร
“เราคงต้องขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”ท่านชายหันไปพูดกับคุณชายเล็กพร้อมกับจับมือพุดเดินออกไปโดยไม่สนเลยว่าพุดจะอยากกลับหรือไม่“ขะ...ขอรับกระหม่อม”คุณชายเล็กถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า การเข้าหาพุดเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน“ฝ่าบาท!...ฝ่าบาท!!...พี่ชายพัฒน์!!! เป็นอะไรไป?”พุดเอ่ยถามท่านชายที่เดินลากแขนตัวเองออกมาจากงานโดยไม่พูดไม่จา“ถ้าวันนี้ไม่พูด ก็ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย!!!”พุดพูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห และไม่เข้าใจว่าท่านชายพัฒน์ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมต้องมาลงที่เขาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมัวแต่เต้นรำสนุกสนาน และทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแท้ ๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยแต่ตลอดทางจนขับรถกลับมาถึงบ้าน ท่านชายก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพียงแค่ส่งพุดเข้าห้องนอนแล้วตัวเองก็กลับห้องไป ต่างคนต่างอาบน้ำและเข้านอน ภายในห้องนอนของท่านชาย เขานอนเอามือก่ายหน้าผาก เพราะนอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิด มันร้อนรุ่มในหัวใจ เขานอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนสุดท้าย…“เป็นไงเป็นกัน!!!”ท่านชายตัดสินใจเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆพุดที่กำลังจะเคลิ้ม ๆ หลับก็สะดุ้งตื่น เดินงัวเ
“ร้ายกาจที่สุด” พุดเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้คนด้านบน“ร้ายก็เพราะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าพี่อยากทำแบบนี้กับเจ้ามานานเพียงใด”ท่านชายเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ทว่ากลับดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากในสายตาของพุด มือหนาเริ่มรูดรั้งแก่นกายคนตัวเล็กเบา ๆ ลิ้นหนาโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลาย“อื้ออ...สะ...เสียว” “หืม...ว่าอย่างไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” ท่านชายเอ่ยแกล้งพร้อมกับรัวลิ้นลงที่ปลายหัวหยักอมชมพูของคนใต้ร่าง ทั้งเลียทั้งดูดเหมือนชิมไอติมแท่งโปรดจนเกิดเสียงน่าอาย“สะ...เสียว พุดเสียว...” เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อตัวเองของพุดทำให้ท่านชายสกัดกั้นอารมณ์ไม่ไหว ช่างน่ารักเหลือเกิน พอกันที เขาจะไม่ทนอีกต่อไป...“เอ๊ะ!” จู่ ๆ ท่านชายก็ลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบน้ำมันมะกอกสกัดที่พุดใช้ทาผิวเป็นประจำติดมือกลับมา ยังไม่ทันที่พุดจะได้ถามอะไรก็ต้องสะดุ้งเมื่อท่านชายจับขาของตนแยกออกจากกันพร้อมกับช้อนสะโพกให้สูงขึ้นจนไปชนกับท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาที่ตอนนี้มันพองขยายตัวตั้งชูชัน พุดตัวสั่นสะท้านทั้งอยากรู้อยากลองและกลัวในเวลาเดียวกัน ท่านชายเทน้ำมันมะกอกใส่มือและละเลงวนที่รูจีบสีหวาน กลิ่นหอมของมันช่วยให้ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด