“ร้ายกาจที่สุด”
พุดเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้คนด้านบน
“ร้ายก็เพราะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าพี่อยากทำแบบนี้กับเจ้ามานานเพียงใด”
ท่านชายเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่ทว่ากลับดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากในสายตาของพุด มือหนาเริ่มรูดรั้งแก่นกายคนตัวเล็กเบา ๆ ลิ้นหนาโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลาย
“อื้ออ...สะ...เสียว”
“หืม...ว่าอย่างไรนะ พี่ไม่ได้ยิน”
ท่านชายเอ่ยแกล้งพร้อมกับรัวลิ้นลงที่ปลายหัวหยักอมชมพูของคนใต้ร่าง ทั้งเลียทั้งดูดเหมือนชิมไอติมแท่งโปรดจนเกิดเสียงน่าอาย
“สะ...เสียว พุดเสียว...”
เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อตัวเองของพุดทำให้ท่านชายสกัดกั้นอารมณ์ไม่ไหว ช่างน่ารักเหลือเกิน พอกันที เขาจะไม่ทนอีกต่อไป...
“เอ๊ะ!”
จู่ ๆ ท่านชายก็ลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบน้ำมันมะกอกสกัดที่พุดใช้ทาผิวเป็นประจำติดมือกลับมา ยังไม่ทันที่พุดจะได้ถามอะไรก็ต้องสะดุ้งเมื่อท่านชายจับขาของตนแยกออกจากกันพร้อมกับช้อนสะโพกให้สูงขึ้นจนไปชนกับท่อนเอ็นยาวใหญ่ของเขาที่ตอนนี้มันพองขยายตัวตั้งชูชัน พุดตัวสั่นสะท้านทั้งอยากรู้อยากลองและกลัวในเวลาเดียวกัน ท่านชายเทน้ำมันมะกอกใส่มือและละเลงวนที่รูจีบสีหวาน กลิ่นหอมของมันช่วยให้ความผ่อนคลายได้เยอะเพราะมีส่วนผสมของดอกไม้หลากชนิด
“อ๊ะ...”
พุดได้แต่ครางรับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ ท่านชายจับท่อนเอ็นของตัวเองรูดขึ้นลง 2-3 ที ด้วยมือที่ชุ่มน้ำมันมะกอกและเอาไปวนจ่อที่ช่องทางรักของคนใต้ร่าง
“ฟังคำพี่ไว้ให้ดี เจ้าคือคนแรกและคนเดียวของพี่ และเช่นเดียวกัน พี่ต้องเป็นคนแรกและคนเดียวของเจ้า รอวันพี่เรียนจบกลับมา เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป รับปากพี่ได้หรือไม่”
ท่านชายเอ่ยถามด้วยเสียงหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยความเสน่หาพร้อมกับจับแก่นกายนวดวนรอบ ๆ รูจีบสีอ่อนที่ตอนนี้ชุ่มแฉะไปด้วยน้ำหล่อลื่นสีขุ่นและน้ำมันมะกอกกลิ่นหอมหวาน พุดพยักหน้ารับ แม้น้ำตาเอ่อคลอชื้นดวงตาคู่สวย แต่แววตากลับมีประกายแห่งความมั่นคง
“พี่ขอเข้าไปนะ...”
พลันพูดจบ ท่านชายก็คอย ๆ จับท่อนเอ็นกดเข้าไปในรูจีบสีระเรื่อของคนรัก
“อ๊ะ!...จะ..เจ็บ”
พุดกล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเริ่มไหลอาบแก้มในขณะที่ท่านชายจับท่อนเอ็นยัดไปได้แค่ส่วนหัว
“ทนได้หรือไม่? คนดีของพี่”
ท่านชายหยุดการเคลื่อนไหวทางด้านล่าง ค่อย ๆ โน้มตัวลงไปพรมจูบที่เปลือกตาเพื่อเป็นการปลอบโยนคนรัก และเลื่อนลงไปโลมเลียยอดตุ่มไตสีหวานจนพุดเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง
“พะ...พุดทนได้ เอาเข้ามาอีก...”
สิ้นคำบอกกล่าว ท่านชายหลับตาขบกรามแน่นเพราะคำพูดของพุดกระตุ้นกำหนัดของเขาให้ปะทุมากขึ้นจนปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย หากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพุด เขาคงจะจับคนน้องกระแทกแรง ๆ ให้หนำใจ แต่เพราะกลัวน้องจะเจ็บจนเข็ดขยาดจึงค่อย ๆ ดันแก่นกายตัวเองเข้าไปทีละนิด ๆ
“อืมมม....”
ท่านชายครางเสียงต่ำเพราะความเสียวจากการตอดรัดของช่องทางด้านล่าง เขาเอาสองมือสอดประสานไปที่ใต้เอวคนตัวเล็ก ค่อย ๆ ดันตัวเองเข้าไป พุดตัวเกร็ง มือจิกผ้าห่มแน่นพร้อมหลับตาปี๋
“เจ้าผ่อนคลายให้พี่หน่อยได้หรือไม่ อย่าเกร็ง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเจ็บมาก”
ท่านชายก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของพุดพร้อมกับขบเม้มที่ติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอเพื่อที่จะให้น้องผ่อนคลายลงอีก และในที่สุดก็ดันเข้าจนไปมิดลำ
“อาส์...”
“อ๊า...!”
เสียงครางสอดประสานกันของสองร่าง คนหนึ่งครางเสียงต่ำเพราะความเสียวซ่านแต่อีกคนครางเสียงหลงเพราะความเจ็บแปลบ คนด้านบนแช่แก่นกายทิ้งไว้แบบนั้นโดยยังไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาก้มลงไปประทับทับริมฝีปากพร้อมกับกระหวัดเรียวลิ้นควานหาน้ำหวานจากปากนุ่มจนคนใต้ร่างต้องแลกลิ้นตอบกลับด้วยความเร่าร้อน ทำให้ความเจ็บเมื่อสักครู่คลายลงไปมาก เพียงแต่ยังรู้สึกจุกและคับแน่น ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกแปลกใหม่จนยากที่จะพรรณนา ท่านชายเลื่อนนิ้วลงไปสะกิดเม็ดทับทิมสีอ่อนบนเนินอกของพุดที่ตอนนี้กำลังชูชันสู้มือ โดยที่ช่วงล่างค่อย ๆ บดเอวควงคว้านเป็นวงกลมเพิ่มความเสียวกระสันให้กับพุดเป็นอย่างมาก
“อ๊า... ขะ...ขยับมัน...มากกว่านี้...ได้หรือไม่”
เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยสั่งคนด้านบนทำให้ดูเย้ายวนขึ้นมาอีกหลายเท่าในสายตาท่านชาย และมีหรือที่เขาจะขัดใจ เขารอฟังคำนี้มานานแล้ว คนรับคำสั่งค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าออกช้า ๆ
“อาส์...”
ท่านชายถึงกับร้องครางเสียงดังขึ้นด้วยความเสียดเสียวเพราะถูกตอดรัดแน่นจากโพรงอ่อนนุ่มของคนใต้ร่าง
“คนดีของพี่ เจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?”
“ไม่...ไม่ค่อยเจ็บแล้ว..”
พุดตอบด้วยความเขินอายปนวาบหวาม ใบหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวเห่อร้อนราวกับคนเป็นไข้สูง แต่คำตอบของพุดทำให้ท่านชายได้ใจ ออกแรงกระแทกด้วยความหนักหน่วงยิ่งขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อด้วยความถี่รัวพร้อมกับความฉ่ำแฉะของน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมามากมายดังสนั่นไปทั่วห้อง
“อ๊ะ...ทะ...ท่านพี่ ระ...เร็วไปแล้ว ช้าลงอีกนิดได้หรือไม่”
“ต้องขอโทษเจ้า พี่หยุดไม่ได้แล้ว ข้างในของเจ้าตอดรัดพี่แน่นเหลือเกิน...”
ท่านชายกระแทกเอวด้วยความเร็วแบบไม่ลดละใส่คนด้านล่าง จุดเสียวของพุดถูกกระแทกซ้ำ ๆ แม้พุดจะบอกให้เขาลดความเร็วลง แต่กลับเด้งสะโพกรับ ตอบสนองทุกการกระแทกอย่างรู้จังหวะ เสียงครางสอดประสานดังไปทั่วห้องเช่นนี้ หากใครผ่านหน้าห้องมาในเวลานี้ต้องได้ยินเป็นแน่ แต่ค่ำคืนนี้ในวังไม่มีใครอยู่ บ่าวไพร่ก็นอนหลับที่เรือนตัวเองกันหมด ทั้งสองคนจึงไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ ท่านชายหยุดกระแทกด้วยความถี่รัว ค่อย ๆ ดึงแก่นกายออกมาจนเกือบหลุดออก ทำเอาพุดงุนงง แต่สักพักก็กระแทกกลับเข้ามามิดลำจนไปโดนจุดที่เสียวที่สุดภายในโพรงสวาท
“อ๊า....”
“เป็นอย่างไร เจ้าชอบหรือไม่ หืม?”
“มัน...เข้ามาลึกมากเลย พุดเสียวมาก”
คำพูดของพุดกระตุ้นกำหนัดของท่านชายจนใกล้ถึงขีดสุด เขาก้มลงไปบดขยี้ริมฝีปากและดูดดึงเรียวลิ้นคนด้านล่างอย่างหิวกระหาย พร้อมกับบดแก่นกายเข้าออกลึก ๆ อีก 3-4 ครั้งก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เขาจับขาข้างขวาของพุดขึ้นมาพาดที่บ่าและช้อนก้นขึ้นมาแนบชิดหัวหน่าวของตัวเองพร้อมกับกระแทกเอวด้วยความเร็ว มือข้างขวาบีบก้นนิ่มด้วยความเมามัน มือข้างซ้ายเอื้อมไปบีบขยี้ที่ยอดหน้าอกของพุดจนเจ้าตัวเสียวจนถึงขีดสุดที่โดนรุกล้ำทั้งบนและล่าง
“อ๊า.....พุดจะไม่ไหวแล้ว”
ร่างบางเกร็งกระตุกพร้อมกับพ่นน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มหน้าท้องคนด้านบน ส่งผลให้ไฟราคะของคนด้านบนพุ่งทะยานไปจนถึงจุดสูงสุด ท่านชายเร่งจังหวะกระแทกรัวเร็วขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“อ๊ะ...อาส์...”
น้ำสีขาวข้นเหนียวพ่นใส่เข้าไปในโพรงร้อนจนล้นออกมาด้านนอก ท่านชายกระแทกช้า ๆ อีก 2-3 ที ก่อนจะนอนทับทาบกอดคนตัวเล็กด้วยความเหนื่อยหอบโดยที่ไม่ได้ถอนแก่นกายออกมา ตอนนี้ทั้ง 2 คนนอนกอดกันโดยไม่พูดสิ่งใด มีเพียงเสียงลมหายใจที่เหมือนผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักกำลังสอดประสานเสียงกันภายในห้อง...
พุดผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ข้างสนามรักครั้งนี้กำลังยืนหน้าแดง เหงื่อออกท่วมตัว คิดในใจว่าความฝันครั้งนี้มันแฟนตาซีเกินไปไหม แล้วเมื่อไหร่เขาจะตื่นเสียที
“อีกไม่นานเจ้าก็จะตื่นแล้ว”
ท่านชายคนข้าง ๆ ตอบกลับความคิดของพุดด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่เจือไปด้วยรอยยิ้ม พุดรู้สึกว่ากำลังถูกกวนประสาทอยู่ เพราะไม่ว่าจะคิดอะไร อีกฝ่ายก็รู้ตลอด แถมยังพาเขามาดูเหตุการณ์แฟนตาซีแบบนี้อีก
“เออ...ลืมไปว่าได้ยินความคิด ชิ!!!”
ท่านชายส่ายหัว ยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความหวัง
“เจ้าพอจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้างหรือไม่?”
“คือ...มันก็เหมือนมีความทรงจำบางอย่างที่คุ้นเคย แต่เอาตรง ๆ นะท่านชาย ผมแยกไม่ออก นี่คือความฝัน มันก็อาจจะเป็นเรื่องราวที่ผมเคยฝัน ก็อาจจะทำให้รู้สึกคุ้น ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นไปได้”
หลังพุดกล่าวจบ ก็ปรากฏเป็นแสงสีขาวสว่างจ้า
“พี่ต้องไปแล้ว...หากเจอกันนอกนิมิต เจ้าอย่ากลัวพี่ จำคำพี่ไว้ พี่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า อย่าได้กลัวพี่...”
“เฮือก!!!”
พุดสะดุ้งขึ้นมาจากความฝัน เหงื่อไหลท่วมตัว มองซ้ายมองขวาเห็นทุกสิ่งอยู่ในความเงียบสงบ เขาเริ่มรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความฝันธรรมดาเสียแล้ว เพียงแต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ บางทีเขาอาจจะต้องไปพบจิตแพทย์จริง ๆ
11:30 น. ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
“หมอว่าไงบ้างแก”
ใบหยกเอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่พุดหายเข้าไปในห้องตรวจแผนกจิตเวชอยู่นานสองนาน
“หมอบอกว่าเราน่าจะเครียดและเหนื่อยล้ามากเกินไป ร่างกายเลยต้องการผ่อนคลายด้วยการฝันน่ะ”
“เห็นมั้ย เราบอกแล้วว่าแกคิดมาก”
“ขอโทษทีนะหยก วันหยุดทั้งทีเราก็ลากแกมาโรงพยาบาลเฉยเลย แทนที่แกจะได้ไปเดทกับแฟน”
“ขอโทษอะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง แฟนน่ะเจอกันแทบทุกวันไม่เป็นไรหรอก ดีซะอีกวันนี้เราจะได้มีเวลาเม้าท์มอยกันไง ปะ ไปหาไรกินที่ห้างกัน แล้วแกก็ต้องเล่าให้เราฟังด้วยว่าฝันอะไรถึงกังวลขนาดต้องมาหาหมอจิตฯ เนี่ย”
“โอเค งั้นกินไรกันดีอะ...”
สองเพื่อนซี้เม้าท์มอยกันตั้งแต่โรงพยาบาลจนถึงร้านชาบูในห้างสรรพสินค้ายอดฮิตแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงฯ พุดเล่าความฝันทุกอย่างให้หยกฟัง
“กรี๊ดดดดดด แก!!! ฝันแซ่บเวอร์”
“แก หยุดเลย เราอายนะเนี่ย ฝันบ้าบออะไรขนาดนั้น แล้วมันโคตรเหมือนจริงอ่ะ เหมือนจะเคยเห็นเขาก่อนหน้าฝันเมื่อคืน แต่ก็เหมือนจะเป็นแค่ความฝัน”
“ฝันซ้อนฝันป่าว แต่เราว่ามันก็ปกตินะ เราก็ยังเคยฝันเหมือนจริงบ่อย ๆ ว่าแต่ชายในฝันของแกอะ...หล่อปะ”
ใบหยกถามเพื่อนแกมหยอกล้อ เพราะฝันที่พุดเล่าให้ฟังนั้นน่าสนุกมาก เลยมีอารมณ์ตื่นเต้นไปกับเพื่อนด้วย
“อ่า...ก็...หล่อ หล่อมากเลยแหละ”
“เหยยยย แค่นี้ก็กำไรแล้วปะ อย่าไปคิดเยอะ มันแค่ความฝัน ได้เห็นหนุ่มหล่อ ๆ ในฝันยังดีกว่าฝันเห็นเจ้านายมาตามทวงงานแบบเรา โคตรหลอนเลยอะ”
ทั้งสองคนนั่งคุยกันด้วยความสนุกสนาน การได้ระบายกับใบหยกทำให้พุดคลายความอึดอัดลงไปได้มาก ใบหยกคือเพื่อนที่พุดไว้ใจมากที่สุด พุดจึงกล้าเล่าความฝันที่น่าอายแบบนั้นให้ฟัง การฝันเห็นผู้ชายสองคนมีเซ็กซ์กันถ้าไปเล่าให้คนโลกแคบฟังคงไม่พ้นหาว่าพุดโรคจิตเป็นแน่ แต่ทั้งใบหยกและพุดเป็นคนที่เปิดกว้างเรื่องเพศ มีทัศนคติที่เข้าใจความแตกต่างเหมือนกันถึงกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันได้ พุดเองก็เคยมีแฟนมาทั้งผู้ชายและผู้หญิงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่คบกันแค่ผิวเผินก็ต้องเลิกกันเพราะพุดไม่มีเวลาจะสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร วันไหนไม่มีเรียนก็ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ซึ่งใบหยกก็อยู่ทุกช่วงเวลาของพุด และจะคอยปลอบใจเพื่อนเสมอ...
ภายในห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟแต่ยังคงมีแสงสลัวพอให้บรรยากาศโดยรอบไม่มืดสนิท พุดยังคงนอนคิดทบทวนถึงความฝันสุดแฟนตาซีของตนอยู่ แม้จะคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ในใจก็ยังไม่สามารถปล่อยวางได้หมด
“คืนนี้จะฝันอีกมั้ยนะ...”
ความง่วงเข้าครอบงำจนทำให้พุดหลับไปในที่สุด หลังเสียงลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ ร่างสูงของวิญญาณท่านชายปกรณพัฒน์ก็ปรากฏตัว
“วันนี้เจ้าพักให้สบายเถิด เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน พี่ไม่อยากเร่งรัดมากเกินไปจนทำให้เจ้าไม่สบาย”
กล่าวจบ ท่านชายหนุ่มก็ขึ้นไปช้อนโอบกอดร่างเล็กจากทางด้านหลังพร้อมกับซบใบหน้าลงไปที่ไหล่บางเพื่อนอนเคียงข้าง คนหลับใหลขยับตัวเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่หาได้รู้สึกตัว ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้พุดนอนหลับสบายยันเช้า
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด