“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”
พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”
“ได้ครับพี่แม็ค”
พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
ก๊อกๆๆๆ
“เชิญครับ...”
ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่
“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”
“เอามาให้พี่”
บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป
“เอ่อ...น้องพุด”
“ครับ...”
“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”
“คะ...ครับ?”
“มานี่ ๆ”
บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว
“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”
คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอ่อ...ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร...มานี่ ใกล้อีก เดี๋ยวไม่เห็น”
บดินทร์โอบตัวพุดให้มาแนบประชิดตัวเองมากขึ้นจนพุดเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ๆ อีกแล้ว
“นี่ไง ตรงนี้ผิด”
“เอ่อ...พอดีผมไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ ถ้าไงเดี๋ยวผมบอกพี่แม็คให้นะครับ”
“อ้าวเหรอ โอเค ๆ อืม...น้องพุดตัวหอมจัง...”
“คะ...ครับ?”
“อ๋อ...พี่จะถามว่าใช้น้ำหอมอะไร หอมดี เผื่อจะซื้อมาใช้มั่ง”
“อ่า...ผมไม่ได้ใช้น้ำหอมครับ น่าจะกลิ่นครีมอาบน้ำมั้งครับ”
“เหรอ...อืม...แต่หอมจริง ๆ นะ”
บดินทร์โน้มหน้าไปสูดดมใกล้ ๆ คอขาวเนียน แล้วทำเหมือนเป็นเรื่องปกติทั้ง ๆ ที่มันไม่ปกติสักนิดในความคิดของพุด
“เอ่อ...เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมบอกพี่แม็คเรื่องเอกสารให้นะครับ”
พุดรีบลุกขึ้นและรีบขอตัวออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แปลก ๆ ตรงหน้า บดินทร์แอบยิ้มร้าย รู้สึกสนุกที่พุดไม่ได้ง่ายเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ตลอดช่วงบ่าย พุดทำงานหัวหมุนเพราะโดนใช้ให้ส่งเอกสารข้ามแผนก รวมถึงตามเก็บงานที่พวกรุ่นพี่ทำไว้ไม่ละเอียด จนลืมเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน
“ทุกคนนนนน เย็นนี้คุณดินจะพาไปเลี้ยง”
“เฮ้ยยย จริงดิ”
“ลาภปากแล้วโว้ย”
เสียงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นของพนักงานรุ่นพี่ได้ยินมาถึงพุด เขาครุ่นคิดในใจว่าแล้วเขาจำเป็นต้องไปไหม ถ้าไม่ไปจะเป็นอะไรไหม? เพราะตอนนี้เขาอยากกลับบ้านพักผ่อนมากกว่า
“น้องพุด ไปด้วยกันนะ”
“เอ่อ...”
“น้องพุดต้องไปอยู่แล้วสิ คุณดินตั้งใจเลี้ยงต้อนรับน้องพนักงานใหม่เลยนะ”
รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาแบบนี้พุดก็รู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่าไม่สามารถปฏิเสธได้
“คะ...ครับ ไปก็ไปครับ...”
“เยี่ยม!!! ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ณ ห้อง VIP ภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่ง กลุ่มพนักงาน นั่งสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน โดยมีบดินทร์นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ
“กินให้เต็มที่เลยนะ ใครไม่เมาผมไม่ยอมนะ”
“จัดไปครับบอส นาน ๆ จะลาภปากที ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
บดินทร์สนทนาอย่างเป็นกันเองกับพวกพนักงานโดยที่สายตาเหลือบมองพุดอยู่ตลอดเวลา เห็นพุดนั่งเกร็ง ๆ ไม่ยอมแตะแอลกอฮอล์เลยจึงเอ่ยถามออกไป
“น้องพุดไม่สนุกเหรอ?”
“เปล่าครับ สนุกครับ”
พุดตอบออกไปพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ก็แหงล่ะ เขาโกหก ไม่สนุกเลยสักนิด แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงว่าไม่สนุก เขายังไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ หรอกนะ
“น้องพุดดื่มไม่เป็นเหรอครับ?”
“อ๋อ...คอไม่ค่อยแข็งน่ะครับ”
คำตอบของพุดทำบดินทร์ลอบยิ้มมุมปาก กำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ.........
“สักหน่อยนะครับ มากินเลี้ยงทั้งที ถือว่าให้เกียรติพี่ ๆ เค้าด้วย”
บดินทร์พูดพลางมองไปทางพนักงานคนอื่น ๆ ที่นั่งก๊งเหล้ากันอย่างสนุกสนาน
“เฮ้ย...มันต้องสักหน่อยแล้ว ไม่งั้นถือว่าไม่เห็นพวกพี่ในสายตานะ”
พนักงานคนอื่นพูดสมทบขึ้นมา เพราะยิ่งเห็นคนไม่อยากดื่มเหล้า คนพวกนี้ยิ่งสนุกที่ได้บังคับ
“อ่า...ก็ได้ครับ”
พุดยอมจำใจยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพราะขี้เกียจทำตัวมีปัญหา
“อะไรกันน้องพุด จิบแค่นี้เนี่ยนะ มันต้องหมดแก้วแล้วมั้ย มาๆๆๆ เอ้าชน!!!”
พนักงานทุกคนลุกขึ้นมาชนแก้วกัน พุดจึงต้องชนตอบเป็นมารยาท และต้องฝืนกระดกจนหมดแก้วเพราะเสียงเชียร์จากรุ่นพี่ที่กดดันมา โดยที่เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของบดินทร์
“เอ้าหมดแก้วๆๆๆ”
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้พุดรู้สึกว่าจะเริ่มประคองสติตัวเองไม่ไหว และคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้วจึงเอ่ยขอตัวกลับและออกมายืนรอแท็กซี่อยู่หน้าร้าน ในขณะที่กำลังกดเรียกแท็กซี่คันใหม่เพราะคันก่อนหน้าที่จองไว้ยกเลิกไป
“น้องพุดโอเคมั้ยครับ”
“อ้าว พี่ดิน จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอครับ”
“อืม...จะกลับแล้ว มา...พี่ไปส่งดีกว่า”
บดินทร์พูดจบก็เข้าไปประคองพุดที่ยืนโงนเงนอยู่
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเรียกแท็กซี่เอาดีกว่า”
“ห้ามปฏิเสธ เมาขนาดนี้มันอันตราย ให้พี่ไปส่งแหละดีแล้ว”
“เอ่อ...ครับ”
พุดตอบรับน้ำใจของบดินทร์ไปเพราะตอนนี้รู้สึกว่าแค่ยืนก็ยังจะไม่ไหว มีคนไปส่งก็คงจะดีกว่า...
รถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าบ้าน ครั้งนี้บดินทร์ถือวิสาสะประคองพุดเข้าบ้านโดยที่พุดไม่ได้ปฏิเสธเพราะสติสัมปชัญญะเริ่มเหลือน้อยลงทุกที บดินทร์ประคองพุดมานอนที่โซฟา
“ขอบคุณมาก ๆ ครับที่มาส่ง กลับดี ๆ นะครับ”
พุดกล่าวขอบคุณด้วยเสียงแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรงเพราะมึนเมาจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้ แต่มันกลับเป็นภาพที่ทำให้บดินทร์เริ่มคุมสัญชาตญาณตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
“จะรีบไล่พี่ไปไหนล่ะ เราน่าจะไม่ไหวนะ ให้พี่ช่วยดีกว่า”
หลังกล่าวจบ บดินทร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ กายพุด และเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของพุดออกทีละเม็ด ๆ
“พี่ดินจะทำอะไรครับ?!”
พุดเอามือปัดป้องไม่ให้อีกฝ่ายแกะกระดุมเสื้อตัวเอง
“พี่เหรอ? ไม่ได้จะทำอะไร แค่จะช่วยดูแลเราน่ะ”
การกระทำของบดินทร์ทำให้พุดเริ่มได้สติ พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น
“อ่า...ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณมาก ๆ ครับ เดี๋ยวพุดจะขึ้นไปอาบน้ำนอนแล้วครับ”
พุดเอ่ยปฏิเสธแบบมีมารยาท แต่มือของเจ้านายหนุ่มยังไม่หยุดแกะกระดุมเสื้อของเขา แถมเริ่มลูบไล่สัมผัสที่แผงอกนุ่ม
“ผิวเนียนจังเลยนะครับ”
บดินทร์เอ่ยออกมาด้วยแววตาลุ่มหลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป ตอนนี้พุดรู้แล้วว่าเขากำลังจะเจอกับอะไร
“พี่หยุดเถอะครับ ผมไม่ชอบแบบนี้ครับ”
“แต่พี่ชอบเรานะ ไหนๆ เราก็ไม่มีแฟน ลองเปิดใจให้พี่ดูมั้ย?”
“อะ...อะไรนะครับ? พี่อย่าล้อเล่นแรงแบบนี้เลยครับ”
“พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่ชอบเราจริง ๆ เปิดใจให้พี่นะ พี่จะทำให้เรามีความสุข”
“พี่ครับ ผมไม่ได้...อ๊ะ!!!”
พุดจะเอ่ยปฏิเสธพร้อมกับพยายามลุกหนี แต่บดินทร์โถมตัวเองลงไปทาบทับและกดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ทำให้ขยับตัวลำบาก
“อย่าปฏิเสธสิ พี่เห็นนะว่าวันนี้เราถูกเพื่อนในออฟฟิศแกล้งน่ะ มาเป็นเด็กของพี่ รับรองว่าจะไม่มีใครแกล้งเราได้ แล้วน้องพุดอยากได้อะไรพี่ให้ได้ทุกอย่าง”
“พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่”
“ยังไม่ได้ลองเลย แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ กลัวแต่ได้ลองแล้วจะติดใจนะครับ”
บดินทร์กล่าวด้วยแววตาหื่นกระหาย พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปไซ้ซอกคอขาวของคนใต้ร่าง
“อืม...หอมจัง”
“หยุดนะ ไม่เอา อย่าทำกับผมแบบนี้!!!”
พุดพยายามดิ้นขัดขืนสุดชีวิต ทั้งผลักทั้งถีบ จนบดินทร์ทนไม่ไหวชกไปที่ส่วนท้องของพุด
“อ๊ะ!!!”
พุดร้องออกมาได้ไม่ดังมากเพราะความจุก แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถออกแรงต้านทานได้อีก
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วน้องจะไม่เจ็บ อย่าพยายามขัดขืนเลย ยังไงคืนนี้น้องก็หนีพี่ไม่รอดหรอก”
“ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยที...”
พุดได้แต่คิดในใจ ไม่มีแรงแม้จะเปล่งเสียงออกมา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเพราะรู้สึกขยะแขยงบดินทร์สุดชีวิต
“ผิวเนียน ๆ นุ่ม ๆ แบบนี้พี่จะทำรอยไว้ให้ทั่วตัวเลยนะครับ”
บดินทร์พูดพลางค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อของพุดออกทีละเม็ด ๆ จนเผยให้เห็นยอดเนินอกสีหวาน
“โคตรน่ากินเลย”
ไม่เพียงแค่พูด บดินทร์ค่อย ๆ โน้มตัวลงหวังจะเอาลิ้นสัมผัสกับยอดเนินอกของคนใต้ร่าง
“โอ๊ย!!!”
บดินทร์หน้าหงายเหมือนมีใครมากระชากผมอย่างรุนแรง
“เหี้ยไรวะเนี่ย?!!” เขาหันซ้ายหันขวาและมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนกและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มึงมองหากูหรือ ไอ้ชาติชั่ว!!!”
“เฮ้ยยยยยย!!!”
เสียงดุดันก้องกังวานโผล่มาพร้อมกับใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งอาบไปด้วยเลือดแดงฉานและเนื้อที่เปื่อยยุ่ย เบ้าตาลึกโบ๋ ดวงตาถลนออกมาห้อยต่องแต่งอยู่ด้านนอกซึ่งขณะนี้อยู่ใกล้กับหน้าของบดินทร์จนแทบจะประชิดกัน กลิ่นเหม็นเน่าปะทะเข้ากับจมูกของเขาเต็ม ๆ ทำให้บดินทร์ตกใจกลัวสุดขีด กรีดร้องโหยหวนวิ่งเผ่นแน่บออกจากบ้านและสตาร์ทรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
ภายในบ้าน ทุกสิ่งอยู่ในความเงียบอยู่ครู่ใหญ่ สองคน...ไม่สิ 1 คน กับ 1 ตน กำลังนั่งสบตากันโดยที่ฝ่ายที่เป็นคนมีอาการสั่นเล็กน้อย
“ขะ...ขอบคุณ”
พุดเริ่มมีแรงค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตนมั่นใจแล้วว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนแน่ ๆ ยังดีที่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับมาหล่อเหลาแบบเดิมแล้ว ไม่งั้นพุดคงไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง ใช่แล้ว พุดจำเขาได้แม่นเลย ท่านชายปกรณ์ณพัฒน์ที่อยู่ในความฝัน
“เจ้าไม่กลัวพี่แล้วหรือ?”
ราชนิกูลหนุ่มเอียงคอถามกลับปนรอยยิ้มเล็กน้อยที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ตอนนี้พุดเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าในคืนที่พุดเจอหน้าเขาครั้งแรกแล้วกลัวจนสลบไปนั้นไม่ใช่ความฝัน
“ก็...นิดนึง แต่คุณ เอ่อ...ท่านชายมาช่วยผมไว้ ก็แปลว่าปะ...เป็นผีดี...ใช่มั้ย? แล้วอีกอย่าง...ฝ่าบาทเป็นคนบอกเองว่าจะไม่มีวันทำร้ายผม”
“จำคำพี่ไว้ พี่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า อย่าได้กลัวพี่...”
เสียงนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของพุด เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เชื่อถือในคำพูดนี้นัก เลยทำให้การปรากฏตัวของท่านชายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พุดกลัวดังเช่นวันแรกที่ได้เจอ กลับรู้สึกว่าวิญญาณตนนี้น่ากลัวน้อยกว่ามนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าของเขาที่เผ่นออกไปเมื่อสักครู่เสียอีก
“ดีสิ...ดีมากด้วย”
ไม่พูดเปล่า เขาค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ ทำให้พุดถดถอยตัวเองร่นไปชิดขอบโซฟา
“ดี...แต่เล่นเอาเจ้านายผมฉี่ราดเลยนะครับ”
พุดพูดพลางยิ้มแห้ง ๆ พยักหน้าไปตรงพื้นไม้ที่ตอนนี้มีร่องรอยปัสสาวะเรี่ยราดเป็นทางยาวไปยันหน้าประตู
“ปกติพี่ไม่หลอกผู้ใดแบบนี้หรอก มันเสียพลังวิญญาณ เสียบุญกุศลที่สั่งสมมาไม่น้อย แต่ไอ้ชาติชั่วนั่นมันบังอาจมาทำร้ายเจ้า พี่หลอกมันแค่นี้ก็นับว่าเมตตามากแล้ว”
“เอ่อ...”
พุดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ การปรากฏตัวของวิญญาณราชนิกูลหนุ่มทำให้เขามีคำถามมากมายในหัว แต่เรียบเรียงไม่ถูกว่าจะเริ่มถามอะไรก่อนดี“พี่คือเจ้าของเรือนหลังนี้”
วิญญาณหนุ่มรู้ใจคนตรงหน้า จึงเริ่มเล่าประวัติของตนอย่างละเอียด ส่วนพุดพยักหน้ารับหงึก ๆ พยายามตั้งใจฟัง
“แล้ววังในความฝัน?”
“ที่นั่นคือวังรัชนีพงษ์ เป็นวังของเสด็จพ่อ ส่วนเรือนหลังนี้ พี่หมายถึงบ้านหลังนี้คือเรือนหอของเรา”
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านทรงไทยกึ่งยุโรปที่คุ้นตา“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผม ผมเรียนจบแล้วนะครับ”ณภัทรยืนยิ้มคุยกับกรอบรูป 2 ใบ ที่บุคคลในรูปหนึ่งมีใบหน้าเหมือนตนเองอย่างกับแกะกับอีกรูปที่เป็นภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งตั้งเคียงคู่กัน ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทุก ๆวันณภัทรจะมาคุยกับบุคคลในรูปนี้เสมอ แม้จะไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณย่าที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว และถึงแม้ว่าเพื่อน ๆ ที่เคยมาบ้านต่างกลัวรูปทั้งสอง เพราะถูกตั้งไว้บนแท่นไม้ที่มีกระถางธูปตั้งอยู่ตรงกลางประหนึ่งหิ้งบูชารูปบรรพบุรุษ แถมคนในรูปยังหน้าเหมือนกับณภัทรอย่างกับคนเดียวกัน ใครเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกเป็นธรรมดา แต่ณภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับรูปตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูกปิ๊งป่อง...เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ณภัทรเดินออกไปดูว่าใครมากดเล่น หรือมีคนมาหาเขาจริง ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหา จะมีก็แต่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเคยมา 1 ครั้งเพราะจำเป็นต้องมาทำงานกลุ่ม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากมาอีกเลยเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้วังเวงเกินไปประตูหน้าบ้านค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าแขกผู้มาเยือน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไ
ณ บ้านสวนหลังใหญ่ ชานเมืองเชียงใหม่ ตัวบ้านถูกล้อมรอบไปด้วยสวนกุหลาบพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ แม้จะสร้างจากไม้ทั้งหลัง แต่ก็ดูทันสมัยสวยงามน่าอยู่และร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้บริเวณรอบ ๆ ตัวบ้าน รถแฟมิลี่คาร์สีดำยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดตรงประตูหน้าบ้าน เด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวัย 5 ขวบวิ่งลงจากรถเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส“คุณย่า!!! น้องภีมคิดถึงจังเลย”เด็กชายวิ่งไปหาผู้เป็นย่า พร้อมกับโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง“ไม่ต้องมาทำเป็นคิดถึงย่าเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวเพลินเลยนะเราน่ะ”“น้องภีมคิดถึงคุณย่าจริงๆ น้า เวลาน้องภีมกินขนมอร่อย ๆ ก็คิดถึงคุณย่า คุณย่าทำอร่อยกว่าตั้งเยอะ เวลาน้องภีมเที่ยวสวนสนุกก็คิดถึงคุณย่า อยากให้คุณย่ามาด้วยฮะ”“ประจบเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ แล้วพ่อกับแม่เราล่ะ”“คุณพ่อคุณแม่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถฮะ น้องภีมรีบเข้ามาหาคุณย่าก่อน เพราะคิดถึงม้ากมากกก”ใบหยกลูบหัวผู้เป็นหลานชายด้วยความเอ็นดู ผ่านไปหลายปี ตอนนี้เธอเป็นคุณย่าแล้ว มีหลานชายตัวน้อยน่ารัก 1 คน ชีวิตเธอตอนนี้มีความสุขที่สุด แม้ช่วงแรกที่เพื่อนรักจากไป เธอจะคิดถึงพุดอยู่ตลอดเวลา แต่หลานชายตัวน้อยทำให้เธออ
“ในที่สุดก็จะเสร็จสิ้นภารกิจเสียที” “คุณตาว่าอะไรนะครับ” “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกไอ้หนู แต่ตาว่าไม่ต้องทำสัญญาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาโอนบ้านเลยแล้วกัน” “ห๊า....คุณตาว่าอะไรนะครับ” “ตาบอกว่าช่วยเซ็นรับบ้านหลังนี้ไปทีนะ ตาจะโอนให้” ขณะที่พุดกำลังงุนงงกับคำพูดของคุณตาเจ้าของบ้าน วิญญาณของท่านชายก็มากระซิบข้างหูพุด “รับไว้เถิด มันเป็นของเจ้า” โดยที่มีเพียงพุดที่ได้ยิน “ตาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของหนู ช่วยเซ็นรับเพื่อให้ตาได้ปลดภาระอันยาวนานนี้เสียทีเถอะนะ” จากวันนั้นพุดก็ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แบบเต็มตัว และพุดมาเข้าใจแจ่มแจ้งทีหลังว่าท่านชายรู้อยู่แล้วว่าคุณตาเจ้าของบ้านมีหน้าตาเหมือนกับเสด็จพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือพระองค์เจ้าพงษ์จักรพรรณมาเกิดใหม่เป็นรุ่นลูกหลานของตระกูลรัชนีพงษ์ แต่ที่ไม่ได้เล่าให้พุดฟัง เพราะมันคือวิบากกรรมที่เสด็จพ่อของเขาได้ผูกไว้กับพุด ซึ่งท่านจะต้องแก้ไขกับพุดเองตามโชคชะตาและวาสนานำพา ส่วนตัวท่านชายกับเสด็จพ่อ ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว เพราะเสด็จพ่
เช้าวันต่อมา...พุดนอนซม ไข้ขึ้นสูงจากสงครามรักเมื่อคืน พอรู้ว่าเพื่อนรักป่วย ใบหยกจึงรีบบึ่งรถมาหาแต่ก็พบว่าพุดเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยและไข้ค่อย ๆ ลดลงแล้ว เลยได้แต่ป้อนโจ๊กให้ ใบหยกคิดว่าพุดคงจะเครียดเรื่องงานเมื่อวานเลยทำให้ป่วย“แกบอกมีเรื่องจะบอกเราไม่ใช่เหรอหยก?”“ตอนแรกก็มี แต่พอเห็นแกป่วยแบบนี้ เอาไว้ให้แกหายก่อนดีกว่า”“เฮ้ย...ไม่เป็นไร แค่เป็นไข้นิดหน่อยเอง เหลามาเลยนะ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป” พุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แกล้งข่มขู่เพื่อนสาวแต่ทว่าก็อยากรู้จริง ๆ“คือ...ไอ้เจ้านายเก่าแกมันใช้เส้นสายและตำแหน่งหน้าที่ร่อนอีเมลไปตามบริษัทต่าง ๆ บอกว่าแกคือบุคคลอันตราย ถูกไล่ออกเพราะทำร้ายร่างกายเจ้านายอะ เราว่า...แกน่าจะหางานยากแล้ว”“อืม...เราคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”“ยังคิดไม่ออก”พุดสีหน้าหนักใจขึ้นมาจนใบหยกต้องรีบพูดปลอบเพื่อน“ไม่เป็นไร ๆ อย่าเพิ่งคิดมาก แกดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะ ๆ รอให้หายก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกัน มันต้องมีสักที่ที่ให้โอกาสคนดี ๆ มีความสามารถแบบแกสิ”“อื้ม!!!” พุดพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงหลังจากที่ใบห
“กลับมาแล้วหรือ?”ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ่ยถามพุดด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้พุดกลับบ้านค่อนข้างดึก“กลับ..มา...ล้าวววว”เสียงพูดยานคางของพุดทำให้ท่านชายรู้ว่าพุดดื่มแอลกอฮอลล์มา จึงเดินไปประคองพุดให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับห้าผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้“เมาหรือ?”ท่านชายถามพลางเช็ดหน้าให้พุดไปพลาง“ไม่มาววว แต่ไม่เหมือนเดิมมมม”พุดพูดยานคางพร้อมกับส่ายหัวไปมา ท่าทางทะเล้นของพุดทำให้ท่านชายปรกณ์ณพัฒน์เอ็นดูแกมหมั่นไส้ เลยเอานิ้วดีดหน้าผากพุดไปหนึ่งที“งึ!!!..ท่านพี่อะ ดีดหน้าผากพุดทำไม”พุดหน้ามุ่ยเอามือลูบหน้าผากตัวเอง“เจ้าหิวหรือไม่? กินอะไรมาหรือยัง?”เสียงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนทำให้ใจพุดอุ่นวาบ เพียงแค่คำถามเรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่พุดไม่เคยได้จากครอบครัวตัวเองเลย พอได้ฟังจากปากของท่านชาย น้ำตาก็พลันไหลออกมาอาบแก้ม“เจ้าร้องไห้ทำไม? คนดีของพี่ มีอะไรอัดอั้นตันใจก็ระบายให้พี่ฟังเถิด”ท่านชายเอ่ยถามพร้อมเอามือปาดน้ำตาของคนน้องออกด้วยความเบามือ พุดเอื้อมมือไปกุมมือของท่านชายพร้อมกับแนบแก้มของตัวเองรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเพราะเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจหลายเรื่องราวใน
เช้าวันต่อมา...พุดเดินมาทำงานด้วยใจที่เหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ท่านชายบอกเมื่อคืน‘มนุษย์กับวิญญาณ หากสมสู่กัน พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกินไปทีละนิด ส่งผลให้อายุขัยสั้นลงเรื่อย ๆ’เขากำลังคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะตอนนี้ความรู้สึกของพุดกับท่านชายพัฒน์นั้นลึกซึ้งเหมือนเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว ความโหยหาที่สั่งสมมาจากอดีตชาติทำให้เขาอยากสัมผัส อยากได้ไออุ่นจากท่านชายมากกว่านี้ ความทรมานจากความชิดใกล้แต่ก็เหมือนยังห่างไกลแบบนี้ ต่อไปมันจะดีหรือร้ายกันแน่‘เราหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าวะ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วมั้ย ไม่ต้องทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ เอาน่าอย่าไปคิดมาก มันเพิ่งเริ่มต้น ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข’“โอ๊ย!!!” พุดเดินชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง อีกแล้ว...“...”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่ามขนาดนี้จะไปทำงานอย่างอื่นได้ยังไง”เสียงตะคอกจากบดินทร์ทำเอาพุดงุนงงกับท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ควรโกรธมันควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ? ความจริงเขาคิดว่าวันนี้บดินทร์คงจะมาขอโทษเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ เมา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงความรู้สึกผิดบ้าง
ท่านชายพัฒน์จูงแขนพุดวาร์ปไปในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ท่านชายในนิมิตเรียนจบกลับมาและได้รับรู้ว่าพุดได้หนีเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะพุดเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือน ซึ่งเป็นจดหมายที่พุดได้เตรียมไว้ให้เสด็จพ่อของท่านชายเป็นคนส่งให้แทน เพื่อที่ท่านชายจะได้ตั้งใจเรียนจนจบโดยไม่มีเรื่องใดมากวนใจตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ท่านชายตามหาพุดในทุกที่ที่พุดจะสามารถไปได้ แต่ก็ไม่พบ ท่านชายกลายเป็นคนขี้เหล้า ไม่สุงสิงกับใครจนเสด็จพ่อทุกข์พระทัย พยายามหาหญิงสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมมาให้ทำความรู้จักเพื่อให้ท่านชายลืมพุดไปเสีย ท่านชายก็ไม่ไยดีหญิงใด จนเสด็จพ่อของท่านชายบังคับให้เสกสมรสกับคุณหญิงวิลาเพราะคิดว่าจะทำให้ท่านชายหายสำมะเลเทเมา ท่านชายจึงยิ่งตรอมใจหนักและล้มป่วยลงก่อนวันสมรสไม่กี่วัน ท่านชายกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่นานนับแรมปี แรก ๆ คุณหญิงวิลาก็ขยันมาเยี่ยม เพราะคิดว่าท่านชายจะหายป่วย แต่ยิ่งนานไปสภาพของท่านชายยิ่งแย่ลง จากใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา กลายเป็นหน้าตอบ ผอมแห้ง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คุณหญิงวิลาจึงค่อย ๆ ขาดการติดต่อไป ได้ข่า
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”“ใช่...พี่ปลูกเรือนหลังนี้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ หวังว่ากลับมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อพุดที่เรือนหลังนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต”“ท่านชายจะบอกว่าผมกับท่านชายเคยเป็นคนรักกัน?”พุดเอ่ยถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ใช่...ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าฝัน มันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน”คำตอบของท่านชายทำให้พุดหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์ที่ท่านชายกับคนชื่อพุดในฝันมีอะไรลึกซึ้งต่อกันแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉย ๆ ท่านชายรู้ทัน จึงก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ คนแก้มแดงจนจมูกแทบชนกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุดซ้อนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนจากวิญญาณผู้นี้ทำให้พุดรู้สึกคุ้นเคยแบบบอกไม่ถูก“เจ้ากำลังเขินอายหรือ?”“ปะ...ป่าว เอ่อ...แล้วทำไมท่านชายถึงยังอยู่ที่นี่...ผมหมายถึงทำไมไม่ไปเกิดใหม่อะไรแบบนี้?”พุดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้สึกสู้สายตาแวววาวกับรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าที่มองมาทางริมฝีปากของเขาไม่ได้ มันสั่นไหวแปลก ๆ“พี่จะไปไหนได้เยี่ยงไร ในเมื่อตลอดมาพี่รอที่จะพบเจ้าอีกครั้ง”คำตอบของท่านชายทำให้เสี้ยววินาทีหนึ่งพุดรู้สึกจี๊ดใน ใจ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ จนเขาไม่ทันสังเกตตัวเอง เขาคิดอยู่ค
“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”“ได้ครับพี่แม็ค”พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก๊อกๆๆๆ“เชิญครับ...”ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”“เอามาให้พี่”บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป“เอ่อ...น้องพุด”“ครับ...”“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”“คะ...ครับ?”“มานี่ ๆ”บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโด